ห้องตรวจตา...ชั้น 5 อาคารเฉลิมพระเกียรติ

Blogนี้ผมตั้งใจทำขึ้นเพื่อตอบแทนสดุดีนโยบายบัตรทองประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรคของรัฐบาลคุณทักษิณ ชินวัตร
จะรีบไปไหน...จะรีบไปไหน...รอโหลดซักกะเดี๋ยวซิครับ คลิก...นโยบาย"ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ"

* ขอขอบคุณที่ติดตามรับชมและช่วยประชาสัมพันธ์ลิงค์ http://eye009.blogspot.com/ ให้แพร่หลาย *
@ ปู้นนน...!!! คนเมืองใต้เจียงใหม่ของหมู่เฮาลงไปตางปู๊นนน..... * * * * * @ 2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย . . . ร่วมด้วยช่วยกันเผยแพร่สื่อสารถึง"คนเสื้อแดง"ทั่วไทยและทั่วโลก . . . ขอขอบพระคุณเจ้าของclipภาพถ่ายและบทความทุกๆท่านที่กรุณาเอื้อเฟื้อแบ่งปัน . . .น้ำใจซื้อขายไม่ได้ แต่น้ำใจให้กันได้...อิอิ


PlayListนี้ เริ่มต้นด้วย "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน" เรียงลำดับตั้งแต่ ตอนแรก ถึง ตอนปัจจุบัน ..ท้ายเพลย์ลิสท์เป็นคลิป "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร?" วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 - 16.00 น. ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) คลิปนี้..วิทยากร รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเริ่มนาที 0:14:24
คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...
หรือคลิกที่นี่.. @ AsiaUpdate "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน"

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

ความรู้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับส่วนต่างๆและระบบการทำงานของดวงตา, โรคตาต่างๆ และวิธีการดูแลรักษาดวงตาอย่างถูกต้องที่สามารถปฏิบัติตามในเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง... ขอขอบคุณ www.knowledge.com

วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

46 โรคจอประสาทตาเสื่อม...

วันนั้นวันพุธที่ 5 มกราคม 2554 คุณหมออุดมนัดผมเพื่อถ่ายภาพจอประสาทตา ในใบนัดไม่ให้ผมขับรถเองและให้ผมพาญาติไปด้วย เพราะหลังจากถ่ายภาพจอประสาทตา ดวงตาของผมจะมืดมองเห็นภาพไม่ชัดประมาณ 5 ถึง 6 ชั่วโมง

หลังจากถ่ายภาพจอประสาทตาของผมเสร็จ คุณหมออุดมพลิกแฟ้มประวัติการรักษาของผม เริ่มอ่านตั้งแต่แผ่นแรกจนถึงแผ่นสุดท้ายแล้วเขียนข้อความเพิ่มลงไป 2-3 บรรทัด แล้วเงยหน้ามองผมซึ่งเป็นคนไข้ลำดับสุดท้ายของวันนั้น

“จอประสาทตาทั้งสองข้างของคุณธนวุฒิดีเยี่ยม...ยังแจ๋ว”

ผมซักถามข้อสงสัยอีก 2-3 ข้อ และได้รับคำตอบคำอธิบายจนกระจ่าง

“อายุ 64 จอประสาทตาเยี่ยมอย่างนี้ อยู่ได้อีกนานครับ” คุณหมออุดมมองผมแล้วพูดยิ้มๆทิ้งท้ายเป็นนัยๆ “คนสุดท้ายของวันนี้...”

อิอิ...แล้วอีก 2-3 วันต่อมา ผมก็ได้รับทราบข่าวดีตำแหน่งใหม่ของคุณหมอ...

ผู้อำนวยการสถาบันพยาธิวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข




โรคจอประสาทตาเสื่อม...


จอประสาทตาอยู่ที่ไหน?

โดยทั่วไปจอประสาทตามักหมายถึง retina ส่วนจุดรับภาพหรือจุดศูนย์กลางรับภาพชัดจะหมายถึง macula ซึ่งอยู่ส่วนหลังของดวงตา ทำหน้าที่รับแสงและส่งออกไปยังสมองในรูปของสัญญาณไฟฟ้า ไปทางกระแสประสาท ทำให้เราเห็นภาพได้

โรคจอประสาทตาเสื่อมคืออะไร?

โรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคที่มีความผิดปกติ เกิดขึ้นในบริเวณจุดศูนย์กลางรับภาพของจอประสาทตา โรคนี้มักพบได้มากในผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป จึงเรียกว่า Age-related macular degeneration (AMD)

ในผู้ป่วยบางราย การเสื่อมของจอประสาทตา เกิดขึ้นอย่างช้าๆ จนผู้ป่วยอาจไม่ทันสังเกตเห็น ในขณะที่ บางรายอาจเกิดการเสื่อมของจอประสาทตาอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามโรคนี้จะทำให้สูญเสียการมองเห็นโดยเฉพาะภาพตรงกลาง แต่ผู้ที่เป็นจะยังสามารถมองเห็นทางด้านขอบข้างของภาพได้อยู่ เช่น มองเห็นคน แต่ส่วนของใบหน้าเบลอมองเห็น ไม่ชัด ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมนี้ยังคงสามารถ ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่อาจทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น อ่านหนังสือ เย็บผ้า ได้ลำบาก

โรคจอประสาทตาเสื่อมแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่

1. แบบแห้ง (Dry AMD) พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการเสื่อมสลายและบางลงของจุดศูนย์กลางรับภาพของจอประสาทตา (Macula) จากการเสื่อมตามอายุ (Aging) ทำให้เห็นเป็น ภาพเบลอ ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไป จอประสาทตาทำงานได้แย่ลง การมองเห็นก็อาจจะเสื่อมลงเรื่อยๆ

2. แบบเปียก (Wet AMD) สาเหตุเกิดจากการที่มีเส้นเลือดที่ผิดปกติงอกอยู่บริเวณใต้จอประสาทตา เส้นเลือดเหล่านี้แตกง่าย ทำให้เกิดเลือดและของเหลวที่อยู่ภายใน ไหลซึมออกมา ทำให้จุดกลางรับภาพบวม ผู้ที่เป็นจะเริ่มมองเห็นภาพตรงกลางบิดเบี้ยว ต่อมาอาจเกิดการทำลายของจอประสาทตาอย่างรวดเร็ว เมื่อเซลล์ประสาทตาตายผู้ป่วยจะสูญเสียการมองเห็น โรคจอประสาทตาเสื่อมชนิดนี้ทำให้ เกิดการสูญเสียการมองเห็น อย่าง รวดเร็ว และมีความรุนแรงมากกว่าแบบแห้ง (Dry AMD)

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

พบว่ามีหลายปัจจัยที่อาจทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ เช่น คนที่มีสายตาสั้นมากๆ หรือคนที่เป็นโรคติดเชื้อบางอย่าง แต่สาเหตุส่วนใหญ่แล้วมักพบในผู้สูงอายุ จึงทำให้เชื่อว่าเป็นกระบวนการเสื่อมสภาพของร่างกายหรือที่เรียกว่า aging เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร


ปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่มีอิทธิพลต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม (Aged related macula degeneration) ได้แก่

*อายุ จอประสาทตาเสื่อมพบได้บ่อยขึ้นในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป

*พันธุกรรม แพทย์แนะนำให้ผู้ที่มีประวัติครอบครัวหรือญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ เข้ารับการตรวจเช็คจอประสาทตาทุก 2 ปี

*เชื้อชาติและเพศ พบอุบัติการณ์ของโรคจอประสาทตาเสื่อมมากในคนผิวขาว เพศหญิง และอายุมากกว่า 60 ปี

*บุหรี่ มีการศึกษาพบว่าการสูบบุหรี่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคอย่างชัดเจน

*ความดันโลหิตสูง คนไข้ที่ต้องรับประทานยาลดความดันเลือด มีระดับของไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดสูง และระดับแคโรทีนอยด์ในเลือดต่ำ มีความเสี่ยงสูงมากต่อการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมแบบเปียก (Wet AMD)

*วัยหมดประจำเดือน พบว่าผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนที่ไม่ได้รับประทานยาฮอร์โมนเอสโตรเจน จัดอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง

*นักวิจัยยังคงเชื่ออีกว่าการขาดวิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับการต้านอนุมูล-อิสระ เช่น วิตามินซีและอี หรือเกลือแร่ที่มีส่วนสำคัญในการมองเห็น อาทิเช่น แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ลูทีน (Lutein) และซีแซนเทียม (Zeaxanthium) ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่เพิ่ม ความเสี่ยงต่อการเกิด AMD ได้อีกด้วย

