tag:blogger.com,1999:blog-74427153583337333052024-03-14T16:57:13.166+07:00ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ...รพ.นพรัตนราชธานี ห้องตรวจตา ชั้น5 อาคารเฉลิมพระเกียรติeye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.comBlogger108125tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-23045575788213714252013-12-26T11:43:00.002+07:002014-01-06T16:26:02.999+07:00107 อัลบั้ม 2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต<br />
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย</strong></span><br />
<center><img style="max-width: 540px;"src="http://upic.me/i/hn/aa111.jpg" /></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต<br />
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย</strong></span><br />
<center><img style="max-width: 540px;"src="http://upic.me/i/he/aa222.jpg" /></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต<br />
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย</strong></span><br />
<center><img style="max-width: 540px;"src="http://upic.me/i/hy/9l333.jpg" /></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต<br />
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย</strong></span><br />
<center><img style="max-width: 540px;"src="http://upic.me/i/en/aa444.jpg" /></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต<br />
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย</strong></span><br />
<center><img style="max-width: 540px;"src="http://upic.me/i/ls/aa555.jpg" /></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต<br />
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย</strong></span><br />
<center><img style="max-width: 540px;"src="http://upic.me/i/42/aa666.jpg" /></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต<br />
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย</strong></span><br />
<center><img style="max-width: 540px;"src="http://upic.me/i/nv/aa777.jpg" /></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต<br />
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย</strong></span><br />
<center><img style="max-width: 540px;"src="http://upic.me/i/x9/ry113.jpg" /></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต<br />
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย</strong></span><br />
<center><img style="max-width: 540px;"src="http://upic.me/i/vr/dk223.jpg" /></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต<br />
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย</strong></span><br />
<center><img style="max-width: 540px;"src="http://upic.me/i/g1/aa999_1.jpg" /></center>eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-63993399846740889552013-09-26T17:30:00.003+07:002013-10-24T04:59:07.466+07:00106 คำถามน่ารู้... โรคต่อมลูกหมากโต<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2013/01/72-click.html" target="_blank">ผมไม่ได้แหล!!! แต่เรื่องดีๆอย่างนี้..clickดูเองเหอะ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2013/01/108.html" target="_blank">ความเป็นมาของ คดีสะเทือนโลก "ที่ดินรัชดา" ที่ทุกๆคนควรรู้!!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/03/05-2.html" target="_blank">ทำความเข้าใจก่อนวิจารณ์ "การลงทุน 2 ล้านล้าน" กับ รัฐมนตรีชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/04/08.html" target="_blank">เขียนให้อ่าน..จากใจ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/04/09.html" target="_blank">ทิ้งหนี้ไว้ให้ลูกหลาน โดย ดร.วีรพงษ์ รามางกูร</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/04/11.html" target="_blank">อะไรคือ มรดกอสูร!!! ใครคือ ทายาทอสูร!!! ดร.โกร่งมีคำตอบ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/04/13.html" target="_blank">เป็นเพราะว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเหล่านี้ไม่มีสำนึกในการรักษาความยุติธรรม..และยังทำลายความยุติธรรมด้วยมือของตนเองอีกด้วย...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/04/14.html" target="_blank">คำแปล ปาฐกถาพิเศษ ปชต."นายกฯยิ่งลักษณ์"ที่มองโกเลีย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/05/15-312.html" target="_blank">จดหมายเปิดผนึก.. ส.ส.และ ส.ว.312 คน คัดค้านและไม่ยอมรับการใช้อำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น<br />
<center><a href="http://upic.me/i/xx/tyui839.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/hc/tyui515.jpg" /></a></center><br />
<center><iframe width="480" height="385" src="//www.youtube.com/embed/IpBQwwWYEuM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>คำถามน่ารู้...โรคต่อมลูกหมากโต</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">เอื้อเฟื้อบทความจาก: สสวท.</span><br />
<br />
<strong>ต่อมลูกหมากคืออะไร</strong><br />
<br />
ต่อมลูกหมากเป็นต่อมที่อยู่รอบท่อปัสสาวะส่วนต้นบริเวณโคนอวัยวะเพศของผู้ชาย คนมักเข้าใจผิดว่าต่อมลูกหมากคือลูกอัณฑะ ที่ถูกต้องคือ ลูกอัณฑะมีหน้าที่สร้างเชื้ออสุจิ และต่อมลูกหมากมีหน้าที่สร้างน้ำหล่อเลี้ยงเชื้ออสุจิ<br />
<br />
ผู้ชายเมื่อเริ่มย่างเข้าอายุ 40 ปีต่อมลูกหมากจะโต แต่ส่วนใหญ่จะแสดงอาการหลังจากอายุ 50 ปีไปแล้ว บางคนอาการมาก บางคนอาการน้อย ต่อมลูกหมากจะเริ่มโตจากด้านในและจะกดท่อปัสสาวะทำให้ปัสสาวะลำบาก เมื่อปัสสาวะลำบาก ทำให้ปัสสาวะออกไม่หมด เหลือปัสสาวะบางส่วนในกระเพาะปัสสาวะ เกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ นอกจากนี้การที่ทางเดินปัสสาวะถูกกด อาจจะทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไม่ดีและอาจจะเกิดไตวายได้หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/cv/a1444.gif"></center><br />
<strong>ต่อมลูกหมากโตเกิดขึ้นได้อย่างไร</strong><br />
<br />
ต่อมลูกหมากในผู้ชายที่โตเต็มที่จะประมาณเท่ากับลูกเกาลัด เมื่ออายุมากขึ้นเนื้อเยื่อจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นเนื้องอก(ชนิดธรรมดา)โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร เมื่อเซลล์แตกตัวมากขึ้นก็ทำให้ขนาดต่อมลูกหมากโตขึ้นเรื่อยๆจนไปกดหรือเบียดท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการปัสสาวะขัดขึ้น<br />
<br />
<strong>โรคต่อมลูกหมากโตมีอาการอย่างไร</strong><br />
<br />
โรคต่อมลูกหมากโตเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมี 2 ระยะ คือ<br />
<br />
ระยะแรก จะมีอาการปัสสาวะบ่อย จากที่เคยลุกขึ้นปัสสาวะในตอนกลางคืน 1-2 ครั้ง หรือไม่ลุกเลย จะลุกขึ้นบ่อย 3-4 ครั้งขึ้นไปจนรบกวนการนอนหลับ ในเวลากลางวันก็มีอาการปัสสาวะบ่อยแต่คนไข้จะปรับตัวได้จนไม่รู้สึก<br />
<br />
ระยะที่สอง ต่อมาจะรู้สึกว่าปัสสาวะนานกว่าจะออก ต้องเบ่งบางครั้งต้องรอ 1-2 นาทีจึงจะออกและจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ปัสสาวะไม่พุ่ง แทนที่จะพุ่งไปข้างหน้าก็พุ่งน้อยลง พอปัสสาวะเสร็จยังมีหยดออกมาอีก ในที่สุดจะปัสสาวะไม่ออกเลย<br />
<br />
คนไข้มักจะมาหาหมอด้วยอาการปัสสาวะไม่ออกเลย ปัสสาวะแน่นท้องต้องใช้วิธีสวนออกให้ และให้การรักษาต่อไป<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/qx/r1445.jpg"></center><br />
<strong>โรคนี้หากไม่ได้รับการรักษาจะมีภาวะแทรกซ้อนอย่างไร</strong><br />
<br />
ในกระเพาะปัสสาวะปกติมีปัสสาวะประมาณ 400-500 มิลลิลิตร ถ้าปัสสาวะไม่หมดมีปัสสาวะค้างอยู่อย่างที่หนึ่งคือ ทำให้เกิดการตกตะกอน และเป็นนิ่วได้ อย่างที่สองคือเกิดการติดเชื้อขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาเลยก็อาจมีผลต่อไต<br />
<br />
<strong>หมอจะทำอะไรให้เมื่อคนไข้มาหา</strong><br />
<br />
ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องของอาการมากกว่า คนไข้มักมีคุณภาพชีวิตเสีย ต้องปัสสาวะบ่อยๆ ต้องลุกขึ้นบ่อยๆ หน้าที่ของหมอคือทำให้อาการดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น<br />
<br />
ฉะนั้นเวลาที่อาการปัสสาวะไม่ออกอย่าตกใจ ให้มาหาหมอเพื่อหาสาเหตุ เนื่องจากมีบางโรคที่มีอาการคล้ายต่อมลูกหมากโต หลังจากแยกโรคแล้วว่าไม่ใช่โรคอื่น ก็จะดูอาการเป็นหลัก<br />
<br />
หากมีอาการน้อยก็แนะนำให้เปลี่ยนพฤติกรรมโดยไม่ต้องใช้ยา<br />
<br />
ถ้ามีอาการมากหมอจะให้ยากินเพื่อขยายท่อปัสสาวะ<br />
<br />
วิธีสุดท้ายคือผ่าตัด เพื่อขูดต่อมลูกหมาก<br />
<br />
<strong>ในคนไข้ที่มีอาการน้อยๆ ควรเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไร</strong><br />
<br />
จุดใหญ่คือคนที่อายุมากขึ้นจะมีปัญหาเรื่องปัสสาวะแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นมากเป็นน้อย วิธีปฏิบัติตัว คือ<br />
<br />
1. หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ ก่อนนอนอย่าดื่มน้ำมาก และให้ปัสสาวะก่อนเข้านอน เพราะกลางคืนจะได้ไม่ต้องลุกขึ้นบ่อย กลางวันไปไหนก็อย่ากลั้นปัสสาวะ ปวดแล้วก็ควรจะปัสสาวะ เพราะกลั้นแล้วจะทำให้เป็นมากขึ้น<br />
<br />
2. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ปัสสาวะออกมาเยอะ<br />
<br />
3. อย่านั่งจักรยานหรือทำอะไรที่สะเทือนต่อมลูกหมาก เพราะจะทำให้ปัสสาวะไม่ออก<br />
<br />
4. ถ้าเป็นไปได้ควรมีการร่วมเพศบ้าง เวลามีน้ำเชื้อออกมาบ้างจะทำให้ต่อมลูกหมากไม่บวม<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/hu/c1446.jpg"></center><br />
<strong>การผ่าตัดโดยเลเซอร์ดีกว่าการผ่าตัดธรรมดาจริงหรือไม่</strong><br />
<br />
สมัยก่อนจะผ่าตัดต่อมลูกหมากและขูดต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัย ระยะหลังมีการรักษาเกี่ยวกับการผ่าตัดเพิ่มขึ้น 4-5 วิธี ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายเยอะคนไข้ก็จะเข้าใจผิดว่าเป็นการรักษาที่ดีมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หลักในการรักษา 3 อย่างง่ายๆ คือ แนะนำให้เปลี่ยนพฤติกรรม ถ้าอาการมากขึ้นก็ให้กินยา ถ้ามากขึ้นไปอีกก็ให้ขูดต่อมลูกหมาก<br />
<br />
<strong>โรคต่อมลูกหมากโตสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่</strong><br />
<br />
คำถามนี้ตอบยาก โรคส่วนใหญ่ไม่มีหายขาดนอกจากโรคติดเชื้อบางอย่าง โรคต่อมลูกหมากเป็นโรคเนื้องอกในต่อมลูกหมาก การรักษาโดยผ่าตัดก็ไม่ได้ตัดต่อมลูกหมากเพียงแต่เอาเนื้องอกออก ซึ่งก็เกิดขึ้นใหม่ได้ แต่การเปลี่ยนพฤติกรรมดังที่กล่าวไปแล้ว มีส่วนทำให้อาการดีขึ้น บางส่วนอาจไม่ดีขึ้นแต่ก็ไม่แย่ลง<br />
<br />
<strong>โรคนี้ป้องกันได้หรือไม่</strong><br />
<br />
ขณะนี้ยังไม่ได้ เพราะต่อมลูกหมากโตเกิดจากสาเหตุอะไรไม่รู้ ที่แนะนำคือป้องกัน ไม่ให้อาการแย่ลงแต่วิธีป้องกันไม่ให้เกิดยังไม่มี<br />
<br />
<strong>สรุป</strong><br />
<br />
โรคนี้เป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงและรักษาไม่หายขาดแต่มีอาการดีขึ้นได้ หากเปลี่ยนพฤติกรรม คือ อย่ากลั้นปัสสาวะ งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หากมีอาการมากขึ้นก็ควรพบแพทย์เพื่อรักษา ตามขั้นตอน<br />
<br />
ที่สำคัญอย่าหลงเชื่อคำโฆษณาที่บอกว่า มียารักษาโรคนี้ได้หายเด็ดขาด หรือวิธีนี้วิธีนั้นดีที่สุด<br />
<br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/06/47.html" target="_blank">อีกหนึ่งโรคฮิตของ"คนบ้าทำงาน"</a><br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/oo/01_642.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>แจ้งเตือนภัยมายังเพื่อนที่อยู่ในวัย โอ๊ะ โอ๊ะ 50 +</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: หลานอำมาตย์สีแดง</span> เว็บประชาทอล์ค พฤ, 26/09/2013 - 16:27<br />
<br />
หากอยู่ดีๆ เกิดมีอาการดังนี้<br />
<br />
1. แขนและขา ข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง เดินเซหรือเดินไม่ได้<br />
<br />
2. พูดติดขัด ไม่ชัด พูดไม่ออก<br />
<br />
3. มุมปากตกข้างใดข้างหนึ่ง หรือ ปากเบี้ยว<br />
<br />
ให้รีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน ทันที อย่าให้เกิน 3 ชั่วโมง เพราะเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมองอุดตันชนิดเฉียบพลัน นำไปสู่การเป็นอัมพฤกษ์/อัมพาตได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาได้ทัน<br />
<br />
เรื่องนี้เกิดกับตัวผมเองอาทิตย์ที่แล้ว ดีที่คุณพระยังเมตตาเลยรอดมาได้ เดี๋ยวค่ำๆมาต่อครับ ขอไปทำธุระส่วนตัวสัก 2-3 ช.ม.<br />
<br />
<center><img style="max-width: 510px;"src="http://upic.me/i/5w/679140-topic-ix-2.jpg" /></center><br />
ผมขอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนนะครับ<br />
<br />
อังคารที่แล้ว หลังจากเสร็จมื้อเย็นเวลาประมาณ 19.45 น. เหมือนทุกๆวันที่เคยทำมา ผมออกไปเดินเล่นนอกตัวบ้าน กะว่าไปสูบบุหรี่ ขณะกำลังเดินๆอยู่ มันมีความรู้สึกว่า<br />
<br />
เอ๊ะ ทำไมเราเดินเป๋ๆไปทางซ้าย พยายามฝืนเดินให้ตรงคิดว่าคงนั่งผิดท่าหน้าคอมนานเกินไป<br />
<br />
ฝืนได้สักพักมาเข้าห้องน้ำ พอเสร็จธุระจะใส่กางเกง เอาละสิ ขาซ้ายมันยกไม่ค่อยขึ้น ต้องนั่งลง ใช้มือสองข้างจับขากางเกงข้างซ้าย ค่อยๆสอดใส่ขาข้างซ้ายจนสำเร็จ ชักเอะใจกรูเป็นไรว้า<br />
<br />
ออกจากห้องน้ำ ค่อยๆเดินมาหาแฟน นั่งอยู่หน้าคอมพร้อมเอ่ยปากถามว่า<br />
<br />
"เจี๊ยบ เจี๊ยบ ฟังพี่หลานพูดรู้เรื่อง มั้ย" (แฟนผมชื่อ เจี๊ยบ) แต่..เสียงที่ผมได้ยินกับหูซึ่งออกจากปากผมเอง กลับกลายเป็นว่า "เจ๊ เจ๊ ฟานพี่หานพูกอุ๊เอื้อง อั๊ย" จริงๆครับ ได้ยินหยั่งงี้จริงๆ<br />
<br />
เจี๊ยบเค้าค่อยๆเงยหน้าขมวดคิ้วมองมาที่ผม ผมก็ถามประโยคเดิมออกไปและได้ยินเหมือนเดิมอีกครั้ง<br />
<br />
เอาละซิ คราวนี้เป็นเรื่อง เจี๊ยบกระโจนผลุงยืนขึ้น พร้อมตะโกนบอกผมให้ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ แล้วเรียกลูกให้ช่วยขับรถให้<br />
<br />
ผมมารู้ทีหลังว่า เจี๊ยบเค้ามีความรู้เรื่องนี้พอควร จึงแก้ปัญหาได้ทัน<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/lj/03_197.jpg"></center><br />
มาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลเข็นเตียงมารับพาเข้าข้างใน มีหมอมาตรวจดูอาการเบื้องต้น สักพักใหญ่ๆ อีก็ตะโกนว่า สโตรก ๆ ๆ แล้วให้พยาบาลเข็นเตียงเข้าฉุกเฉินด้านในทันที<br />
<br />
มีหมอมาถามย้ำอีกว่า ใช้เวลานานแค่ไหนตั้งแต่เกิดเรื่องจนมาอยู่ในห้องฉุกเฉิน<br />
<br />
พวกเราทุกคนยืนยันว่าไม่เกินครึ่ง ช.ม. หมอจึงให้ไปสแกนสมอง เอ็กซเรย์ปอด ตรวจวัดคลื่นหัวใจ<br />
<br />
แล้วให้ผมนอนรอร่วมๆ ช.ม. หมอจึงมาบอกว่า สงสัยเส้นเลือดในสมองตีบ หมอขอดูอาการสักระยะโดยหมอจองห้องแล้ว จึงให้ผมนอนอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อย 72 ช.ม.<br />
<br />
หลังจากเข้ารับการอบรมเอ๊ย..ไม่ใช่ รักษาในห้องดูอาการ(อย่างทรมาน)เป็นเวลา 3 วัน อาการผิดปกติต่างๆ ค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติทุกอย่าง ไม่มีอาการกำเริบ อีทีนี้ หมอก็สั่งให้กลับบ้านในวันรุ่งขึ้นทันที<br />
<br />
รวม 3 วัน VIP รพ.รัฐ ค่าลงทะเบียนอบรมเกือบ 20k หย่อนไปไม่กี่สิบบาทครับ<br />
<br />
ขอบ่นนิดนึง ที่ผมใช้คำว่าอบรมก็น่าจะถูกต้องนะ ตลอด 3 วันที่นอนอยู่มีหมอจากแผนกต่างๆ เข้ามาตรวจ(สอบถาม)อาการต่างๆ รวมทั้งหมดเกือบๆ 10 คน พยาบาลพร้อมผู้ช่วยอีกผลัดละร่วม 10 คน 3 ผลัด 30 คน เกือบทุกคนใช้คำถามแนวทางเดียวกัน หากรู้ตัวก่อนหน้านี้คงต้องพูดใส่เทปไว้ดังนี้<br />
<br />
"ผมกินเหล้า/เบียร์ สูบบุหรี่มาประมาณ 40 ปี เบียร์ปกติ 3-4 ขวด วันหยุด 6-8 ขวด บุหรี่วันละ 6-7 มวน รู้ครับรู้ ว่ามันอาจไม่ดี แต่มีตาแก่แถวบ้านอายุร่วมๆ 80 ปี 2-3 คน ตื่นเช้ามากระดกเหล้าเพียวๆ แล้วยังสูบบุหรี่ทั้งวัน เค้ายังอยู่อย่างปกติดีอยู่เลย" แล้วก็มีเสียงตามมา ฉอด ฉอด ๆ ๆ ๆ ๆ...............<br />
eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-12284412163979675322013-03-04T17:27:00.000+07:002013-06-21T14:40:10.073+07:00105 "ลื้อมีร่มมั้ย??..." แค่คำนี้แหละ ที่ทำให้นิสัยผมเปลี่ยนทันที<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/10/25.html" target="_blank">มองโครงการรับจำนำข้าวในสายตาของชาวนาตัวจริง...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.556629037684456.139430.100000120933242&type=3&l=512ae14f72" target="_blank">Obama' ประเด็นที่สื่อไทยเมิน & อัลบั้มโอบามาเยือนไทย 18พ.ย.55</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/12/71.html" target="_blank">ปลื้มปีตี"ในหลวง"เสด็จออก ณ สีหบัญชร เปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ"กึกก้อง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2013/01/blog-post.html" target="_blank">ฮู้ยยยย...สติแตกกันไปหมดแย้วทั้งคนเล่นและกองเชียร์แนวร่วม</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2013/01/72-click.html" target="_blank">ผมไม่ได้แหล!!! แต่เรื่องดีๆอย่างนี้..clickดูเองเหอะ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2013/01/108.html" target="_blank">ความเป็นมาของ คดีสะเทือนโลก "ที่ดินรัชดา" ที่ทุกๆคนควรรู้!!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2013/01/blog-post_18.html" target="_blank">เปิดใจ "พงศพัศ พงษ์เจริญ" ว่าที่ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (ย่อมรับคนนี้เก่งจริง)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/02/1-01.html" target="_blank">ที่ปรึกษาอัคคีภัยเซ็นทรัลฯ ยันจำเลยคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ไม่สามารถวางเพลิงได้</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/02/1-01.html" target="_blank">หึหึ ปวดตับละทีนี้ จะรุกเขมิบม้า เจอสวนรุกฆาต โบราณว่า..เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/02/03.html" target="_blank">โถ..โถ..โถ..น่าสมเพชเวทนา เอา"ข้าวนึ่ง"จากไหนไม่รู้ จัดฉากใส่ร้ายเขาเป็นตุเป็นตะ หวัง"ตีกิน"ตามสันดาน!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2013/02/73.html" target="_blank">สาระน่ารู้... เขาซื้อทองคำ ขายทองคำ กันอย่างไร?????</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/02/04.html" target="_blank">พี่สาวผมเคยถามผมว่า ทำไมผมจึงฝักใฝ่อยู่กับคุณทักษิณ?????</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="https://www.facebook.com/media/set/?set=a.616360008378025.1073741827.100000120933242&type=1&l=e36f6511ea" target="_blank">เฮ้อ!! ณ นาทีนี้..บอกได้คำเดียว เสียดาย..เสียดายครับ...นโยบายดีๆที่คน กทม. ไม่เอ๊า..ไม่เอา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/03/05-2.html" target="_blank">ทำความเข้าใจก่อนวิจารณ์ "การลงทุน 2 ล้านล้าน" กับ รัฐมนตรีชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/04/07.html" target="_blank">หนีก็ตาย สู้ก็ตาย สู้เถอะ ยังมีศักดิ์ศรี ยังมีโอกาสรอด!!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/04/08.html" target="_blank">เขียนให้อ่าน..จากใจ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/04/09.html" target="_blank">ทิ้งหนี้ไว้ให้ลูกหลาน โดย ดร.วีรพงษ์ รามางกูร</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/04/10.html" target="_blank">คุณเชื่อใคร.. ระหว่าง กนก ส.ส.ปชป. กับ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/04/11.html" target="_blank">อะไรคือ มรดกอสูร!!! ใครคือ ทายาทอสูร!!! ดร.โกร่งมีคำตอบ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/04/12.html" target="_blank">ผงซักฟอกยี่ห้อใหม่ตราตาชั่งเอียงสีฟ้า</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/04/13.html" target="_blank">เป็นเพราะว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเหล่านี้ไม่มีสำนึกในการรักษาความยุติธรรม..และยังทำลายความยุติธรรมด้วยมือของตนเองอีกด้วย...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/04/14.html" target="_blank">คำแปล ปาฐกถาพิเศษ ปชต."นายกฯยิ่งลักษณ์"ที่มองโกเลีย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/05/15-312.html" target="_blank">จดหมายเปิดผนึก.. ส.ส.และ ส.ว.312 คน คัดค้านและไม่ยอมรับการใช้อำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น<br />
<center><a href="http://upic.me/i/xx/tyui839.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/hc/tyui515.jpg" /></a></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/1u/1263807103.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>"ลื้อมีร่มมั้ย??..." แค่คำนี้แหละ ที่ทำให้นิสัยผมเปลี่ยนทันที</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: NoName</span> ปูลู: บทความนี้..ไม่ทราบผู้เขียนหรือผู้ประพันธ์ เพราะส่งมาทาง ForwardMail<br />
<br />
เมื่อก่อน...ผมเป็นคนที่จริงจังกับความรักมาก ทุ่มเทกับแฟนสุดๆ แบบไม่กลัวตัวเองเหนื่อย ยอมประหยัดเงินสารพัด ทำงานพิเศษ ได้เงินมาเลี้ยงแฟน อะไรอย่างนั้น ฟังๆดู ก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปนะครับ<br />
<br />
ด้วยความที่รักแฟนมาก...แน่นอน เราย่อมมีเวลาให้แฟนอย่างที่สุด จนลืมนึกถึง...คนที่รักเราและดูแลเรามาตลอดทั้งชีวิต อย่าง "ป๊าและม้า"<br />
<br />
หลายๆครั้งท่านทั้งสองก็ห่วงเรา คอยเตือนเรา เพราะกลับบ้านดึกมาก กับข้าวที่ม้าทำไว้ให้ บางทีก็ไม่ได้กิน เพราะไปกินกับแฟนแล้ว!!<br />
<br />
วันเสาร์อาทิตย์ ก็ไปหาแฟน เก็บเงินไว้ซื้อของให้แฟน หายใจเข้าออกเป็นสาวคนนั้นเลยทีเดียว เวลามีให้แฟนมากกว่าที่มีให้ตัวเองและป๊าม้า<br />
<br />
หลายๆครั้ง ป๊าม้าคอยเตือน เพราะท่านห่วงเรา กลัวเหนื่อย กลัวพักผ่อนไม่พอ แต่เราก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ มีปากเสียงกับท่าน ทำให้ท่านเสียใจไปก็คงไม่น้อยหล่ะ (รู้สึกผิดจริงๆ)<br />
<br />
ทีนี้ แน่นอนว่า ความรักของผม มันไม่ได้ยืนยาวหรอกครับ... และแล้วมันก็มาถึงจุดสิ้นสุดของความรัก แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตด้วยเหมือนกัน... ช่วงใกล้ๆเลิกกับแฟน เพราะแฟนคนนี้ มีหนุ่มมาจีบใหม่...ซึ่งแน่นอน ดีกว่าผมทุกอย่าง... แฟนเริ่มเปลี่ยนไป หงุดหงิดเราง่ายขึ้น ไม่คุยเหมือนเดิม ไม่ได้เที่ยวกันเหมือนเดิม แล้วยังไงดีหล่ะ เราก็เสียใจ หงุดหงิดเหมือนกัน อารมณ์แปรปรวน บางครั้งถึงกับ ว้ากที่บ้านไปบ้างก็มี เวลาคนที่บ้าน ป๊าม้า พี่น้องเตือนเรา ก็คนมันหงุดหงิดอ่ะนะ ทำไงได้...<br />
<br />
<center><img src="http://fwmail.teenee.com/strange/img0/17121.gif"></center><br />
แล้ววันที่ทำให้ผมคิดได้ก็มาถึง...<br />
<br />
วันนั้นระหว่างที่ผมนั่งรถเมล์กลับบ้าน ฝนตกหนักมาก...ก็คิดถึงแฟน (ที่กำลังจะเลิกกัน) ก็เลยโทรหา นี่คือบทสนทนาคร่าวๆ...<br />
<br />
ผม: อยู่ไหนครับ ทำอะไรอยู่ ฝนตกหนักหรือเปล่าตรงนั้น<br />
<br />
แฟน: กำลังกลับบ้าน ตก มีอะไรก็รีบๆพูด<br />
<br />
ผม: มีร่มมั้ย<br />
<br />
แฟน: ไม่มี<br />
<br />
ผม: แล้วทำยังไง เดี๋ยวตากฝน ไม่สบายนะ<br />
<br />
แฟน: ไม่เป็นไร จัดการเองได้ โตแล้ว<br />
<br />
ผม: แล้วกินอะไรหรือยัง<br />
<br />
แฟน: ยัง ยังไม่หิว<br />
<br />
ผม: กลับบ้านดีๆนะ ถ้าฝนตกหนัก หาที่หลบก่อน รอฝนซาแล้วค่อยกลับ ดูแลตัวเองด้วย เป็นห่วง<br />
<br />
แฟน: (เริ่มหงุดหงิด) อืม รู้แล้ว ไม่มีอะไรใช่มั้ย แค่นี้นะ!! ..... แล้วก็วางหูไป<br />
<br />
ผมยังอยู่บนรถเมล์นะครับ หลังจากวางหูไป ผมเสียใจมาก เพราะว่าเราหวังดี ไม่คิดว่าจะทำให้รำคาญ...<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://upic.me/i/rq/3942383.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; cssfloat: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="223" q6="true" src="http://upic.me/i/rq/3942383.jpg" width="200" /></a></div><span style="color: #000000;">และแล้ว จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดก็มาแล้ว เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งครับ...<br />
<br />
ผม: ฮัลโหล<br />
<br />
ป๊า: (เรียกชื่อผม) ลื้ออยู่ไหนเนี่ย<br />
<br />
ผม: อยู่บนรถเมล์ ป๊ามีอะไร กำลังกลับบ้าน<br />
<br />
ป๊า: กินข้าวหรือยัง<br />
<br />
ผม: ยังอ่ะ<br />
<br />
ป๊า: เออๆ ที่บ้านอาม้าทำกับข้าวไว้แล้ว มี (บอกชื่อกับข้าว)<br />
<br />
ผม: อืม<br />
<br />
ป๊า: แถวบ้านฝนตกหนักนะ ลื้อเอาร่มไปหรือเปล่าเนี่ย<br />
<br />
ผม: ไม่มีอ่ะ ไม่ได้เอามา<br />
<br />
ป๊า: อ้าว แล้วเดี๋ยวลงรถ จะทำไง จะตากฝนกลับบ้านเหรอ (จากป้ายรถเมล์ ผมต้องเดินอีกไกลกว่าจะถึงบ้าน)</span><br />
<br />
ผม: อืมๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวลุยกลับบ้านไป แป๊ปเดียว ไม่เป็นไรหรอก<br />
<br />
ป๊า: เออๆ เอางี้ ลื้อลงรถแล้วโทรหาป๊า เดี๋ยวป๊าเอาร่มไปรับ<br />
<br />
ผม: ไม่เป็นไรป๊า เดี๋ยวเค้ากลับเอง (ผมใช้แทนตัวเองว่า "เค้า" กับป๊าและม้ามาตั้งแต่เด็กๆครับ)<br />
<br />
ป๊า: เออๆ ลงรถแล้วโทรมาละกัน แค่นี้แหละ ... วางหู<br />
<br />
สังเกตอะไรมั้ยครับ... บทสนทนาระหว่างผมกับแฟน แทบจะเหมือนกับที่ป๊าพูดกับผมเลย... นั่นล่ะครับจุดเปลี่ยน...<br />
<br />
ในขณะที่เราห่วงแฟน..รัก และพยายามดูแลทุกอย่าง... จะโดนด่าให้เจ็บช้ำน้ำใจขนาดไหนก็ทนเหลือเกิน แต่สุดท้ายแล้วเค้าเห็นค่าของเราหรือเปล่าก็ไม่รู้???<br />
<br />
แต่มีชายหญิงคู่หนึ่ง รักเรามากกกกกก มากจริงๆ ก็พ่อแม่เรานี่แหละ...รักเรามาก ไม่เคยหวังผลตอบแทน ห่วงเราได้ทุกสถานการณ์ ต่อให้เราเคยหงุดหงิด มีปากเสียงกับท่าน ถามว่าท่านโกรธไม๊...(แน่นอน) ก็คงมีบ้าง แต่สุดท้ายความโกรธนั้นก็หายไป กลายมาเป็นความห่วงใยทุกครั้ง และท่านก็ยังรัก หวังดี แล้วก็ห่วงเราเหมือนเดิม...<br />
<br />
แต่แปลก!!... ทำไมเราต้องไปสนคนอื่น แคร์คนอื่น ไปเสียใจเพราะคนอื่นไม่รัก ร้องไห้ฟูมฟายตอนเลิกกับแฟน เราเสียใจให้กับคนที่เรารัก แล้วเค้าไม่รักเรา... แล้วรู้มั้ยว่า??<br />
<br />
คนที่รักเราที่สุดในโลก พ่อแม่เรา เค้าเสียใจมากขนาดไหน ที่เห็นเราเสียใจ เห็นเราเป็นทุกข์ เราเคยคิดอย่างนี้กันบ้างหรือเปล่า??<br />
<br />
กับแฟน เราซื้อของให้...มีเวลาให้ ดูแลเทคแคร์สารพัด!!<br />
<br />
แต่กับคนที่รักเราที่สุดในโลก เราเคยซื้อของดีๆให้ท่านบ้างมั้ย??<br />
<br />
เคยพาท่านไปเที่ยว ไปไหว้พระ ไปทานข้าวนอกบ้าน<br />
<br />
หรือ...เคยดูแลท่านเหมือนที่ทำกับแฟนมั้ย??<br />
<br />
มันไม่ใช่เรื่องผิด...ถ้าเราจะดูแลแฟนให้ดี แต่จงอย่าลืมว่า... ใครคือคนที่เราเห็นหน้ามาตั้งแต่ลืมตาดูโลกครั้งแรกและมอบความรักให้กับเราตั้งแต่วันที่อยู่ในท้องจนกระทั่งวันนี้...<br />
<br />
นี่ล่ะครับ ความคิดที่ออกมาทั้งหมด... หลังจากแค่ป๊าถามว่า... "แล้วลื้อมีร่มมั้ย?"<br />
<br />
ตั้งแต่วันนั้น ผมสัญญากับตัวเองว่าให้ผมดูแลแฟนดีขนาดไหน แต่กับ "ป๊า ม้า" ต้องดีมากกว่าเสมอ!!!<br />
<br />
ผมพา ป๊า ม้า ไปทานข้าวนอกบ้าน พาท่านไปเที่ยว ไปทำบุญที่วัดบ่อยเท่าที่มีโอกาส... ผมซื้อของขวัญเล็กๆน้อยๆให้ป๊ากับม้า ทุกครั้งที่มีโอกาส...ไม่ว่าจะเป็นของจากในหรือต่างประเทศ ถึงแม้บางที จะทำเป็นบ่นว่าซื้อมาทำไม แพงเปลืองตังค์ แต่..แหนะ อย่ามาแอ๊บ เห็นนะว่าแอบยิ้ม...<br />
<br />
แน่นอนครับ วันนี้ผมมีความสุขมาก มากจริงครับ... เพราะว่า ผมได้ตอบแทนความรักที่คนสองคน ที่รักผมมากที่สุด และผมก็รักเค้าทั้งสองคนมากที่สุด ให้มีความสุข<br />
<br />
ถึงแม้ว่าวันนี้...ผมจะเหลือ "ม้า" แค่คนเดียว แต่ผมว่าถ้า "ป๊า" เห็น ก็คงภูมิใจที่ผมดูแล "คนที่ ป๊ารัก" ได้เป็นอย่างดีครับ<br />
<br />
ขอขอบคุณทุกคน...ที่อดทนอ่านจนจบ หวังว่าคงช่วยทำให้หลายๆคน หันมารักพ่อแม่มากขึ้นนะครับ<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/1g/2013-02-18_211526.jpg"></center><br />
<center><iframe width="480" height="385" src="http://www.youtube.com/embed/MjKFBYKgUeY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center>eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-3871409339805158772013-02-18T22:40:00.000+07:002013-03-07T16:58:33.300+07:00104 มือหยาบกร้านคู่นั้น มีแต่เส้นเอ็นปูดโปน...ทำให้ผมนึกถึงมือของผู้หญิงคนหนึ่ง...<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/10/25.html" target="_blank">มองโครงการรับจำนำข้าวในสายตาของชาวนาตัวจริง...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.556629037684456.139430.100000120933242&type=3&l=512ae14f72" target="_blank">Obama' ประเด็นที่สื่อไทยเมิน & อัลบั้มโอบามาเยือนไทย 18พ.ย.55</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/12/71.html" target="_blank">ปลื้มปีตี"ในหลวง"เสด็จออก ณ สีหบัญชร เปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ"กึกก้อง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2013/01/blog-post.html" target="_blank">ฮู้ยยยย...สติแตกกันไปหมดแย้วทั้งคนเล่นและกองเชียร์แนวร่วม</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2013/01/72-click.html" target="_blank">ผมไม่ได้แหล!!! แต่เรื่องดีๆอย่างนี้..clickดูเองเหอะ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2013/01/108.html" target="_blank">ความเป็นมาของ คดีสะเทือนโลก "ที่ดินรัชดา" ที่ทุกๆคนควรรู้!!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2013/01/blog-post_18.html" target="_blank">เปิดใจ "พงศพัศ พงษ์เจริญ" ว่าที่ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (ย่อมรับคนนี้เก่งจริง)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/02/1-01.html" target="_blank">ที่ปรึกษาอัคคีภัยเซ็นทรัลฯ ยันจำเลยคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ไม่สามารถวางเพลิงได้</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/02/1-01.html" target="_blank">หึหึ ปวดตับละทีนี้ จะรุกเขมิบม้า เจอสวนรุกฆาต โบราณว่า..เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/02/03.html" target="_blank">โถ..โถ..โถ..น่าสมเพชเวทนา เอา"ข้าวนึ่ง"จากไหนไม่รู้ จัดฉากใส่ร้ายเขาเป็นตุเป็นตะ หวัง"ตีกิน"ตามสันดาน!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2013/02/73.html" target="_blank">สาระน่ารู้... เขาซื้อทองคำ ขายทองคำ กันอย่างไร?????</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/02/04.html" target="_blank">พี่สาวผมเคยถามผมว่า ทำไมผมจึงฝักใฝ่อยู่กับคุณทักษิณ?????</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/4t/0img_2780.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>มือของแม่...</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: NoName</span><br />
<br />
ปูลู: บทความนี้..ไม่ทราบผู้เขียนหรือผู้ประพันธ์ เพราะส่งมาทาง ForwardMail<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/r2/img_2782.jpg"></center><br />
ภาพหญิงชรา ที่เดินหาบขนมขายอยู่ริมถนน ทำให้ผมหยุดชะงักอยู่ชั่วขณะ แม้ว่าแกจะเดินจากไปแล้ว แต่ภาพหญิงแก่ที่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เดินฝ่าเปลวแดดออกไปนั้น ยังคงติดตรึงอยู่ในสายตาของผม จนยากที่จะสลัดออก<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/h8/img_2784.jpg"></center><br />
มือหยาบกร้านที่มีแต่เส้นเอ็นปูดโปนของหญิงแก่ ทำให้ผมนึกถึงมือของผู้หญิงคนหนึ่ง... ผู้หญิงซึ่งทำทุกอย่างเพื่อลูกน้อยของตนได้โดยไม่หวังอะไร นอกจากรอยยิ้มของลูก ...ผู้หญิงคนนั้น..คือ แม่ของผมเอง<br />
<br />
แม่เป็นแม่ค้า ที่หาบขนมขายอยู่ข้างถนน วันไหน ขายดี ก็มีเงิน พอจับจ่ายตามอัตภาพ หากวันไหน ขายไม่ได้ ก็ต้องใช้เงินอย่างกระเบียดกระเสียร แต่แม่ก็ไม่เคยยอมให้ผมรู้จักกับความหิวโหย อะไรที่อยากกิน แม่มักหามาให้ผมเสมอไม่ว่าของสิ่งนั้นมันจะทำให้แม่ต้องอดสักกี่มื้อก็ตาม เวลาที่ผมนั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย แม่มักจะมองดูเงียบๆ ริมฝีปากของแม่ปรากฏรอยยิ้มน้อยๆอย่างมีความสุข<br />
<br />
ตอนนั้น ผมไม่เคยสนใจเลยว่าขนมชิ้นเล็กๆราคาแพงที่แม่หามาให้นั้น ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อของแม่กี่หยด ไม่เคยนึกสงสัยด้วยซ้ำว่า หลังจากที่ผมกินขนมจนอิ่ม จะมีอะไรเหลือตกถึงท้องแม่ไหม? ผมรู้เพียงอย่างเดียวคือ แม่เป็นหญิงแก่ที่หาบขนมขาย...<br />
<br />
ยามใดที่มโนธรรมมาย้ำเตือนให้ผม คิดถึงความเหน็ดเหนื่อยของแม่ สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอด ก็มักจะหลบเลี่ยงความรู้สึกผิดในใจด้วยการบอกว่า ในเมื่อแม่เกิดผมมามันก็เป็นหน้าที่ของแม่ที่ต้องหาบขนมขายเพื่อหาเลี้ยงผม ถ้าไม่มีอะไรกินขนมที่เหลือจากการขายมันก็ช่วยให้แม่อิ่มได้นี่นา<br />
<br />
ยามใด ที่มือนั้นยื่นมาจับต้องดึงผมไปกอดไว้แนบอก ยามนั้น ผมก็มักจะเบี่ยงตัวหนีด้วยความรู้สึกขยะแขยง แม้ไม่เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นวาจา แต่แววตาที่ผมแสดงออกมันก็บอกถึงความรู้สึกภายในอย่างโจ่งแจ้ง แววตาที่ทำให้แม่ชะงัก<br />
<br />
แม่มองหน้าผมอย่างเข้าใจ แล้วก็มีท่าทีงกๆเงิ่นๆ อย่างคนรู้สึกผิด แม่ไม่พูดอะไรสักคำ มือหยาบกร้านนั้นกำแน่นค่อยๆ ตกอยู่ข้างลำตัว ไหล่ของแม่ลู่ลง... หลังจากวันนั้น มือของแม่ไม่กล้าที่จะเอื้อมมากอดผมอีกเลย... ตอนนั้น ผมรู้สึกสบายใจนะที่ไม่ต้องสัมผัสกับมือที่หยาบกระด้างที่น่ารังเกียจนั่น...<br />
<br />
แต่เมื่อ เวลาผ่านไป ผมกลับเกิดความรู้สึกที่ต่างจากเดิม... จริงๆแล้ว สิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่ใช้มือหยาบกร้านของแม่หรอก มือที่เนียนสวยราวกับลูกผู้ดีของผมต่างหากที่น่าขยะแขยง ขณะที่มือแม่กร้านเพราะกรำงานหนักเพื่อเลี้ยงผม แต่มือที่อ่อนนุ่มของผมไม่เคยทำประโยชน์เพื่อใครเลยนอกจากตัวเอง<br />
<br />
น่าขันนะ เมื่อผมเติบใหญ่ และประสบความสำเร็จในชีวิต หลายครั้งหลายคราที่มีโอกาสจับต้องมือของผู้หญิงมากหน้า มือที่ นิ่ม หอมกรุ่น กับเล็บเคลือบสีสดและเรียวปากนุ่มสวยช่างฉอเลาะนั้นไม่ได้ทำให้ผมโหยหาเลยสักนิด แต่สิ่งที่ผมร่ำร้อง กลับเป็นมือที่หยาบกระด้างของผู้หญิงเพียงคนเดียว...ผู้หญิงที่หาบคอนกระจาดเดินเร่ขายขนมอยู่ข้างถนนเพื่อเลี้ยงลูกชาย...ผู้หญิงที่ไม่ค่อยพูด ที่มักใช้สายตาเฝ้ามองผมอยู่เงียบๆ สายตาที่สื่อความรู้สึกของแม่คนหนึ่งซึ่งมีต่อลูก สายตาอ่อนโยนคู่นั้นเหมือนกับจะบอกผมเสมอว่า ผมคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของแม่...<br />
<br />
อาจจะเป็นเพราะพ่อจากไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นตั้งแต่ผมยังเล็กก็ได้ ทำให้แม่พยามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความเป็นลูกไม่มีพ่อให้ผม เท่าที่แม่ค้าหาบขนมขายอย่างแม่จะทำได้ แม่คงกลัวว่าผมจะกลายเป็นเด็กมีปัญหาเพราะขาดพ่อล่ะมั้ง แต่แม่ไม่เคยรู้หรอกว่า ในสายตาของผม...ผู้ชายที่ทำให้ผมเกิดมาไม่ได้มีความสำคัญกับผมเลยสักนิด... ผมเกลียดผู้ชายคนนั้น..ตาแก่ที่กินเหล้าจนเมา เอะอะ โวยวาย ทำร้ายแม่ผม หลายครั้งที่ผมเห็นพ่อใช้คำพูดถากถาง ระราน อาละวาดใส่แม่ แต่แม่ผู้น่าสมเพชของผมก็ไม่เคยลุกขึ้นมาต่อต้านเลยสักนิด<br />
<br />
แม่มักยอมพ่อเสมอ... ยอมถูกซ้อมเป็นกระสอบทราย แล้วก็แอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวเงียบๆ ยอมทำงานหนักเดินขายของวันละหลายๆกิโลเพื่อเอาเงินมาเลี้ยงครอบครัว... ส่วนเงินเดือนของพ่อน่ะหรือ? มันจมลงในขวดเหล้าหมดแล้ว สภาพของแม่ที่ผมเห็น ทำให้ผมได้แต่นึกในใจว่า ถ้าผมแต่งงาน ผมจะหา เมีย อย่างแม่<br />
<br />
แต่ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมจะไม่ยอมมีชีวิตที่น่าเวทนาแบบแม่ เด็ดขาด!! ผู้หญิงที่ยอมเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของผู้ชาย ผู้หญิงที่ยอมให้สามีโขกสับอย่างกับทาสในเรือนเบี้ย ยอมทำงานบ้านจนดึกจนดื่น ยอมตื่นแต่เช้ามาทำขนมขายเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ยอมแม้กระทั่งให้ผู้หญิงอื่นมาแย่งผัวตัวเองไปต่อหน้าต่อตา แม่ยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น โดยไม่เคยคิดจะต่อสู้เรียกร้องสิทธิอะไรเลย<br />
<br />
แม่มีปากเสียงกับพ่อเพียงครั้งเดียว ตอนที่พ่อจะเอาผมไปอยู่ด้วย ตอนนั้นผมเห็นแม่สู้ยิบตาราวกับหมาจนตรอกเลยทีเดียว พ่อยอมให้ผมอยู่กับแม่อย่างไม่คิดจะยื้อแย่ง "น้ำหน้าอย่างเธอ จะเลี้ยงลูกได้สักแค่ไหนกันเชียว อีกหน่อยลูกมันคงต้องหาบขนมขายทั้งชาติ เหมือนเธอนั่นแหล่ะ" นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่แม่และผมได้ยินจากปากของพ่อ มันเป็นคำพูดที่ทำให้แม่ฮึดสู้ แม่ทำงานหนักตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินส่งผมเรียนสูงๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำให้แม่ผิดหวังเลย การเรียนของผมอยู่ในขั้นดีเยี่ยมจนได้รางวัลจากทางโรงเรียนเสมอ เปล่าหรอกนะ ผมไม่ได้ตั้งใจเรียนเพื่อแม่หรอก ตลอดเวลาผมไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเพื่อแม่เลยสักครั้ง แต่ที่ผมตั้งใจเรียน ก็เพราะรู้ว่า...การศึกษาเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ผมหลุดพ้นจากบ้านในสลัมโทรมๆแห่งนี้ต่างหาก<br />
<br />
ความทะเยอทะยานในอดีตเป็นแรงผลักดัน ที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในชีวิต โดยมีโอกาสดีๆที่โชคชะตาหยิบยื่นให้เป็นตัวช่วยสนับสนุน สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมหลงระเริงอยู่นานทีเดียว มันทำให้ผมหยิ่งผยอง คิดว่าตัวเองนั้นเก่งกล้าสามารถก้าวจากจุดศูนย์ขึ้นมายืนผงาดอยู่ได้ด้วยขาตัวเอง ทั้งๆที่ ความจริงแล้ว ความสำเร็จของปริญญาระดับด็อกเตอร์ ที่แปะข้างฝาบ้านของผมนั้นมีแม่อยู่เบื้องหลังเสมอแม่ผู้จบ ป.4...<br />
<br />
ขาของผมยืนผงาดอยู่ได้ ด้วยการเหยียบบ่าของแม่โดยแท้ และผมก็ไม่เคยสนใจเลยสักนิดว่า บ่าที่เหยียบเป็นฐานนั้นจะชอกช้ำเพียงใด เพราะเจ้าของบ่า ไม่เคยปริปากบอกผมเลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไร แม่ก็ยังคงเป็นคนพูดน้อยทำมากเสมอ แม่เป็นผู้ฟังที่ดีมาตั้งแต่ผมยังเด็กแล้ว ทุกครั้งที่ผมมีความกังวล แม่จะคอยรับฟังเสมอ เวลาที่ผมระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจ หลายครั้งที่แม่ฟัง จำนวนเงินที่เด็กชายเอ่ยขอ ยามต้องการจะซื้อของต่างๆ เพื่อให้มีเหมือนลูกคนอื่น แม่ไม่เคยแย้ง นิ่ง...ฟัง... หลังจากวันนั้น แม่ขายของจนค่ำมืดกว่าปกติอยู่หลายวัน และวันหนึ่งแม่ก็ยื่นเงินให้ผมเพื่อไปซื้อของที่อยากได้<br />
<br />
ยามที่ผมรับเงินจากมือของแม่ ผมรู้สึกว่ามือของแม่หยาบกร้านกว่าเคย... แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก เพราะถึงมือมือนี้จะต้องหยาบกร้านเพิ่มขึ้นสักแค่ไหน มันก็ยังคงหยิบยื่นความสะดวกสบายให้ผมได้เหมือนเดิม และมันก็เป็นเช่นนี้เสมอมา ไม่ว่ายามที่ผม สุข หรือ ทุกข์ มือของแม่จะอยู่เคียงข้าง คอยช่วยประคับประคองผมเสมอตราบชั่วชีวิตของแม่<br />
<br />
จนกระทั่ง วันนี้...หลายสิ่งในชีวิตของผมเปลี่ยนไป... ผมมีชื่อเสียง มีเกียรติยศ มีคนนับหน้าถือตา มีบ้านหลังใหญ่ มีรถคันงาม มีเงินทอง มีมือนุ่มนิ่มของผู้หญิงสวยๆ คอยคลอเคลีย ทุกสิ่งที่ผมเคยต้องการล้วนมากองอยู่แทบเท้าของผม<br />
<br />
แต่สิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดกลับขาดหายไป ณ วันนี้ ข้างกายของผม ไม่มีมือของแม่...<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/1g/2013-02-18_211526.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>หากพรุ่งนี้ไม่มี...แม่?</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: พระมหาประดิษฐ์ จิตฺตสํวโร</span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://upic.me/i/y3/2470001455.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; cssfloat: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="247" q6="true" src="http://upic.me/i/y3/2470001455.jpg" width="250" /></a></div><span style="color: #000000;">วันนี้ลูกๆหลายคนอาจจะกำลังอยู่กับพ่อกับแม่ในครอบครัวที่แสนสุข ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของแม่ ในการเลี้ยงดูเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากแม่ อยากได้อะไรมีแม่คอยจัดหาให้ อยากกินอะไรมีแม่คอยหามาให้กิน อยากเที่ยวที่ไหนแม่ก็พาไปเที่ยว อยากเรียนอะไรแม่ก็ส่งเสียให้เรียน อยากทำอะไรแม่ก็คอยส่งเสริมสนับสนุนให้ทำอยู่ตลอดมา ลูกๆหลายคนได้รับความสุข สะดวก สบาย สมบูรณ์พูนสุขในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย เงินทองที่ใช้จ่ายได้ตามใจปรารถนา พร้อมทั้งการศึกษาที่ดีในสถาบันที่มีชื่อเสียง ความสมบูรณ์ ความสุขสบายที่ลูกได้รับอย่างสุขเกษมเปรมปรีดิ์ทุกวันนี้ได้มาจากใคร..................?</span><br />
<br />
วันนี้ยังมีลูกๆหลายคนไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่ในครอบครัวที่อบอุ่น ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า เป็นเด็กเร่ร่อน เป็นเด็กจรจัด นอนตามป้ายรถเมล์ เร่ขอทานเก็บเศษอาหารประทังชีวิตไปวันๆ ต้องทนทุกข์ทรมาน เดียวดายไร้ความอบอุ่นหว้าเหว่ห่อเหี่ยวในหัวใจขาดที่พึ่งพาอาศัยต้องตะเกียกตะกายต่อสู้ในโลกที่โหดร้ายมีแต่แก่งแย่งแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น เล่นพรรคเล่นพวก คิดเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว เพื่อให้มีชีวิตอยู่ไปวันๆ<br />
<br />
หากพรุ่งนี้ไม่มี...แม่?<br />
<br />
โบราณว่า "ขาดพ่อเหมือนถ่อหัก ขาดแม่เหมือนแพแตก" ชีวิตของลูกคงกระจัดกระจายไร้ทิศทาง ไร้อนาคต ไร้การศึกษา กลายเป็นเด็กมีปัญหา เป็นภาระของสังคม คงต้องทุกข์ทรมานอย่างหาประมาณมิได้ หากเปรียบชีวิตเหมือนการข้ามฝั่งในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกราก เต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน ซึ่งต้องอาศัยแพและไม้ถ่อข้ามฝั่ง เพื่อไปสู่เป้าหมายอย่างปลอดภัย หากเปรียบไปก็เหมือนพ่อกับแม่ ไม้ถ่อเปรียบเสมือนพ่อ แพเปรียบเสมือนแม่ ถ้าไม้ถ่อหักก็ยังสามารถใช้มือหรือเท้าพายแทน แต่ก็ต้องทุลักทุเลพอควร มีโอกาสถึงฝั่ง 50-50 แต่หากแพต้องแตกหรืออับปางกลางแม่น้ำ โอกาสที่จะถึงฝั่งก็คงลางเลือนและริบหรี่เต็มประดา อาจต้องจมน้ำตาย หรือเป็นอาหารของสัตว์ร้ายได้<br />
<br />
เปลวเทียนละลายแท่ง เพื่อเปล่งเสียงอันอำไพ ชีวิตมะลายไป เหลือสิ่งใดไว้ทดแทน<br />
<br />
หากเปรียบเทียนที่จุดขึ้นเหมือนกับชีวิตแม่ของเรา เทียนเล่มนี้มันส่องแสงให้มากเท่าใด ลำเทียนเองก็จะสั้นลงๆ คล้ายดังชีวิตแม่ที่ให้ลูกมากแค่ไหน อายุของแม่ก็จะสั้นลงๆ อายุที่ได้มาก็คือเวลาที่เสียไป ยิ่งลูกมีความเจริญรุ่งโรจน์มากขึ้นเท่าใด ชีวิตแม่ก็ยิ่งแก่ลงและหดหายลงไปเท่านั้น บางครั้งเทียนมันก็ลุกโชติช่วงชัชวาล บางครั้งก็ริบหรี่หรือไม่ก็ดับ แล้วน้ำตาเทียนก็ไหลหยดย้อยเหมือนหยาดน้ำตาของผู้เป็นแม่ของเรา ในที่สุดเทียนที่จุดขึ้นก็จะเหลือเพียงไส้ดำๆ วาระสุดท้ายของแม่เราก็จะเป็นอย่างนี้ แม่จะเหลือเพียงกระดูกที่เป็นเถ้าถ่าน ให้ลูกน้อยไปรับที่เชิงตะกอน<br />
<br />
หากพรุ่งนี้ไม่มี...แม่?<br />
<br />
แม่ผู้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ลูก แม่ผู้ยอมอด เพื่อให้ลูกอิ่ม แม่ผู้ที่ยอมทุกข์เพื่อให้ลูกสุข แม่ผู้ที่ยอมลำบากเพื่อให้ลูกสบาย แม่ผู้ที่ยอมตายเพื่อให้ลูกมีชีวิตอยู่<br />
<br />
แม่ผู้ที่รักเป็นห่วงเป็นใยและเฝ้าถามลูกอยู่เสมอ เหนื่อยไหมลูก? หิวไหมลูก? ลูกอยากทานอะไร? ลูกอยากได้อะไรบอกแม่มา...แม่จัดให้? แล้วลูกละ เคยถามแม่บ้างหรือเปล่า?<br />
<br />
ลูกบางคน ยามแม่มีชีวิตอยู่ ไม่เคยเลยที่จะรักษาน้ำใจท่าน ไม่เคยเลยที่จะเลี้ยงดูใจท่าน ทำให้ท่านสบายอกสบายใจ ท่านได้เรามาเป็นลูกรู้ไหมท่านดีใจมากขนาดไหน?<br />
<br />
ลูกวัวลูกควายซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉาน มีคุณธรรมน้อย เมื่อโตขึ้นเลิกกินนมแม่ วิ่งเล่นไปมาเอาลำตัวถูไถคลอเคลียแม่มันเล่น แล้วก็เดินจากไป เราอาจสรุปว่า ลูกวัวตัวนั้นไม่ดี ไม่มีความกตัญญู สู้ลูกคนไม่ได้<br />
<br />
แต่ร้อยทั้งร้อยของเจ้าสัตว์เดรัจฉานตัวนี้เมื่อมันโตขึ้นและทิ้งแม่ไป มันจะไม่เถียงแม่ ไม่ตวาดแม่ ไม่ตีแม่ ไม่กระทืบเท้าใส่แม่ และที่สำคัญมันจะไม่ขยี้หัวใจแม่ของมัน...<br />
<br />
แต่ลูกคนบางคนกลับมีแต่คอยสร้างความทุกข์ใจให้แก่ท่าน มีแม่หลายคนที่ระทมขมขื่นเสียใจเพราะลูก ต้องแอบร้องไห้ประจำ ถึงแม้แม่จะได้รับความทุกข์ทรมานจากลูกเพียงใด แม่ก็ยังรัก แม้บางครั้งมีใครบอกว่า ลูกของแม่ชั่ว ลูกของแม่เลว แม่ก็จะไม่เชื่อ ลูกของฉันไม่เป็นอย่างนั้น ลูกของฉันเป็นคนดี ดีชั่วก็ลูก ผิดถูกก็เลือด จะเฉือนจะเชือดได้อย่างไรกัน<br />
<br />
บางคนเอาแต่สนุก เชื่อเพื่อนมากกว่าเชื่อแม่ รักแฟนมากกว่ารักแม่ เคารพเมียมากกว่าเคารพแม่ เลี้ยงเพื่อนฝูงมากกว่าเลี้ยงแม่ โทรหาแฟนมากกว่าโทรหาแม่ คุยกับแฟนทั้งวันทั้งคืน แต่คุยกับแม่แป๊บเดียวตอนขอตังค์ แม่หลายคนช่างโชคร้ายนักเลี้ยงลูกมาตั้งหลายคน แต่ลูกเหล่านั้นไม่สามารถที่จะเลี้ยงพ่อแม่ได้เลย ปล่อยให้แม่ไปอยู่ตามบ้านพักคนชรา สถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุ ทิ้งไว้ตามวัดบ้าง ปล่อยแม่ไว้กับหมากับแมว ไม่เคยดูแลไม่เคยสนใจ ขนมซักชิ้นหนึ่ง น้ำสักแก้วหนึ่ง เงินสักบาทไม่เคยเลย ที่จะให้แม่ มีแต่จะเอา ทรัพย์สิน มรดก เงินประกัน บางคนถึงขนาดแช่งให้แม่ตายเร็วๆ เพื่อตัวเองจะได้มรดก<br />
<br />
หากพรุ่งนี้ไม่มี...แม่?<br />
<br />
ถ้าเย็นนี้คุณแม่ตายไปคุณแม่จะได้อะไร จะได้เพียงแต่ข้าวต้มถ้วยเดียวและน้ำเปล่าครึ่งแก้ว ใส่ถาดเอาไปวางไว้ข้างโลงศพเท่านั้นหรือ แล้วลูกชายลูกหญิงผู้โง่เขลาก็จะไปเคาะข้างโลง พร้อมกับพูดว่า "แม่จ๋าลุกขึ้นมากินข้าวเถอะ... แม่จ๋าลุกขึ้นมากินน้ำเถอะ... แม่จ๋าพระมาแล้วฟังสวดนะแม่นะ..."<br />
<br />
แต่ในขณะที่แม่มีชีวิตอยู่ เราจะได้ยินแต่คำว่า "ลูกจ๋าลูกหิวหรือเปล่า?... ลูกต้องการอะไรหรือเปล่า?... ลูกจ๋าลูกไม่สบายหรือเปล่า?..."<br />
<br />
จะมีลูกซักกี่คนที่จะถามแม่เช่นนั้น หรือจะรอให้แม่ตายไปซะก่อนแล้วค่อยถามอย่างนั้นหรือ เรารักสิ่งใด เราจะถนอมสิ่งนั้น รักษาสิ่งนั้น แล้วมันจะอยู่กับเรานาน ถ้าเรารักแม่ ต้องถนอมน้ำใจท่าน รักษาใจท่าน ถามท่านต้องการอะไร?... ท่านอยากไปไหน?... ท่านอยากทานอะไร?... ท่านเจ็บตรงไหนปวดที่ใด?... ตอนที่แม่มีชีวิตอยู่ไม่เคยสนใจท่านเลย แต่พอคุณแม่ตายลงนำร่างที่ไร้วิญญาณของแม่ไปใส่โลงทองอย่างดี เอาไปไว้วัดแล้วนิมนต์พระมาสวด 7 วัน 7 คืน หวังว่าดวงวิญญาณของแม่จะไปสู่สุขคติโลกสวรรค์ นี่หรือคือสิ่งที่เรามอบให้แม่<br />
<br />
จัดห้องนอนให้แม่ ตอนที่แม่มีชีวิตอยู่แม้ครั้งเดียว ยังดีกว่าจัดงานศพใหญ่โตเมื่อแม่สิ้นชีวิต<br />
<br />
มอบดอกไม้สักดอกให้แม่ ตอนมีชีวิตอยู่ มีค่ากว่าพวงหรีดหลายร้อยพวงที่ประดับข้างโลงศพแม่<br />
<br />
หาน้ำเย็นๆให้แม่ดื่ม ทำอาหารดีๆให้แม่กิน มีค่ากว่าจัดอาหารอันประณีตไปวางข้างโลงศพท่าน<br />
<br />
โทรศัพท์หรือจดหมาย ไปถามไถ่ท่านบ้าง ดีกว่าจัดงานบุญใหญ่โตอุทิศให้ท่าน<br />
<br />
ทำความดีมีความกตัญญูต่อแม่ ขณะมีชีวิตอยู่ ประเสริฐกว่าการสำนึกบุญคุณได้เมื่อท่านตายจากแล้ว<br />
<br />
หากพรุ่งนี้ไม่มี...แม่?<br />
<br />
ใครจะมาดูแลเรา มาสนใจรักเรา มาเป็นห่วงเป็นใยเราเท่ากับคุณพ่อคุณแม่ ไม่มีอีกแล้วในโลกนี้ รักใดไหนเล่าเท่าแม่รัก เป็นรักที่บริสุทธิ์ใจ เป็นรักที่ยิ่งใหญ่ เป็นรักที่แท้จริง<br />
<br />
"อันรักใดไหนเล่าเท่ารักลูก... จิตพันผูกสายเลือดสืบเชื่อสาย... เป็นความรักบริสุทธิ์ดุจใจกาย... เป็นเครื่องหมายประจักษ์รักซื่อตรง..."<br />
<br />
อ่านบทความนี้จบแล้วเย็นนี้ไปกราบตักท่าน ไปดูดวงตาท่านสิว่าท่านมีความสุขหรือมีความทุกข์ ไม่ต้องอายในการทำความดี มีอะไรช่วยท่านได้ช่วยเลยอย่านิ่งดูดาย ถ้าวันนี้ไม่แสดงความกตัญญูต่อท่าน อาจจะไม่มีโอกาสตอนที่แม่มีชีวิตอยู่ แล้วจะไปอ้อนวอนตอนที่แม่มีแต่ร่างซึ่งไร้วิญญาณแล้วคงไม่มีความหมาย น้ำเย็นๆสักแก้วเอาไปให้ท่านดื่ม เสื้อผ้าดีๆสักชุด เป็นลูกที่ดีสักคน สามารถต่อชีวิตแม่ได้เป็นปีๆ อย่าเอาไปให้ท่านดื่มตอนที่ท่านไม่มีชีวิตแล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไร<br />
<br />
"ให้ของขวัญแก่แม่นับแต่นี้... ด้วยทำดีต่อพ่อแม่ตอนแก่เฒ่า... ให้ท่านได้ประจักษ์รักของเรา... ดีกว่าเฝ้าทำบุญให้เมื่อวายชนม์..."<br />
<br />
อย่าให้ความสำคัญกับแม่ผู้มีพระคุณเฉพาะในวันแม่ 12 สิงหาคม เท่านั้น แต่จงทำทุกวันให้เป็นวันแม่ เหมือนกับความรักที่แม่มีให้ลูกทุกๆวันตั้งเกิดจนตาย หมั่นดูแลรักษาจิตใจของท่านให้ดี เพราะเราสามารถมีแม่ได้เพียงคนเดียวเท่านั้นในโลกนี้<br />
<br />
อย่าปล่อยให้หญิงแก่ๆ คนหนึ่งที่รักเรามากที่สุดในโลก ต้องอยู่ในความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาที่โหดร้าย ต้องตรอมใจตายเพราะลูกๆที่เธอรักแต่ไม่รักเธอ...<br />
<br />
<center><iframe width="480" height="385" src="http://www.youtube.com/embed/MjKFBYKgUeY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center>eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-14611574884572940212013-01-27T17:37:00.002+07:002013-03-07T16:58:53.157+07:00103 เพิ่งเคยเห็นนายกฯคนแรกนี่แหละ ที่สนับสนุนให้เด็กเก่งคณิตศาสตร์<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/08/22.html" target="_blank">เจอของจริงแกล้งเฉไฉ เฮ้อ!! แถแบบนี้...ผมบายดีกว่า กลัวติดเชื้อ"โรคกลัวความจริง"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/09/102.html" target="_blank">ไม่รีบเค้นออกมาจะเสียใจ...พรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษของเด็กๆ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.529947637019263.133881.100000120933242&type=1&l=1665871f0d" target="_blank">ขอต้อนรับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะ สู่มหานครนิวยอร์ก คลิกที่นี่...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/10/24-master-of-business-administration-mba.html" target="_blank">สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเรียน Master of Business Administration (MBA)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/10/25.html" target="_blank">มองโครงการรับจำนำข้าวในสายตาของชาวนาตัวจริง...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.539876712693022.136110.100000120933242&type=3&l=062f44209a" target="_blank">ภาพชุด..นายกฯปู ร่วมประชุม สุดยอด ACD กรอบความร่วมมือเอเชีย ที่คูเวตซิตี้</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.556629037684456.139430.100000120933242&type=3&l=512ae14f72" target="_blank">Obama' ประเด็นที่สื่อไทยเมิน & อัลบั้มโอบามาเยือนไทย 18พ.ย.55</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/12/blog-post.html" target="_blank">แผนชั่วๆ สร้างความรำคาญให้ต่างชาติ เลิกซื้อข้าวไทย!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/12/71.html" target="_blank">ปลื้มปีตี"ในหลวง"เสด็จออก ณ สีหบัญชร เปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ"กึกก้อง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/12/107-46.html" target="_blank">'ประชามติ'เกมวัดใจผู้มีสิทธิ 46 ล้าน ต้องการ รธน.เผด็จการหรือประชาธิปไตย ???</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/12/blog-post_24.html" target="_blank">อย่า"ฟูมฟาย"ให้เพื่อนๆ"เสียขวัญ" ... อย่า"กดดัน"จนคนทำงานต้อง"เสียกำลังใจ"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/12/28.html" target="_blank">อ่านบทสัมภาษณ์นี้แล้ว เห็นได้ชัดเลยครับว่า... นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่ โง่มาก โง่มากจริงๆ ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2013/01/blog-post.html" target="_blank">ภาพชุดพิเศษ...นายกฯปู รณรงค์"ประชามติ"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2013/01/blog-post.html" target="_blank">ฮู้ยยยย...สติแตกกันไปหมดแย้วทั้งคนเล่นและกองเชียร์แนวร่วม</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2013/01/72-click.html" target="_blank">ผมไม่ได้แหล!!! แต่เรื่องดีๆอย่างนี้..clickดูเองเหอะ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2013/01/108.html" target="_blank">ความเป็นมาของ คดีสะเทือนโลก "ที่ดินรัชดา" ที่ทุกๆคนควรรู้!!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2013/01/blog-post_18.html" target="_blank">เปิดใจ "พงศพัศ พงษ์เจริญ" ว่าที่ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (ย่อมรับคนนี้เก่งจริง)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/02/1-01.html" target="_blank">ที่ปรึกษาอัคคีภัยเซ็นทรัลฯ ยันจำเลยคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ไม่สามารถวางเพลิงได้</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/02/1-01.html" target="_blank">หึหึ ปวดตับละทีนี้ จะรุกเขมิบม้า เจอสวนรุกฆาต โบราณว่า..เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://2555crisis.blogspot.com/2013/02/03.html" target="_blank">โถ..โถ..โถ..น่าสมเพชเวทนา เอา"ข้าวนึ่ง"จากไหนไม่รู้ จัดฉากใส่ร้ายเขาเป็นตุเป็นตะ หวัง"ตีกิน"ตามสันดาน!!</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>เปิดใจ "พงศพัศ พงษ์เจริญ" ว่าที่ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (ย่อมรับคนนี้เก่งจริง)</strong></span><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2013/01/blog-post_18.html" target="_blank">เปิดใจ "พงศพัศ พงษ์เจริญ" ว่าที่ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (ย่อมรับคนนี้เก่งจริง)</a><br />
<br />
...เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ ชาวกรุงเทพฯ อยากเห็นผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ ดูแล้วมีความหวัง สามารถเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ และชีวิตความเป็นอยู่ให้พวกเขา... พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ถ้าได้รับเลือกตั้งจะเร่งดำเนินการเรื่องขนส่งมวลชน โดยเฉพาะรถเมล์ไม่ปรับอากาศฟรี ส่วนรถปรับอากาศจะคิดราคา 10 บาทตลอดสาย เรือข้ามฟากเรือคลองแสนแสบให้บริการฟรีหมด ส่วนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ส่วนป้ายรถเมล์หลายพันจุดก็จะจัดระเบียบใหม่ ไม่ให้วิ่งทับซ้อนกัน จะเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดย กทม.จ่ายส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/xq/2013-01-18_10_1.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศไทยของนายกฯปู</strong></span><br />
<br />
ฟังแล้วหนาวแทนข้าราชการกับท่านผู้ว่าฯ นะตา..<br />
<center><img src="http://upic.me/i/h4/s01510.jpg"></center><br />
ตอน1<br />
<center><iframe width="480" height="385" src="http://www.youtube.com/embed/v3vLCSFQqGQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
จะสบายๆสักหน่อย ดันมาเจอนายกฯปูให้การบ้านหนักๆทั้งนั้นล่ะยายเอ้ย..<br />
<center><img src="http://upic.me/i/uw/s02510.jpg"></center><br />
ตอน2<br />
<center><iframe width="480" height="385" src="http://www.youtube.com/embed/ide5rfMz6dU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
นายกฯปู เช้า บรรยาย บ่าย work shop.. แน่นอนต้องมีการติดตามผลงานอีก<br />
<center><img src="http://upic.me/i/yy/s03510.jpg"></center><br />
ตอน3<br />
<center><iframe width="480" height="385" src="http://www.youtube.com/embed/fLZnXeWWpmU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
เฮ้อ.. นี่มัน ทักษิณ2 นี่หว่า<br />
<center><img src="http://upic.me/i/87/s04510.jpg"></center><br />
<center><iframe width="480" height="385" src="http://www.youtube.com/embed/6P8Q5MMaM34" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/04/2354.html" target="_blank">ทักษิณแถลงนโยบาย "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ" ที่ศูนย์ธรรมศาสตร์ รังสิต 23เม.ย.54</a><br />
<br />
ฮ่า ฮ่า ฮ่า... ฟังอีหนูปู..มีความสุขจุงเบย..<br />
<center><img src="http://upic.me/i/so/s05510.jpg"></center><br />
<center><iframe width="480" height="385" src="http://www.youtube.com/embed/EwyljhvFR0E" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/wa/13592.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>เรื่องเล่าเกี่ยวกับ นายกฯทักษิณ.. เพิ่งเคยเห็นนายกฯคนแรกนี่แหละ ที่สนับสนุนให้เด็กเก่งคณิตศาสตร์</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: Gretchen</span> เว็บpantip<br />
<br />
รู้มั้ย??? ทำไมเราถึงไม่เคยเชื่อพันธมิตรเสื้อเหลืองเลย ว่านายกฯทักษิณขายชาติ<br />
<br />
วันนี้อ่านกระทู้ คุณสมบัติของผู้บริหารประเทศ ก็เลยพลอยทำให้นึกถึงเรื่องนี้<br />
<br />
เมื่อ 17 ปีที่แล้ว (นานมาก --')<br />
<br />
ตอนนั้นเราอยู่ ป.4 โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนหนองวัด จ.ขอนแก่น<br />
<br />
เรากำลังนั่งเรียนหนังสืออยู่ในห้องเรียน เราไม่รู้เรื่องการเมืองอะไรเลย ^^ เราก็เป็นแค่เด็ก ป.4 ที่ชอบเล่นกับเพื่อนๆในห้อง ตามประสาเด็ก<br />
<br />
วันหนึ่ง คุณครูที่กำลังสอนอยู่ ก็บอกพวกเราว่า "วันนี้จะมี ผู้สมัคร สส. มาคุยด้วยนะนักเรียน" ^^<br />
<br />
เราก็ไม่รู้เรื่องอะไร เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า สส. คืออะไร --'รู้จักแต่ นายชวนหลีกภัย นายกรัฐมนตรี (ท่องทุกวัน --' มีติดที่บอร์ดหน้าห้องเรียนด้วย)<br />