อาการของ AMD เป็นอย่างไร

โรคจอประสาทตาเสื่อม อาจมีอาการแตกต่างกันในผู้ที่เป็นแต่ละรายและยากที่จะสังเกตความผิดปกติในช่วงแรก โดยเฉพาะถ้าตาอีกข้างหนึ่งยังมองเห็นได้ดี คนไข้อาจไม่สังเกตถึงความผิดปกติไปหลายปี แต่ถ้ามีจอประสาทตาเสื่อมเกิดขึ้นในตาทั้ง 2 ข้าง คนไข้จะรู้สึกถึงความผิดปรกติในการมองเห็นอย่างรวดเร็ว

อาการส่วนใหญ่ของ Dry AMD คือ การมองเห็นภาพเบลอ ทำให้เห็นหน้าคนไม่ชัด จำหน้าบุคคลไม่ได้ อาจทำให้ต้องใช้แสงสว่างมากขึ้นในการทำกิจกรรมต่างๆ หรือผู้ป่วยบางคนอาจพบมีอาการผิดปกติโดยสังเกตมีตามัวลงเพียงเล็กน้อย


อาการเริ่มแรกของ Wet AMD คือ เริ่มเห็นเส้นตรงเป็นเส้นโค้ง บิดเบี้ยว เห็นภาพสีซีดจางกว่าปกติ และอาจเห็นเป็นจุดมืดดำที่ตรงกลาง

อาการเริ่มแรกที่อาจนำไปสู่การเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม ได้แก่

มองเห็นภาพเบลอ

เห็นเส้นตรงเป็นเส้นโค้ง

ภาพมีสีซีดจางไป

อ่านหนังสือได้ลำบาก

แยกแยะหน้าคนได้ยาก

เห็นเป็นจุดดำที่บริเวณศูนย์กลางของภาพ

การดูแลตัวเอง เมื่อเป็นจอประสาทตาเสื่อม

ถึงแม้โรคจอประสาทตาเสื่อมจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การตรวจพบแต่เนิ่นๆ และรักษาอย่างทันท่วงที จะช่วยป้องกันการเสื่อมไม่ให้รุนแรงมากยิ่งขึ้นได้ ดังนั้นเมื่ออายุมากขึ้น สิ่งที่ท่านควรทำได้แก่

1. หมั่นตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำสม่ำเสมอ แม้วินิจฉัยว่าเป็นจอประสาทตาเสื่อม เพราะในบางรายที่เป็น Dry AMD อาจพัฒนากลายเป็น Wet AMD ดังนั้นเมื่อพบอาการผิดปกติที่เป็นสัญญาณควรรีบปรึกษาแพทย์

2. หากมีภาวะจอประสาทตาเสื่อมเกิดขึ้นแล้ว ท่านควรพยายามปรับตัวกับภาวะสายตาเลือนรางให้ได้ และฝึกใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ช่วยการมองเห็น (Low vision aid) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สามารถใช้การมองเห็นที่เหลืออยู่ ดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างดีที่สุด


วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

45 ความรู้เรื่อง...สายตา

สายตาปกติ

เป็นผลของการที่แสงโฟกัสผ่านกระจกตา(Cornea)และเลนส์แก้วตา(Crytalline Lens)ลงพอดีที่จอประสาทตา(Retina) ทำให้ภาพที่เรามองเห็นมีความคมชัด


สายตาสั้น (Near–sightedness หรือ Myopia)

เกิดจากกระจกตามีความโค้งนูนมากเกินไปหรือลูกตายาวกว่าปกติ แสงจึงโฟกัสรวมก่อนถึงจอประสาทตาทำให้มองใกล้ชัดแต่มองไกลไม่ชัด


สายตายาว (Far–sightedness หรือ Hyperopia)

เกิดจากกระจกตาแบนหรือลูกตาเล็กกว่าปกติแสงโฟกัส ถึงจอประสาทตารวมเป็นจุด หลังจอประสาทตา ทำให้มองไม่ชัดทั้งไกลและใกล้


สายตาเอียง (Astigmatism)

เกิดจากการที่กำลังรวมแสงของตาในแนวต่างๆไม่เท่ากันอันเนื่องมาจากกระจกตาไม่กลม ซึ่งมักเกิดร่วมกับ ภาวะสายตาสั้น หรือยาวโดยกำเนิด ทำให้มองเห็นภาพซ้อนไม่คมชัด


สายตาสูงอายุหรือสายตายืด (Presbyopia)

เกิดจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อ ภายในตาที่ใช้ในการมองใกล้ร่วมกับเลนส์แก้วตาแข็งตัว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงปกติ เมื่ออายุเลย 40 ปี ทำให้ต้องใช้แว่นช่วยอ่านหนังสือ