<br />
แล้วสักพัก ก็มีผู้ชายวัยกลางคน เดินเข้ามา<br />
<br />
แนะนำตัวเองว่า เขาชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร"<br />
<br />
ตอนนั้น ลุงทักษิณ แกพูดอะไรของแกก็ไม่รู้นะ --' (หาเสียงกับเด็ก ป.4)<br />
<br />
เราจำไม่ได้เลยว่าลุงทักษิณพูดอะไรบ้าง --' เพราะเราไม่รู้เรื่องการเมือง<br />
<br />
แต่ก่อนที่ลุงทักษิณจะจากไป เราจำประโยคสุดท้ายได้ว่า<br />
<br />
พรรคของลุงทักษิณ ไม่มีการซื้อเสียง เป็นพรรคที่สุจริตแน่นอน<br />
<br />
เสร็จแล้ว ลุงทักษิณ ก็แจกการ์ดแข็งๆ ใบเล็กๆ ให้เด็กๆคนละ 1 ใบ<br />
<br />
เลิกเรียนวันนั้น เราถือการ์ดแข็งๆใบนั้นแหละ กลับบ้าน กลับไปบอกแม่ว่า "แม่ๆ กาเบอร์นี้นะ วันนี้มีคนมาหาเสียง เขาบอกว่า พรรคเขาสุจริต ไม่มีการซื้อเสียง"<br />
<br />
แล้วเชื่อไหม??? วันเวลาผ่านไปหลายๆปี เราจำชื่อพรรคไม่ได้นะ เราจำเบอร์ไม่ได้ แต่เราจำชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" ได้ เพราะลุงทักษิณ เป็นนักการเมืองคนแรก ที่เราเคยเห็นแบบตัวเป็นๆในชีวิต แล้วก็เป็นนักการเมืองคนแรกที่เราได้ยินเขาพูดกับหูตัวเองว่า เขาเป็นคนซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ซื้อเสียง<br />
<br />
ที่เหลือ เราไม่รู้จักใครเลย รู้จักแต่นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย<br />
<br />
---<br />
<br />
จนกระทั่ง เราขึ้น ม.1<br />
<br />
ก็เป็นเหมือนเดิม เราเป็นเด็กสายวิทย์ ไม่ค่อยรู้เรื่องการเมือง แต่เราจำได้ว่า มันมีอยู่วันหนึ่ง คุณครูประจำวิชาสังคมศึกษานี่แหละ เขามาพูดกับนักเรียนในห้องเรียนว่า<br />
<br />
"รู้มั้ย ว่าตอนนี้ ประเทศไทยเราติดหนี้ IMF ตอนนี้พวกเธอทุกคนที่นั่งเรียนอยู่ ก็ติดหนี้อยู่นะ คนละ.... บาท" (จำไม่ได้ว่า กี่บาท แต่จำได้ว่า พากันร้อง "โห....O.O" ทุกคนเลย --')<br />
<br />
ตอนนั้น เราก็คิดนะว่า ประเทศเรามันยากจนขนาดนั้นเลยหรอฟระ ??? O.O<br />
<br />
จนกระทั่งเราขึ้น ม.ไหน เราก็จำไม่ได้ ประมาณ ม.3 หรือ ม.4 นี่แหละ ประเทศไทยก็มีนายกรัฐมนตรีชื่อว่า "ทักษิณ ชินวัตร"<br />
<br />
ด้วยความที่เรา ไม่ค่อยสนใจการเมือง ไม่รู้เรื่องเลย --' สนใจแต่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ แล้วก็บ้าดาราไปวันๆ<br />
<br />
แต่เราก็ได้ยินมาคร่าวๆนะว่า.. ประมาณเราอยู่ ม.4 คุณครูเขาก็มาบอกว่า ตอนนี้ ประเทศไทยใช้หนี้ IMF หมดแล้ว!<br />
<br />
แล้วสักพัก ก็มีการออกข่าว ออกทีวี มีการชูธงชาติไทย เหนือยาเสพติด มีการประกาศชัยชนะ ว่าประเทศเรา ไม่มียาเสพติดแล้ว!! (คนแถวบ้านเราคนหนึ่ง โดนจับด้วย เพราะขายยาเสพติด ตอนนี้โดนปล่อยแล้ว)<br />
<br />
แล้วสักพัก เราก็ได้ดูข่าว นายกฯทักษิณ ออกทัวร์สอนคณิตศาสตร์ตามโรงเรียนมัธยมต่างๆ (เราชอบมาก^^ เพิ่งเคยเห็นนายกฯคนแรกนี่แหละ ที่สนับสนุนให้เด็กเก่งคณิตศาสตร์) แล้วก็มีการมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ให้โรงเรียนหลายๆแห่ง<br />
<br />
<center><iframe width="480" height="385" src="http://www.youtube.com/embed/videoseries?list=PL64FA9CB589A9E067" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
แล้วเราก็เห็นภาพ นายกฯทักษิณ ไปคลุกคลีกับชาวบ้าน นุ่งผ้าขาวม้า ไปพูดคุยกับชาวบ้าน<br />
<br />
ตอนนั้น เราก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องการเมือง รู้แต่ว่า.. "มีความรู้สึกดีๆกับนายกฯคนนี้มาก!"<br />
<br />
จนมาถึง ตอนที่เราประทับใจที่สุด ตอนนั้นเราน่าจะอยู่ ม.5 หรือ ม.6 นี่แหละ เราก็จำไม่ได้<br />
<br />
เราเห็นโฆษณา ของรัฐบาลนี่แหละ ผ่านหน้าจอ TV บอกว่า.. "หากพบเห็น การทุจริต คอรัปชั่น การรับเงินใต้โต๊ะ ของข้าราชการ หรือหน่วยงานราชการ โปรดแจ้งสายด่วน 16xx" (จำเบอร์ไม่ได้)<br />
<br />
สักพัก เราก็เห็นโฆษณาของรัฐบาลอีกนี่แหละ บอกว่า "หากท่านพบเห็น การกระทำของผู้มีอิทธิพลที่ผิดกฎหมาย โปรดแจ้งสายด่วน 16xx" (จำเบอร์ไม่ได้ มันนานแล้ว)<br />
<br />
ตอนนั้น ในบรรดาสิ่งที่นายกฯทักษิณทำทั้งหมด เราประทับใจไอ่ สายด่วนโทรแจ้งคนขี้โกงนี่ ที่สุดเลย!!<br />
<br />
เราเคยโทรไปด้วยนะ เรื่องตำรวจที่ขอนแก่น ทำผิดกฎหมายซะเอง (แล้วเราก็เคยเขียนจดหมายไปขอการช่วยเหลือเรื่องที่ดินบ้านกับนายกฯด้วย ได้รับตอบกลับมาด้วย ^^ เร็วมาก ^O^)<br />
<br />
ตอนนั้น เราคิดในใจเลยนะว่า.. "เอาแล้ว!! ^O^ ประเทศเรา กำลังจะเจริญแล้ว!! ข้าราชการ หน่วยงาน ที่ทำผิดกฎหมาย เราจะโทรแจ้งสายด่วนให้หมดเลย!!! ยังไงเราก็มีนายกฯทักษิณหนุนหลังอยู่ >< เราไม่ต้องกลัวอิทธิพลอะไรทั้งสิ้น! พบเห็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เราโทรแจ้งได้เลย ^O^ "<br />
<br />
นายกฯทักษิณ ประกาศเป็นศัตรูกับ การทุจริตคอรัปชั่น และการทำผิดกฎหมายของผู้มีอิทธิพลทั้งหมด<br />
<br />
เรารู้สึกได้เลยว่า ประเทศเรากำลังจะ เจริญ และ เจริญ มากขึ้น มากขึ้น ทุกวัน ทุกวัน<br />
<br />
แต่เชื่อไหม??? เราเพิ่งโทรแจ้งเรื่องที่ข้าราชการคอรัปชั่นไปเรื่องเดียว! ยังโทรแจ้งไม่ครบเลย<br />
<br />
ไม่นานต่อมา (เราอยู่มหาลัย ปี 1) ทีวีทุกช่องก็ดับ แล้วตามมาด้วย การรัฐประหาร ล้มรัฐบาลของนายกฯทักษิณ (พิมพ์ไปยังขนลุกไปเลย!)<br />
<br />
แล้วตั้งแต่นั้น ประเทศเราก็เริ่ม ถอยหลัง ยาเสพติดกลับคืนมา การทุจริตคอรัปชั่นกลับคืนมา (รวมไปถึงนายกฯทักษิณเองก็โดนกล่าวหาว่าขายชาติด้วย) แล้วพวกผู้มีอิทธิพลที่ชอบทำผิดกฎหมาย ก็กลับคืนมา<br />
<br />
เรามองเห็น ประเทศถอยหลังลงคลอง มีคนใส่เสื้อเหลืองที่อ้างว่ามีการศึกษา พากันตะโกนด่านายกฯทักษิณว่า ขายชาติ!<br />
<br />
เราไม่มีทางเชื่อเลย ว่านายกฯทักษิณจะขายชาติ เอาอะไรมาพูดเราก็ไม่เชื่อ<br />
<br />
เราไปตามอ่านข่าวของทุกสำนัก อ่านสำนวนคดี เราอยากรู้ว่า นายกฯทักษิณ ขายชาติจริงๆไหม???<br />
<br />
เราตามอ่านทุกสำนวนคดี ทุกข้อกล่าวหาที่พันธมิตรกล่าวหานายกฯทักษิณ<br />
<br />
แล้วผลที่ได้คือ "ทุกข้อกล่าวหา ล้วนคลุมเครือ ไม่มีข้อกล่าวหาไหนที่ชัดเจนเลยว่า นายกฯทักษิณขายชาติ!"<br />
<br />
นายกฯทักษิณเป็นคนไทยแท้ๆ มีพ่อแม่อยู่เชียงใหม่ โตมาแบบเด็กยากจน เรียนหนังสือผ่านแสงเทียนและหลอดไฟของวัด<br />
<br />
มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่คนที่คิดจะขายชาติ จะสร้างอะไรดีๆทิ้งไว้มากมายขนาดนี้<br />
<br />
เขาบอกว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ นิสัยเหมือนนายกฯทักษิณ<br />
<br />
เราเห็นแล้วว่า เหมือนจริงๆ นายกฯยิ่งลักษณ์เป็นคนดี บอกตรงๆว่าเรื่องการบริหารอาจไม่เก่งเท่านายกฯทักษิณ แต่นายกฯยิ่งลักษณ์ท่านเป็นคนอ่อนโยน ไม่ค่อยตอบโต้ใคร รู้จักกาละเทศะ เหมาะที่จะเป็นนายกฯในช่วงที่การเมืองครุกรุ่นที่สุด!<br />
<br />
ป้าดดด!! กระทู้นี้ อวยกันเต็มๆ 5555+<br />
eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-1641570880708593532013-01-04T20:48:00.001+07:002013-01-25T17:19:21.721+07:00102 แด่..มนุษย์เงินเดือน "อันความรู้ รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล"<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/07/19-1972-8000-8-2-job.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00... ตอนที่ 8...กลับไปทำงาน 2 job ใหม่ กลับเมืองไทยครั้งแรกหลังจากที่จากมาแล้วเกือบสิบปี เริ่มค้าขาย ชีวิตหักเหอีกครั้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2012/01/82-by-kimeng-suk.html" target="_blank">ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา By: kimeng suk</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/08/22.html" target="_blank">เจอของจริงแกล้งเฉไฉ เฮ้อ!! แถแบบนี้...ผมบายดีกว่า กลัวติดเชื้อ"โรคกลัวความจริง"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/09/102.html" target="_blank">ไม่รีบเค้นออกมาจะเสียใจ...พรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษของเด็กๆ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.529947637019263.133881.100000120933242&type=1&l=1665871f0d" target="_blank">ขอต้อนรับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะ สู่มหานครนิวยอร์ก คลิกที่นี่...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/10/24-master-of-business-administration-mba.html" target="_blank">สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเรียน Master of Business Administration (MBA)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/10/25.html" target="_blank">มองโครงการรับจำนำข้าวในสายตาของชาวนาตัวจริง...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.539876712693022.136110.100000120933242&type=3&l=062f44209a" target="_blank">ภาพชุด..นายกฯปู ร่วมประชุม สุดยอด ACD กรอบความร่วมมือเอเชีย ที่คูเวตซิตี้</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.556629037684456.139430.100000120933242&type=3&l=512ae14f72" target="_blank">Obama' ประเด็นที่สื่อไทยเมิน & อัลบั้มโอบามาเยือนไทย 18พ.ย.55</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/12/blog-post.html" target="_blank">แผนชั่วๆ สร้างความรำคาญให้ต่างชาติ เลิกซื้อข้าวไทย!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/12/71.html" target="_blank">ปลื้มปีตี"ในหลวง"เสด็จออก ณ สีหบัญชร เปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ"กึกก้อง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/12/107-46.html" target="_blank">'ประชามติ'เกมวัดใจผู้มีสิทธิ 46 ล้าน ต้องการ รธน.เผด็จการหรือประชาธิปไตย ???</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/12/blog-post_24.html" target="_blank">อย่า"ฟูมฟาย"ให้เพื่อนๆ"เสียขวัญ" ... อย่า"กดดัน"จนคนทำงานต้อง"เสียกำลังใจ"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/12/28.html" target="_blank">อ่านบทสัมภาษณ์นี้แล้ว เห็นได้ชัดเลยครับว่า... นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่ โง่มาก โง่มากจริงๆ ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2013/01/blog-post.html" target="_blank">ภาพชุดพิเศษ...นายกฯปู รณรงค์"ประชามติ"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2013/01/blog-post.html" target="_blank">ฮู้ยยยย...สติแตกกันไปหมดแย้วทั้งคนเล่นและกองเชียร์แนวร่วม</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2013/01/72-click.html" target="_blank">ผมไม่ได้แหล!!! แต่เรื่องดีๆอย่างนี้..clickดูเองเหอะ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2013/01/108.html" target="_blank">ความเป็นมาของ คดีสะเทือนโลก "ที่ดินรัชดา" ที่ทุกๆคนควรรู้!!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2013/01/blog-post_18.html" target="_blank">เปิดใจ "พงศพัศ พงษ์เจริญ" ว่าที่ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (ย่อมรับคนนี้เก่งจริง)</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/xq/2013-01-18_10_1.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>เปิดใจ "พงศพัศ พงษ์เจริญ" ว่าที่ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (ย่อมรับคนนี้เก่งจริง)</strong></span><br />
<br />
...เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ ชาวกรุงเทพฯ อยากเห็นผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ ดูแล้วมีความหวัง สามารถเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ และชีวิตความเป็นอยู่ให้พวกเขา... พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ถ้าได้รับเลือกตั้งจะเร่งดำเนินการเรื่องขนส่งมวลชน โดยเฉพาะรถเมล์ไม่ปรับอากาศฟรี ส่วนรถปรับอากาศจะคิดราคา 10 บาทตลอดสาย เรือข้ามฟากเรือคลองแสนแสบให้บริการฟรีหมด ส่วนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ส่วนป้ายรถเมล์หลายพันจุดก็จะจัดระเบียบใหม่ ไม่ให้วิ่งทับซ้อนกัน จะเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดย กทม.จ่ายส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น<br />
<br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2013/01/blog-post_18.html" target="_blank">เปิดใจ "พงศพัศ พงษ์เจริญ" ว่าที่ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (ย่อมรับคนนี้เก่งจริง)</a><br />
<br />
<center><iframe width="480" height="385" src="http://www.youtube.com/embed/qe2fS0pITCQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: large;"><strong>ถามอะไรแบบเด็กๆหน่อยได้มั้ยคะ - เราสงสัยว่าคนรุ่นใหม่ต่อไปจะตั้งตัวได้ยังไงเพราะเงินเดือนต่ำ อัตราการแข่งขันสูงแบบนี้</strong></span><br />
ที่มา: <a href="http://2g.pantip.com/cafe/silom/topic/B12978940/B12978940.html" target="_blank">http://2g.pantip.com/cafe/silom/topic/</a><br />
<br />
<font color=#ff9900><b>By SICKHEART :</b></font> เราอายุประมาณ 24 ปีค่ะ ทำงานมาประมาณปีนิดๆ เป็นฟรีแล้น เงินเดือนประมาณ 2 หมื่น (บางเดือน 1 หมื่น บางเดือน 3 หมื่น) แต่ก็ถือว่าค่าใช้จ่ายไม่เยอะ เพราะอยู่บ้านน่ะค่ะ ไม่มีค่าเดินทาง<br />
<br />
พ.ศ. 2535 แม่เราซื้อบ้านแถวปิ่นเกล้า 16 ตร.ว. ราคา 6 แสน<br />
<br />
พ.ศ. 2545 พี่ชายเราเพิ่งจบ ทำงานเป็นสถาปนิก เงินเดือน 12 k (ทำงาน 6 วัน)<br />
<br />
พ.ศ. 2554 เพื่อนเราสายสถาปัตย์เรียนจบ เงินเดือน 12k-15k (เท่ากับพี่เราเมื่อ สิบปีก่อนเลย o_o)<br />
<br />
พ.ศ. 2555 บ้านหลังปัจจุบันเรากำลังจะขาย ที่ราคา 1.9 ล้าน (บ้านโทรมมากอยู่มา 20ปี...)<br />
<br />
คือรู้สึกว่า ตัวเลขมันสวนทางกันจังเลยค่ะ รุ่นเราเพื่อนๆรอบตัว (หรือตัวรุ่นพี่ที่อายุราวๆ เลข สาม ) ทำงานออฟฟิศได้เงินเดือนราวๆ 12k - 15k สายบัญชี หรือ AE ก็ได้ราวๆ 20k-25k ยังไม่มีเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่เงินเดือนเกินสามหมื่นเลยค่ะ (เพื่อนเราที่เราถามคุยมาก็มีหลายๆสายนะคะ อาร์ตได กราฟฟิก ครู ผู้ช่วยแพทย์ นักบัญชี) อันนี้ยังไม่รวม หมอ กับ ทนายนะคะ เพราะ เพื่อนกลุ่มนั้นยังเรียนไม่จบ (ฮา) และก็ยังไม่รวมพวกที่เปิดกิจการเอง เช่น พวกร้านเสื้อผ้า กระเป๋าตาม jj นะคะ<br />
<br />
มีรุ่นใหญ่ที่รู้จักกัน (อายุประมาณ 35-40) เงินเดือน หลักแสน แต่ร่างกายพังไปหมดเพราะทำงานหนักมาตลอด เราทำฟรีแล้นก็พออยู่ได้ค่ะ มีเงินเก็บเพราะว่าอยู่บ้านกับแม่ ให้ค่าใช้จ่ายที่บ้านเดือนละ 2-3 พัน (ยังไม่ต้องจ่ายทั้งหมดของที่บ้าน) พาแม่ไปกินข้าวบ้าง ส่วนพวกของฟุ่มเฟือยเราไม่ค่อยมี มือถือใช้แบบจอขาวดำ/เสื้อผ้าไม่ซื้อใหม่ใส่เสื้อยืดเกงเลอยู่บ้าน / เครื่องสำอางไม่ใช้ สมัยเรียนมีงานประกวดพอสมควร ตอนนี้จบมาเกือบสองปี มีเงินเก็บ แสนห้า<br />
<br />
เราคุยกับเพื่อนที่ทำงานประจำ เพื่อนบอกว่า เก็บเงินไม่ได้ ใช้เดือนชนเดือน ส่วนมากหมดไปกับ ค่าเดินทาง และ ค่ากิน บางคนก็ต้องอยู่หอ เพราะทำงานไกลบ้าน แม้แต่คนที่ประหยัดๆ ได้เงินเดือน สองหมื่นนิดๆ เก็บได้ 2-3 พันบาทต่อเดือนถ้าให้พ่อแม่คือหมดพอดี<br />
<br />
ขณะที่เราหันไปดูราคาพวก บ้าน รถ อสังหาริมทรัพย์ต่างๆ มันแพงจนน่าตกใจ บ้านทั่วๆไปก็ 3-4 ล้านแล้ว คอนโด 30 ตร.ม.ราคาเริ่มต้นก็ ล้านนึง...ราคาแบบนี้ นึกไม่ออกเลยว่าจะผ่อนยังไงได้ ในเมื่อเงินเดือนคนทั่วไปก็ไม่ได้มากมายอะไร คอนโด+โครงการบ้านขึ้นใหม่เยอะมาก แต่ดูราคาแล้วเหมือนไม่ได้มีไว้ให้คนรุ่นใหม่อยู่เลยอะค่ะ<br />
<br />
- คนส่วนมากของประเทศนี้ (หรือไม่ก็กรุงเทพฯ) จริงๆมีรายได้เฉลี่ยเท่าไรคะเนี่ย ทำไมราคาที่อยู่อาศัยมันสูงจัง<br />
<br />
- คนรุ่น Gen X เป็นต้นไป ในเมื่อเงินเดือนได้กันเท่านี้ อัตราการแข่งขันก็สูง ต่อไปจะตั้งตัวยังไงคะ หรือต้องกิจการส่วนตัวอย่างเดียว<br />
<br />
อย่างที่บอกอะค่ะ ถ้าไม่นับญาติผู้ใหญ่ที่เป็นระดับ ผู้บริหาร / เจ้าของกิจการ เองแล้ว เงินเดือนหลักแสน เราก็มองไม่เห็นเลยว่า คนรุ่นใหม่ หนุ่มๆสาวๆนี่จะทำไงถึงจะไต่ไปได้ในระดับนั้น โดยที่ไม่แก่ไปเสียก่อน (บางสายอาชีพนี่ ต่อให้ทำงานจนแก่แล้วก็คงยังไม่สามารถแตะเงินแสนได้เลยด้วยซ้ำมั้ง?)<br />
<br />
หรือจริงๆแล้วเรา+คนรอบตัวเรา เป็นพวกรายได้ต่ำเองกันแน่หว่า = ='' คนอื่นที่เงินเดือนสูงๆ(กว่านี้)ทั้งๆที่ยังหนุ่มยังสาวกันอยู่ เขาเรียนอะไร ทำงานอะไรกันบ้างเหรอคะ<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/oq/vkop2.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: large;"><strong>แด่..มนุษย์เงินเดือน "อันความรู้ รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล"</strong></span><br />
<br />
<font color=#ff9900><b>By basicball :</b></font> เงินเดือนระหว่างเด็กจบใหม่กับคนที่มีประสบการณ์มันต่างกันเยอะครับ ในทุกสายอาชีพ<br />
<br />
ตอนจบใหม่นี่ผมจบช้านะครับ เรียนไป 8 ปี จบเกรด 2.02 F ไม่ต้องนับ 2มือก็นับไม่หมด กว่าจะจบก็อายุ 27-28 ไปแล้ว เงินเดือนผมก็สตาร์ทมากกว่าคุณหน่อยแหล่ะ ที่ 17-18 K เอง<br />
<br />
ตอนนี้ผม 30 ครับ ทำงานมาประมาณ 3 ปี เงินเดือนผมเกิน 50K ไปแล้ว<br />
<br />
<font color=#ff0033><b>"อันความรู้ รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล" เป็นความจริงแท้ในสังคมการทำงานเลยครับ ที่จะช่วยให้เงินเดือนคุณก้าวกระโดดได้</b></font><br />
<br />
ถ้าสนใจอยากรู้... ผมจะเล่าให้ฟังครับ<br />
<br />
เกริ่นเรื่องสักนิดหนึ่งนะครับ เพื่อความเข้าใจ ผมเป็นเด็กบ้านนอกครับ เรียนอนุบาล-ประถมที่โรงเรียนประจำจังหวัดเล็กๆ อาจจะเป็นการชมตัวเองนะครับ แต่จริงๆแล้วผมเป็นคนหัวดีพอสมควร ตั้งแต่เด็กมา สมัยประถม ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่าผมจะทำข้อสอบยังไงให้ได้คะแนนน้อยๆ คนอื่นเค้าสอบกัน 3 ช.ม. ผมทำ 20 นาทีออก เกรดผม 4.00 ตลอด เคยทำคะแนนคณิตศาสตร์ได้ 100 เต็ม 100 ด้วย เรียกว่าแข่งกับเพื่อนเป็นอันดับ 1 ของสายชั้นทั้งๆที่ผมไม่เคยอ่านหนังสือไปสอบเลย<br />
<br />
พอมามัธยมที่บ้านก็ส่งมาเรียน กทม. เพราะคิดว่าหัวไปไหว ผมได้เข้าในโรงเรียนที่ว่ากันว่าเป็น 1 ใน 4 โรงเรียนที่ดีที่สุดในโรงเรียนรัฐสมัยนั้น ระบบการเรียนการสอนเป็นแบบยัดให้นักเรียนจำสูตร แล้วทำโจทย์ โดยไม่สอนความเข้าใจว่าไอ้สูตรทั้งหลายนั่น เอาไปใช้อะไรได้กับในชีวิตจริง ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าการ อินทิเกรตและดิฟ มันจะเอาไปใช้อะไรได้ในชีวิต ผมไม่ได้ซื้อส้มดิฟ 3ส่วน4ลูก ผมก็เลยไม่เรียน ฟิสิกส์คำนวณแรง F=ma คำนวณไปทำไม เอะอะก็ให้ท่องสูตร ก็เลยไม่เรียน เคมีจะรู้ไปทำไม ตัวอักษรสูตรอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ ไม่เห็นมีประโยชน์เลย ก็เลยไม่เรียน วันๆเอาแต่เล่นบาสฯ เกรดก็เลยตกต่ำลงเรื่อยๆ จนเทอมสุดท้าย ได้เกรด 1 กว่าๆ แต่ก็ยังเอาตัวรอดจบมาได้ด้วยวิชาภาษาไทยและสังคม ซึ่งสมัยนั้น เด็ก ตจว.จะแข็งมาก และประกอบกับระบบการศึกษาไทย ตกแล้วซ่อม ซ่อมแล้วตก แล้วซ่อมแล้วตก แล้วก็ดันให้ผ่านมาได้<br />
<br />
ด้วยธุรกิจทางบ้าน ผมจึงจำเป็นต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในคณะที่ทางบ้าน(กึ่งๆ)บังคับให้เรียน สมัยก่อนโน้นเป็นระบบเอ็น(สะ)ทรานซ์ เกรดตอนมัธยมเลยไม่ค่อยมีผลเท่าไร ใช้ระบบสอบวัดคะแนนอย่างเดียว ด้วยความเป็นคนหัวดี (อยู่ลึกๆ มากถึงมากที่สุด) ผมเลยจับผลัดจับผลูได้เรียนในคณะที่ทางบ้านต้องการ สำหรับตัวผมเองแล้ว ผมไม่ชอบคณะวิชาสายที่ตัวเองเรียนมาเลยครับ ตอนนั้นผมคิดแบบเด็กๆว่า ผมไม่ได้จะเอาวิชาที่ผมเรียนไปใช้เลย ผมมาเรียนเพราะโดนที่บ้านบังคับให้มาเอากระดาษรับรองใบหนึ่ง ที่ระบุไว้ว่าผมสามารถประกอบอาชีพทางนี้ได้ โดยที่อาชีพทางนี้ผมช่วยงานที่บ้านมาตั้งแต่เด็ก ผมไม่เคยใช้ความรู้แบบที่เรียนกันในมหาวิทยาลัยเลย ธุรกิจทางบ้านผมก็ดำเนินไปได้สบายๆไม่เดือดร้อน ตอนนั้นผมเลยไม่สนใจเรียน ไปโรงเรียนก็ไม่ไป ไปทีไรก็ไปสายยยยยยย ทำตัวเหมือนเพลงของอนันอันวาก็ไม่ปาน ผลเป็นอย่างไรหรือครับ ก็เป็นอย่างที่ผมจั่วหัวไว้นั่นแหล่ะ F 2มือก็นับไม่หมด ประกอบกับเป็นคนทำกิจกรรมหนักกด้วย เวลาเรียนมันเลยยืด ยืด ยืด แล้วก็ยืด ไปจน 8 ปีนั่นล่ะครับ แต่ผมก็ถูลู่ถูกังจบมาได้ด้วยเกรด 2.02 ตามที่จั่วหัวไว้นั่นแหล่ะครับ<br />
<br />
และแล้วก็มาถึงเวลาช่วงหางาน ทางบ้านก็อยากให้ผมกลับไปช่วยกิจการที่บ้านครับ แต่ผมเองที่ดื้อ เพราะเห็นว่าพ่อแม่ก็ยังทำกันไหว เลยขอเวลาออกมาหาประสบการณ์ข้างนอกก่อน ด้วยความที่ออกมาอยู่หอตั้งแต่ ม.1 แล้วเพราะที่บ้านดันให้มาเรียน กทม. เลยเป็นการฝึกให้ผมหาทางเอาตัวให้รอดได้ครับ ตอนนั้นเลยคิดหนักเลย เพราะเพื่อนที่จบไปแล้วก็ได้งานทำเป็นหลักเป็นแหล่งกันแล้ว รุ่นน้องบางคนกลับมาเป็นอาจารย์สอนผมด้วยซ้ำไป เดินเข้าห้องมาสอนน้องแกยังยกมือไหว้ผมอยู่เลย - -* ผมเลยต้องคิดให้หนักครับ ว่าผมจะเอายังไงกับชีวิตตัวเองดี<br />
<br />
ตอนนั้นถามตัวเองทุกวันว่าจะเอาอะไรไปสู้กับคนหางานคนอื่น(วะ) จบก็ช้า แก่กว่า เกรดเน่า แล้วใครเค้าจะเอาเราไปทำงานด้วย ตอนนั้นเท่าที่คิดได้คือส่ง resume ให้เยอะที่สุดครับ เพราะถึงจะเกรดเน่า แต่ผมก็อยากเป็นฝ่ายเลือกบริษัทที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง เลยเริ่มจาก บริษัทไหนที่มีงานที่เกี่ยวข้องผมส่ง resume ไปก่อน บริษัทสมัยนี้ส่วนมากรับสมัครทางอินเตอร์เน็ทเกือบหมดแล้วครับ รวมกับตอนนั้นหมดหนทางแล้ว เผอิญเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ได้มาตอนเรียนแล้วเค้ามาเปิดบูทแจก ข้างหลังมีรายชื่อบริษัทที่อยู่ในวงการที่เกี่ยวข้อง ผมโทรไปเรียงบริษัทเลยครับ ค่าโทรครั้งละ 3 บาท จะไปกลัวอะไร ตอนนั้นคิดว่าถ้าผมโทรไป 100 บริษัท ผมเสียเงินแค่ 300 บาทเอง มันต้องมีที่ไหนสักที่ที่รับผมเข้าทำงานบ้างล่ะน่า เวลาโทรไป ผมถามเลยว่ารับสมัครงานตำแหน่งนี้ไหม ถ้ารับอยู่ ผมส่ง resume ไปทุกที่เลยครับ เล็กใหญ่ส่งไปหมด ตอนนั้นถ้ารวม resume ที่ผมส่งไปทั้งหมดแล้ว น่าจะเกือบๆ 100 ที่ได้ จากบริษัทในวงการนี้ที่มีไม่ถึง 200 แห่งได้ครับ ช่วงนั้นผมไม่คิดว่าจะมีที่เรียกสัมภาษณ์เยอะหรอกครับ เพราะอย่างที่บอก เกรดเน่า จบช้า อายุเยอะ มีที่เรียกสัมภาษณ์ซัก 5-6 ที่ก็หรูแล้วครับ ช่วงนั้นเลยถือโอกาสบวชทดแทนคุณพ่อแม่พร้อมกับน้องชายอีก 2 คนครับ<br />
<br />
จุดเปลี่ยนมันอยู่ตรงนี้ครับ วันที่บวช ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนาคไปห่มผ้าเหลือง วันนั้นเป็นวันที่ผมไม่เคยลืม วันนั้นผมได้เห็นน้ำตาแม่ครับ แม่ผมมีความสามารถพิเศษ ในขณะที่ปากยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว แม้ว่าแม่ผมจะก้มหน้าหลบแล้ว แต่ผมก็ยังเห็นว่าแม่ผมก้มหน้าแอบไปเช็ดน้ำตาครับ พ่อผมก็ไม่ต่างกันเล๊ยยยย ปกติพ่อผมเป็นคนดุครับ เสียงดังด้วย แต่วันนั้นเสียงสั่นตั้งแต่ตอนโกนผมนาคตอนเช้า ไม่ยอมพูดอะไรกับใครเลย หน้าเบะแต่ยังฟอร์มเก๊กไว้ แต่ก็ไม่พ้นสายตาผมไปได้หรอกครับ อิอิ<br />
<br />
มันแบบ...พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ในอกเหมือนมีก้อนอะไรเหนียวๆดันขึ้นมาจนหายใจไม่ออกครับ ปากแห้งคอแห้ง ตาพร่าใจสั่น น้ำตารื้นๆจะไหลมิไหลแหล่ ตอบ อามะพันเต แบบเสียงสั่นๆเลยครับวันนั้น แบบว่า คนตัวเล็กๆอย่างเรา ก็ทำให้คนแก่ 2 คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราภูมิใจได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย มันเหมือนเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งน่ะครับ<br />
<br />
ระหว่างที่บวชอยู่ก็มีเวลาว่างเยอะครับ หลังจากบิณฑบาตเช้า และทำวัดเช้าเสร็จแล้วหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านก็จะจำวัด แล้วบ่ายๆท่านก็จะตื่นมาส่องพระกับญาติโยมไปตามเรื่อง ทำให้พวกพระใหม่มีเวลาว่างเยอะครับ ก็คิดนะครับ ว่ามีอะไรอีกไหม ที่เราจะทำให้พ่อแม่ภูมิใจได้ อย่างแรกเลยคือเราต้องมีงานทำก่อน เลยตัดสินใจว่าที่ไหนเรียกที่แรก เราจะเลือกที่นั่นครับ และไม่รู้เพราะผลบุญจากการบวชนี่หรือเปล่า ทำให้มีโทรศัพท์จากบริษัทเข้ามาเยอะมาก แทบจะทุกวันที่บวชเลยครับที่เรียกไปสัมภาษณ์ ผมก็ต้องปัดวันนัดไปรวมกันหลังสึก ตอนนั้นจำได้ว่ามีมาเกือบ 20 ที่ครับ ที่เรียกไปสัมภาษณ์ เรียกว่าพอสึกปุ๊บก็เข้า กทม.มาเดินสายสัมภาษณ์งานเลยครับ วันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 2-3 ที่ เป็นอาทิตย์แหล่ะครับ ว่าจะสัมภาษณ์หมด<br />
<br />
บริษัทที่แรกที่เลือกจะเริ่มงานเป็นบริษัทเล็กๆครับ เจ้าของเป็นคนจีนครับ เป็น MD เองด้วย ที่เลือกก็เพราะเป็นที่แรกที่เรียกไปสัมภาษณ์ และคนสัมภาษณ์ก็เป็นรุ่นน้องที่เรียนมาด้วยกันครับ แถมรุ่นน้องคนนี้ก็ไปช่วยโน้มน้าว MD ให้รับผมเข้าทำงานด้วย ตอนนั้นก็เลยเลยตามเลยครับ เริ่มงานที่นี่ก็ได้ จัดการเช่าห้องพักเรียบร้อย ทำงานได้ 3 เดือนน้องลาออกครับ จะหาผมมาเป็นตัวแทนนั่นเอง<br />
<br />
อีก 2 เดือนต่อมาผมก็ลาออกตามครับ เพราะโดน MD ผิดสัญญา ไม่ยอมจ่ายค่าจ้างใบรับรอง ตามที่ตกลงกันไว้ตอนสัมภาษณ์ ตอนนั้นผมก็ยังประสบการณ์น้อยครับ สัญญาที่ตกลงกันไว้ตอนสัมภาษณ์ก็ไม่ได้ระบุเรื่องค่าจ้างในส่วนนี้ เป็นแค่เพียงสัญญาปากเปล่าว่าถ้าผมไม่ได้ใบรับรองนี้ในเวลา 3 เดือน เค้าจะไล่ผมออก แต่ถ้าผมได้ใบรับรองนี้ เค้าจะต้องจ่ายค่าใบรับรองให้ผมเพิ่ม ซึ่งใบรับรองนี้บางคนจบมาหลายปียังสอบไม่ได้ก็มีครับ แต่ผมก็สอบใบรับรองนี้ได้ในครั้งแรกครับ พอผมทวงสัญญาไปแกก็บอกว่าไม่ได้ตกลง ไม่มีสัญญา ผมเลยบ๊ายบาย ยื่นใบลาออกแล้วทำงานอีก 1 เดือนตามกฎหมายแล้วก็ออกครับ รวมอายุงานที่แรก 5 เดือนเงินเดือนที่ได้ที่นี่คือ 17,000 ครับ ระหว่างนี้ MD ยังมาเดินมาพูดเย้ยอีกนะว่าเกรดแบบนี้ที่ไหนเค้าจะรับ เค้าจะให้โอกาสผมทำงานที่นี่ต่อไปนะ แต่ค่าจ้างก็เท่าเดิมนี่แหล่ะ เลยเป็นแรงผักดันให้ผมต้องหางานใหม่ให้ได้ดีกว่าเดิม<br />
<br />
ตอนนั้นผมสมัครงานไปอีกหลายที่ครับ บริษัทเดิมที่เคยโทรมาเรียกไปสัมภาษณ์ผมก็โทรกลับไปหมด ว่ายังรับตำแหน่งผมอยู่หรือเปล่า เลยได้บริษัทที่ตกลงรับผมมา 3 ที่ ในเวลาไม่ถึง 10 วันครับ<br />
<br />
ตอนนั้นยอมรับว่าทำไปเพราะโมโหครับ บริษัทเก่าอยู่กลางซอยครับ เลยเลือกบริษัทใหม่ที่อยู่หน้าปากซอยที่ที่ทำงานแรกอยู่ เงินเดือนเพิ่มเพราะใบรับรอง จาก 17,000 เป็น 18,000 + ใบรับรอง 5,000 ครับ<br />
<br />
กำลังจะเข้าไคลแมกซ์แล้วครับ แต่เดี๋ยวมาต่อที่เหลือนะครับ พอดีงานด่วนเข้า ยังไม่ออกจากที่ทำงานเลย T_T<br />
<br />
มาต่อกันครับ...<br />
<br />
ที่ทำงานที่2 เริ่มต้นด้วยเงินเดือน 18,000+5,000 เป็นค่าใบรับรองครับ<br />
<br />
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า ที่ทำงานที่2 ของผมนี่จะเป็นที่ทำงานที่ดีเลิศ เป็นสถานที่สอนให้ผมทำงานได้เก่งฉกาจ มีรุ่นพี่ดีคอยสอนงาน เงินเดือนผมถึงก้าวกระโดดได้............ ผิดครับ ลืมไปได้เลยกับความคิดในนิยายพวกนั้น ความจริงโหดร้ายเสมอครับ ที่ทำงานที่2 ของผมเป็นโรงงานครับ เจ้าของเป็นคนจีนเช่นเดิม คนทำงานที่นั่นส่วนมากก็เป็นคนจีน ไม่ได้บอกว่าคนจีนไม่ดีนะครับ เพราะผมก็จีนแท้ 100% เลย แม่ผมกวางตุ้ง พ่อผมแต้จิ๋ว อากง อาม่า ผมเดิน(ย้ำว่า"เดิน"นะครับ ไม่ใช่"เดินทาง") มาจากเมืองจีนแท้ๆเลยครับ<br />
<br />
ปัญหาเริ่มจากตามกฎหมาย โรงงานที่ผมทำนี่ ต้องมีใบรับรองที่ผมสอบได้อยู่ หากไม่มีโรงงานนั้นๆจะดำเนินกิจการต่อไม่ได้ครับ พอจะคิดออกไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม............. ใช่ครับ ผมถูกจ้างมานั่งเฉยๆในตำแหน่ง Production supervisor เพราะเค้าต้องการเอาใบรับรองผมเข้ามาแขวนไว้ที่โรงงานเค้า กิจวัตรประจำวันของผมก็คือ เช้ามาตอกบัตรก่อน 8 โมงเช้า เที่ยงกินข้าว เย็นตอกบัตรออก ปลายเดือนรับเงิน ตอนผมเข้าไปทำงานใหม่ๆก็ไม่มีคนสอนงานผมครับ เนื่องจากผู้จัดการคนเก่าที่เป็นคนร่วมหัวจมท้าย ช่วยเจ้าของก่อตั้งโรงงานนี้มาตั้งแต่เปิดใหม่ๆซึ่งอายุเยอะแล้วหวงงาน กลัวว่าผมจะทำงานแทนแกได้ แกจะหมดความสำคัญ แล้วแกจะถูกเอาออก แกเลยพลอยแบนผมไม่ให้ใครคุยกับผมเลย พนักงานทุกคนรู้ว่าผมเข้ามาทำงานตำแหน่งนี้ ก็ไม่ได้ปิดถ้าผมจะเข้าไปดูการทำงาน เพราะเจ้าของเค้าให้ผมเข้ามา แต่ก็ไม่มีใครสอน ไม่มีใครบอกอะไรเลย เวลาเค้าจะทำอะไรกันเค้าก็จะงุบงิบทำกันเงียบๆ มีเพียงเอกสารการผลิตหลักเท่านั้นที่ผมพอจะหาได้ ส่วนใบสั่งงานเล็กใบน้อยผมถูกกันให้อยู่ห่างจากตรงนั้นครับ ไม่มีสิทธิ์แม้จะได้สัมผัสเลย<br />
<br />
แรกๆก็รู้สึกดีหรอกนะครับ เพราะไม่ต้องทำอะไรเลย ปลายเดือนก็มีเงินใช้ วันๆพกโน๊ตบุ๊คมาที่ทำงานก็มานั่งเล่น CM01-02 บ้าง Winning บ้าง Fifa บ้าง ไปตามเรื่องตามราว เที่ยงกินข้าว บ่ายอัพเฟสบุ๊ค/อ่านพันทิพ แล้วเย็นก็ตอกบัตรออก กับเงินเดือน+ใบรับรองแล้วก็สองหมื่นกว่า ก็น่าจะเป็นงานที่ใฝ่ฝันของใครหลายคนในห้องนี้เลยนี่ครับ แล้วมันมีปัญหาตรงไหน?<br />
<br />
ปัญหามันอยู่ตรงนี้ครับ ด้วยความที่ว่างจัด ผมเลยพอจะมีโอกาสได้ไปอบรมตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เค้าจัดขึ้นมาบ้างนานๆครั้ง ครั้งหนึ่งที่ผมไปอบรม ผู้เชี่ยวชาญคนที่พูดอยู่บนเวทีคือเพื่อนผมครับ กับคนนั่งฟังเกือบ 50 คนที่นั่น ภาพสมัยเรียนมันวิ่งวนขึ้นมาเหมือนในหนังเลยครับ สมัยเรียนไอ้คนที่บรรยายอยู่บนเวทีนั่นน่ะ นั่งทำแลปกับผมเป็นคู่แลปกันเลย แต่วันนี้ผ่านไป 5 ปี เค้าได้ไปนั่งอยู่บนเวที เป็นผู้เชี่ยวชาญ มีความรู้ลึกในเรื่องที่ทำ เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ ในตอนนั้นภาพที่ผมเห็นคือ เพื่อนผมเหมือนลูกโป่งที่ถูกอัดแน่นไปด้วยความรู้ ประสบการณ์ ความสามารถ ในขณะที่ผมตัวเล็กๆเป็นลูกโป่งแฟ่บๆ แถมยังมีรูรั่วอีกเพราะไม่ได้ใช้งานความรู้ ความรู้เลยค่อยๆลดลงไปทุกวัน และแน่นอน รายได้ต่างกันราวฟ้ากับเหว มองไปก็สมเพชตัวเองครับ แล้วก็ถามตัวเองว่า ตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย? แล้วพรุ่งนี้ผมกำลังจะเดินไปที่ไหน นี่แค่ 5 ปีสถานภาพยังห่างกันขนาดนี้ แล้วถ้าอีก 10 ปีล่ะ? แล้วถ้าอีก 20 ปีล่ะ? แล้วถ้าต้องออกจากที่ทำงานปัจจุบันตอนนี้ ใครจะจ้างคนอายุเกือบ 30 ที่ทำอะไรไม่เป็นไปทำงาน แล้วถ้าอายุ 40 แล้วยังทำงานไม่เป็นแบบนี้ต่อไป จะไปทำอะไรกิน ผู้หญิงที่ไหนเค้าจะสนคนไม่มีอะไรเลย ทำมาหากินไม่เป็น ตอนแก่จะต้องไปออกวงเวียนชีวิตให้คนมาบริจาคเงินไหม(เว่อร์ไป) ความคิดพวกนี้มันวิ่งเข้าชนผมด้วยความเร็ว 100 กว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง รุมกันเข้ามาชนตัวผมจนผมกลัว(จริงๆนะ)<br />
<br />
เย็นวันนั้น ผมกลับมาใช้เวลาอยู่กับตัวเองคนเดียวเงียบๆในอพาร์ทเม้นท์ที่เช่าอยู่ครับ ให้เวลากับเรื่องที่เราไม่เคยคิดถึงมันเลย เช่นเรื่องอนาคต เรื่องอนาคต และเรื่องอนาคต (ก็เรื่องเดียวนี่หว่า?) ว่าเราจะเอายังไงกับอนาคตของเราต่อไปดี จะยอมอยู่ในสภาพนี้รอให้ตอนแก่ไปออกวงเวียนชีวิตอย่างนั้นหรือ?<br />
<br />
ตอนนั้นคำตอบในหัวมีอยู่ 2 ทางครับ ทางแรกคือลาออก แล้วไปหาที่ทำงานใหม่ กับทางที่ 2 คือพลิกกระดานแล้วลองสู้ดูกับที่นี่อีกสักพัก ลองชั่งน้ำหนักกันในหัวดูแล้ว คำตอบที่ออกมามันไม่ยาก (แต่ทำยากมาก) คือทางเลือกที่ 2 เพราะเอาจริงๆคือไม่มีปัญญาไปหาที่ทำงานใหม่นั่นแหล่ะ - -* เกรดแบบนี้ ทำงานก็ไม่เป็น อายุก็พอสมควรแล้ว แล้วยังต้องไปเสี่ยงกับที่ทำงานใหม่ว่าจะดีหรือไม่ดีอีก ตอนนี้สิ่งที่ผมมีอยู่กับตัวคือ<br />
<br />
1. โอกาสในการทำงาน พร้อมเงินเดือน<br />
<br />
2. สิทธิ์ในการเข้าไปดูการทำงานในไลน์การผลิต<br />
<br />
3. ผมมีเวลาให้ผมทำอะไรก็ได้ที่ผมอยากทำเหลือเฟือ<br />
<br />
สิ่งที่ผมเริ่มทำคือสิ่งที่ตอนนี้ผมมีครับ คือการเข้าไปเดินไลน์การผลิต 3 เดือนแรกหลังจากคิดได้ผมอยู่ในไลน์ตลอด ทำงานเหมือนพนักงานรายวันเลยครับ เค้ายกถังสารขึ้นมาเทผมก็ช่วยยก รถเข็นรถลากนี่ผมลากได้เข็นได้หมด ตอนเที่ยงผมก็เอาคอมฯมานั่งทำงาน (ที่ทำงานไม่มีคอมให้ใช้) ตรงที่ที่เดิมที่ผมนั่งเล่น CM01-02 นั่นแหล่ะครับ บันทึกทุกอย่างที่ผมเห็น ที่สัมผัสได้ทั้งหมด เขียนแบบลูกทุ่งๆแบบที่ผมพิมพ์ให้อ่านกันอยู่เนี่ยแหล่ะครับ ว่าวันนี้ผมทำอะไรบ้าง เจอปัญหาอะไรบ้าง แล้วผมคิดอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นบ้าง สิ่งที่ผมได้เห็นจากการไปทำงานส่วนนี้คือภาพรวมของโรงงานนี้ว่าเป็นอย่างไร โรงงานกำลังทำอะไรอยู่ แล้วทิศทางของโรงงานมันกำลังจะไปทางไหน ปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขคืออะไร ปัญหาที่มีแต่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นว่าเป็นปัญหาคืออะไร ทางไหนที่เราจะแก้ไขได้บ้าง แล้วผมก็เอาข้อมูลพวกนี้แหล่ะมาเขียนเป็นแผนว่าเราจะทำอย่างไรงานที่ทำถึงจะน้อยลง ทำอย่างไรต้นทุนถึงจะถูกลง ทำอย่างไรงานถึงจะทำได้เร็วขึ้น เขียนมาเป็นข้อๆเลย แล้วเก็บรวบรวมไว้<br />
<br />
สิ่งที่ได้อีกอย่างหนึ่งคือความสัมพันธ์กับพนักงานคนอื่น (ลูกน้อง ตามตำแหน่ง) เริ่มมีคนยอมคุยกับผม เวลาผมถามอะไรเริ่มแอบตอบตอนผู้จัดการไม่เห็นบ้าง เริ่มคุยเล่นกันได้บ้าง ไปจนถึงเริ่มมีพาไปกินข้าวด้วยกันบ้าง ในช่วงนี้การแต่งตัวของผมเริ่มพัฒนาแบบก้าวกระโดด จากเสื้อเชิ้ต+กางเกงสแลก เริ่มเป็นเสื้อโปโล+กางเกงยีนส์ บางทีก็เสื้อยืด หลายๆทีมีใส่เสื้อแลกฝากระทิงแดงไปทำงานด้วย เรียกว่าเดินมากับพนักงานในไลน์นี่แทบแยกไม่ออกเลยทีเดียวว่าใครหัวหน้า ใครลูกน้อง<br />
<br />
ผมค่อยๆลดระดับของตัวเองลง จากตอนเข้ามาทำงานใหม่ๆเหมือนคนทำงานออฟฟิสทั่วไป แต่งตัวดี เรียบร้อย ลอยเด่นโดดออกมาจากพนักงานคนอื่น ค่อยๆกลายเป็นคนงานหาเช้ากินค่ำ แต่งตัวปอนๆไปทำงาน ผมตัดสั้น ไม่ค่อยได้หวี ขี่มอเตอร์ไซค์มือ2 (ที่น้องๆในไลน์ผลิตไปช่วยดูให้) ไปทำงาน ไม่กี่เดือนผ่านไป พอรู้ตัวอีกที ผมกลายเป็นคนที่คุยได้กับทุกคนในโรงงาน พนักงานตั้งแต่เด็กยันแก่รักใคร่เอ็นดูเหมือนลูกหลาน มีเรื่องอะไรก็มีคนคอยให้คำปรึกษา หรือเป็นที่ปรึกษาให้คนอื่น ขนาดคนที่ไม่คุยกันมาเป็น 10ๆปีก็ยังให้ผมเป็นตัวกลางเจรจากันให้ อาจจะเพราะด้วยความเป็นเด็กบ้านนอกด้วยมั้ง เลยไม่เคยถือตัวอะไรกับใคร เลยทำให้พนักงานส่วนหนึ่งก็แอบๆสอนงานให้ บางคนก็มาปรึกษาเรื่องงาน คุณป้าบางคนก็มาบ่นเรื่องลูกให้ฟัง มีการแอบเอาเศษกระดาษที่ผู้จัดการสั่งงานมาให้ดูว่ามีอะไรยังไงบ้าง เวลาเกิดปัญหาขึ้นมา ผู้จัดการเข้ามาแก้ปัญหาอะไร อย่างไร ตอนนี้ผมเลยเริ่มได้เรียนรู้การทำงานบ้าง<br />
<br />
และแล้วโอกาสของผมก็มาถึง ตอนผมทำงานด้วยวิธีนี้ไปได้เกือบปี เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโรงงาน คือเจ้าของโรงงานทำต่อไม่ไหว ให้ลูกชายขึ้นมาทำงานแทนเลยเกิดการประชุมครั้งใหญ่ขึ้น ผมเลยได้โอกาสเสนอแผนต่างๆที่ผมได้เก็บรวบรวมไว้แล้วดันถูกใจผู้บริหารใหม่ เลยได้รับโอกาสให้ทำการปรับปรุงครั้งใหญ่ สถานะตอนนี้คือ ผมไม่ได้สั่งงานจากบนยอดหอคอยลงมาข้างล่าง ผมสั่งงานจากระดับเดียวกับพนักงาน วิธีการในแผนของผมปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาตามสิ่งที่เห็นว่าดีที่สุดในขณะนั้น โดยรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นจริงทั้งจากปากพนักงานคนอื่น และจากการที่ผมได้ลงไปทำหน้างานจริงๆ โดยยึดเอาเป้าหมายเป็นหลัก ยิ่งเป็นโรงงานที่นี่ ที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาจะ 40 ปีแล้ว ผลงานมันเลยเกิดเป็น impact สะเทือนไปทั่วโรงงาน เวลาการทำงานลดลงแบบก้าวกระโดด ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นแบบคนทั่วไปก็รู้สึกได้ โดยแทบไม่ได้ลงทุนเป็นเงินเลย เงินเดือนเพิ่มขึ้นจาก 23K (รวมใบรับรองแล้ว) เพิ่มปีแรก 20% เป็นประมาณ 27K พอปีถัดไปด้วยภาระงานเอกสารที่เพิ่มขึ้น ผมลดการเข้าไปทำงานในไลน์การผลิตลง จากเดิมทำทั้งวัน ลดเหลือแค่ไปเดินตรวจงานเป็นช่วงๆ ทำให้ผมพอจะมีเวลาว่างมากขึ้น ระหว่างนี้เลยเริ่มไปช่วยงานในสาย QC, R&D และฝ่ายประสานกับหน่วยราชการ<br />
<br />
สิ่งที่ผมได้จากการไปช่วยงานในแผนกอื่นก็คือ ได้ความรู้ ความเข้าใจในเนื้องานตัวเองเพิ่มมากขึ้น ผมเริ่มตอบปัญหาที่คาใจผมมานานได้บ้าง ว่าทำไมงานนี้ต้องรอกระบวนการนี้ ทำไมทำต่อไม่ได้ ผลงานผมเลยเริ่มดีขึ้นตามลำดับ กับความสัมพันธ์กับพนักงานส่วนผลิตที่ดีอยู่แล้วก็ยังรักษาไว้ กับผู้จัดการคนเก่า เจอทีไรผมก็ยกมือไหว้ ในการทำงานผมดึงแกมาเป็นคณะกรรมการช่วยตัดสินใจเลย สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ ธรรมชาติของคนครับ เมื่อไรก็ตามที่เราแสดงตัวว่าเรามาอย่างเป็นมิตรนะ เราจะช่วยให้คุณทำงานได้ดีขึ้นนะ เราเป็นพวกเดียวกันนะ พร้อมทั้งให้ความเคารพในตัวเค้าและหน้าที่การงานเค้ามากเพียงพอ เมื่อนั้นกำแพงมันจะค่อยๆลดระดับลงครับ แล้วสุดท้ายป้อมในกำแพงมันจะเป็นของเรา ในปีที่ 2 นี้เงินเดือนผมเพิ่มขึ้นเป็น 32K ครับ บวกกับเจ้าของเค้าให้พิเศษส่วนตัวผมอีก 5K ต่อเดือนนอกสลิป รายรับผมขึ้นไปที่ 37K เมื่อจบปีที่ 2 ที่ทำงาน<br />
<br />
พอขึ้นปีที่ 3 ผมกำลังจะอายุ 30 ปีในไม่ช้า เมื่อเทียบกับเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน หรือแม้แต่ในพันทิพ ห้องสีลม (ที่เงินเดือนแพงที่สุดในประเทศ) ก็ตาม เงินเดือนผมเรียกว่าไม่เยอะเลย แม้จะรู้สึกว่าไม่น้อยแล้วก็ตาม ผมเลยเริ่มมองหาหนทางที่จะเปลี่ยนงาน เพื่ออนาคตที่ดีขึ้น ไปทำงานในบริษัทใหญ่ขึ้น แม้ว่าที่ทำงานในตอนนั้น จะมีเพื่อนร่วมงานที่ดี เจ้านาย(ของ)ที่เอ็นดูเรา เรียกเราว่าลูกทุกคำ ก็ตาม ความคิดในตอนนั้นคือ ความรู้ที่ได้จากที่นี่มันแทบจะหมดแล้ว สิ่งที่เราต้องการคือประสบการณ์ที่หลากหลายยิ่งกว่านี้ เลยอยากลองของ หาปัญหาใส่หัว ซึ่งในขณะนั้น ผมเรียนปริญญาโทไปด้วยในวันเสาร์-อาทิตย์ เนื่องจากอย่างที่บอกไปตอนแรกนั่นแหล่ะ ครับ ช่วงแรกว่างจัด - -*<br />
<br />
ตอนนั้นเริ่มจะมีความรู้จากการเรียนปริญญาโทมาบ้างแล้ว เลยเริ่มจากการวิเคราะห์ตัวเอง ซุนวูว่าไว้ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เลยเริ่มจากการ SWOT ตัวเอง เพื่อให้รู้เราก่อน พบว่า เราเป็นพนักงานระดับกลาง ทำงานในบริษัทเล็ก ผลงานพอมี แต่ยังไม่ได้พิสูจน์ ข้อดีของผมคือการรู้จักพนักงานในทุกระดับ สามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่ายมากถึงมากที่สุด ผลงานเด่นของผมคือการรับมือกับปัญหาเรื่องคน เหมือนกับนักเตะดาวรุ่งในแชมป์เปี้ยนชิพ ที่ยังไม่เคยลงสัมผัสกับพรีเมียร์ลีคเลย แต่ด้วยความมั่นใจว่าเราก็มีของดี แต่ป้ายโฆษณาไม่ชวนเชื่อให้คนมาซื้อเลย (อย่างที่บอก เกรด 2.02 จบ 8 ปี F เยอะจนนับไม่ถูก) เราเลยต้องหาวิธีที่ลูกค้า (บริษัท) จะได้ทดลองชิมฟรีกับเราก่อน หรือก็ต้องเอาสินค้าเราไปยัดปากลูกค้าที่อยากกินให้ได้<br />
<br />
เลยเริ่มวางแผนตั้งแต่ต้นปี เราจะเริ่มหางานหลังเดือนเมษา โดยการอัพเดทประวัติไว้ในเว็บ เพราะเดือนเมษา นักศึกษาใหม่จะได้งานกันเกือบหมดแล้ว คู่แข่งของเราก็จะลดลงไป งานที่เหลืออยู่ จะเป็นงานประเภทที่ว่า ขาดแคลนกะทันหัน งานเผือกร้อน หรือนักศึกษาที่เข้าไปตอนต้นปีทำงานไม่ดี หรือทำงานดีแต่ไปได้งานที่ดีกว่า เรียกว่าบริษัทตกรถนั่นแหล่ะ เริ่มหาคนทำงานในช่วงที่ 2 ของปี ช่วงนี้อำนาจการต่อรองของคนหางานจะค่อนข้างสูง เพราะช่วงกลางปีคนไม่ค่อยอยากออก เพราะบางบริษัทมีออกโบนัสกลางปี บางคนก็กลัวอดโบนัสปลายปี เลยไม่ค่อยมีคนย้ายงาน หน้าที่ของผมก็คือ ค้นหาบริษัทที่ต้องการความสามารถด้านที่ผมมี คือด้านการจัดการปัญหาเรื่องคน มีทั้งบริษัทตกรถ และ บริษัทเผือกร้อนโทรมาเรียกสัมภาษณ์หลายที่ ผมก็เดินสายสัมภาษณ์เรื่อยๆ ตั้งแต่เมษา พฤษภา มิถุนา กรกฏา หาบริษัทที่เหมาะสมกับตัวเอง ความกดดันแทบไม่มี เพราะมีงานประจำทำอยู่แล้ว เงินเดือนผมตั้งไว้ในใจว่าต้องไม่น้อยกว่า 40K ไม่งั้นไม่ย้าย ด้วยความที่ประสบการณ์ยังน้อย และเกรดเน่าหนอนด้วย ทำให้ส่วนใหญ่ไม่สู้เงินเดือน<br />
<br />
เหมือนบุญพาหรือวาสนาส่งไม่รู้ ทำให้มีบริษัทเผือกร้อนหัวแถวขนาดกลางในธุรกิจอุตสาหกรรมที่ผมทำงานอยู่เรียกไปสัมภาษณ์ ผลออกมาว่าผมได้งาน แต่เงินเดือนจะลดไปอยู่ที่ ราวๆ 32K + OTเฉลี่ยราว 3K-4K ตอนนั้นผมชั่งใจอยู่นานมาก เพราะว่าโอกาสจะทำงานในบริษัทขนาดนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆแน่ๆ ถึงเงินเดือนจะลด แต่ก็แลกมาด้วยโอกาส และ ความสามารถในการย้ายงานในอนาคตที่ดีกว่าตอนนี้แน่ๆ สุดท้ายผมเลยตอบตกลงไปกับที่นี่ ตกลงเซ็นสัญญาเริ่มงานกันเรียบร้อย<br />
<br />
เดือนสุดท้ายที่ทำงานที่เก่า ในขณะที่ผมลางานไปหาเช่าที่พักใหม่ ที่ใกล้ที่ทำงานใหม่นั่นเอง บริษัทระดับกลางอีกที่ก็ได้โทรมา พอดีว่าอพาร์ตเม้นท์ที่ผมดูอยู่ อยู่ห่างจากบริษัทหลังนี่ไม่ถึง 15 นาที ผมเลยตอบตกลงตัดสินใจไปสัมภาษณ์งานกับที่หลังนี่ตอน 6 โมงเย็นของวันนั้นเลย ผลปรากฏว่า ที่หลังนี่ตอบโจทย์ผมได้มากกว่า ปัญหาที่เค้ากำลังเผชิญอยู่และแก้ไขไม่ได้คือเรื่องคน ซึ่งผมบอกเลยว่าเบากว่าที่เก่าที่ผมทำงานมาก ผมเสนอทางออกให้เค้าหลายๆทาง ผู้จัดการโรงงานเค้า OK ทันทีกับเงินเดือน 40K ที่ผมเสนอไปโดยไม่ต่อรองซักคำ แต่เค้ามีข้อแม้ว่า 3 เดือนแรก เค้าจะให้ 35K (ไม่รวมโอทีอีกราวๆ 10K-15K) ก่อน (รวมใบรับรอง) ถ้าผ่านโปร 3 เดือนแรกจะขึ้นเงินให้เป็น 40K ตามที่ขอ โดยเค้าจะไปเป็นคนต่อรองกับ HR ให้เอง สรุปผมเลือกที่นี่อย่างไม่ต้องลังเล งานท้าทาย และอยู่ในวิสัยที่จะทำได้ เงินเดือนโอเค เลยโทรไปบอกบริษัทเผือกร้อนหัวแถวเลยว่าผมขอยกเลิกไม่ไปทำงาน ด้วยเหตุผลว่ามีบริษัทที่ต้องการตัวผมจริงๆและสามารถสู้เงินเดือนผมได้ HR ที่นั่นก็น่ารัก และเข้าใจครับ เลยจากกันด้วยดีครับ<br />
<br />
หลังจากยื่นใบลาออก เจ้าของบริษัทเก่าเค้าก็เรียกผมไปคุยนะครับ แล้วก็ถามถึงสาเหตุที่ออก เพราะเค้าไม่อยากให้ผมออก เค้าเสนอจะเพิ่มเงินเดือนให้ มีห้องแยกให้ทำงาน อนาคตให้ช่วยเค้าบริหาร แต่จุดหมายผมไม่ได้อยู่ที่เงินเดือนเพียงอย่างเดียวแล้วครับในตอนนั้น ใจผมมันบินลอยไปไกลกว่านั้นแล้ว ผมอยากได้ประสบการณ์ใหม่ อยากรู้อยากลองอะไรใหม่ๆ เลยพูดคุยกับเจ้าของ (เค้าเรียกผมว่าลูก ผมเรียกเค้าว่าป๊า) จนเข้าใจ ก็ตกลงกันว่า ซักวันหนึ่งที่ผมปีกกล้าขาแข็งพอแล้ว ผมจะกลับไปทดแทนบุญคุณป๊า ช่วยป๊าบริหารงานบริษัทนะครับ<br />
<br />
พอเริ่มงานที่บริษัทใหม่ (บริษัทปัจจุบันนี้) 3 เดือนที่ผมทดลองงาน ผลงานถูกใจผู้บริหารมาก เพราะปัญหาที่เคยแก้ไม่ได้อย่างเรื่องคนเก่าแก่นี่ ผมเข้ามา 3 เดือนผมสั่งซ้ายหันขวาหันได้เลย ปัญหาที่เคยถูกซุกไว้ใต้พรมอยู่ผมไปแงะออกมาได้หมด HR manager ถึงกับเคยเรียกผมเข้าไปคุยในห้องเลย ว่าผมไปทำอะไรอีท่าไหน ทำไมปัญหาที่เค้าเจอมาเป็น 10 ปี ผมแก้ให้เค้าได้กว่า 60% ใน 3 เดือน สรุป หลังพ้นทดลองงาน 3 เดือน เงินเดือนผมกระโดดไปที่ 42K (รวมใบรับรอง) มากกว่าที่ได้ตกลงกันไว้ แถมค่าใบรับรองจากปกติให้ 5K ก็เพิ่มให้เป็น 10K ทำให้เงินเดือนผมวิ่งไปที่ 50K+ เมื่อรวมสวัสดิการอื่นๆเช่นค่าอาหาร เบี้ยขยัน และอื่นๆแล้ว นอกจากนี้ผมยังมีโอทีให้ทำอีก เดือนละไม่ต่ำกว่า 10K (ถ้าเลือกที่จะทำ)<br />
<br />
ตอนนี้ที่ผมมีเวลาว่างมาพิมพ์ให้อ่านได้นี่ผมก็ยังทำงานอยู่ นานๆทีจะมีปัญหาเข้ามาให้แก้ซักที ปกติงานว่าง ตรวจเอกสาร อ่านเอกสารอะไรไปเรื่อยเปื่อย ประสาคนทำงานออฟฟิสทั่วๆไป แต่ถ้างานเข้า ผมก็ยุ่งเหมือนกัน เช่นเมื่อคืน กว่าจะกลับบ้านได้ กดไปเที่ยงคืนกว่า อดดูน้องมุนินท์แรงเงาเลย T_T ฉะนั้นที่บางคนบอกว่าคนเงินเดือนสูงต้องทำงานหนัก ไถนาเป็นวัวเป็นควาย ผมนอนยันให้เลยว่าไม่จริงทุกคนหรอก เพื่อนรุ่นพี่ผมเป็นระดับกรรมการบริษัท แมร่มเที่ยวทุกวันเลย เช้านั่งดูกาแฟ จิบหนังสือพิมพ์ก่อนไปทำงาน เอ๊ย! นั่งอ่านกาแฟ เอ๊ย! นั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ เอ๊ย! ถูกแล้ว!! ก่อนไปทำงานยังได้เลย แต่เวลาทำงานพี่แกก็ทำงานจริงจัง บางทีตี1 ตี2 ยังไม่ได้กลับบ้านก็มี งานส่วนใหญ่ก็เป็น Mission impossible นั่นแหล่ะ เช่น ต้องหาทางปิดถนนอโศก-เพชรบุรี ในช่วงเวลา 15.00-20.00 ให้ได้ เพื่อไปซ่อมท่อสายเคเบิ้ล ซึ่งผมเองยังนึกไม่ออกเลยว่าจะทำได้ยังไง(วะ)<br />
<br />
ก็ไม่รู้ว่าประสบการณ์ของมนุษย์เงินเดือนแบบผมจะพอเป็นประโยชน์กับใครบ้างหรือเปล่า เพราะถามว่าประสบความสำเร็จหรือยัง ผมก็ตอบว่ายังแน่นอน คนที่อายุเท่ากันแต่เงินเดือนสูงกว่าผมก็มี (แถมมาอยู่ในสีลมเยอะด้วย) เจ้าของกิจการเงินล้านก็เยอะ ประวัติน่าสนใจกว่าผมตั้งเยอะ แต่ก็หวังว่าน้องๆที่เริ่มทำงานใหม่พอจะได้แนวทางในการปีนป่ายกำแพงเงินเดือนกันบ้างไม่มากก็น้อย<br />
<br />
* * * * *<br />
<br />
มีคำถามมาทางหลังไมค์ครับ เกี่ยวกับการซื้อใจคน ว่าจะทำอย่างไรหากต้องซื้อใจลูกน้อง ขออนุญาตตอบรวมเลยนะครับ ไม่ว่าเพื่อนร่วมงานจะอายุเท่าไร<br />
<br />
ทำเหมือนตอนจีบสาวครับ<br />
<br />
น่าน................ งง งง งงล่ะสิ สำหรับสาวๆ อย่าเพิ่งงงครับ หลักการมันง่ายมาก คนเค้าชอบอะไรก็เอาไปให้เค้าสิครับ เหมือนเวลาคุณชอบสาวอยู่คนหนึ่ง สาวเจ้าชอบดูซีรี่เกาหลีมาก หากคุณอยากพิชิตใจสาวเจ้าคุณจะทำอย่างไร ระหว่าง<br />
<br />
1. เอาซีรี่คอฟฟี่ปริ๊นซ์ครบชุด บรรจุในกล่องดีวีดีพิเศษ Limited edition มีเพียง 8 ชุดในโลก พร้อมผ้าคันคอ เอ๊ยผ้าพันคอเหมือนที่กงยู พระเอกใส่พร้อมลายเซ็น<br />
<br />
กับ<br />
<br />
2. เอาซีรี่แหล่พระรถเมรีย์ของทศพล หิมพานไปให้ทั้งชุด บรรจุในกล่องลงรักปิดทองสวยหรู พร้อมพระหลวงพ่อแช่ม วัดท่าฉลองภูเก็ต ให้เอาไปบูชาที่บ้าน<br />
<br />
คำตอบมันก็เห็นกันอยู่หลัดๆ เอ๊ย ชัดๆ (ตึ่งโป๊ะ! หลายมุกแล้วนะเม้นนี้) ฟังดูเหมือนจะทำง่ายนะครับ แต่ตอนทำจริงๆมันไม่ง่ายหรอก ตั้งแต่กระบวนการแรกแล้วว่าจะหาได้อย่างไรว่าเค้าชอบอะไรกัน แค่เข้าใกล้เค้าก็ตั้งกำแพงสูงเด่นเป็นสง่า ราวกับป้อมไอเซนต์การ์ดในลอร์ดออฟเดอะริงที่ไม่มีวันตีแตกได้ ถ้าไม่เอาทัพเอนท์มารุมตีเหมือนในเรื่อง (เริ่มไปไกลล่ะ กลับมาเข้าเรื่องก่อนวุ้ย -*-) แล้วไหนจะต้องเข้าไปคุยแบบเนียนๆไม่ให้สาวเจ้ารู้ตัวอีก ว่าเรากำลังเข้ามาสืบความลับ แล้วไหนลูกน้องยังมีตั้งหลายคนอีก จะเอาใจคนโน้น คนนี้ก็ไม่ชอบ เอาใจคนนี้มากไป คนโน้นก็มาเขม่นอีก<br />
<br />
วิธีการแบบบ้านๆวิธีการแรกคือ พยายามเข้าไปคลุกคลีกับพนักงานครับ หากเค้าตั้งกลุ่มก๊กกันก็ไม่เป็นไร เข้าก๊กไหนก่อนก็ได้ที่คิดว่าคุณพอจะเนียนๆเข้าไปคุยด้วยได้ คุยบ้าง หยอดบ้าง แหย่บ้าง อย่าให้เหยื่อรู้ตัว ทำตัวขำๆไปก่อนอย่าเพิ่งถามเรื่องงาน ทำแบบนี้ไปซักพัก 1-2 สัปดาห์ แล้วค่อยๆขยับไปแหย่คนอื่นต่อครับ ค่อยๆขยับเข้าหาตัวเป้าหมายของเราเรื่อยๆนะครับ เป้าหมายของเราจะได้ไม่รู้สึกแปลกแยก เหมือนตอนจีบสาว ค่อยๆเข้าทางเพื่อนครับ เพื่อนนี่แหล่ะตัวดีเลย ตั้งน้ำมันร้อนๆ ใส่ฟืน ช่วยให้สาวเจ้าทอดสะพานมาให้เรานักต่อนักแล้ว ที่สำคัญต้องเน้นในที่นี่คือ อย่าทำตัวให้เหนือกว่าคนอื่นครับ เค้ากินข้าวกับแกงถุงเราก็กินแบบเค้า เค้ากินกาแฟชงใส่ถุง ถุงละ 12 บาทมัดเชือกเสียบหลอด เราก็ต้องกินได้ ไม่ใช่ถือสตาร์บั๊กร่อนไปร่อนมาให้เค้าหมั่นไส้เอา ตอนเที่ยงเค้าสั่งข้าวกล่องกัน เราก็สั่งด้วย กินได้ก็กิน กินไม่ได้ค่อยแอบไปซื้อข้าวมากินเองเงียบๆทีหลัง ประมาณนั้น แล้วมันจะเนียนครับ คนกินข้าวหม้อเดียวกัน ส่วนมากมักช่วยเหลือกันก่อนอยู่แล้วด้วยความรู้สึกเป็นพวกเดียวกันครับ<br />
<br />
พยายามแสดงตัวว่าเรามาอย่างเป็นมิตร ตั้งแต่แรกครับ ตอนผมเข้าทำงาน ผมเรียกหัวหน้าไลน์แต่ละไลน์มาคุยเลย แยกหน้าที่กันให้ชัดเจน ว่า "ผมมีหน้าที่มาช่วยให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้นนะ บอกตรงๆประสบการณ์การทำงานผมสู้คุณไม่ได้หรอก (เริ่มยอให้ตรงจุด โดยการพูดความจริงที่ใครๆก็รู้ ที่เค้าอยากฟังเพื่อเป็นการทำลายกำแพงด่านแรกก่อน) แต่ในส่วนการประสานงานกับฝ่ายบริหารเนี่ย เค้าน่าจะฟังผมบ้างแหล่ะ (ยกข้อดีที่เป็นความจริงตามต่อมา ทำลายกำแพงด่านที่2) ถ้างานตรงไหนที่ติดขัดให้มาบอกเลย ผมพร้อมช่วยเต็มที่ (เสนอตัวทำงาน ประกาศพื้นที่งานของตัวเองให้ชัดเจน) หรืออะไรก็ตามที่แสดงให้เห็นว่า เราไมได้ไปแย่งความสำคัญของเค้ามานะ เรามาช่วยให้เค้ายิ่งเด่นขึ้นมาต่างหาก ยิ่งเราทำงานได้ งานเข้ายิ่งมีคุณค่า ตบท้ายด้วยการอ้อนเล็กๆแบบพองาม "ผมยังต้องพึ่งลุงแช่มอีกหลายอย่าง ลุงแช่มอยู่ที่นี่มานานกว่าผมมาก ถ้าอันไหนผมทำไม่ถูกลุงแช่มช่วยเตือนผมด้วยนะครับ"<br />
<br />
ต่อไปเป็นศิลปะการสื่อสารครับ หลายๆท่านตอนเรียนน่าจะได้เรียนวิชานี้ วิชา การสื่อสารในชีวิตประจำวัน กส.1870 จำนวน 2 หน่วยกิต........เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว เข้าเรื่องๆ เวลาทำงานใช้คำพูดให้ softๆ นิดหนึ่งครับ แต่ก็อย่าทำตัวอ่อนจนโดนดูถูกได้ เช่น เราอยากให้พนักงานทำงานให้เราสักชิ้นหนึ่งนอกแผน อย่าเข้าไปสั่งตรงๆว่า "ลุง ทำไอ้พรรณนี้ให้ชิ้นนึง! เอาด่วนๆนะ จะรีบใช้" ไม่เอา ไม่พูดนะครับแบบนี้ ถึงเราจะเป็นหัวหน้า มีสิทธิ์ในการสั่งงานลุงคนนี้อย่างเต็มเปี่ยมก็ตาม ถามว่าพอเราสั่งไปลุงแกทำให้ไม๊ ด้วยตำแหน่งแกก็จะทำให้นะครับ แต่พูดไปแบบนี้ก็จะกินแหนงแคลงใจกันเปล่าๆแน่นอน ปรับคำพูดคำจาซะใหม่ หัดอ้อม+ใส่ประโยคคำถามลงไปบ้าง เช่น "ลุง(ชื่อ สมมุติชื่อแช่ม)แช่ม(การเรียกชื่อสำคัญมากนะครับ ขอเน้น)ครับ พอดีมันมีงานงอกมานอกแผนชิ้นหนึ่ง ที่ผมต้องรีบใช้ ลุงพอมีเวลาช่วยทำให้ผมหน่อยได้ไหมครับ" เท่านี้คนพูดก็ได้งาน คนทำก็แฮปปี้ และแล้วพระเอกกับนางเอกก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสืบไป.......................เฮ้ย ยังไม่จบ - -* กลับไปเปรียบเทียบกับการจีบสาว ถ้าเดินเข้าไปหาสาวเจ้าโต้งๆเลยแล้วบอกว่า "เป็นเมียผมเถอะ" 100ทั้ง100ครับ ไม่โดนเพื่อนสาวเจ้าถีบยอดหน้าออกมาก็แปลกแล้ว<br />
<br />
ใช้เงินและผลประโยชน์ซื้อครับ ไม่ได้ฟังผิดหรอกครับ ผมไม่ได้โลกสวย เอาทฤษฏีเลอเลิศมาขายฝัน ในการทำงานต้องใช้เงินซื้อใจคนจริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าอยู่ๆคุณจะเอาเงินไปฟาดหัวคนมานะครับ แบบเอาเงินไปแสนนึง แล้วทำงานตามอั๊วสั่ง อันนั้นพอเงินหมด คนก็ไป ศิลปะการใช้เงินมันมีครับ เช่น ช่วงหนึ่งที่ไลน์ต้องหยุด เพราะเครื่องจักร break down ช่างกำลังระดมซ่อมกันอย่างเต็มที่ มีงานทำความสะอาดตึกภายนอกโรงงานที่ต้องการคนไปช่วยทำ ได้ขอคนว่างงานไปช่วยพอดี ผมก็โยกคนที่ว่างอยู่เพราะเครื่องจักร break down ไปช่วยทำ พอทำไปสักพัก ต้องมีการให้รางวัล ผมก็ให้เงินเด็กคนหนึ่งที่มาช่วยนี่แหล่ะ ไปซื้อน้ำอัดลมเย็นๆ 2 ลังมาเลี้ยงกัน 2 ลังไม่ถึง 500 แต่เราได้งาน ได้ใจเด็ก แถมได้หน้า ในฐานะที่คุมพนักงานลูกน้องของตัวเองได้<br />
<br />
อีกอย่างหนึ่งที่อยากจะเสริมก็คือ เวลาเราทำดีแล้วต้องบอกนะครับ อย่าทำดีแล้วเงียบๆ มันไม่เกิดประโยชน์ อย่างในกรณีข้างต้น ผมใช้วิธีการบอกแบบปากต่อปาก โดยการใช้เด็กที่ทำงานอยู่เนี่ยแหล่ะเป็นคนไปซื้อ และเป็นคนแจกโดยให้เป็นจุดกระจายข่าวไปด้วยในตัว คนที่มาเอาน้ำก็อยากรู้แหล่ะว่าเอาของมาจากไหน ต้องถามแน่นอน การสื่อสารแบบปากต่อปากมักจะให้ผลมากกว่าการสื่อสารทางกว้างวิธีอื่นครับ เพราะความน่าเชื่อถือจะสูง และอารมณ์ร่วมจะสูงด้วย นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะซื้อใจคนด้วยเงินที่คุ้มค่า<br />
<br />
บางคนอาจถามนะครับว่า มันคุ้มเหรอ กับการเอาเงินเดือนเราไปทำอะไรแบบนี้ อย่างการพาลูกน้องไปเลี้ยง พาหัวหน้าไลน์ไปเลี้ยง ผมเคยพาหัวหน้าไลน์ไปเลี้ยง กินซีฟู๊ดริมทะเล เหล้าไม่อั้น แบบไม่อ้วกนอนเหมือนหมาไม่ต้องกลับบ้านมาแล้ว หมดไปหลายหมื่นนะครับ ผมก็พาไปมาแล้ว ผมคิดแบบนี้ครับ เงินเดือนที่เราได้มาจากบริษัท เป็นเงินที่บริษัทจ้างให้เราทำงาน หากเราเอาเงินนั้นไปจ้างคนอื่นให้ทำงานแทนเราได้ โดยเราได้หัวคิว ทำไมเราถึงจะไม่ทำ อันนี้โดยส่วนตัวผมเรียกว่าเป็นการใช้เงินทำงานเหมือนกันครับ ถ้าทำดีๆ เดือนๆหนึ่งคุณแทบไม่ต้องทำงาน เพราะมีคนทำแทนหมด แต่คุณได้ผลงาน แถมได้ใจลูกน้องอีก ครบสูตร แก่ ใจดี สปอร์ต กทม. กันเลยทีเดียว - -*<br />
<br />
อีกวิธีหนึ่งคือการสัญญาครับ อันนี้ส่วนมากใช้เฉพาะกับบุคคล ไม่ใช้กับคนหมู่มาก และวิธีนี้ค่อนข้างจะต้องเป็นความลับ ไม่ให้ใครรู้ เช่น ตอนเรียกหัวหน้าไลน์มาคุย ผมบอกเลยว่า ถ้าคุณช่วยงานผมได้ผลงานที่ดี ปีนี้ผมประเมินผลงาน(ให้ผลประโยชน์)ให้คุณเต็มที่ พอปลายปี แม้ว่าผลงานอาจไม่ดีเท่าที่คิด ผมใช้วิธีเอาใบประเมินให้พนักงานคนนั้นเขียนเองเลย แล้วมานั่งคุยกัน ว่าในแต่ละช่องเค้าควรจะได้คะแนนเท่าไร แต่วิธีนี้จะใช้ได้เฉพาะกับคนที่เราประเมินแล้วนะครับว่าเป็นคนที่กระหายความก้าวหน้า นิสัยค่อนข้างตรงๆหน่อย ส่วนมากเป็นผู้ชาย วัยกลางคนซัก 40 กว่าๆจะได้ผลดีครับ<br />
<br />
ทั้งหลายทั้งปวง ในความเป็นจริง มันมีเทคนิคมากกว่านี้อีกเยอะครับ จะนำมาเขียนเล่าตรงนี้ก็คงไม่หมดดี เพราะการใช้คนมันเป็นศิลปะครับ ทฤษฏีมีนิดเดียว ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่า ต้องฝึก ต้องลงมือทำครับ ถึงจะใช้เป็น หากมีข้อสงสัยก็ถามกันเข้ามาได้ครับ ตอบได้จะตอบ ตอบไม่ได้ก็สารรูป.........ภาพ!!! ตามตรงว่าไม่รู้ครับ หวังว่าประสบการณ์ที่เอามาแชร์ตรงนี้คงพอเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้างครับ<br />
<br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/10/24-master-of-business-administration-mba.html" target="_blank">สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเรียน Master of Business Administration (MBA)</a><br />
eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-44091272815319881782012-12-30T19:19:00.003+07:002013-01-23T23:25:31.814+07:00101 เฉียบ!! นายกฯปูอยากให้ปี 2556 เป็นปีของการคิดบวก ...+<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/07/19-1972-8000-8-2-job.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00... ตอนที่ 8...กลับไปทำงาน 2 job ใหม่ กลับเมืองไทยครั้งแรกหลังจากที่จากมาแล้วเกือบสิบปี เริ่มค้าขาย ชีวิตหักเหอีกครั้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2012/01/82-by-kimeng-suk.html" target="_blank">ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา By: kimeng suk</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/08/22.html" target="_blank">เจอของจริงแกล้งเฉไฉ เฮ้อ!! แถแบบนี้...ผมบายดีกว่า กลัวติดเชื้อ"โรคกลัวความจริง"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/09/102.html" target="_blank">ไม่รีบเค้นออกมาจะเสียใจ...พรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษของเด็กๆ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.529947637019263.133881.100000120933242&type=1&l=1665871f0d" target="_blank">ขอต้อนรับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะ สู่มหานครนิวยอร์ก คลิกที่นี่...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/10/24-master-of-business-administration-mba.html" target="_blank">สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเรียน Master of Business Administration (MBA)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/10/25.html" target="_blank">มองโครงการรับจำนำข้าวในสายตาของชาวนาตัวจริง...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.539876712693022.136110.100000120933242&type=3&l=062f44209a" target="_blank">ภาพชุด..นายกฯปู ร่วมประชุม สุดยอด ACD กรอบความร่วมมือเอเชีย ที่คูเวตซิตี้</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/10/blog-post.html" target="_blank">นายกฯปูตั้งใจบริหารงานประเทศให้เต็มกำลัง... เรื่องเห็บเหาไม่ต้องพะวง ..ประชาชนจัดการให้..</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.556629037684456.139430.100000120933242&type=3&l=512ae14f72" target="_blank">Obama' ประเด็นที่สื่อไทยเมิน & อัลบั้มโอบามาเยือนไทย 18พ.ย.55</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/11/105.html" target="_blank">ความผิดพลาดของ ปชป. ที่หวังเล่นงาน นายกฯปู</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/12/blog-post.html" target="_blank">แผนชั่วๆ สร้างความรำคาญให้ต่างชาติ เลิกซื้อข้าวไทย!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/12/71.html" target="_blank">ปลื้มปีตี"ในหลวง"เสด็จออก ณ สีหบัญชร เปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ"กึกก้อง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/12/107-46.html" target="_blank">'ประชามติ'เกมวัดใจผู้มีสิทธิ 46 ล้าน ต้องการ รธน.เผด็จการหรือประชาธิปไตย ???</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/12/blog-post_24.html" target="_blank">อย่า"ฟูมฟาย"ให้เพื่อนๆ"เสียขวัญ" ... อย่า"กดดัน"จนคนทำงานต้อง"เสียกำลังใจ"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/12/28.html" target="_blank">อ่านบทสัมภาษณ์นี้แล้ว เห็นได้ชัดเลยครับว่า... นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่ โง่มาก โง่มากจริงๆ ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2013/01/blog-post.html">ภาพชุดพิเศษ...นายกฯปู รณรงค์"ประชามติ"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2013/01/108.html" target="_blank">ความเป็นมาของ คดีสะเทือนโลก "ที่ดินรัชดา" ที่ทุกๆคนควรรู้!!!</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/8r/p13128392-3.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/oy/gthj2.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/rk/p13128363-20.jpg"></center><br />
<center><iframe width="480" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/nOBQYn_nfjg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>นายกฯปูอยากให้ปี 2556 เป็นปีของการคิดบวก ...+</strong></span><br />
<br />
เมื่อวันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม 2555 เวลา 08.00 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์<br />
<br />
คำถามและคำตอบบางตอนที่น่าสนใจ มีดังนี้<br />
<br />
พิธีกร(นายธีรัตน์ รัตนเสวี) : เรียนถามท่านนายกรัฐมนตรีว่า ปีกว่าๆที่ผ่านมาที่บริหารราชการแผ่นดินมาเหนื่อยไหมครับ<br />
<br />
นายกฯปู : เรียนว่า จริงๆก็เหนื่อยทุกคนค่ะ ไม่อยากบอกว่าตัวเองเหนื่อยคนเดียว เพราะว่าดูแล้ว ทั้งภาคเอกชน ประชาชน และหน่วยงานราชการก็เหนื่อยกันมากค่ะ เพราะเราก็เจอผลพวงจากอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 รวมถึงรัฐบาลนี้เข้ามาก็เจอวิกฤตในส่วนนี้ ขณะเดียวกันเราก็ต้องเร่งแก้ปัญหาที่สะสมของเก่า โดยการแก้ไข รวมทั้งในประเทศ และเรื่องของการขัดแย้งต่างๆ ที่เราต้องพยายามที่จะทำอย่างไรให้บรรยากาศเป็นบรรยากาศของความสามัคคี และบรรยากาศของความปรองดอง ในส่วนของต่างประเทศก็เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์ ก็ต้องเรียนว่าหลายๆอย่างก็เร่งรัดกันมาในส่วนของปีที่ผ่านมา<br />
<br />
พิธีกร : ปี 2556 หรือปีต่อๆไปจะเป็นปีแห่งการที่รัฐบาลจะให้โอกาส และอยากให้ทุกคนช่วยกันในการเดินหน้าของประเทศ<br />
<br />