การดูแลสุขภาพตา

ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดอันหนึ่งของร่างกาย เนื่องจากมีหน้าที่สำคัญ คือการมอง เราในฐานะที่เป็นเจ้าของดวงตา มีหน้าที่บำรุงรักษาให้สามารถ ใช้ในการมองเห็น หรือ มีสายตาดีตลอดไป ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจที่หลายๆคน มองข้ามความสำคัญในการดูแลถนอมรักษาสายตาของท่านเอง

สำหรับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับคนตาบอด หรือผู้ที่มีสายตาผิดปกติมากๆ ก็จะมองเห็นความสำคัญในการถนอมรักษาดวงตา เนื่องจากการมีสายตาที่ไม่ปกติหรือตาบอดจะเป็นสภาพที่เป็นสภาพที่ทุกข์ทรมานทั้งกาย และใจยิ่งนัก

แสงสว่างที่พอเหมาะ

โลกปัจจุบันจำเป็นต้องแข่งขันกันมาก ทั้งในด้านการเรียน การทำงาน ทำให้เราจะต้องใช้สายตา หรือมีการใช้ชั่วโมงการใช้สายตาเพื่อการอ่านหนังสือ หรือการทำงาน หรือนั่งหน้าจอทีวีและคอมพิวเตอร์มากขึ้น ซึ่งมีผลทำให้เกิดการเมื่อยล้าของสายตาได้มากขึ้น

การใช้แสงที่ไม่เหมาะสมทั้งที่สว่างไปหรือมืดไป ก็จะทำให้เกิดการเพ่งของสายตา เพื่อให้เห็นภาพชัดทำให้มีการเพิ่มการทำงานของดวงตา มากกว่าปกติ และนำมาซึ่งความเมื่อยล้าของสายตาและพล่ามัวหรืออาการแสบตาได้

ดังนั้นในการทำงานที่ต้องใช้สายตาจึงควรจัดแสงให้พอเหมาะ และจำกัดชั่วโมงระยะเวลาการทำงานให้ไม่มากเกินไป ควรมีการพักเป็นระยะทุกชั่วโมง

อาหารบำรุงสายตา

อาหารที่บำรุงสายตาได้แก่ อาหารที่ได้จากวิตามิน เอ เราจะพบ วิตามิน เอ ได้ในผลิตผลจากสัตว์ เช่น ตับ นม น้ำมันสกัดจากตับปลา หรือพืชที่มีสารสีเขียวจัด สีแสด สีเหลือง เช่นผักบุ้ง มะละกอสุก ฟักทอง ตำลึง บล็อคโคลี่ แครอท มะม่วงสุก และอีกมากมาย

ความต้องการสารอาหาร ใน 1 วัน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ มีความ ต้องการวิตามิน เอ ไม่ว่าจะเป็นพืช หรือสัตว์ซึ่งได้จากอาหารต่างๆ ดังนี้

เด็ก : ต้องการอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา เช่น ตับไก่ ตับหมู แครอท ฟักทอง ไข่แดง ตำลึง ผักโขม ปูทะเล ผักคะน้าและเนย

ผู้ใหญ่ : ต้องการอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา เช่น ใบยอ ตับไก่ ใบแมงลัก ตับวัว ใบโหระพา ใบบัวบก ผักชะอม ผักกระถิน พริกขี้หนู มะม่วงสุก ผักบุ้ง มะละกอ

และทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารต่อไปนี้ ข้าวซ้อมมือ ปลา ตับ เนื้อไก่ ผักสด และผลไม้ รวมทั้งวิตามินต่างๆที่จำเป็นในการรักษา





Final ending of FFVIII

My last night here for you
Same old songs, just once more
My last night here with you?
Maybe yes, maybe no
I kind of liked it your way
How you shyly placed your eyes on me

Oh, did you ever know?
That I had mine on you

Darling, so there you are
With that look on your face
As if you're never hurt
As if you're never down
Shall I be the one for you
Who pinches you softly but sure
If frown is shown then
I will know that you are no dreamer

So let me come to you
Close as I want to be
Close enough for me
To feel your heart beating fast
And stay there as I whisper

How I loved your peaceful eyes on me
did you ever know
That I had mine on you

Darling, so share with me
Your love if you have enough
Your tears if your're holding back
Or pain if that's what it is
How can I let you know
I'm more than the dress and the voice
Just reach me out then
You will know that you're not dreaming

Darling, so there you are
With that look on your face
As if you're never hurt
As if you're never down
Shall I be the one for you
Who pinches you softly but sure
If frown is shown then
I will know that you are no dreamerrr.