นายกฯปู : เราต้องบอกว่าปีหน้า 2556 เป็นปีของการพัฒนาสู่ความยั่งยืนเพื่อที่จะรองรับกับโอกาสใหม่ที่จะเกิดขึ้น และดิฉันเองก็อยากจะให้เป็นปีของการคิดบวก เชื่อมั่นว่าถ้าเราร่วมกันคิดบวก เราก็จะใช้หลักในการที่เรามองด้วยความบวก มีความรัก มีความเมตตากัน มีความเอื้ออาทรกัน ดิฉันเชื่อว่าเราก็จะมารับฟังความคิดเห็นต่างๆบนเวทีที่สร้างสรรค์ แน่นอนถ้าทุกคนมีความคิดบวกและเราฟังซึ่งกันและกันบนระบบวิถีประชาธิปไตย เชื่อว่าประเทศจะมีทางออก และมีบรรยากาศที่ดีร่วมกัน<br />
<br />
พิธีกร : ที่ผ่านมาก็เห็นเช่นกันว่าทุกคนเมื่อพบท่านนายกรัฐมนตรี จะคิดบวกทั้งนั้น ท่านนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ เต็มไปด้วยรอยยิ้มประทับใจอย่างไรบ้าง ที่ได้ลงพื้นที่ทั่วประเทศในปีที่ผ่านมา<br />
<br />
นายกฯปู : ประทับใจในส่วนที่พี่น้องประชาชนมีความรักความเอื้ออาทรกัน และเราก็จะเห็นว่าด้วยสายตาต่างๆที่มีความรัก ถ้าเราใช้พลังตรงนี้ให้มาเป็นพลังของการคิดบวกเพื่อให้ประเทศเรามีทางออก และเพื่อให้บรรยากาศของประเทศมีความรัก ความสามัคคี สุดท้ายก็มีความเชื่อมั่นและเสริมสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงต่อไป<br />
<br />
พิธีกร : ท่านนายกรัฐมนตรี คิดว่ารอยยิ้มต่างๆบอกว่าท่านนายกฯ มีคนหอมแก้มมากที่สุดในปีที่ผ่านมาก็ว่าได้ จะเป็นพลังหรือไม่ที่ทำให้ท่านนายกรัฐมนตรี มีกำลังใจในการที่จะนำพาประเทศไปสู่ความสำเร็จมากขึ้น<br />
<br />
นายกฯปู : เป็นพลังสำหรับตัวดิฉันเอง และเป็นพลังซึ่งกันและกัน และพลังนี้ยังไม่เพียงพอต้องเป็นพลังของคนไทยทั้งประเทศที่จะร่วมกันในการที่จะให้ประเทศไทยของเรานั้นก้าวไปอย่างมั่นคงต่อไป<br />
<br />
พิธีกร : ก้าวเข้าสู่ปีใหม่แล้วอยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีอวยพรปีใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย<br />
<br />
นายกฯปู : ในโอกาสนี้ปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ ดิฉันเองก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาคราชการและเอกชนที่ร่วมกัน เรียกว่าเราร่วมแรงร่วมใจกันทำให้ปีที่ผ่านมาของเรานั้นผ่านพ้นไปได้ด้วยดี สำหรับปีนี้ก็ขอให้ทุกคนรวมกันในการที่จะสร้างพลังของความคิดบวกด้วยกัน เพื่อให้พลังนี้เป็นพลังที่ต่อยอดถึงความสุขที่กลับมาหาคนไทยและสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และคิดสิ่งไหนก็ขอให้สิ่งนั้นสมปรารถนาทุกประการค่ะ ขอขอบพระคุณ ขอถือโอกาสนี้สวัสดีปีใหม่กับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนด้วยค่ะ<br />
<br />
<font size=4 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น หรือ save ภาพใหญ่เพื่อแจกจ่ายให้ทั่วถึงกัน</b></font><br />
<center><a href="http://upic.me/i/jg/2012-12-31_112754.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/cv/2012-12-31_112755.jpg" /></a></center><br />
<font size=4 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น หรือ save ภาพใหญ่เพื่อแจกจ่ายให้ทั่วถึงกัน</b></font><br />
<center><a href="http://upic.me/i/pd/2012-12-31_102613.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/qk/2012-12-31_102614.jpg" /></a></center><br />
<font size=4 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น หรือ save ภาพใหญ่เพื่อแจกจ่ายให้ทั่วถึงกัน</b></font><br />
<center><a href="http://upic.me/i/3r/2012-12-27_120633.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/al/2012-12-27_120634.jpg" /></a></center><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.578211638859529.142852.100000120933242&type=3&l=164d2b05f3" target="_blank">รณรงค์ "ประชามติ" นายกฯปู 7แบบ 7มุมมอง</a><br />
<br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>*** 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย : รณรงค์ให้ได้ 26 ล้านเสียง ***</strong></span><br />
<br />
*1เขตปกครองพิเศษ* รณรงค์ให้ได้ 1 ล้านเสียง: กรุงเทพมหานคร<br />
<br />
*20จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ* รณรงค์ให้ได้ 12 ล้านเสียง: กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครพนม, นครราชสีมา, บึงกาฬ, บุรีรัมย์, มหาสารคาม, มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, เลย, สกลนคร, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, หนองคาย, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ <br />
<br />
*17จังหวัดภาคเหนือ* รณรงค์ให้ได้ 8 ล้านเสียง: กำแพงเพชร, เชียงราย, เชียงใหม่, ตาก, นครสวรรค์, น่าน, พะเยา, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, ลำพูน, สุโขทัย, อุตรดิตถ์, อุทัยธานี<br />
<br />
*8จังหวัดภาคกลาง* รณรงค์ให้ได้ 2 ล้านเสียง: ชัยนาท, นนทบุรี, ปทุมธานี, อยุธยา, ลพบุรี, สิงห์บุรี, สระบุรี, อ่างทอง<br />
<br />
*8จังหวัดภาคตะวันตก* รณรงค์ให้ได้ 1 ล้านเสียง: กาญจนบุรี, นครปฐม, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร, สุพรรณบุรี<br />
<br />
*9จังหวัดภาคตะวันออก* รณรงค์ให้ได้ 1 ล้านเสียง: จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ, สระแก้ว<br />
<br />
*14จังหวัดภาคใต้* รณรงค์ให้ได้ 1 ล้านเสียง: กระบี่, ชุมพร, ตรัง, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, พังงา, พัทลุง, ภูเก็ต, ยะลา, ระนอง, สงขลา, สตูล, สุราษฎร์ธานี<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/qp/gzz01.jpg"></center><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/12/28.html">อ่านบทสัมภาษณ์นี้แล้ว เห็นได้ชัดเลยครับว่า... นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่ โง่มาก โง่มากจริงๆ ครับ</a><br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/hb/2012-12-30_141731.jpg"></center>eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-87121181659187328072012-10-19T21:29:00.000+07:002014-06-01T23:21:23.919+07:00100 สดุดี..นโยบายบัตรทองประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/07/19-1972-8000-8-2-job.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00... ตอนที่ 8...กลับไปทำงาน 2 job ใหม่ กลับเมืองไทยครั้งแรกหลังจากที่จากมาแล้วเกือบสิบปี เริ่มค้าขาย ชีวิตหักเหอีกครั้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2012/01/82-by-kimeng-suk.html">ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา By: kimeng suk</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/08/free-wifi-355.html" target="_blank">Free WiFi ทั่วประเทศ เปิดแล้ววันนี้ (3สิงหาคม2555)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/08/1.html " target="_blank">โครงการแจกแท็บเล็ตให้เด็ก ป.1 ของนายกฯปู สร้างอัจฉริยะสุดคุ้ม</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/08/22.html" target="_blank">เจอของจริงแกล้งเฉไฉ เฮ้อ!! แถแบบนี้...ผมบายดีกว่า กลัวติดเชื้อ"โรคกลัวความจริง"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/09/102.html" target="_blank">ไม่รีบเค้นออกมาจะเสียใจ...พรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษของเด็กๆ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/09/blog-post.html" target="_blank">ข้อเท็จจริงเรื่องน้ำท่วมสุโขทัย จากคนสุโขทัยตัวจริง & มติชนสัมภาษณ์"หม่อมเต่านา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/09/67.html" target="_blank">ภาพ "เจ้าหน้าที่" ยืนคู่กับ "ชายชุดดำ" คอป.เห็นหรือยัง?</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.528683410479019.133466.100000120933242&type=3&l=e21cddc2e6">โอ้กรุงเทพเมืองฟ้าอมร สมเป็นนครมหานที...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/09/blog-post_22.html" target="_blank">อยากจะบอกคน กทม. ฝั่งตะวันออก ว่า รัฐบาลเขาเตรียมยังไง เรื่องน้ำ พร้อมภาพประกอบ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.529947637019263.133881.100000120933242&type=1&l=1665871f0d" target="_blank">ขอต้อนรับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะ สู่มหานครนิวยอร์ก คลิกที่นี่...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/09/68.html" target="_blank">มาร์คครับ หยุดเถิดครับ อย่าออกมาพูดเรื่องจริยธรรมให้มากกว่านี้เลยครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/10/24-master-of-business-administration-mba.html" target="_blank">สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเรียน Master of Business Administration (MBA)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/10/69.html" target="_blank">เฉลิมจี้ ปชป.บอกโกงจำนำข้าวให้หาหลักฐานมาแจง ไม่ใช่พูดไปเรื่อยแต่ไม่มีข้อมูล</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/10/25.html" target="_blank">มองโครงการรับจำนำข้าวในสายตาของชาวนาตัวจริง...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.539876712693022.136110.100000120933242&type=3&l=062f44209a" target="_blank">ภาพชุด..นายกฯปู ร่วมประชุม สุดยอด ACD กรอบความร่วมมือเอเชีย ที่คูเวตซิตี้</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/10/103-3.html" target="_blank">ดร.ถวิล อธิการบดี"สจล." เปิดเบื้องหลังค่ายมือถือไม่เคาะราคา 3จี แฉใกล้หมดยุค ระบุล้มประมูล รัฐฯพังยับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/10/blog-post.html" target="_blank">นายกฯปูตั้งใจบริหารงานประเทศให้เต็มกำลัง... เรื่องเห็บเหาไม่ต้องพะวง ..ประชาชนจัดการให้..</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/10/70.html" target="_blank">นานาคอมเม้นท์ ถึง..คุณจตุพร พรหมพันธุ์</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/11/6-3-2544.html" target="_blank">6 ปีแล้วหรือ...คนไทยได้อะไร ???? ใครสั่งฆ่า? ... วางระเบิดเครื่องบินทักษิณ 3 มีนาคม 2544</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/11/104.html" target="_blank">ทักษิณคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน...เพื่อประเทศและประชาชน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.556629037684456.139430.100000120933242&type=3&l=512ae14f72" target="_blank">Obama' ประเด็นที่สื่อไทยเมิน & อัลบั้มโอบามาเยือนไทย 18พ.ย.55</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/11/26.html" target="_blank">ถ่ายทอดสด... วิทยุรัฐสภา & โทรทัศน์รัฐสภา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/11/105.html" target="_blank">ความผิดพลาดของ ปชป. ที่หวังเล่นงาน นายกฯปู</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/12/blog-post.html" target="_blank">แผนชั่วๆ สร้างความรำคาญให้ต่างชาติ เลิกซื้อข้าวไทย!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/12/71.html" target="_blank">ปลื้มปีตี"ในหลวง"เสด็จออก ณ สีหบัญชร เปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ"กึกก้อง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/12/27.html" target="_blank">คุณอภิสิทธิ์ครับ ผมเคยบอกแล้วไงครับ ไม่พูดดีกว่านะครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/12/309.html" target="_blank">หึหึ.. ทำไม ????? มาร์คบอกว่า แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อคนๆเดียว</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/12/107-46.html" target="_blank">'ประชามติ'เกมวัดใจผู้มีสิทธิ 46 ล้าน ต้องการ รธน.เผด็จการหรือประชาธิปไตย ???</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/12/blog-post_24.html" target="_blank">อย่า"ฟูมฟาย"ให้เพื่อนๆ"เสียขวัญ" ... อย่า"กดดัน"จนคนทำงานต้อง"เสียกำลังใจ"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/12/28.html" target="_blank">อ่านบทสัมภาษณ์นี้แล้ว เห็นได้ชัดเลยครับว่า... นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่ โง่มาก โง่มากจริงๆ ครับ</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/tfBPr6IpCbk" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/videoseries?list=PLAB185FFE66904B04&hl=th_TH" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/4p/211510.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>สดุดี..นโยบายบัตรทองประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค</strong></span><br />
<br />
<table style="FILTER: glow(color:#150015"><tbody>
<tr><td><font color="#ffffff"><b>By: ธนวุฒิ ดุษฎีปัญจพร</b></font></td></tr>
</tbody></table><br />
ครอบครัวของผมสนิทสนมกับโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีมานานหลายๆสิบปี พ.ศ.2532 <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.167486956736960.1073741825.100004269694162&type=1&l=5ea9751845" target="_blank">ลูกชายโทนของผม</a>ก็คลอดที่ รพ.นี้ แม่ของลูกชายก็เลือกประกันสังคมที่ รพ.นี้และผ่าตัดเอามดลูกออกก็ รพ.นี้ สำหรับผมบัตรทองประกันสุขภาพฯก็ รพ.นี้เช่นกัน เรียกว่าครอบครัวของผมเดินเข้าเดินออก รพ.นี้จนคุณเจ้าหน้าที่คุณพยาบาลคุณผู้ช่วยพยาบาลและคุณหมอจำหน้าได้ก็แล้วกัน<br />
<br />
จะเป็นเวรเป็นกรรมหรือโชคดีก็แล้วแต่ เพราะอานิสงส์จากบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรคนี่แหละ ที่ยังทำให้ผมมองเห็นสิ่งสวยๆงามๆในโลกใบนี้ได้<br />
<br />
ผมเป็นโรคต้อหินและโรคต้อกระจก เป็นทั้งสองข้าง ดวงตาข้างซ้ายบอดไปแล้วแต่คุณหมออุดม ภู่วโรดม แผนกโรคตา รพ.นพรัตนฯ เป็นผู้ผ่าตัดใส่เลนส์แก้วตาเทียมให้ คงเหลือแต่ดวงตาข้างขวาซึ่งคุณหมอรุจยา ด่านอุตรา ติดตามดูอาการอยู่ ถ้าไม่ดีขึ้นก็ต้องผ่ากันละ (คุณหมอรุจยารักษาต่อจากคุณหมออุดมซึ่งท่านย้ายไปดำรงตำแหน่ง <a href="http://www.iop.or.th/index.php" target="_blank">ผู้อำนวยการสถาบันพยาธิวิทยา</a>)<br />
<br />
ทุกวันนี้ผมต้องใช้ยา Timodrop Eye Solution 0.5% หยอดตาทุกเช้า-เย็นเพื่อปรับความดันลูกนัยน์ตาทั้ง 2 ข้างซ้าย-ขวา และทุกๆเดือนผมมีนัดต้องไป รพ.เพื่อรับยา คุณหมอบอกว่า ผมต้องหยอดยาเพื่อปรับความดันลูกนัยน์ตาไปตลอดชีวิต<br />
<br />
ปกติผมสายตาสั้นต้องใส่แว่นตาเป็นประจำ หลังผ่าตัดใส่เลนส์แก้วตาเทียม คุณหมออุดมบอกว่าเลนส์ที่ใส่ให้เป็นเลนส์สายตายาวมองไกลๆเห็นภาพชัดสดใสสีฟ้าสวยงาม ส่วนตาข้างขวาเป็นตาธรรมชาติที่ติดตัวมามองใกล้เห็นชัดแต่ภาพสีขุ่นๆไม่สดใสเหมือนตาข้างซ้าย ปัจจุบันตาทั้งสองข้างมันปรับเข้าหากันทำให้ผมมองเห็นได้ชัดเจนทั้งใกล้และไกลโดยไม่ต้องใส่แว่นตาเหมือนก่อน<br />
อิอิ..มาแล้วๆ ของฝากที่ใครๆไม่อยากได้... <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/10/76.html" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/et/images123587cal.jpg"></a><br />
<br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ขอบพระคุณรัฐบาลโครงการ30บาทรักษาทุกโรค</strong></span><br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By: ฅนกรุงเก่า (โพสท์เมื่อ 12 มี.ค.2556)</span> 7เดือนแล้วที่ผมมีหลานชายคนแรก ลูกสาวตั้งครรภ์ได้ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนได้เหมาค่าใช้จ่ายประมาณ 50,000 บาท ลูกสาวผมได้ไปตรวจครรภ์ทุกเดือนตามหมอนัดพร้อมอัลตร้าซาวด์ 3 มิติ ว่าได้ลูกผู้ชาย ถึงเดือนที่7 น้ำคล่ำรั่วได้ไปหาหมอ หมอบอกว่าต้องผ่าเด็กคลอดก่อนกำหนดและบอกค่าใช้จ่ายประมาณ 600,000-1,200,000 บาทโดยประมาณ ผมก็ถามว่ามีวิธีไหนบ้างมั๊ยที่ราคาจะลดลงได้บ้าง คุณหมอบอกว่าต้องโรงพยาบาลรัฐบาลเท่านั้นเพราะโรงพยาบาลเอกชนก็ต้องราคาประมาณนี้<br />
<br />
ผมจึงขอคุณหมอย้ายไปโรงพยาบาลราชวิถีและคลอดเด็กแล้วเด็กจะได้อยู่โรงพยาบาลเด็กต่อเลย ลูกสาวผมย้ายมาโรงพยาบาลราชวิถี ได้ 2 วันก็คลอดน้ำหนักเด็กเพียง 950 กรัม (9ขีดครึ่ง) หลานชายผมอยู่โรงพยาบาลเด็กอยู่ตู้อบเป็นเวลาเกือบ 3 เดือนรวมอยู่โรงพยาบาล 4 เดือน ออกจากโรงพยาบาลเด็กมา 3 เดือนแล้วตอนนี้อายุได้ 7 เดือน ตอนออกจากโรงพยาบาลหลานชายผอมผิวดำ น้ำหนักตัว 2.5 โล แต่เดี๋ยวนี้เค๊า น้ำหนัก 7 กิโล<br />
<br />
ขอขอบพระคุณแพทย์ พยาบาล จนท. โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลเด็กที่ดูแลหลานชายผมอย่างดี<br />
<br />
ขอขอบพระคุณรัฐบาลที่มีโครงการดีดี 30 บาทรักษาทุกโรค ที่หลานชายผมใช้บริการ<br />
<br />
ผมคิดว่าคงมีผู้ที่ได้ใช้บริการโครงการดีดีของรัฐบาลอีกนับร้อยนับพันนับหมื่นนับแสน กราบขอบพระคุณมากๆครับ<br />
<br />
จากใจจริง ที่เขียนมานี้เพื่ออยากขอบคุณรัฐบาลนายกฯปู โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลเด็ก และด้วยความสัตย์จริงผมบอกครอบครัวตลอดว่าถ้าเรามีปัญญาจ่ายเราจ่ายเองเพื่อไม่ต้องไปเบียดกับคนอื่น แต่กรณีหลานชายผมมันเกินฐานะผม ผมจึงขอใช้โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค<br />
<br />
รูปหลานชายไปเยี่ยม คุณหมอ-พยาบาล ที่ รพ.เด็ก<br />
<center><img src="http://upic.me/i/nu/1363106_1.jpg"></center><br />
เด็กต้องอยู่ตู้อบวันละประมาณหนึ่งหมื่นบาท ที่ผ่านมาหลานผมอยู่ตู้อบประมาณสองเดือนกว่า ค่าผ่าทำคลอดไม่ทราบเท่าไหร่ ที่แพงคือค่าตู้อบ ถ้าปอด-หัวใจมีปัญญาหาจะหนักกว่านี้อีกเห็นหมอบอก<br />
<br />
ผมไม่โทษใครครับเพียงแต่มากราบขอบพระคุณเท่านั้น<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/6j/1363107_1.jpg"></center><br />
หลานชายผมโตรู้เรื่องพูดได้ ผมจะเล่าเรื่องของเค้าให้เค้ารู้และให้เค้ากราบขอบพระคุณทุกๆท่านที่ให้ชีวิตเค้า แต่ตอนนี้ขอกราบขอบพระคุณทุกๆท่านแทนหลานชายก่อนครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>เล่าสู่กันฟัง...</strong></span><br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By: คนชุดขาว</span> ...ก่อนนโยบาย 30 บาท..ผมซึ่งทำงานใน รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ พบเจอเรื่องเศร้า สังเวชใจเกี่ยวกับคนยากจนที่ไม่มีค่ารักษาพยาบาลมามากมาย..มีหน่วยงานที่คอยดูแลช่วยเหลือก็คือสังคมสงเคราะห์...<br />
<br />
...หลายครั้งผมต้องรับหน้าที่พาญาติ+คนรู้จัก ที่ยากจนไปขอรับการพิจารณาช่วยเหลือลดหย่อน หรือยกเว้นค่ารักษาพยาบาลจาก จนท. สังคมสงเคราะห์ และช่วยเจรจาให้ด้วยเพราะก็คุ้นเคยพบเห็นกันอยู่เสมอ..บางครั้งเจอ จนท. ที่มีเมตตา กรุณา เขาก็พยายามลดหย่อน ช่วยเหลืออย่างเต็มที่..บางครั้งเจอคนที่ใจดำ ใจแข็งก็ไม่ยอมลดให้..บางครั้งถึงกับแนะนำญาติไปกู้เงินมาเสียค่ารักษาพยาบาล..ญาติผู้ป่วยหลายรายกลับออกมาพร้อมกับร้องไห้ น้ำตานองหน้า...และดูเหมือนโลกจะโหดร้าย เพราะคนที่ใจดำใจแข็ง ที่ผมรู้จักกลับได้รับการยกย่องให้เป็นข้าราชการสังคมสงเคราะห์ดีเด่น<br />
<br />
...สมัยก่อนเครื่อง X-ray คอมพิวเตอร์เป็นวิทยาการใหม่ ราคาแพง และคิดค่าบริการครั้งละหลายพันบาท มันติดตั้งอยู่ชั้นที่ 1 ของตึก และใช้การลดหย่อนด้วยสังคมสงเคราะห์ไม่ได้..คนไข้หลายรายที่หมอต้องการให้ตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่อง X-ray คอมพิวเตอร์แต่ไม่มีเงินเสียค่าบริการ ต้องนอนรอเพื่อให้ญาติไปหาเงินมาให้ได้ก่อน บางรายต้องไปกู้ บางรายต้องไปขายที่ ขายไร่ ขายนามา...<br />
<br />
...หลังจากมีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค..มันเหมือนฟ้ามาโปรด มันปลดเปลื้องความทุกข์ยากจากความเจ็บป่วยของคนได้มหาศาล..ผมถือว่าคนที่คิด ทำ ได้บุญกุศล คำแซ่ซ้องสรรเสริญจากคนยากจน คนชั้นกลางและคนรวยมากมายนัก..มันทำให้หมอที่เป็นหมอจริงๆสามารถตรวจวินิจฉัย+รักษาโรคได้อย่างรวดเร็ว ทันการ และไม่ต้องวิตกกังวล ไม่มีอุปสรรคเรื่อง "เงิน" ค่าใช้จ่าย ของผู้ป่วยเหมือนก่อน...<br />
<br />
...งบประมาณที่เอามาใช้กับโครงการ 30 บาท มันก็คืองบประมาณที่กระทรวงสาธารณะสุขเคยได้รับแต่ดั้งเดิม จะให้เป็นเงินงบประมาณทั้งหมดตามที่กระทรวงเสนอขอมา และให้ไปบริหารจัดการเอง..มันจึงเกิดการคอรัปชั่นกินกันมโหฬาร อย่างที่เป็นข่าวมากมาย<br />
<br />
...ผมคิด+เชื่อว่าปัญหาอุปสรรคใหญ่ที่สุดของโครงการ 30 บาท คือ การไม่ให้ความร่วมมือจาก "แพทย์" และ จนท.ที่ต่อต้านโครงการนี้..จึงทำให้ไม่สมัครใจ ไม่เต็มใจที่จะช่วยกัน ร่วมมือกันดำเนินการ+แก้ไข+นำเสนอปัญหาอุปสรรค+การเสนอแนวทางในการดำเนินการ-การแก้ไขปัญหาต่างๆ<br />
<br />
...เพราะคน บุคลากรเหล่านี้เป็นผู้ปฎิบัติ อยู่ในสถานการณ์เหตุการณ์จริง จึงรับรู้ปัญหา อุปสรรค และรู้ว่าควรแก้ไข ปฏิบัติแบบไหนอย่างไรจึงจะดีที่สุด<br />
<br />
...ถ้าบุคลากรเหล่านี้ โดยเฉพาะแพทย์ให้ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจอย่างจริงจังแล้ว 30 ไปได้ดีกว่าปัจจุบันมากนัก<br />
<br />
...ผมคิดว่าที่แพทย์+บุคลากรต่อต้าน 30 บาทเพราะ<br />
<br />
1. ไม่ชอบพรรคเพื่อไทย ไม่ชอบทักษิณ แบ่งสี แบ่งพวก<br />
<br />
2. โครงการ 30 บาททำให้ผู้ป่วยมาใช้บริการมากขึ้น ทำให้งานหนัก เหนื่อยมากขึ้น<br />
<br />
3. ต้องบริหาร จัดการเรื่องเงินงบประมาณ ที่ได้รับมาต่อหัว/ปี ให้ลงตัวและอื่นๆ เป็นการเพิ่มภาระแก่ผู้บริหาร รพ.<br />
<br />
4. ทำให้คนไข้คลินิกส่วนตัวลดลง<br />
<br />
5. พรบ. หลักประกันสุขภาพ ทำให้แพทย์ต้องเสี่ยงกับการฟ้องร้องมากขึ้น และอาจจะต้องถูกลงโทษให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการรักษาพยาบาลที่สอบสวน ตัดสินว่าเพราะความผิดพลาด ประมาท เลินเล่อ<br />
<br />
6. พรบ. หลักประกันสุขภาพ ทำให้สถานพยาบาล คลินิกส่วนตัวต้องมีมาตรฐาน มีความพร้อมทุกด้าน ต้องลงทุนมากขึ้น<br />
<br />
และ ฯลฯ<br />
<br />
...ทั้งๆที่ พรบ. หลักประกันสุขภาพบัญญัติขึ้นก็เพื่อคุ้มครองคนเจ็บป่วยให้ได้รับการชดเชยค่าเสียหาย บาดเจ็บ ตาย พิการ ฯลฯ จากการรักษาพยาบาล และให้มีโอกาสได้เข้าถึง ได้รับการบริการด้านสุขภาพของรัฐและเอกชน อย่างปลอดภัย มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ มีมาตรฐานตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง..แต่มันไปมีผลกระทบกับแพทย์+บุคลากร จึงทำให้ถูกต่อต้าน.. (ถ้าอยากรู้อย่างละเอียดลองไปค้นคว้า อ่าน พรบ.หลักประกันสุขภาพดูกันเองนะครับ)<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By: easyboy</span> เรื่องบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกโรค ปัจจุบันนี้ ยิ่งต่อยอด ดีเข้าไปใหญ่ครับ<br />
<br />
เมื่อเดือนเมษายน ปี้นี้ (ก่อนสงกรานต์) เขาประกาศ การแพทย์ฉุกเฉิน 3 กองทุน (ประกันสังคม ราชการ บัตรทอง)<br />
<br />
โดยประกาศว่า "คนไทย" ทุกคน เจ็บป่วยฉุกเฉิน เข้าได้ทุกโรงพยาบาล แล้วห้าม รพ. ถามหาบัตร หรือ เก็บค่ารักษา (รพ.เอกชนใหญ่ๆ โวยกันใหญ่ เพราะกลัวคนจะแห่เข้าไปแล้วเก็บเงินไม่ได้)<br />
<br />
ระบบของ สปสช. จะมีข้อมูล "คนไทย" on line รพ. ตรวจสอบได้ 24 ชั่วโมง แค่กรอกเลขประจำตัว 13 หลัก (ถ้าบัตรหาย ญาติบอกชื่อนามสกุลตรง เขาก็ให้ใช้)<br />
<br />
โรงพยาบาลแรกต้องรักษาฉุกเฉิน ทันที แล้วรีบแจ้ง รพ.ต้นสังกัดหรือ สปสช . เขาจะมารับต่อไป รพ.ต้นสังกัด หรือถ้าอยู่ไกล ตจว. เขาก็จะหา รพ.รัฐให้เอง เพื่อลดค่าใช้จ่าย ของ รพ.แรกที่รักษา<br />
<br />
รพ.เบิกค่ารักษา ได้ตามเกณฑ์ คนไข้ จ่าย 30 บาท เท่าเทียมกัน<br />
<br />
ถึงแม้ว่า บาง รพ. คนไข้จะเยอะจนต้องนอนเปลสนาม แต่การรักษาต้องได้มาตรฐาน รพ.รัฐ ต้องทำ HA (hospital accredit) ประกันคุณภาพ<br />
<br />
จนมีการกล่าวกันว่า บัตรทอง รักษาดีกว่า ประกันสังคม (เพราะ ปกส. รพ.เอกชนที่เข้าร่วมบางแห่ง รักษาแย่จริงๆ)<br />
<br />
ทักษิณคือคนที่ทำให้ คำว่า "คนไข้อนาถา" หายไปจากชีวิตคนไทย ด้วยนโยบาย 30 บาท ตายทุกโรค ที่ประชาธิปัตย์เขาว่า นี่แหละครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By: นกคูด</span> มันเสียหน้าจึงแค้น เพราะกลุ่มคุณหมอในกระทรวงสาธารณสุขเคยเสนอโครงการกับนายชวน หลีกภัย นายกฯในตอนนั้น แต่รัฐบาลนายชวนแม้สายตายาว แต่วิสชั่นแคบและสั้น กลัวไม่มีเงิน (หาเงินไม่เป็น) จึงปฏิเสธไป<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By: เข้ามาดู</span> อย่าว่างั้นงี้เลย ไอ้โครงการนี้แหละที่สลิ่มที่โรงงานมันด่า สุดท้ายแม่มันเข้าโรงพยาบาล ถ้าไม่มีบัตรทองป่านนี้มันคงต้องขายรถ ขายที่ ทุกวันนี้มันเงียบไม่ยอมพูดอีก หลับตาปริบๆสำนึกบุญคุณหรือละอายไม่รู้...ด่าเค้าไว้เยอะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By: nimnong</span> นิ่มน้องท้องลูกคนสุดท้องตอนปี47 ตอนนั้นเลี้ยงไก่อยู่ แต่รอบข้างเป็นหวัดนก ไก่ของนิ่มน้องก็ต้องถูกฝังด้วยทั้งที่ใกล้ได้เวลาจับขายแล้ว<br />
<br />
ช่วงนั้นลำบากมากเลยเพราะรายได้ไม่มีลูกก็ใกล้ครบกำหนดคลอดแล้ว และพอได้เวลาคลอด นิ่มเจ็บท้องอยู่ประมาณ 20 ชั่วโมง จนจะช็อกอยู่แล้ว หมอก็เข็นเข้าห้องผ่าตัดออกมาลูกสาวหนัก 4.5 ตัวใหญ่มาก<br />
<br />
ระหว่างที่อยู่ที่โรงพยาบาล หมอและนางพยาบาลดูแลคนไข้เป็นอย่างดี เอาใจใส่ ไม่ขาดตกบกพร่อง สามีนิ่มน้องเป็นกังวลกลัวว่าจะไม่มีเงินจ่ายค่าผ่าตัด ก็คุยกับหมอคร่าวๆแต่หมอว่าไม่ต้องกังวลนะค่ะ รัฐบาลออกนโยบายสามสิบบาทรักษาทุกโรคนี่ครอบคลุมถึงการออกลูกด้วย และนโยบายการแข่งขันด้านบริการก็ทำให้หมอและพยาบาลดูแลคนไข้อย่างดีภรรยาคุณถึงได้รับการดูแลอย่างดีจากเรา<br />
<br />
พอถึงกำหนดกลับบ้าน นิ่มน้องก็ยังได้ของขวัญจากทางโรงพยาบาลเป็นนมผงกับของใช้เด็กอ่อน แฟนนิ่มน้องแอบถามนางพยาบาลว่า ถ้าต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลนี่ตกเท่าไหร่ เขาบอกประมาณหมื่นกว่าบาท แต่ตอนนั้นแฟนนิ่มน้องจ่ายแค่สามสิบบาท<br />
<br />
อ้อ..ตอนฝากท้องสามสิบบาท ตอนไปพักที่โรงพยาบาลเข้าๆออกๆอีกสามสิบ ทั้งหมดนิ่มน้องจ่ายไปเก้าสิบบาท<br />
<br />
หลังจากนั้นมาห้าเดือน ลูกสาวนิ่มน้องต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการอาหารเป็นพิษรุนแรงมาก อาเจียนจนตัวเขียวเลยและมีไข้สูงมากไปโรงพยาบาลนอนให้น้ำเกลือ เด็กห้าเดือนต้องให้น้ำเกลือ แถมต้องฉีดยาสามเข็มและยาตัวนี้หมอบอกแพงมาก เข็มละหลายพันบาท สามเข็มก็หลายหมื่นทั้งน้ำเกลือด้วยนอนโรงพยาบาลด้วย<br />
<br />
เช่นเดิมแฟนนิ่มน้องแอบถามกับหมอว่าถ้าต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลนี่ประมาณเท่าไหร่ หมอว่าสี่หมื่นขึ้น ซึ่งถ้าไม่มีนโยบายสามสิบบาทนี่นิ่มน้องอาจไม่ได้ลูกคืน<br />
<br />
อ้อ..แต่ของเด็กยุคนั้นนโยบายรักษาฟรีด้วยค่ะ นิ่มน้องไม่ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลสักบาทแถมหมอและพยาบาลดูแลอย่างดี<br />
<br />
วันนั้นถ้าไม่มีนโยบายนี้ อาจไม่มีนิ่มน้องในบอร์ดประชาไท และนิ่มน้องก็คงไม่มีวันนี้ วันที่พอจะลืมตาอ้าปากได้บ้าง และพอจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เท่าที่ตัวเองพอจะช่วยได้<br />
<br />
ถ้าใครเคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาคงเข้าใจความรู้สึกนิ่มน้องได้เป็นอย่างดี มันเป็นความรู้สึกที่ฝังลึกและรู้สึกระลึกนึกถึงอยู่เสมอ เพราะวันนั้นจึงทำให้นิ่มน้องมีวันนี้ และวันนี้อีกนั่นแหละที่ทำให้นิ่มน้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนที่นิ่มน้องรัก และนิ่มน้องก็เห็นสมควรด้วยว่าเขาคนนี้สมควรได้รับความรักจากประชาชน และผิดหรือที่คนเสื้อแดงเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเขา<br />
<br />
เขาคนนี้สร้างนโยบายดีๆ มากมายหลายๆครอบครัวได้รับอานิสงส์จากนโยบายนี้ หลายๆคนเหมือนตายแล้วฟื้นหลายคนได้ชีวิตใหม่ หลายคนเหมือนได้ครอบครัวใหม่ คนที่ไม่เคยประสบมาก่อน คงไม่สามารถจะสัมผัสได้<br />
<br />
พวกคุณที่ไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อแดง อาจจะบอกว่าทักษิณจ้างคนเสื้อแดงให้ออกมาเคลื่อนไหว<br />
<br />
นิ่มน้องยอมรับว่าทักษิณจ้างจริงแต่ไม่ใช่จ้างด้วยเงิน แต่จ้างด้วยความรัก รักที่จะเป็นฝ่ายให้ก่อน แล้วทักษิณจึงได้ความรักจากประชาชนตอบกลับไป ซึ่งพวกที่ไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อแดง พวกคุณไม่มีวันเข้าใจ และไม่มีวันจะได้สัมผัส ถ้าตราบใดที่พวกคุณยังรักแต่ตัวเองรักแต่พวกพ้องตัวเองไม่มีความรักเผื่อแผ่ใคร<br />
<br />
และอย่าขัดขวางเราเลย เราแค่เรียกหา ความเป็นธรรมให้กับคนที่เรารัก แค่นั้นเอง คุณให้เราไม่ได้เชียวหรือ<br />
<br />
ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนไว้นานแล้ว วันนี้เห็นมีการพูดถึงเรื่องสามสิบบาทกันอีก ไม่รู้จริงๆหรือว่า รักษาฟรีกับเสียตังค์ มันให้คุณค่าทางใจไม่เหมือนกัน<br />
<br />
รักษาฟรี มันให้ความรู้สึกเหมือนไม่มีค่า ในขณะที่เสีย 30 บาทมันมีความรู้สึกว่า เราได้เสียค่ารักษาไม่ใช่อนาถาไม่จ่ายค่ารักษา<br />
<br />
และสามสิบบาทมันเป็นจำนวนเงินที่คนจนสามารถจ่ายได้ โดยไม่เดือดร้อน<br />
<br />
คนไทยเป็นคนเกรงใจคนค่ะ ของฟรีนะไม่ค่อยชอบหรอก แต่ถ้าจ่ายเงินนิดๆหน่อยๆ อย่างน้อยก็รู้สึกว่าตนเองได้จ่ายเงินแม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/ez/67868510.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>นายกฯปูรับบรรจุพยาบาลเป็น ขรก. ปีละ 7,547 อัตราเป็นเวลา 3 ปี</strong></span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://upic.me/i/2e/ds130538.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; cssfloat: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="372" q6="true" src="http://upic.me/i/2e/ds130538.jpg" width="90" /></a></div><span style="color: #000000;">ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. 55 ตัวแทนเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพนำโดย นางสาวศิริรัตน์ วงษ์บุดดา ประธานเครือข่ายฯ ได้เข้าประชุมร่วมกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือ ทำความเข้าใจและหาแนวทางในการแก้ปัญหาลูกจ้างชั่วคราวกระทรวงสาธารณสุข โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือด้วย อาทิ นายแพทย์ประดิษฐ สินณวณรงค์ รมว.สาธารณสุข นายเเพทย์ชลน่าน ศรีเเก้ว รมช.สาธารณสุข นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข , นายกสภาการพยาบาล , นายกสมาคมพยาบาล , ผู้อำนวยการสำนักการพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข เลขาธิการชมรมสหวิชาชีพทางการแพทย์ฯ<br />
<br />
หลังจากนั้นในเวลา 10.50 น. ได้มีการแถลงข่าวร่วมกันที่ตึกสันติไมตรี โดยนายเเพทย์ประดิษฐ์ แถลงว่า การประชุมในวันนี้เพื่อเป็นการรายงานผลการปรึกษาหารือระหว่างลูกจ้างชั่วคราว สภาวิชาชีพสมาคมพยาบาล และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้ข้อสรุปแล้วโดยทุกฝ่ายถือว่าวันนี้เป็นวันแห่งความสุขของทุกคน ซึ่งนายกรัฐมนตรี เองก็ได้ชื่นชมในข้อสรุปต่างๆ ที่ออกมา โดยกระทรวงสาธารณสุขนั้น จะดำเนินการทยอยรับตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราวขึ้นมาเป็นข้าราชการประจำในอัตราปีละ 7,547 อัตรา เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งในส่วนของลูกจ้างชั่วคราวที่ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 30,100 อัตรา และในส่วนที่เหลือก็จะทำสภาพการจ้างขึ้นมาเป็นสภาพที่เรียกว่าพนักงานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสภาพการจ้างนั้นก็เพื่อที่จะทดแทนสิทธิประโยชน์ที่เสียไปจากการเป็นลูกจ้างชั่วคราว รวมทั้งเป็นการชดเชยในระหว่างที่รอบรรจุเป็นข้าราชการ ก็สามารถเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุขไปก่อนเพื่อจะแก้สิ่งที่ได้เสียไป<br />
<br />
นายเเพทย์ประดิษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่เราพยายามจัดกันอยู่โดยเป็นสินเชื่อ ด้านการเงินต่างๆ เพื่อจะช่วยเยียวยาสิ่งที่ได้เสียไปในอดีตรวมทั้งเป็นการช่วยสนับสนุนในเรื่องของวิชาชีพต่อไป</span><br />
<br />
ด้านปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภาพรวมของข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขมีข้าราชการและลูกจ้าง 3.2 แสนคน เป็นข้าราชการประมาณ 1.8 แสนคน เป็นลูกจ้างชั่วคราวประมาณ 1.4 แสนคน โดยเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่เป็นสายวิชาชีพ ทันตแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ 21 สายงาน ประมาณ 3 หมื่นราย จ้างด้วยเงินบำรุงของโรงพยาบาล วันนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบให้กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)และสำนักงบประมาณร่วมประชุม โดยแก้ปัญหาระยะสั้นในกับลูกจ้างชั่วคราว 3 หมื่นคน โดยบรรจุเป็นข้าราชการ จำนวน 22,641 อัตราในระยะเวลา 3 ปี หรือ 75% ของลูกจ้างชั่วคราวที่มีอยู่ทั้งหมด<br />
<br />
"กระทรวงสาธารณสุขกำลังอยู่ในระหว่างแก้ไขระเบียบให้กับลูกจ้างชั่วคราวทั้งหมด เพื่อจ้างงานในฐานะที่เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข คาดว่าจะสามารถเปลี่ยนจากสถานะในปี 2556 ส่วนการบรรจุข้าราชการที่ได้รับอัตราใหม่นั้น ก.พ. ก็จะนำเสนอต่อ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ หลังจากนั้นกระทรวงสาธารณสุขก็จะเร่งบรรจุราชการชั่วคราวให้เป็นพนักงานโดยมีเงื่อนไขคือ 1 อายุงานของลูกจ้างชั่วคราว 2 ภาระงานของแต่ละโรงพยาบาล 3 ลูกจ้างที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลในชนบทจะถูกพิจารณาก่อน 4 ภารกิจของลูกจ้างนั้นๆ"<br />
<br />
นายสุพรรณ ศรีธรรมมา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การที่ลูกจ้างชั่วคราวเข้ามาเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุขนั้น จะได้รับสิทธิประโยชน์คือพนักงานกระทรวงสาธารณสุขจะได้รับอัตราเงินเดือน 1.2 เท่าของเงินเดือนข้าราชการ (เฉพาะสายวิชาชีพ) สิทธิเรื่องการลาประเภทต่างๆ เหมือนราชการ สิทธิตามกฎหมายประกันสังคม เช่นค่ารักษาพยาบาล การสงเคราะห์บุตร และค่ารักษาพยาบาลสำหรับทายาทสายตรง สิทธิในการรับสินเชื่อธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สิทธิบัตรเครดิตธนาคารกรุงไทย ไม่มีเงินประจำตำแหน่ง แต่ได้รับสิทธิ์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับพนักกระทรวงสาธารณสุข เลื่อนค่าจ้างปีละ 1 ครั้ง ภายในวงเงิน 6% ต่อปีเท่าข้าราชการ (พนักงานราชการ วงเงิน 4%) ระยะการจ้างงานเปลี่ยนเป็น 4 ปีจากเดิมจะจ้างปีต่อปี<br />
<br />
"ในวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในสัญญาของกระทรวงการคลังเพื่อให้สำนักงบประมาณเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 11 ธันวาคมนี้"<br />
<br />
นางสาววิจิตร ศรีสุพรรณ นายกสภาการพยาบาล กล่าวว่า วันนี้ถือว่าเป็นวันที่มีความสุขมากที่สุด ที่พวกเรากลุ่มลูกจ้างชั่วคราวรอคอยมา เพราะเราเริ่มร้องขอมันตั้งแต่ปี 2547 ดังนั้นวันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้แก้ปัญหาทุกสาขาวิชาชีพ ไม่ใช่เพียงสาขาใดสาขาหนึ่ง ยินดีที่จะร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อแก้ปัญหาต่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แก้ปัญหามานานมาก เพิ่งจะเริ่มมาก้าวกระโดดในไม่นานนี้<br />
<br />
ด้าน นายเเพทย์ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวให้ฟังว่าเรื่องนี้นายกฯ ได้ยินมาตั้งแต่ยังไม่ได้ดำรงตำแหน่ง ไปที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ยิน ซึ่งลูกจ้างชั่วคราวนั้นจะบ่น และเล่าให้ฟังถึงความทุกข์ให้ฟัง โดยเมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งก็ติดตามมาโดยตลอดจนกระทั่งรมว.สาธารณสุข ได้พยายามแก้ปัญหาให้ ซึ่งนายกฯ ก็บอกว่าเรื่องนี้จะเร่งรัดให้เร็วที่สุดและจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 11 ธ.ค. นี้ และบอกด้วยว่าตัวแทนลูกจ้างชั่วคราวทั้งหลาย ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวในการที่จะได้บรรจุในปีต่อๆไปซึ่งก็จะดำเนินการให้ตลอด และหากมีการล่าช้านั้นนายกฯ บอกว่าสามารถมาหาได้ทันที<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/ke/630510.jpg"></center><br />
เริ่ม 1 กันยายน 2555 มี 23 กลุ่ม ดังต่อไปนี้ ที่ให้ฟรีโดยไม่ต้องเก็บ 30 บาท<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/b2/p12452330.jpg"></center><center><img src="http://upic.me/i/g0/p12462330.jpg"></center><br />
"จำนวนเงินร่วมจ่าย" หมายถึง จำนวนเงินร่วมจ่ายโดยความสมัครใจ 30 บาทต่อครั้งของการรักษาพยาบาลของการป่วยในครั้งนั้น<br />
ความหมายคือ...<br />
ร่วมจ่ายเงินโดยความสมัครใจ 30 บาทก็ได้<br />
หรือ ไม่สมัครใจร่วมจ่ายเงิน 30 บาทก็ได้<br />
เข้าข่าย ข้อสุดท้าย<br />
๒๓) อื่นๆ<br />
eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-44710477558057447162012-09-22T22:20:00.002+07:002013-01-23T23:22:07.238+07:0099 พิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงฮาจาห์ ฮาฟิซาห์ ซูรูรุล โบเกียะห์ พระธิดาสุลต่านบรูไน<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/07/19-1972-8000-8-2-job.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00... ตอนที่ 8...กลับไปทำงาน 2 job ใหม่ กลับเมืองไทยครั้งแรกหลังจากที่จากมาแล้วเกือบสิบปี เริ่มค้าขาย ชีวิตหักเหอีกครั้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2012/01/82-by-kimeng-suk.html" target="_blank">ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา By: kimeng suk</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/08/free-wifi-355.html" target="_blank">Free WiFi ทั่วประเทศ เปิดแล้ววันนี้ (3สิงหาคม2555)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/08/1.html " target="_blank">โครงการแจกแท็บเล็ตให้เด็ก ป.1 ของนายกฯปู สร้างอัจฉริยะสุดคุ้ม</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/08/22.html" target="_blank">เจอของจริงแกล้งเฉไฉ เฮ้อ!! แถแบบนี้...ผมบายดีกว่า กลัวติดเชื้อ"โรคกลัวความจริง"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/09/102.html" target="_blank">ไม่รีบเค้นออกมาจะเสียใจ...พรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษของเด็กๆ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/09/blog-post.html" target="_blank">ข้อเท็จจริงเรื่องน้ำท่วมสุโขทัย จากคนสุโขทัยตัวจริง & มติชนสัมภาษณ์"หม่อมเต่านา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/09/67.html" target="_blank">ภาพ "เจ้าหน้าที่" ยืนคู่กับ "ชายชุดดำ" คอป.เห็นหรือยัง?</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.528683410479019.133466.100000120933242&type=3&l=e21cddc2e6" target="_blank">โอ้กรุงเทพเมืองฟ้าอมร สมเป็นนครมหานที...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/09/blog-post_22.html" target="_blank">อยากจะบอกคน กทม. ฝั่งตะวันออก ว่า รัฐบาลเขาเตรียมยังไง เรื่องน้ำ พร้อมภาพประกอบ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.529947637019263.133881.100000120933242&type=1&l=1665871f0d" target="_blank">ขอต้อนรับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะ สู่มหานครนิวยอร์ก คลิกที่นี่...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/09/68.html" target="_blank">มาร์คครับ หยุดเถิดครับ อย่าออกมาพูดเรื่องจริยธรรมให้มากกว่านี้เลยครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/10/24-master-of-business-administration-mba.html" target="_blank">สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเรียน Master of Business Administration (MBA)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/10/69.html" target="_blank">เฉลิมจี้ ปชป.บอกโกงจำนำข้าวให้หาหลักฐานมาแจง ไม่ใช่พูดไปเรื่อยแต่ไม่มีข้อมูล</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/10/25.html" target="_blank">มองโครงการรับจำนำข้าวในสายตาของชาวนาตัวจริง...</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>พิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงฮาจาห์ ฮาฟิซาห์ ซูรูรุล โบเกียะห์ พระธิดาสุลต่านบรูไน</strong></span><br />
<br />
<center><object width="480" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/p/3XWjPnsAEO-1YFMEh06aGARv0Aajh8Eb?hl=th_TH&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/p/3XWjPnsAEO-1YFMEh06aGARv0Aajh8Eb?hl=th_TH&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" width="480" height="390" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></center><br />
ทางการบรูไนได้จัดพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงฮาจาห์ ฮาฟิซาห์ ซูรูรุล โบเกียะห์ พระธิดาวัย 32 ปี ซึ่งเป็นทายาทคนที่ 5 ของสุลต่านฮาซินัล และเจ้าหญิงซาเลฮา กับนายเป็นกิรัน ฮาจี มูฮัมเหม้ด รูไซนี วัย 29 ปี ในพระราชวังหลวง ท่ามกลางครอบครัว ญาติมิตร และแขกเหรื่อซึ่งเป็นสมาชิกราชวงศ์ และตัวแทนจากประเทศต่างๆ<br />
<br />
รายงานระบุว่า บุคคลทั้งสองได้คบหากันในฐานะคู่รักจากการทำงานให้กับรัฐบาลบรูไน และยังเป็นพนักงานของสุลต่านบรูไนด้วย โดยฝ่ายหญิงทำงานที่กระทรวงการคลัง และฝ่ายชายทำงานเป็นข้าราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะที่พิธีวิวาห์เป็นไปอย่างอลังการเลิศหรู ซึ่งทั้งสองได้ร่วมปฏิญาณว่าจะรักกันไปตลอดกาล ต่อหน้าบุคคลทรงอิทธิพลของประเทศ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย และทั้งสองมีกำหนดจะฉลองพิธีแต่งอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งจะถือไฮไลท์ของเทศกาลใหญ่ที่ฮือฮามาตลอดช่วงสัปดาห์<br />
<br />
ทั้งนี้ บรรดาผู้นำจากชาติสมาชิกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพระราชวงศ์ต่างชาติ ต่างได้รับการคาดหมายว่าจะรับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่คู่บ่าวสาว ในคืนวันอาทิตย์ (23) ที่จัดโดยองค์สุลต่าน<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/sg/royal_b01.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/o4/royal_b02.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/7n/royal_b03.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/tr/royal_b04.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/fn/royal_b05.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/2r/royal_b06.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/0f/13482071981348207328l.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/s9/royal_b08.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/6x/royal_b09.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/7x/royal_b10.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/zv/royal_b11.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/un/royal_b12.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/au/royal_b13.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/2t/royal_b14.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/8o/royal_b14_1.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/u3/royal_b15.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/w5/royal_b17.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/o4/royal_b18.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/lw/royal_b19.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/g9/royal_b20.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/1b/royal_b21.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/dj/royal_b22.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/vk/royal_b23.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/bp/royal_b24.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/8e/royal_b25.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/2f/royal_b26.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/y1/1347510.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/px/1348510.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/fx/1349510.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/am/1350510.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/ao/1351510.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/dz/1352510.jpg"></center>eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-18825695638705316602012-08-30T22:47:00.002+07:002013-01-23T23:21:13.286+07:0098 รมว.ศธ. ให้โอวาทแก่นักเรียนโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน รุ่นที่ ๓<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/06/93-16-06-2555.html" target="_blank">คลิปเต็ม นายกฯปูประชุม ขำกลิ้ง 16 06 2555</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/06/94.html" target="_blank">ผมเคยคิดว่า ปชป.แม้จะเป็นรัฐบาลไม่ได้ แต่ก็เป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ ดังนั้นผมจึงคิดว่า...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/07/19-1972-8000-8-2-job.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00... ตอนที่ 8...กลับไปทำงาน 2 job ใหม่ กลับเมืองไทยครั้งแรกหลังจากที่จากมาแล้วเกือบสิบปี เริ่มค้าขาย ชีวิตหักเหอีกครั้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/07/95.html" target="_blank">"ดิฉันวินิจฉัยแล้ว ไม่มีหรอกค่ะโรคขี้ข้าทักษิณ มีแต่โรคอยากกลับมาเป็นนายกฯ โดยไม่ต้องชนะเลือกตั้งทักษิณ"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/07/blog-post.html" target="_blank">ภาพรวมในความคิดผม หนึ่งวันก่อนตัดสินจนถึงยกคำร้อง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/07/61.html" target="_blank">ข้อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญและจัดตั้งคณะตุลาการพิทักษ์ระบอบรัฐธรรมนูญ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/07/96.html" target="_blank">นกแก้วตัวนั้น?</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/07/62.html" target="_blank">มีคนเขาบอกว่า ผมถูกหลอก</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/07/20.html" target="_blank">สามก๊กภาคพิสดาร (การเมือง)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/07/21.html" target="_blank">แม่หมาขี้เรื้อนตัวนั้น...</a> ใครอ่านแล้วต่อมน้ำตาไม่แตก E-mail มารับรางวัล<br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/07/blog-post_9315.html" target="_blank">"มาร์ค" ร้องสะอึก..สะอื้น ฟ้องสื่ออ้างแดงเชียงใหม่จงใจทำร้าย ทั้งทุบ ทั้งตี และปาหินใส่รถยนต์</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/08/97.html" target="_blank">หัวเชือกวัวชน...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/08/63.html" target="_blank">แชมป์’กินไม่ได้...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/08/free-wifi-355.html" target="_blank">Free WiFi ทั่วประเทศ เปิดแล้ววันนี้ (3สิงหาคม2555)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/08/98.html" target="_blank">คนไทยบางกลุ่มใจแทบสลาย เมื่อทักษิณบินอเมริกา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/08/99-clip.html" target="_blank">Clipยกต่อยก..."แก้ว"โดนปล้น แต่"แก้ว"คือ"ฮีโร่"ของคนไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/08/blog-post.html" target="_blank">อึ๋ยส์!! ที่นั่นมันไม่ใช่ตอแหลแลนด์นะเฟ้ย...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/08/1.html " target="_blank">โครงการแจกแท็บเล็ตให้เด็ก ป.1 ของนายกฯปู สร้างอัจฉริยะสุดคุ้ม</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/08/22.html" target="_blank">เจอของจริงแกล้งเฉไฉ เฮ้อ!! แถแบบนี้...ผมบายดีกว่า กลัวติดเชื้อ"โรคกลัวความจริง"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/08/65-1.html" target="_blank">กะเทาะหัวใจ "ยิ่งลักษณ์" 1 ขวบปีกับบทบาทผู้นำประเทศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/08/100.html" target="_blank">ไป ๆ มา ๆ ชักจะออกอาการ "สุนัขจนตรอก"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/08/101.html" target="_blank">หนึ่งปี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ "ทุกข์ประชาชนหรือฝ่ายค้าน"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/08/66-1.html" target="_blank">1ปี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้คืนความสุขกับผมมากมายเลยครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/08/blog-post_30.html" target="_blank">อีกปีสองปี สถานการณ์เปลี่ยน..มึงซวยทั้งชีวิตแน่ๆ...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/09/23.html" target="_blank">ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งทั้งน้ำตา ว่าคำพูดของแม่.........</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/09/5-7-2555.html" target="_blank">ยืนยันทดสอบการระบายน้ำใน กทม. วันที่ 5 และ 7 กันยายน 2555</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/09/102.html" target="_blank">ไม่รีบเค้นออกมาจะเสียใจ...พรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษของเด็กๆ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/09/blog-post.html" target="_blank">ข้อเท็จจริงเรื่องน้ำท่วมสุโขทัย จากคนสุโขทัยตัวจริง & มติชนสัมภาษณ์"หม่อมเต่านา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/09/67.html" target="_blank">ภาพ "เจ้าหน้าที่" ยืนคู่กับ "ชายชุดดำ" คอป.เห็นหรือยัง?</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.528683410479019.133466.100000120933242&type=3&l=e21cddc2e6" target="_blank">โอ้กรุงเทพเมืองฟ้าอมร สมเป็นนครมหานที...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/09/blog-post_22.html" target="_blank">อยากจะบอกคน กทม. ฝั่งตะวันออก ว่า รัฐบาลเขาเตรียมยังไง เรื่องน้ำ พร้อมภาพประกอบ</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/4t/2012-08-30_214640.jpg"></center><center><img src="http://upic.me/i/pm/dsc_3373.jpg"></center><a href="http://www.moe.go.th/websm/2012/aug/235.html" target="_blank">ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ๒๓๕/๒๕๕๕ ...click...</a><br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/4t/2012-08-30_214640.jpg"></center><center><img src="http://upic.me/i/6u/2012-08-30_2146401.jpg"></center><a href="http://www.moe.go.th/websm/2012/jul/198.html" target="_blank">ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ๑๙๘/๒๕๕๕ ...click...</a><br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/vq/2012-08-30_2146402.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>รมว.ศธ. ให้โอวาทแก่นักเรียนโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน รุ่นที่ ๓</strong></span><br />
<a href="http://www.moe.go.th/websm/2012/apr/110.html" target="_blank">รายละเอียดโครงการ... click</a><br />
<br />
อาคารยิมเนเซียม ๕ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต - ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้โอวาทแก่นักเรียนโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน รุ่นที่ ๓ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ โดยมีนักเรียนที่ผ่านการสอบคัดเลือกให้ได้รับทุนตามโครงการไปศึกษาต่อต่างประเทศในเดือนกันยายนนี้รวมทั้งสิ้น ๗๐๕ คน เข้าร่วมรับฟัง แบ่งเป็นทุนรัฐบาล ๖๙๓ คน และทุนส่วนตัว ๑๒ คน ก่อนทยอยเดินทางไปเรียนต่อในต่างประเทศตั้งแต่วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป<br />
<br />
รมว.ศธ. กล่าวว่า เป้าหมายของโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน คือให้การศึกษาเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรากฐานของประเทศ ซึ่งหวังว่าลูกหลานที่เราได้ส่งไปศึกษาต่อต่างประเทศ จะได้เรียนรู้ในวิชาการที่สำคัญ ย้ำว่าที่สำคัญ ก็เพราะในระยะเวลา ๑ ปีที่ไปศึกษาต่อ นักเรียน ๑ คนจะใช้งบประมาณกว่า ๑ ล้านบาท หากไปศึกษาต่อในระยะเวลา ๔ ปี ก็ใช้งบประมาณกว่า ๔ ล้านบาทต่อคน แต่บางประเทศอาจจะต้องเรียนภาษาเพิ่มเติมซึ่งจะมากกว่า ๔ ปี ดังนั้นการเรียนวิชาที่สำคัญต่างๆ ก็เพื่อกลับมาช่วยเหลือประเทศในอนาคต<br />
<br />
ศ.ดร.สุชาติ กล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุนให้เกิดโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุนในรุ่นที่ ๓ อย่างต่อเนื่องจากที่ก่อนหน้านั้นได้ดำเนินการไปแล้ว ๒ รุ่น เพื่อที่ให้ทุกคนกลับมาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ดังนั้น เราจึงต้องสร้างทุนมนุษย์ นั่นก็คือ การคัดเลือกนักเรียนที่มีความรู้ความสามารถจากทุกอำเภอโดยเน้นกระจายโอกาสไปสู่เด็กทุกคนอย่างทั่วถึง เพื่อ ให้ได้รับทุนไปศึกษาต่อซึ่งเด็กสามารถเลือกเรียนได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ<br />
<br />
อีกทั้งโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุนในรุ่นที่ ๓ นี้ได้เพิ่มทางเลือกให้ได้เรียนในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายแก่นักเรียนปีละ ๑ ล้านบาท(หนึ่งล้านบาท) เป็นระยะเวลา ๗ ปี เพราะฉะนั้นถือเป็นงบประมาณก้อนใหญ่ และทุนนี้ก็ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ไม่ต้องชดใช้คืน เพราะฉะนั้น นักเรียนๆจบแล้วจะเลือกกลับมาทำงานที่ในประเทศ หรือจะทำงานในต่างประเทศก็ได้ แต่รัฐบาลก็มุ่งหวังให้ทุกคนเป็นกำลังสำคัญในการที่จะร่วมกันพัฒนาประเทศ ขณะเดียวกันทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ก็แจ้งแล้วว่าสำหรับนักเรียนในโครงการที่จบมาก็มีโอกาสได้รับการคัดเลือกเข้ารับราชการได้โดยไม่ต้องสอบแข่งขัน<br />
<br />
"นักเรียนทุกคนนั้นมีอิสระที่จะเลือกเรียนในสาขาที่ต้องการ เลือกเรียนได้ตามจินตนาการแต่ขอฝากให้รู้จักวางแผนและรับผิดชอบต่อสิ่งที่เลือกเรียนให้ดี เตรียมความพร้อมทั้งภาษา และสภาพจิตใจ ซึ่งนักเรียนสามารถปรึกษาหรือรับฟังประสบการณ์จากรุ่นพี่ที่เรียนจบมาก่อนหน้าก็ได้ โดยเฉพาะใครเลือกเรียนในสาขาที่ต้องใช้เวลาเรียนนานก็ต้องวางแผนให้ดี เพราะทุนมีจำนวนจำกัด แต่ก็หวังว่าทุกคนจะเลือกเรียนในวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ และเทคโนโลยี เพราะเป็นสาขาที่จะช่วยส่งเสริมให้ประเทศมีความก้าวหน้าในระยะยาว เพราะต่อไปในอนาคตเราไม่ได้อยู่กันเพียงแค่ในประเทศเท่านั้น แต่จะก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนมีอีกหลายประเทศที่จะเข้ามามีบทบาท ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อมไว้"<br />
<br />
รมว.ศธ. ได้กล่าวให้ข้อคิดเห็นด้วยว่า เงินที่เราส่งไปเรียนต่อนั้น เป็นเงินภาษีอากรของประเทศ จึงขอให้เรียนจบแล้วกลับมาช่วยเหลือประเทศของเรา อยากให้นักเรียนทุนทุกคนถามตนเองว่าเราจะช่วยประเทศของเราให้เจริญขึ้นได้อย่างไร อาทิเช่น ช่วยแก้ปัญหาการโกงกิน คอรัปชั่น ความไม่ชอบธรรม ฯลฯ ต้องการให้ต่อสู้เพื่อครอบครัวและชุมชนของตน และสร้างในสิ่งที่ถูกต้อง แต่หากเรียนจบแล้วกลับมาวิ่งเต้นใช้เส้นสาย ก็จะรู้สึกเสียดายโอกาสและทรัพย์ที่เสียไปเป็นอย่างมาก จึงหวังว่านักเรียนทุนจะเลือกรับวัฒนธรรมที่ดีของต่างประเทศที่ไม่คอรัปชั่น พร้อมทั้งยืนหยัดตนเองด้วยสิ่งที่ถูกต้อง<br />
<br />
นอกจากนี้ ควรจะต้องดูแลตนเอง มีความตั้งใจในการเรียนที่แน่วแน่ หากมีโอกาสได้ทำงานพิเศษ ก็จะได้นำเงินที่หามาได้ส่งกลับมาให้พ่อแม่ใช้ และขอให้พยายามศึกษาหาข้อมูลของประเทศและสาขาวิชาที่จะไปศึกษาต่อให้เหมาะสม ปรึกษากับครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง เพื่อเลือกทางที่ดีที่สุด และกลับมาใช้ความรู้ที่ได้ไปศึกษามาพัฒนาประเทศชาติต่อไป<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/d4/2012-08-30_2146403.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/eb/duyi1.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/ke/630510.jpg"></center><br />
เริ่ม 1 กันยายน 2555 มี 23 กลุ่ม ดังต่อไปนี้ ที่ให้ฟรีโดยไม่ต้องเก็บ 30 บาท<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/b2/p12452330.jpg"></center><center><img src="http://upic.me/i/g0/p12462330.jpg"></center><br />
"จำนวนเงินร่วมจ่าย" หมายถึง จำนวนเงินร่วมจ่ายโดยความสมัครใจ 30 บาทต่อครั้งของการรักษาพยาบาลของการป่วยในครั้งนั้น<br />
ความหมายคือ...<br />
ร่วมจ่ายเงินโดยความสมัครใจ 30 บาทก็ได้<br />
หรือ ไม่สมัครใจร่วมจ่ายเงิน 30 บาทก็ได้<br />
เข้าข่าย ข้อสุดท้าย<br />
๒๓) อื่นๆ<br />
<br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้รับบริการบัตรทองที่พิสูจน์ได้ว่าได้รับความเสียหายจากการรักษา</strong></span><br />
<br />
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สำหรับกลุ่มยกเว้นร่วมจ่ายนั้น สปสช. จะมีฐานข้อมูลอยู่แล้ว หากประชาชนไปรับบริการ เมื่อมีการคีย์ข้อมูลผ่านบัตรประชาชนจะขึ้นโดยอัตโนมัติว่า เป็นกลุ่มยกเว้นหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดความสับสน หรือวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม จะประเมินผลหลังออกมาตรการนี้ทุก 3 เดือน<br />
<br />
นอกจากนี้ ในการประชุมยังหารือเรื่องการขยายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ ว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้รับบริการที่พิสูจน์ได้ว่าได้รับความเสียหายจากการรักษา โดยมีมติให้ขยายดังนี้<br />
<br />
กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร จากเดิมจ่ายเงินช่วยเหลือไม่เกิน 200,000 บาท เป็น 400,000 บาท<br />
<br />
กรณีพิการหรือสูญเสียอวัยวะ จากเดิมจ่ายเงินช่วยเหลือไม่เกิน 120,000 บาท เป็น 240,000 บาท<br />
<br />
กรณีบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยอย่างต่อเนื่อง จากเดิมจ่ายเงินช่วยเหลือไม่เกิน 50,000 บาท เป็น 100,000 บาท<br />
<br />
โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เชื่อว่ามาตรการนี้จะเป็นกลไกช่วยลดการเผชิญหน้าระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ได้<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">Comment By คนชุดขาว</span> : ...ก่อนนโยบาย 30 บาท..ผมซึ่งทำงานใน รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ พบเจอเรื่องเศร้า สังเวชใจเกี่ยวกับคนยากจนที่ไม่มีค่ารักษาพยาบาลมามากมาย..มีหน่วยงานที่คอยดูแลช่วยเหลือก็คือสังคมสงเคราะห์...<br />
<br />
...หลายครั้งผมต้องรับหน้าที่พาญาติ+คนรู้จัก ที่ยากจนไปขอรับการพิจารณาช่วยเหลือลดหย่อน หรือยกเว้นค่ารักษาพยาบาลจาก จนท. สังคมสงเคราะห์ และช่วยเจรจาให้ด้วยเพราะก็คุ้นเคยพบเห็นกันอยู่เสมอ..บางครั้งเจอ จนท. ที่มีเมตตา กรุณา เขาก็พยายามลดหย่อน ช่วยเหลืออย่างเต็มที่..บางครั้งเจอคนที่ใจดำ ใจแข็งก็ไม่ยอมลดให้..บางครั้งถึงกับแนะนำญาติไปกู้เงินมาเสียค่ารักษาพยาบาล..ญาติผู้ป่วยหลายรายกลับออกมาพร้อมกับร้องไห้ น้ำตานองหน้า...และดูเหมือนโลกจะโหดร้าย เพราะคนที่ใจดำใจแข็ง ที่ผมรู้จักกลับได้รับการยกย่องให้เป็นข้าราชการสังคมสงเคราะห์ดีเด่น<br />
<br />
...สมัยก่อนเครื่อง X-ray คอมพิวเตอร์เป็นวิทยาการใหม่ ราคาแพง และคิดค่าบริการครั้งละหลายพันบาท มันติดตั้งอยู่ชั้นที่ 1 ของตึก และใช้การลดหย่อนด้วยสังคมสงเคราะห์ไม่ได้..คนไข้หลายรายที่หมอต้องการให้ตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่อง X-ray คอมพิวเตอร์แต่ไม่มีเงินเสียค่าบริการ ต้องนอนรอเพื่อให้ญาติไปหาเงินมาให้ได้ก่อน บางรายต้องไปกู้ บางรายต้องไปขายที่ ขายไร่ ขายนามา...<br />
<br />
...หลังจากมีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค..มันเหมือนฟ้ามาโปรด มันปลดเปลื้องความทุกข์ยากจากความเจ็บป่วยของคนได้มหาศาล..ผมถือว่าคนที่คิด ทำ ได้บุญกุศล คำแซ่ซ้องสรรเสริญจากคนยากจน คนชั้นกลางและคนรวยมากมายนัก..มันทำให้หมอที่เป็นหมอจริงๆสามารถตรวจวินิจฉัย+รักษาโรคได้อย่างรวดเร็ว ทันการ และไม่ต้องวิตกกังวล ไม่มีอุปสรรคเรื่อง "เงิน" ค่าใช้จ่าย ของผู้ป่วยเหมือนก่อน...<br />
<br />
...งบประมาณที่เอามาใช้กับโครงการ 30 บาท มันก็คืองบประมาณที่กระทรวงสาธารณะสุขเคยได้รับแต่ดั้งเดิม จะให้เป็นเงินงบประมาณทั้งหมดตามที่กระทรวงเสนอขอมา และให้ไปบริหารจัดการเอง..มันจึงเกิดการคอรัปชั่นกินกันมโหฬาร อย่างที่เป็นข่าวมากมาย<br />
<br />
...ผมคิด+เชื่อว่าปัญหาอุปสรรคใหญ่ที่สุดของโครงการ 30 บาท คือ การไม่ให้ความร่วมมือจาก "แพทย์" และ จนท.ที่ต่อต้านโครงการนี้..จึงทำให้ไม่สมัครใจ ไม่เต็มใจที่จะช่วยกัน ร่วมมือกันดำเนินการ+แก้ไข+นำเสนอปัญหาอุปสรรค+การเสนอแนวทางในการดำเนินการ-การแก้ไขปัญหาต่างๆ<br />
<br />
...เพราะคน บุคลากรเหล่านี้เป็นผู้ปฎิบัติ อยู่ในสถานการณ์เหตุการณ์จริง จึงรับรู้ปัญหา อุปสรรค และรู้ว่าควรแก้ไข ปฏิบัติแบบไหนอย่างไรจึงจะดีที่สุด<br />
<br />
...ถ้าบุคลากรเหล่านี้ โดยเฉพาะแพทย์ให้ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจอย่างจริงจังแล้ว 30 ไปได้ดีกว่าปัจจุบันมากนัก<br />
<br />
...ผมคิดว่าที่แพทย์+บุคลากรต่อต้าน 30 บาทเพราะ<br />
<br />
1. ไม่ชอบพรรคเพื่อไทย ไม่ชอบทักษิณ แบ่งสี แบ่งพวก<br />
<br />
2. โครงการ 30 บาททำให้ผู้ป่วยมาใช้บริการมากขึ้น ทำให้งานหนัก เหนื่อยมากขึ้น<br />
<br />
3. ต้องบริหาร จัดการเรื่องเงินงบประมาณ ที่ได้รับมาต่อหัว/ปี ให้ลงตัวและอื่นๆ เป็นการเพิ่มภาระแก่ผู้บริหาร รพ.<br />
<br />
4. ทำให้คนไข้คลินิกส่วนตัวลดลง<br />
<br />
5. พรบ. หลักประกันสุขภาพ ทำให้แพทย์ต้องเสี่ยงกับการฟ้องร้องมากขึ้น และอาจจะต้องถูกลงโทษให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการรักษาพยาบาลที่สอบสวน ตัดสินว่าเพราะความผิดพลาด ประมาท เลินเล่อ<br />
<br />
6. พรบ. หลักประกันสุขภาพ ทำให้สถานพยาบาล คลินิกส่วนตัวต้องมีมาตรฐาน มีความพร้อมทุกด้าน ต้องลงทุนมากขึ้น<br />
<br />
และ ฯลฯ<br />
<br />
...ทั้งๆที่ พรบ. หลักประกันสุขภาพบัญญัติขึ้นก็เพื่อคุ้มครองคนเจ็บป่วยให้ได้รับการชดเชยค่าเสียหาย บาดเจ็บ ตาย พิการ ฯลฯ จากการรักษาพยาบาล และให้มีโอกาสได้เข้าถึง ได้รับการบริการด้านสุขภาพของรัฐและเอกชน อย่างปลอดภัย มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ มีมาตรฐานตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง..แต่มันไปมีผลกระทบกับแพทย์+บุคลากร จึงทำให้ถูกต่อต้าน..( ถ้าอยากรู้อย่างละเอียดลองไปค้นคว้า อ่าน พรบ.หลักประกันสุขภาพดูกันเองนะครับ)<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">Comment By easyboy</span> : เรื่องบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกโรค ปัจจุบันนี้ ยิ่งต่อยอด ดีเข้าไปใหญ่ครับ<br />
<br />
เมื่อเดือนเมษายน ปี้นี้ (ก่อนสงกรานต์) เขาประกาศ การแพทย์ฉุกเฉิน 3 กองทุน (ประกันสังคม ราชการ บัตรทอง)<br />
<br />
โดยประกาศว่า "คนไทย" ทุกคน เจ็บป่วยฉุกเฉิน เข้าได้ทุกโรงพยาบาล แล้วห้าม รพ. ถามหาบัตร หรือ เก็บค่ารักษา (รพ.เอกชนใหญ่ๆ โวยกันใหญ่ เพราะกลัวคนจะแห่เข้าไปแล้วเก็บเงินไม่ได้)<br />
<br />
ระบบของ สปสช. จะมีข้อมูล "คนไทย" on line รพ. ตรวจสอบได้ 24 ชั่วโมง แค่กรอกเลขประจำตัว 13 หลัก (ถ้าบัตรหาย ญาติบอกชื่อนามสกุลตรง เขาก็ให้ใช้)<br />
<br />
โรงพยาบาลแรกต้องรักษาฉุกเฉิน ทันที แล้วรีบแจ้ง รพ.ต้นสังกัดหรือ สปสช . เขาจะมารับต่อไป รพ.ต้นสังกัด หรือถ้าอยู่ไกล ตจว. เขาก็จะหา รพ.รัฐให้เอง เพื่อลดค่าใช้จ่าย ของ รพ.แรกที่รักษา<br />
<br />
รพ.เบิกค่ารักษา ได้ตามเกณฑ์ คนไข้ จ่าย 30 บาท เท่าเทียมกัน<br />
<br />
ถึงแม้ว่า บาง รพ. คนไข้จะเยอะจนต้องนอนเปลสนาม แต่การรักษาต้องได้มาตรฐาน รพ.รัฐ ต้องทำ HA (hospital accredit) ประกันคุณภาพ<br />
<br />
จนมีการกล่าวกันว่า บัตรทอง รักษาดีกว่า ประกันสังคม (เพราะ ปกส. รพ.เอกชนที่เข้าร่วมบางแห่ง รักษาแย่จริงๆ)<br />
<br />
ทักษิณคือคนที่ทำให้ คำว่า "คนไข้อนาถา" หายไปจากชีวิตคนไทย ด้วยนโยบาย 30 บาท ตายทุกโรค ที่ประชาธิปัตย์เขาว่า นี่แหละครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">Comment By นกคูด</span> : มันเสียหน้าจึงแค้น เพราะกลุ่มคุณหมอในกระทรวงสาธารณสุขเคยเสนอโครงการกับนายชวน หลีกภัย นายกฯในตอนนั้น แต่รัฐบาลนายชวนแม้สายตายาว แต่วิสชั่นแคบและสั้น กลัวไม่มีเงิน (หาเงินไม่เป็น) จึงปฏิเสธไป<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">Comment By เข้ามาดู</span> : อย่าว่างั้นงี้เลย ไอ้โครงการนี้แหละที่สลิ่มที่โรงงานมันด่า สุดท้ายแม่มันเข้าโรงพยาบาล ถ้าไม่มีบัตรทองป่านนี้มันคงต้องขายรถ ขายที่ ทุกวันนี้มันเงียบไม่ยอมพูดอีก หลับตาปริบๆสำนึกบุญคุณหรือละอายไม่รู้...ด่าเค้าไว้เยอะ<br />
eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-1468461359160271542012-07-14T22:40:00.001+07:002012-09-13T22:25:44.184+07:0097 สาเหตุที่มึงป่วย...เพราะ...โง่...<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/06/93-16-06-2555.html" target="_blank">คลิปเต็ม นายกฯปูประชุม ขำกลิ้ง 16 06 2555</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/06/94.html" target="_blank">ผมเคยคิดว่า ปชป.แม้จะเป็นรัฐบาลไม่ได้ แต่ก็เป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ ดังนั้นผมจึงคิดว่า...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/07/19-1972-8000-8-2-job.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00... ตอนที่ 8...กลับไปทำงาน 2 job ใหม่ กลับเมืองไทยครั้งแรกหลังจากที่จากมาแล้วเกือบสิบปี เริ่มค้าขาย ชีวิตหักเหอีกครั้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/07/95.html" target="_blank">"ดิฉันวินิจฉัยแล้ว ไม่มีหรอกค่ะโรคขี้ข้าทักษิณ มีแต่โรคอยากกลับมาเป็นนายกฯ โดยไม่ต้องชนะเลือกตั้งทักษิณ"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/07/blog-post.html" target="_blank">ภาพรวมในความคิดผม หนึ่งวันก่อนตัดสินจนถึงยกคำร้อง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/07/61.html" target="_blank">ข้อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญและจัดตั้งคณะตุลาการพิทักษ์ระบอบรัฐธรรมนูญ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/07/96.html" target="_blank">นกแก้วตัวนั้น?</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/07/62.html" target="_blank">มีคนเขาบอกว่า ผมถูกหลอก</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/07/20.html" target="_blank">สามก๊กภาคพิสดาร (การเมือง)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/07/21.html" target="_blank">แม่หมาขี้เรื้อนตัวนั้น...</a> ใครอ่านแล้วต่อมน้ำตาไม่แตก E-mail มารับรางวัล<br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/07/blog-post_9315.html" target="_blank">"มาร์ค" ร้องสะอึก..สะอื้น ฟ้องสื่ออ้างแดงเชียงใหม่จงใจทำร้าย ทั้งทุบ ทั้งตี และปาหินใส่รถยนต์</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/08/97.html" target="_blank">หัวเชือกวัวชน...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/08/63.html" target="_blank">แชมป์’กินไม่ได้...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/08/free-wifi-355.html" target="_blank">Free WiFi ทั่วประเทศ เปิดแล้ววันนี้ (3สิงหาคม2555)</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/08/98.html" target="_blank">คนไทยบางกลุ่มใจแทบสลาย เมื่อทักษิณบินอเมริกา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/08/99-clip.html" target="_blank">Clipยกต่อยก..."แก้ว"โดนปล้น แต่"แก้ว"คือ"ฮีโร่"ของคนไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/08/blog-post.html" target="_blank">อึ๋ยส์!! ที่นั่นมันไม่ใช่ตอแหลแลนด์นะเฟ้ย...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/08/1.html " target="_blank">โครงการแจกแท็บเล็ตให้เด็ก ป.1 ของนายกฯปู สร้างอัจฉริยะสุดคุ้ม</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/08/22.html" target="_blank">เจอของจริงแกล้งเฉไฉ เฮ้อ!! แถแบบนี้...ผมบายดีกว่า กลัวติดเชื้อ"โรคกลัวความจริง"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/08/65-1.html" target="_blank">กะเทาะหัวใจ "ยิ่งลักษณ์" 1 ขวบปีกับบทบาทผู้นำประเทศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/08/100.html" target="_blank">ไป ๆ มา ๆ ชักจะออกอาการ "สุนัขจนตรอก"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/08/101.html" target="_blank">หนึ่งปี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ "ทุกข์ประชาชนหรือฝ่ายค้าน"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/08/66-1.html" target="_blank">1ปี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้คืนความสุขกับผมมากมายเลยครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/08/blog-post_30.html" target="_blank">อีกปีสองปี สถานการณ์เปลี่ยน..มึงซวยทั้งชีวิตแน่ๆ...</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/a1/8mvgi.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/c4/cbvh1.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>สาเหตุที่มึงป่วย...เพราะ...โง่...</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: songvit เครดิต kosodor ครับ</span><br />
<br />
เพื่อนรักที่เป็นผู้บริหารที่กสิกรไทย...แวะมาหา...เป็นเพื่อนรุ่นน้อง...เคยบริหารห้างสรรพสินค้ามาด้วยกัน...ไม่ได้เจอกันนานมาก...ก็คุยกันอย่างสนุกสนาน...ออกรสออกชาติ...<br />
<br />
สักครู่เพื่อนบอกว่า...พี่...ผมมีเรื่องจะปรึกษา...ผมเบื่อ...ผมไม่อยากอยู่...ผมไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร...<br />
<br />
อ้าว...เฮ้ย...ทำไมถึงคิดยังงี้วะ...?<br />
<br />
เพื่อนผมคนนี้...เป็นคนที่เก่งมาก...ความเชื่อมั่นในตัวเองเกินร้อย...เป็นคนเก่งระดับที่...บริษัทต่างๆไล่ล่าตัว...แต่วันนี้...มันอยากตาย...<br />
<br />
ผมบอกมันว่า...มึงเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว...ลาออกจากงานด่วน...ออกจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ...ไปหาที่อยู่ใหม่...ไปหาเพื่อนใหม่...ไปหาสภาพแวดล้อมใหม่...ที่มึงชอบ...ถึงจะแก้ปัญหาได้...<br />
<br />
พี่รู้ได้ยังไง...ว่าผมเป็นอะไร...?<br />
<br />
กูนั่งมองสภาพงานมึงมา 10 กว่าปีแล้ว...กูรู้ว่า...วันหนึ่งจะต้องมีวันนี้...แต่กูไม่คิดว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้...<br />
<br />
เพื่อนผมเป็น...คนคุมระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด...ทุกคน...ทุกแผนก...ทุกฝ่าย...ก็เอาปัญหามาประเคนให้ทุกวัน....ปัญหากองท่วมหัว...ทำไม่ทัน...<br />
<br />
ขอคนเพิ่ม...ก็ไม่ได้...ขอเครื่องมือที่มันทันสมัยเพิ่ม...ก็ไม่ได้...กลับถูกด่า...หาว่าผลาญแต่เงิน...<br />
<br />
แก้ปัญหาให้ไม่ทันใจมัน...ทุกคนก็รุมด่า...รุมประณาม...เหยียดหยาม...ว่า...ไม่ได้เรื่อง...เฮงซวย...ไม่เอาอ่าว...ไม่มีฝีมือ...<br />
<br />
ยิ่งตำแหน่งใหญ่ขึ้น...ความรับผิดชอบมากขึ้น...กว้างขึ้น...เสียงด่าก็ทวีจำนวนขึ้น...รุนแรงมากขึ้น...ลึกซึ้งและเจ็บปวดขึ้น...มันกระหน่ำด่าอย่างสาดเสียเทเสียมา 15 ปี...ติดต่อกัน...<br />
<br />
ความเก่ง...ความเชื่อมั่นในตัวเองที่เคยมีเกินร้อย...ค่อยๆหดหายไปทีละน้อยๆ...จนหมด...แล้วค่อยๆติดลบ...จนในที่สุด...ขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง...<br />
<br />
คิดว่ากูไม่ได้เรื่อง...กูไม่เอาอ่าว...กูไม่มีฝีมือ...กูเฮงซวย...กูไร้ค่า...เพราะคำด่าเหล่านี้มันก้องอยู่ในหู...วันละ 24 ช.ม...ทุกวัน...ติดต่อกันมา 15 ปีแล้ว...มันด่าจนตัวเองเชื่อว่าสิ่งที่เขาด่า...คือคุณสมบัติของเรา...<br />
<br />
มันพยายามรักษา...กินยาอยู่นาน...อาการขึ้นๆลงๆ...กินยาเสร็จ...ดีขึ้น...ยาหมดฤทธิ์...เป็นอีก...กินยาอีก...ดีขึ้น...ยาหมดฤทธิ์...เลวเหมือนเดิม...รักษามานานวัน...นอกจากจากไม่หายแล้ว...อาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ...จนในที่สุดเบื่อชีวิต...เลยแวะมาหาผม...<br />
<br />
ผมบอกว่า...การรักษาด้วยยา...เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ...มันไม่มีทางหาย...<br />
<br />
เหตุที่ทำให้เกิดอาการป่วย...มันเกิดใหม่ทุกวัน...เกิดเพิ่มทุกวัน...เราพยายามตักออก...พยายามตักทิ้ง...แต่ตักไม่ทัน...ของเก่ายังตักทิ้งไม่หมด...ขยะใหม่เพิ่มเข้ามาอีกแล้ว...แถมเพิ่มเยอะขึ้น...แล้วเพิ่มไม่หยุด...เพิ่มต่อเนื่องทุกวัน...<br />
<br />
วิธีแก้ปัญหา...คือ...ต้องหยุดเพิ่มปัญหา...หยุดเพิ่มขยะ...เข้ามาในชีวิต...พอหยุดการเพิ่มได้แล้ว...ขยะไม่ไหลเข้าได้แล้ว...ก็รีบตักขยะเก่าออก...ให้เร็วที่สุด...พอขยะออกหมดแล้ว...ร่างกายจิตใจปกติแล้ว...ก็เติมภูมิต้านทานความเครียดเข้าไป...ด้วยการปฏิบัติธรรม...<br />
<br />
ฟังคำแนะนำผมจบ...เพื่อนรีบไปลาออกจากงาน...เดินทางไปอยู่กับพี่สาวที่ออสเตรเลีย 3 เดือน...ขยะหมด...ร่างกายจิตใจดีขึ้นเป็นปกติ...กลับมาเมืองไทย...ไปปฏิบัติธรรม...10 วัน...ออกจากปฏิบัติธรรม...กลับมาขอบคุณผมที่บ้าน...หน้าตาสดชื่นมาก...ผมก็ดีใจ...ที่ได้เพื่อนคนเดิมกลับมา...<br />
<br />
พอเพื่อนกลับไปแล้ว...ผมก็กลับมานั่งคิดถึงตัวเอง...ผมเขียนหนังสือไม่ได้มา 10 ปีแล้ว...ผมเขียนหนังสือ 5 ปี...31 เล่ม...หลังจากนั้น...เขียนหนังสือไม่ได้อีกเลย...เบื่อชีวิต...ซังกะตาย...ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น...เงินก็ไม่เอา...ความสำเร็จก็ไม่เอา...ความท้าทายก็ไม่เอา...ไม่อยากมีชีวิตอยู่...กูไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่หว่า...นี่กูเป็นอะไรวะ...?<br />
<br />
อ้าว...นี่กูเป็นโรคซึมเศร้าเหมือนมันเลยนี่หว่า...? นี่ถ้าไม่ให้คำปรึกษามัน...ก็ไม่รู้นะเนี่ยว่า...กูก็ป่วย...แล้วที่สำคัญ...มันรุนแรงมากถึงขนาดที่...ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว...<br />
<br />
แล้วทำไมกูถึงซึมเศร้าวะเนี่ย...? ทั้งๆที่...ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่มาก...โด่งดัง...มีชื่อเสียง...ไปไหนมีคนเคารพ...กราบไหว้...เชื่อถือ...ศรัทธา...<br />
<br />
ผมมาจาก...บ้านนอก...เด็กวัด...กำพร้า...ยากจนขนาดต้องแย่งหมากิน...พอมาอยู่กรุงเทพฯ...ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่มาก...โด่งดัง...มีชื่อเสียง...การดำเนินชีวิต...และสภาพแวดล้อม...มันเปลี่ยน...<br />
<br />
ผมต้องพูด...ในสิ่งที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากพูด...<br />
<br />
ผมต้องอยู่...ในสถานที่ที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากอยู่...<br />
<br />
ผมต้องกิน...ในสิ่งที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากกิน...<br />
<br />
ผมต้องทำ...ในสิ่งที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากทำ...<br />
<br />
ผมต้องคุย...กับคนที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากคุยด้วย...<br />
<br />
ผมต้องอยู่...กับคนที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากอยู่...<br />
<br />
ผมต้องอยู่...ในสภาพแวดล้อมที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากอยู่...<br />
<br />
ผมต้องทนรับสภาพแบบนี้...10 ปีเต็มๆ...โดยผมพยายามบอกตัวเองว่า...ผมกำลังพยายามปรับตัว...<br />
<br />
แล้วผมก็เป็นโรคซึมเศร้า...โรคกรดไหลย้อน...โรคเครียด...โรคภูมิแพ้...และอีกหลายสิบโรค...ที่ยังหาสาเหตุไม่เจอ...<br />
<br />
ตอนนี้แทบจะหยิบอะไรใส่ปากไม่ได้...แพ้หมดทุกอย่าง...ตาบวม...ปากบวม...เป็นผื่น...จาม...คออักเสบ...ท้องเสีย...ก็เริ่มทำการรักษา...หมดเงินไป...นับแสน...<br />
<br />
วันหนึ่ง...อ่านบทสัมภาษณ์ของหมอ...ในหนังสือพิมพ์...รู้เลยว่า...ตัวเองโง่...และเดินมาผิดทางเสียแล้ว...<br />
<br />
ลองมาดูครับว่า...คุณหมอให้สัมภาษณ์เรื่องอะไร...?<br />
<br />
อารมณ์…คือตัวกำหนดสุขภาพ...<br />
<br />
อวัยวะทั่วร่ายกาย...ทำงานประสานกับอารมณ์...<br />
<br />
อารมณ์ดี...ร่างกายจะหลั่งสารสุขออกมา...และเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกาย...ทำให้...ร่างกาย...ดี...สดชื่น...แจ่มใส...ผิวพรรณดี...แข็งแรง...ไม่เจ็บป่วย...ดูอ่อนกว่าวัย...<br />
<br />
อารมณ์เสีย....ร่างกายจะหลั่งสารพิษออกมา...สารพิษจะไปทำลายภูมิต้านทาน...และทำลายทุกอวัยวะในร่างกาย...ทำให้ร่างกาย...เกิดโรค...ซึมเศร้า...เหี่่ยวเฉา...ผิวพรรณเหี่ยวย่น...อ่อนแอ...ขี้โรค...ดูโทรม...และแก่กว่าวัย...<br />
<br />
อารมณ์...ที่ทำให้เกิดโรค...โกรธ...โมโห...หงุดหงิด... => เป็นโรค...ตับ...<br />
<br />
เก็บกด...เบื่อหน่าย...ซึมเศร้า...เจ้าน้ำตา...นั่งตัวงอ... => เป็นโรคปอด...<br />
<br />
กลัว...หวาดระแวง... => เป็นโรค...หัวใจ...<br />
<br />
วิตก...กังวล...เป็นทุกข์... => เป็นโรค...ม้าม...<br />
<br />
เครียด...วิตก...กังวล...มีปัญหากดดันจิตใจ... => อาการทางกาย...ที่เกิดตามมา...คือ...<br />
<br />
- หายใจลำบาก...หายใจติดขัด...<br />
<br />
- หอบ...หายใจเร็ว...หายใจลึก...<br />
<br />
- หายใจไม่อิ่ม...หายใจไม่เต็มปอด... => ผลที่เกิดตามมา...คือ...<br />
<br />
- อากาศเข้าไปเลี้ยงสมองไม่พอ...<br />
<br />
- คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในเลือด...ลดลง...<br />
<br />
- สารเคมีในเลือด...ผิดปกติ...<br />
<br />
- เส้นเลือดหดตัว...ทั่วร่างกาย...ทำให้ร่างกายขาดเลือด...<br />
<br />
- แคลเซียมในเลือด...ลดลง... => โรคที่เกิดตามมา...คือ...<br />
<br />
- หน้ามืด...เวียนหัว...ใจสั่น...<br />
<br />
- ชา...บริเวณปาก...และนิ้วมือ...<br />
<br />
การบำบัด...รักษา... => อย่าสะสม...อารมณ์เหล่านี้...ไว้ในร่างกาย...<br />
<br />
เมื่ออารมณ์เสีย... => ต้องระบายออก...โดยเร็ว...โดยการ...ปรับสมดุลของร่างกาย...และจิตใจ...ทำร่างกาย...และจิตใจ...ให้ทำงานสัมพันธ์กัน...<br />
<br />
- เมื่อเกิดอารมณ์ไม่ดี...อารมณ์เสีย...<br />
<br />
1. ตั้งสมาธิ...หยุดคิดเรื่องที่ทำให้เครียด...<br />
<br />
2. ยิ้มให้อวัยวะต่างๆ...ที่กำลังเกิดความเครียด...<br />
<br />
3. ทำให้ร่างกายทุกส่วน...เกิดการผ่อนคลาย...โดยปล่อยวางอวัยวะทุกส่วน...ตามสบาย...ไม่เกร็ง...<br />
<br />
4. มองความคิด...เราจะเห็นความเครียด...สิ่งที่ทำให้เครียด...ที่ทำให้อารมณ์เสีย...<br />
<br />
5. หยิบอารมณ์เครียด...อารมณ์เสีย...ปล่อยทิ้งให้ลอยไปในอากาศ...แล้วเอาอารมณ์ดี...ความคิดดีๆสนุกสนาน...ใส่เข้าไปแทน...<br />
<br />
6. เสร็จแล้ว...ยิ้มอย่างมีความสุข...แล้วกลับไปทำงาน...ด้วยความคิด...มุมมอง...และทัศนคติใหม่...คิดบวก...<br />
<br />
7. ออกกำลังกายทุกวัน...<br />
<br />
8. ก่อนนอน...นั่งสมาธิ...ทำจิตใจให้สงบ...เอาอารมณ์เครียด...อารมณ์เสียทิ้งทุกวัน...<br />
<br />
ถ้าคุณทำได้ตามนี้...สุขภาพคุณจะดี...ห่างไกลโรค...มีชีวิตที่มีความสุข...<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/ye/resizepic_ratio.jpg"></center><br />
โรค...ที่รักษาไม่หาย...<br />
<br />
ช่วงนี้...บริษัทต่างๆ...เชิญผมไปพูดปลุกพลังให้ทีมงาน...อาทิตละหลายวัน...ปัญหาหลักของผมคือ...เสียงแห้ง...และคออักเสบตลอดปี...ตลอดชาติ...ไปหาหมอ...หมอก็ให้ยาแก้อักเสบมากิน...กินเสร็จ...หาย...ยาหมด...เป็นอีก...กินอีก...หาย...เลิกกินยาเป็นอีก...พอกินยานานๆ...ยาตัวเดิมเอาไม่อยู่...ต้องกินยาที่แรงขึ้นเรื่อยๆ...จนถึงแผงละ 950 บาท...ผมหมดค่ายาไปหลายหมื่น...อาการก็เป็นๆหายๆ...ชีวิตทุกข์ทรมานมาก...และเป็นปัญหามาก...กับการทำมาหากิน...<br />
<br />
วันหนึ่งอ่านโบว์ชัวโฆษณา...ของโรงพยาบาล...เรื่อง...โรคกรดไหลย้อน...เขาบอกว่า...ถ้ามีอาการอย่างนี้...คุณเป็นโรคกรดไหลย้อน...ต้องรีบรักษา...<br />
<br />
อาการคือ...จุก...แน่น...แสบร้อน...ที่หน้าอกและคอ...เหมือนมีอะไรมาติดที่หน้าอกและคอ...เรอเปรี้ยว...มีรสขม...เวลานอน...มีกรดไหลมาที่ลำคอ...เข้าปาก...เข้าหลอดลม...เต็มจมูก...เจ็บมาก...แสบคอและจมูกแสนสาหัส...กรดมันจุกคอจนหายใจไม่ออก..เจ็บคออย่างแสนสาหัส...กลืนอาหารไม่ได้...เสียงแหบ...พูดไม่ได้...ปวดแสบปวดร้อนที่หน้าอกอย่างรุนแรง...เหมือนอกจะไหม้...ไอเรื้อรัง...เจ็บคอเรื้อรัง...เสียงแหบเรื้อรัง...ปอดอักเสบ...ปวดเจ็บจี๊ดๆที่หน้าอกบ่อยๆ...สาเหตุเป็นเพราะ...กรดในกระเพราะอาหาร...มันไหลย้อนเข้ามากัด...หลอดอาหาร...คอ...และหลอดลม...<br />
<br />
วิธีรักษา...ต้องไปหาหมอผู้เชี่ยวชาญ...โดยด่วน...ถ้าทิ้งไว้นาน...มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง...หลอดอาหาร...คอ...กล่องเสียง...<br />
<br />
อ่านเสร็จ...อุทานว่า...เวรแล้วกู...ที่มึงพูดมาทั้งหมดนี่...อาการของกูล้วนๆเลยหละ...นี่กูเป็นโรคกรดไหลย้อนหรือนี่...? แล้วถ้าไม่รีบรักษา...มะเร็ง...!!!!!<br />
<br />
ผมทำตามคำแนะนำทันที...เดี๋ยวนั้น...ไปหาหมอที่โรงพยาบาลตามที่โฆษณา...หมอบอกว่า...อาการผมหนักมาก...ต้องกินยา...และรักษาต่อเนื่อง...อย่างน้อย 6 เดือน...ถ้ายังไม่ดีขึ้น...ต้องรักษาด้วยวิธีอื่น...หลังจากนั้น...ผมก็เข้าออกโรงพยาบาล...เหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2...<br />
<br />
วิธีรักษา...โรคกรดไหลย้อนที่ได้ผลยอดเยี่ยม...<br />
<br />
วันหนึ่ง...ยาหมด...แล้วผมต้องไปพูดปลุกพลังที่ขอนแก่น...กลัวมาก...กลัวเจ็บคอ...กลัวเสียงแหบ...กลัวพูดไม่ได้...ไม่มีเวลาไปโรงพยาบาล...เอาไงดี...?<br />
<br />
ตัดสินใจ...พึ่งหมอตี๋...เข้าร้านขายยาปากซอยหน้าหมู่บ้าน...เจอเภสัชกรคนหนึ่ง...หน้าตากวนตีนมาก...อายุน้อยกว่าผม...แต่กวนตีนมากกว่าผม...<br />
<br />
ซื้อยาแก้กรดไหลย้อนครับ...<br />
<br />
เอาเกรดไหน...มี 3 เกรด...ถูก...กลาง...แพง...คุณภาพยา...ขึ้นกับราคา...ว่าไง...? มันถามแล้วมองหน้าผมแบบกวนตีน...<br />
<br />
ผมกวนตีนกลับ...เอาเกรดไหนก็ได้...ที่กินแล้วหายน่ะ...<br />
<br />
ไม่มี...โรคนี้....ยาไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้...ถ้าคุณรักษาด้วยยา...คุณจะต้องกินยาไปตลอดชีวิต...<br />
<br />
ผมหันไปจ้องหน้ามัน...เพราะสะดุดคำว่า...ถ้าคุณรักษาด้วยยา...คุณจะต้องกินยาไปตลอดชีวิต...<br />
<br />
ผมถามว่า...มันมีวิธีรักษาด้วยวิธีอื่นหรือ...?<br />
<br />
มันค่อยๆชายตามามองผมด้วยสายตาดูถูก...อย่างรุนแรง...แล้วพูดโดยไม่มองหน้าคนฟังว่า...<br />
<br />
คนที่เป็นโรคกรดไหลย้อน...เกิดจากนิสัยชั่ว 5 อย่าง...<br />
<br />
1. กินข้าวไม่ตรงเวลา...<br />
<br />
2. กินอาหารรสจัดมาก...โดยเฉพาะเผ็ดจัด...<br />
<br />
3. กินมากเกินไป...<br />
<br />
4. กินแล้ว...เข้านอนทันที...<br />
<br />
5. เครียดตลอดเวลา...<br />
<br />
ถ้าอยากหาย...ไปเปลี่ยนนิสัย...ไม่ต้องกินยา...<br />
<br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/X2si85GqqDE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<span style="color: #ff9900;">By: Thanawut</span><br />
<br />
Ambrocia ตรา แอมโบรเซีย PINEAPPLE CIDER PREMIUM สับปะรดไซเดอร์ระดับพรีเมี่ยม<br />
<br />
ผมซื้อที่ฟู้ดแลนด์ขวดละ 60 บาท ทานผสมน้ำผึ้งอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 แก้วก่อนอาหารเช้า-เย็นทุกวันเกือบ 2 เดือนแล้ว ความดันลดเหลือ 120 กว่าๆ ภูมิแพ้เจออากาศเปลี่ยนน้ำมูกไหลจามตลอดเริ่มหายกว่า 80% เป็นแผลโดนมีดบาดหายไว 1-2 วันแผลแห้งสนิท แรกๆทานยากหน่อยรสมันเปรี้ยวๆแต่ก็หอมน้ำผึ้ง ตอนนี้ชินแล้วครับกินได้สบายๆ (ถ้าชอบแบบซ่า..ซ่า..ให้เปลี่ยนน้ำเป็นโซดาวันเวย์ยี่ห้ออะไรก็ได้ 1 ขวด แบบแช่เย็นเจี๊ยบ)<br />
<br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/08/66-1.html" target="_blank">เชิญเข้าไปดูภาพเว็บนี้...แล้วลากลงไปล่างสุดครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/86.html" target="_blank">ยาจีนโบราณ ไข่ไก่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก กินแล้วหายหลายโรค</a><br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ตัวดำแต่ใจแดง:</span> ผมขอเพิ่มเติมประสบการณ์ที่ได้พบกับตัวเอง เพื่อมาบอกเป็นแนวทางกับเพื่อนๆ...คือที่จริงแล้วผมเอง "ไม่ใช่" คนที่จะเชื่ออะไรกับใครได้ง่ายๆหรอกนะครับ...ทุกอย่างที่ผมคิดและทำ จะต้องมีเหตุและผลมารองรับ ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่??? เสมอๆ...<br />
<br />
น้ำหมักผลไม้หรือสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็นสูตรจากป้าเช็ง หรือน้ำส้มสายชูหมักก็ตาม...เปรียบไปแล้ว...มันก็มี "สารที่เกิดจากการหมัก" เป็น "แอลกอฮอล์ธรรมชาติ" ที่มี "จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ปะปนอยู่ในนั้นด้วย" อย่างหนึ่ง...<br />
<br />
ที่ว่าชนิดไหนมีประโยชน์ ชนิดไหนจะเป็นโทษ ผมเองไม่ได้จบมาทางชีวะวิทยาโดยตรง...แต่ก็ได้อ่านหนังสือเป็นความรู้ผ่านมาบ้างเล็กน้อยว่า ในธรรมชาติของเรา...ส่วนใหญ่จะเป็นจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและสิ่งมีชีวิต มากกว่าชนิดที่ให้โทษอยู่มากมายนัก...(เคยอ่านจากหนังสือการค้นพบจุลินทรีย์ EM ที่เป็นน้ำหมักชนิดหนึ่งที่เน้นในเรื่องการทำการเกษตร บำรุงดิน และทำความสะอาดในคอกของสัตว์เลี้ยง ซึ่งต่อมาได้พัฒนาช่วยในการเลี้ยงกุ้งและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เช่น หมู และไก่เนื้อ ไปจนถึงไก่ไข่ แข็งแรง มีสุขภาพดี ไม่เป็นโรค นี่เฉพาะ ที่พูดถึงจุลินทรีย์ EM นะครับ)<br />
<br />
มาพูดถึง น้ำหมักผลไม้หรือสมุนไพรกันต่อ เราสามารถทำได้เอง หาวัตถุดิบและอุปกรณ์ทุกอย่างได้เอง โดยไม่จำเป็นที่จะต้องไปซื้อกับป้าเช็งเลยก็ยังได้<br />
<br />
สรุปว่าหาวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ตลาดใกล้ๆบ้าน ซึ่งก็หาได้ง่ายและมันก็ไม่ได้แพงอะไรนักหนาน่ะครับ นำมาหมัก จนได้อายุ อย่างน้อยที่จะเอามาใช้ได้เนี่ย ก็ซัก 4 เดือนขึ้นไป ก็ใช้ได้แล้วล่ะครับ...<br />
<br />
เมื่อเราได้น้ำหมักมาแล้ว ถ้าเราเอามาใช้ "ดื่มกินแต่พอดี" ไม่มากจนเกินไป มันก็เหมือนกับเรา "กินไวน์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย" น้ำหมักผลไม้หรือสมุนไพรดังกล่าวก็จะเข้าไปช่วย "ปรับสภาพ" ความเป็นกรด เป็นด่างในร่างกาย ในเส้นเลือด เช่น ช่วยชะล้างไขมัน ที่เข้าไปเกาะอยู่ตามผนังของเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดสะอาดขึ้น เลือดเดินทางได้สะดวกขึ้น<br />
<br />
เมื่อเลือดเดินทางได้สะดวกขึ้น เลือดก็นำสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไปเลี้ยงเซลล์ที่อยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น นั่นก็จะเป็นผลที่ทำให้ร่างกายของคนเราแข็งแรง และไม่ล้มเจ็บ หรือว่าป่วยไข้ได้ง่ายๆนั่นเอง เป็นการใช้ "น้ำหมัก" ที่เป็นอาหารที่ได้จากธรรมชาติ เข้ามาเพื่อปรับสมดุลภายในของร่างกาย เพื่อให้เม็ดเลือดแดง ที่เปรียบไปแล้วก็เป็นทหารฝ่ายส่งกำลังบำรุง เกิดการทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น<br />
<br />
เมื่อเซลล์ต่างๆในร่างกาย ได้รับอาหารเต็มที่มากยิ่งขึ้น ร่างกายของเราก็สามารถผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเปรียบไปก็เสมือนกับ "นักรบ" ที่จะคอย "ต่อสู่กับเชื้อโรคต่างๆ" ที่เข้าสู่ร่างกาย ได้ดียิ่งขึ้น...ทำให้เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย สุขภาพของเราก็เลยแข็งแรงนั่นเองแหละครับ!!!<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/ke/630510.jpg"></center><br />
เริ่ม 1 กันยายน 2555 มี 23 กลุ่ม ดังต่อไปนี้ ที่ให้ฟรีโดยไม่ต้องเก็บ 30 บาท<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/b2/p12452330.jpg"></center><center><img src="http://upic.me/i/g0/p12462330.jpg"></center><br />
"จำนวนเงินร่วมจ่าย" หมายถึง จำนวนเงินร่วมจ่ายโดยความสมัครใจ 30 บาทต่อครั้งของการรักษาพยาบาลของการป่วยในครั้งนั้น<br />
ความหมายคือ...<br />
ร่วมจ่ายเงินโดยความสมัครใจ 30 บาทก็ได้<br />
หรือ ไม่สมัครใจร่วมจ่ายเงิน 30 บาทก็ได้<br />
เข้าข่าย ข้อสุดท้าย<br />
๒๓) อื่นๆ<br />
eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-69420280694805125982012-06-17T17:43:00.001+07:002012-07-12T09:17:41.008+07:0096 ถอย!! ก่อนแพ้ฟาล์วซ้ำซาก "เหลิม"เหน็บประชาธิปัตย์ เหมือนเปลือยล่อนจ้อน?!<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/80.html" target="_blank">"วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/77.html" target="_blank">เข้าครัว...ทำกับข้าวคลายเครียด!! ผมทำได้ คุณก็ทำได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post_25.html" target="_blank">สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/78-112-112-112.html" target="_blank">เรื่อง... ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.401245353222826.109861.100000120933242&type=3&l=19bd24ac2e" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ญี่ปุ่น ชุดที่8</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.414188955261799.112770.100000120933242&type=3&l=e20dc01751" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เกาหลีใต้ ชุดที่9</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.430952200252141.115943.100000120933242&type=3&l=b10e825fc0" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน จีน ชุดที่10</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.455520967795264.119214.100000120933242&type=3&l=5353058a29" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บาห์เรน-กาตาร์ ชุดที่11</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/82.html" target="_blank">82 ต้องรู้..ต้องรู้...ภาระหน้าที่"เมษายน"ทุกๆปี นะจ๊ะ!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/55.html" target="_blank">55... มาร์คครับ หยุดใช้วาทกรรมแก้รัฐธรรมนูญทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งเลยครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post.html" target="_blank">สุดยอดไปเล้ย ก้อคุณพี่ทิศใต้นะสิคะ บอกไม่กลับบ้านก็ได้ทุกวันนี้สบายดี</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/11.html" target="_blank">11 "ปู"พา"ไปป์"ไปญี่ปุ่นด้วย ให้พี่เลี้ยงพาเที่ยวแทน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/84.html" target="_blank">84 คุณชวนนท์ครับ ออกมาดูโลกภายนอกบ้างเถอะครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/12.html" target="_blank">12 เคยเห็นมั้ย!! แมงสาปดิ้นใน"บ้านทรายทอง"กรุงโตเกียวญี่ปุ่นโน่น...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/03/80.html" target="_blank">80 สังคมไทยป่วย หรือเป็นผลผลิตจากการโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_13.html" target="_blank">นิก นอสติทซ์ "ผมมาทำตามหน้าที่ของความเป็นมนุษย์"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/56.html" target="_blank">อาข่า...พาไปชมตลาด...มาดูว่าข้าวของไม่ได้แพงอย่างสลิ่มว่านะ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/86.html" target="_blank">ยาจีนโบราณ ไข่ไก่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก กินแล้วหายหลายโรค</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_28.html" target="_blank">ตอแหล ตลบตะแลง กวนตีน สิ่งที่ไอ้ฟักและพรรคของมันคิดว่าเท่เหลือเกินในสภา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/87-googlemap-360.html" target="_blank">ลูกเล่นใหม่ GoogleMap ดูได้รอบทิศทาง360องศาหน้าบ้านตัวเอง-คนอื่น</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/04/57.html" target="_blank">แม่ค้ารุมกรี๊ด! ภาพนายกฯปู กินก๋วยเตี๋ยว-เดินตลาดนางเลิ้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/04/13.html" target="_blank">"ไหว้พี่เค้าสิ"....วลีนี้บาดลึกและสะเทือนไกลไปถึงไหน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/04/88.html" target="_blank">ไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อยไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.426886667325361.115366.100000120933242&type=3&l=7497e3d4f3" target="_blank">คลิปและภาพนายกฯปูเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.youtube.com/playlist?list=PLD63435625E518CC1" target="_blank">คลิปนายกฯทักษิณร้องเพลงเวทีคนเสื้อแดงที่กัมพูชา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/04/58-300.html" target="_blank">เปิดตัว "เอ็มแรป" โมเดล! สุดคุ้มขึ้นค่าแรง 300 บาทบริษัทโชว์กำไรพุ่ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/04/100.html" target="_blank">ขอยืนยัน ข้าวแกงจานละ 100 บาท หรือกว่า ร้อยบาท มีจริง แพงจริง...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/04/89.html" target="_blank">เหอ เหอ... พณฯท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติในสภาฯ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/04/14.html" target="_blank">ผู้ที่มี "วิสัยทัศน์" นั้น ย่อมต่างจากคนที่ยังครอบหัวกบาลตัวเอง ด้วย "กะลาทัศน์"...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/04/85.html" target="_blank">ผมเห็นรัฐบาลกำลังทำอะไรที่ไร้แก่นสารแบบนี้แล้ว รู้สึกเหมือนถอยหลังไปอีกสิบปี</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/05/15.html" target="_blank">ถ้าวันนั้น...วันที่ประเทศไทยเศรษฐกิจล่มสลายไปเรียบร้อย ถ้าไม่มีชายชื่อทักษิณ ชินวัตร วันนี้ประเทศไทยจะเป็นยังไง???</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/05/blog-post.html" target="_blank">ของดีราคาถูกหน้า พรรค ปชป. กรุงเทพฯ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/05/91-17-02-2551.html" target="_blank">สนทนาประสาสมัคร 17-02-2551 "แก้เศรษฐกิจด้วยเศษสตางค์"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/05/16.html" target="_blank">ปิยบุตร แสงกนกกุล: ทำความเข้าใจหลักการ "เงินเยียวยา" ทำไมห้ามฟ้องแพ่ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/eastnorthhh/sastr-leiyng-luk-hi-di-xyang-ci-khir-ci-mi-thung-xya-du-" target="_blank">System Engineer วิศวกรระบบเซิร์ฟเวอร์ คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ก</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/06/92.html" target="_blank">สุดยอด ส.ส. ที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยต้องบันทึกไว้</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/06/blog-post.html" target="_blank">แถลงการณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งระงับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/06/17.html" target="_blank">พอเถอะครับ ตุลาการวิบัติ ที่ผ่านๆมา ชาติบ้านเมืองยัง ฉิบหาย กันไม่พออีกหรือ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/06/59.html" target="_blank">ถ้าไม่สู้ตอนนี้...แล้วจะไปสู้ตอนไหน?????????ฮึ!! ท่านประธานฯ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/06/93-16-06-2555.html" target="_blank">คลิปเต็ม นายกฯปูประชุม ขำกลิ้ง 16 06 2555</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/06/60.html" target="_blank">ผมแอบชื่นชมมวลชนของประชาธิปัตย์อย่างแท้จริง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/06/blog-post_19.html">อู่ตะเภา-เขาวิหาร สันดาน "แมลงสาป"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/06/18.html" target="_blank">ส่งเข้าสภาไปซะ อย่าเอาความมั่นคงของรัฐบาลเข้าไปเสี่ยง???</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/06/94.html" target="_blank">ผมเคยคิดว่า ปชป.แม้จะเป็นรัฐบาลไม่ได้ แต่ก็เป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ ดังนั้นผมจึงคิดว่า...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/07/19-1972-8000-8-2-job.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00... ตอนที่ 8...กลับไปทำงาน 2 job ใหม่ กลับเมืองไทยครั้งแรกหลังจากที่จากมาแล้วเกือบสิบปี เริ่มค้าขาย ชีวิตหักเหอีกครั้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/07/95.html" target="_blank">"ดิฉันวินิจฉัยแล้ว ไม่มีหรอกค่ะโรคขี้ข้าทักษิณ มีแต่โรคอยากกลับมาเป็นนายกฯ โดยไม่ต้องชนะเลือกตั้งทักษิณ"</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/videoseries?list=PL987A54D52076F7D4&hl=th_TH" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ถอย!! ก่อนแพ้ฟาล์วซ้ำซาก "เหลิม"เหน็บประชาธิปัตย์ เหมือนเปลือยล่อนจ้อน?!</strong></span><br />
By: <a href="http://www.bangkok-today.com/node/13158" target="_blank">bangkok-today.com</a> วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2555<br />
<br />
ขนาด แมนนี่ ปาเกียว ยอดมวยชาวฟิลิปปินส์ ผู้สร้างประวัติศาสตร์ครองเข็มขัดแชมป์โลก 8 เส้น ซึ่งในการชกครั้งล่าสุด ป้องกันแชมป์ ดับบลิวบีโอ รุ่นเวลเตอร์เวต กับทิโมธี แบรดลี่ย์<br />
<br />
ดูการชกผ่านไป 10 ยก ใครต่อใครก็บอกว่าชนะแน่ แต่สุดท้ายยังพ่ายแพ้แบบพลิกล็อกได้ เพราะกรรมการยกมือให้แบรดลี่ย์ ชนะไม่เป็นเอกฉันท์ ด้วยข้ออ้างว่า 2 ยกสุดท้ายแบรดลี่ย์ ชกได้ดีกว่า<br />
<br />
เมื่อย้อนมาเทียบฟอร์มมวยระหว่าง เพื่อไทย กับประชาธิปัตย์ โดยที่มีตุลาการรัฐธรรมนูญเป็นกรรมการ บรรดาคนดูทั้งประเทศต้องยอมรับความเป็นจริงว่า<br />
<br />
ต่อให้เพื่อไทย หรือย้อนหลังไปเป็นพลังประชาชน หรือ ไทยรักไทยก็ตาม ฟอร์มดี ฟอร์มสดขนาดไหน ก็ไม่เคยชกชนะในสนามตุลาการรัฐธรรมนูญเลย<br />
<br />
ในขณะที่ประชาธิปัตย์ เทียบฟอร์มปอนด์ต่อปอนด์ มองเห็นความพ่ายแพ้รออยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่สุดท้ายก็หลุดรอดมาได้ทุกครั้ง<br />
<br />
ถูกยื่นขอให้ยุบพรรค กรณีใช้เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้าน ผิดวัตถุประสงค์ เดิมพันพุ่งสูงไม่รอดแน่ แต่สุดท้ายชนะฟาล์วได้หน้าตาเฉย<br />
<br />
เช่นเดียวกับการถูกยื่นขอให้ยุบพรรค กรณีรับเงินบริจาค จำนวน 258 ล้านบาท จากบริษัททีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านทางบริษัท แมซไซอะฯ ก็ลงทุนถึงขนาดฉกตัวพยาน ซุกซ่อนตัวพยานกันสารพัด จนทำให้นักเดิมพันเชื่อว่า แบบนี้คงไม่รอดแน่<br />
<br />
แต่สุดท้ายตุลาการรัฐธรรมนูญก็จับให้ชนะฟาล์วได้อีกอย่างเฉียดฉิวด้วยมติ 4 ต่อ 3<br />
<br />
ซึ่งทั้ง 2 กรณี พรรคประชาธิปัตย์เตรียมเอกสารเตรียมคำให้การสู้ในสารพัดประเด็นหวังเอาตัวให้รอด แต่ทุกประเด็นที่เตรียมไว้เป็นหมันหมด เพราะตุลาการรัฐธรรมนูญหยิบสิ่งที่แม้แต่ประชาธิปัตย์เองก็มองไม่เห็น ไม่ได้คิดใช้เป็นประเด็นสู้ ทั้งกรณียื่นคำร้องไม่ทันกำหนดภายใน 15 วัน กรณีเรื่องนายทะเบียนพรรคการเมืองไม่ได้มีการแทงความเห็นมา แต่กลายเป็นว่าตุลาการรัฐธรรมนูญใช้เป็นประเด็นชนะฟาล์ว<br />
<br />
คนชนะเองลึกๆก็ยังงงๆ ชนะได้ไงหว่า???<br />
<br />
ฉะนั้นเมื่อต้องขึ้นเวทีตุลาการรัฐธรรมนูญ ก็ไม่แปลกหากว่าจะมีคนในเพื่อไทย คนในรัฐบาลจะแหยงๆ ไม่ว่าจะมีกองเชียร์มากมายเพียงใดก็ตาม ก็ในเมื่อของมันแพ้ทางกันมาตลอดกับตุลาการรัฐธรรมนูญ<br />
<br />
จริงอยู่แม้แต่มือกฎหมายระดับประเทศอย่าง นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธาน คณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ จะยืนยันว่า<br />
<br />
1. ศาลรัฐธรรมนูญไม่อาจรับคำร้องในกรณีนี้ไว้พิจารณาได้ เนื่องจากการยื่นคำร้องในกรณีดังกล่าวไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และกระบวนการตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 68<br />
<br />
2. คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้รัฐสภารอการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญไว้ก่อน ไม่ถือว่าเป็นเด็ดขาดและไม่มีผลผูกพันรัฐสภาให้ต้องรอการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญไว้ก่อนแต่อย่างใด<br />
<br />
3. การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้รับคำร้องไว้พิจารณา และมีคำสั่งให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งรัฐสภารอการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พุทธศักราช.... ไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยโดยไม่มีอำนาจนั้น จึงเป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 อันเป็นเหตุที่อาจถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งได้<br />
<br />
แต่ถึงเวลาใครจะกล้าการันตี เพราะของแบบนี้ข้อมูลสถิติมันเห็นกันชัดๆอยู่มาโดยตลอด ว่าอะไรเป็นอะไร ใครเป็นใครกันบ้าง<br />
<br />
ไม่เช่นนั้นทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 40 ส.ว. และกลุ่มพันธมิตรฯจะออกมาเหยงๆ ท้าให้เพื่อไทยชนกับตุลาการรัฐธรรมนูญเหรอ ถ้าไม่มั่นใจในอะไรบางอย่าง<br />
<br />
อย่าลืมว่าถ้าเพื่อไทยถูกจับแพ้ฟาล์วรอบนี้ เพราะการดันทุรัง ก็มีหวังอาจจะจบเห่ยาวเลยเถิดไปถึงการยุบพรรคอีกสักรอบเลย ก็อาจจะเป็นได้ ใครจะไปกล้าการันตี<br />
<br />
อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แล้วในเมื่อพรรคเพื่อไทยไม่เคยมีดวงหนุนในสนามตุลาการรัฐธรรมนูญเลย มีหรือจะกล้าเสี่ยง<br />
<br />
เพราะจริงๆแล้วเรื่องเกี่ยวกับมาตรา 68 นี้ พรรคเพื่อไทยก็เคยดวงกุด ถูกจับแพ้โดยตุลาการรัฐธรรมนูญมาก่อนแล้ว<br />
<br />
โดยตอนนั้นยังเป็น รัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญขณะนั้นเป็นมาตรา 63 วรรคสอง ซึ่งมีหลักการเดียวกันกับ มาตรา 68 วรรคสอง ในปัจจุบัน<br />
<br />
แต่ปรากฏว่า คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 12/2549 ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า กรณีตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 63 วรรคสอง ณ เวลานั้น ผู้ที่จะยื่นคำร้องต่อศาลได้ มีเพียง "อัยการสูงสุด" เท่านั้น!<br />
<br />
ครั้งนั้นนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นคนยื่นคำร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยอาศัยมาตรา 63 วรรคสอง แล้วยื่นตรงไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำสั่งศาลที่ลงนามโดยนายผัน จันทรปาน ระบุชัดเจนว่า<br />
<br />
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตร 63 มิได้บัญญัติให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ยุบพรรคการเมืองได้โดยตรง แต่จะต้องดำเนินการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 วรรคสอง<br />
<br />
โดยเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ<br />
<br />
เป็นประโยคเดียวกันเป๊ะกับในมาตรา 68 วรรค 2 ที่ว่าให้ผู้ที่ทราบการกระทำเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ<br />
<br />
แต่ครั้งนั้นนายสุรพงษ์ไม่มีดวง จึงไม่ได้เจอตุลาการรัฐธรรมนูญชุดนี้ ทำให้คำร้องตกไปเพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง<br />
<br />
หากวันนั้นเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญเป็นชุดที่มีนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ และนายจรัญ ภักดีธนากุล เป็นตุลาการอยู่ในขณะนั้น ก็ย่อมต้องตีความว่าประโยคนี้เป็นสิทธิ 2 ทาง ที่ผู้ร้องสามารถทำได้ คำร้องของนายสุรพงษ์ก็คงไม่ตกไปอย่างแน่นอน<br />
<br />
ในเมื่อมีประวัติแพ้ทางมวย มีประวัติถูกจับฟาล์วดื้อๆมาโดยตลอด เมื่อเจอแรงกดดันหนักขนาดนี้ ก็เป็นธรรมดาที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา และใครต่อใครอีกหลายคนในพรรคเพื่อไทย ในรัฐบาล จะไม่กล้าเสี่ยงไม่กล้าลุ้น<br />
<br />
เพราะกลายเป็นว่าประเด็นคำถามที่เข้ามากดดันไม่ใช่เรื่อง "ข้อกฎหมาย" อีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นเรื่องของดวง เรื่องของการแพ้ทางกันมาตลอด<br />
<br />
ซึ่งหากถึงเวลา ตุลาการรัฐธรรมนูญไม่ยอมถอย ไม่รับฟังเสียงสะท้อนจากนักวิชาการนักกฎหมายนักรัฐศาสตร์ หรือใครใดๆก็ตาม แล้วพรรคเพื่อไทย ถึงแม้จะมีฐานะเป็นพรรคเสียงข้างมากในสภา จะออกในรูปไหนได้<br />
<br />
ถ้าถูกจับแพ้ฟาล์วอีกก็เสียของ หรือถ้าดึงดันจนเกิดความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นในสังคม คน 2 ขั้วที่แตกต่างกันทางด้านความคิด ต้องออกมาปะทะกันต้องเสี่ยงกับการบาดเจ็บล้มตาย ตรงนั้นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องโดนพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ที่รอฉวยจังหวะอยู่แล้วถล่มซ้ำอย่างแน่นอน<br />
<br />
ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้พลิ้วเก่ง หรือมีแบ็คมีดวงหนุนหลังอย่างประชาธิปัตย์ที่แม้จะมีการสลายการชุมนุม มีการตายสูงถึง 91 ศพ บาดเจ็บกว่า 2,000 คน แต่รัฐบาลประชาธิปัตย์ก็ยังลอยตัวอยู่เหนือความตายและความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้<br />
<br />
แต่หากเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยบ้าง รับรองว่าโดนถล่มเละ<br />
<br />
ฉะนั้นจึงทำให้ประธานสมศักดิ์ สุดท้ายต้องเลี่ยงบาลีให้ลงมติว่าคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันต่อรัฐสภาหรือไม่ ซึ่งก็ปรากฏว่าว่าคะแนนเสียงออกมา 318 เสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภา ก็เพราะไม่กล้าขัดมติ 7 ต่อ 1 ของตุลาการรัฐธรรมนูญชุดนี้นั่นเอง<br />
<br />
แต่ก็เป็นเหตุให้ถูกคนในพรรคเพื่อไทย แกนนำมวลชนคนเสื้อแดง และบรรดานักวิชาการ นักกฎหมาย นักรัฐศาสตร์ทั้งหลายพากันออกมาแสดงความผิดหวังเป็นอย่างมาก<br />
<br />
นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ตัดสินใจไม่เดินหน้าลงมติร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 3 โดยมีใจความส่วนหนึ่งว่า<br />
<br />
ผมกำลังรู้สึกจริงๆ ว่า ตอนนี้ เพื่อไทย กำลัง "มึน" (disoriented) ทางการเมือง จากความล้มเหลวเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดอง มา บวก กับ เรื่อง ศาลรัฐธรรมนูญเข้าอีก<br />
<br />
(ประเภทว่า ก่อนหน้านี้ คงไม่คาดการณ์แบบนี้ไว้ เพราะเห็น อุตส่าห์ "ทอดไมตรี" กับ "ชนชั้นสูง" ไว้เสียเยอะ แล้วอีกฝ่าย ก็ราวกับมี ท่าที "เอ็นดู" ยิ่งลักษณ์ อะไรแบบนั้น)<br />
<br />
แต่พอมาเจอ "หมัดสวนกลับ" ทางการเมือง ติดๆ กันแบบนี้ เลย "มึน" ทำอะไรกันไม่ถูก<br />
<br />
พูดแบบ "ฟันธง" สรุปนะ ตอนนี้ ทั้ง พ.ร.บ.ปรองดอง ทั้ง แก้ รธน. "เรื่องมันจบแล้ว" อย่างน้อย เฉพาะหน้าตอนนี้<br />
<br />
ผมยืนยันว่า ทั้งฝ่าย ทักษิณ-เพื่อไทย-นปช. และโดยเฉพาะฝ่ายคนธรรมดาๆ อย่างเราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย ที่ต้องการประชาธิปไตย<br />
<br />
จะต้องช่วยกัน rethink ว่า "เราจะไปทางไหนกัน" ในเรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย<br />
<br />
ที่แน่ๆ นะ ผมยืนยันว่า ไอ้คำขวัญ ที่ออกจะ "เฮงซวย" แต่ต้น เรื่อง "ปรองดอ" น่ะ ทิ้งไปได้เลย<br />
<br />
รัฐบาลเองด้วย ควรหยุดพูดเรื่องนี้ไปเลย!!<br />
<br />
บอกไปเลยว่า (ก) การอยาก "ปรองดอง" ทำฝ่ายเดียวไม่ได้ ถ้าอีกฝ่ายไม่เอาด้วย (ข) ที่สำคัญ สิ่งที่เกิดขึ้น พิสูจน์ว่า ประเทศไทย ความขัดแย้งขั้นรากฐานมากๆ ยังอยู่เยอะ และการจะแก้ปัญหานี้ ไม่ใช่แค่การมา "ชวนกัน ปรองดอง" แต่ต้องหาทางพูดถึง (address / identify) ปัญหาต่างๆ ที่เป็นต้นตอของความขัดแย้งนั้น และหาทางจัดการกับต้นตอของความขัดแย้งนั้น อย่างถูกต้อง<br />
<br />
เฮ้อ! พวกเรา "กองเชียร์" ให้ เพื่อไทย ทำในสิ่งที่ถูกต้อง (ฝรั่งว่า Do the Right Thing) คือ ยืนยัน "ชน"คำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ของ ศาล รธน.<br />
<br />
ผมว่า เราไปหางานอื่นทำดีฝ่าว่ะ ฮาๆๆๆ "บอลล์" ทีมนี้ ไม่เอาไหนเท่าไร สงสัยจะเข็นหรือเชียร์ไม่ขึ้น<br />
<br />
เช่นกันกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่กล่าวว่า "จะมั่นใจได้อย่างไรว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเป็นคุณกับเรา วันนี้เลี้ยวซ้ายก็ตายเลี้ยวขวาก็ตาย ทำไมเราไม่เลือกเลี้ยวให้ได้ใจมวลชน ไหนๆจะล้มอยู่แล้ว ไม่ชกให้มันประทับใจหน่อยหรือ อย่างน้อยก็ออกหมัดบ้าง ไม่ใช่รอรับเท้าที่สหบาทามาอย่างเดียว"<br />
<br />
แต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ได้เตือนสติโดยตั้งคำถามง่ายๆว่า ลงมติวันนี้พรุ่งนี้ได้อะไร ไม่ลงวันนี้พรุ่งนี้เสียอะไร บอกเลยว่า ยิ่งประชาธิปัตย์ทำอย่างนี้ เหมือนคนที่ถอดเสื้อผ้าเปลือยกายล่อนจ้อน<br />
<br />
คนเห็นหมดแล้วทั้งประชาธิปัตย์และศาลรัฐธรรมนูญ บางอย่างการที่เราไม่พูดหรือการที่เรายอม ไม่ได้แปลว่าเราแพ้หรือยอมจำนน แต่การนิ่งหรือการให้เวลาไปแก้ไขผล มันอาจจะดีและหอมหวานกว่าที่คิดก็ได้<br />
<br />
วันนี้เหมือนกับเราดำน้ำแข่งกัน ใครดำอึดกว่าก็ชนะ ใครอดทนน้อยกว่าก็แพ้ แต่ถ้าเราดึงดันเพื่อจะโหวตวันนี้ก็จะเสียของ ถ้าโหวตวันนี้ก็แพ้วันนี้เลย<br />
<br />
"ถ้าเราเดินต่อไปก็จะเป็นการผลักนายกฯเข้าสู่คิลลิ่งโซน เพราะเมื่อส่งเรื่องขึ้นไปแล้ว ถ้าไม่ผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองขององคมนตรี มันก็จะแช่อยู่อย่างนั้น เท่ากับนายกฯเดินเข้าสู่แดนประหาร ศาลรัฐธรรมนูญก็จะออกคำตัดสินมาทันทีว่าการกระทำนั้นขัดรัฐธรรมนูญ ทีนี้ทั้งในกฎหมายทั้งนอกกฎหมาย ทั้งม็อบเชิญ ม็อบรับจ้างจะมากันหมด จึงอยากจะบอกว่า วันนี้ไม่ต้องไปกลัว มวลชนเข้าใจเรา"<br />
<br />
ซึ่ง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ก็ได้เสริมข้อมูลด้วยว่า หน่วยข่าวด้านความมั่นคง 12 หน่วยงานได้มาประชุมกันที่ทำเนียบฯ ซึ่งทุกคนเป็นห่วงประเด็นนี้ โดยเห็นว่า ถ้านายกฯยังเดินหน้าที่จะกราบบังคมทูล ก็ขอเตือนนายกฯให้ระวัง 2 ขา คือ ทั้งขาขึ้นกราบบังคมทูล และขารับสนองพระบรมราชโองการ หมายความว่า ไม่ขาไปก็ขามาโดนแน่<br />
<br />
นั่นหมายความว่าเรื่องนี้ข่าวกรองก็บอกให้ถอย ทหารก็บอกให้ถอยเช่นกัน!!!<br />
<br />
สุดท้ายตอนนี้ทุกอย่างก็เลยต้องถอยไปก่อน โดยมีร่างพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 19 มิ.ย. 2555 มาเป็นตัวช่วยในการพักยก<br />
<br />
ซึ่งตุลาการรัฐธรรมนูญจะเรียกสอบข้อเท็จจริงในวันที่ 5-6 กรกฎาคม คือในช่วงปิดสมัยประชุม ซึ่งก็น่าจะวินิจฉัยออกมาได้ภายในไม่เกินเดือนกรกฎาคมนั่นเอง เมื่อเปิดสมัยประชุมสภาในเดือนสิงหาคม ค่อยมาว่ากันใหม่อีกทีหนึ่ง<br />
<br />
ว่าจะคลายปมร่างรัฐธรรมนูญกับอำนาจของตุลาการรัฐธรรมนูญอย่างไร?<br />
<br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/DWV-8cgUlGc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/HjJg8ua9Jcs" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center>eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-5475307153470557042012-06-06T15:01:00.001+07:002012-06-16T17:14:02.101+07:0095 ถ้าไม่รู้จักสู้... เมิงก็จะต้อนทนอยู่ให้มันข่มเหงอยู่ร่ำไป<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/80.html" target="_blank">"วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/77.html" target="_blank">เข้าครัว...ทำกับข้าวคลายเครียด!! ผมทำได้ คุณก็ทำได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post_25.html" target="_blank">สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/78-112-112-112.html" target="_blank">เรื่อง... ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.401245353222826.109861.100000120933242&type=3&l=19bd24ac2e" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ญี่ปุ่น ชุดที่8</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.414188955261799.112770.100000120933242&type=3&l=e20dc01751" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เกาหลีใต้ ชุดที่9</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.430952200252141.115943.100000120933242&type=3&l=b10e825fc0" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน จีน ชุดที่10</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.455520967795264.119214.100000120933242&type=3&l=5353058a29" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บาห์เรน-กาตาร์ ชุดที่11</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/82.html" target="_blank">82 ต้องรู้..ต้องรู้...ภาระหน้าที่"เมษายน"ทุกๆปี นะจ๊ะ!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/55.html" target="_blank">55... มาร์คครับ หยุดใช้วาทกรรมแก้รัฐธรรมนูญทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งเลยครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post.html" target="_blank">สุดยอดไปเล้ย ก้อคุณพี่ทิศใต้นะสิคะ บอกไม่กลับบ้านก็ได้ทุกวันนี้สบายดี</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/11.html" target="_blank">11 "ปู"พา"ไปป์"ไปญี่ปุ่นด้วย ให้พี่เลี้ยงพาเที่ยวแทน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/84.html" target="_blank">84 คุณชวนนท์ครับ ออกมาดูโลกภายนอกบ้างเถอะครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/12.html" target="_blank">12 เคยเห็นมั้ย!! แมงสาปดิ้นใน"บ้านทรายทอง"กรุงโตเกียวญี่ปุ่นโน่น...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/03/80.html" target="_blank">80 สังคมไทยป่วย หรือเป็นผลผลิตจากการโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_13.html" target="_blank">นิก นอสติทซ์ "ผมมาทำตามหน้าที่ของความเป็นมนุษย์"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/56.html" target="_blank">อาข่า...พาไปชมตลาด...มาดูว่าข้าวของไม่ได้แพงอย่างสลิ่มว่านะ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/86.html" target="_blank">ยาจีนโบราณ ไข่ไก่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก กินแล้วหายหลายโรค</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_28.html" target="_blank">ตอแหล ตลบตะแลง กวนตีน สิ่งที่ไอ้ฟักและพรรคของมันคิดว่าเท่เหลือเกินในสภา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/87-googlemap-360.html" target="_blank">ลูกเล่นใหม่ GoogleMap ดูได้รอบทิศทาง360องศาหน้าบ้านตัวเอง-คนอื่น</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/04/57.html" target="_blank">แม่ค้ารุมกรี๊ด! ภาพนายกฯปู กินก๋วยเตี๋ยว-เดินตลาดนางเลิ้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/04/13.html" target="_blank">"ไหว้พี่เค้าสิ"....วลีนี้บาดลึกและสะเทือนไกลไปถึงไหน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/04/88.html" target="_blank">ไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อยไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.426886667325361.115366.100000120933242&type=3&l=7497e3d4f3" target="_blank">คลิปและภาพนายกฯปูเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.youtube.com/playlist?list=PLD63435625E518CC1" target="_blank">คลิปนายกฯทักษิณร้องเพลงเวทีคนเสื้อแดงที่กัมพูชา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/04/58-300.html" target="_blank">เปิดตัว "เอ็มแรป" โมเดล! สุดคุ้มขึ้นค่าแรง 300 บาทบริษัทโชว์กำไรพุ่ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/04/100.html" target="_blank">ขอยืนยัน ข้าวแกงจานละ 100 บาท หรือกว่า ร้อยบาท มีจริง แพงจริง...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/04/89.html" target="_blank">เหอ เหอ... พณฯท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติในสภาฯ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/04/14.html" target="_blank">ผู้ที่มี "วิสัยทัศน์" นั้น ย่อมต่างจากคนที่ยังครอบหัวกบาลตัวเอง ด้วย "กะลาทัศน์"...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/04/85.html" target="_blank">ผมเห็นรัฐบาลกำลังทำอะไรที่ไร้แก่นสารแบบนี้แล้ว รู้สึกเหมือนถอยหลังไปอีกสิบปี</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/05/15.html" target="_blank">ถ้าวันนั้น...วันที่ประเทศไทยเศรษฐกิจล่มสลายไปเรียบร้อย ถ้าไม่มีชายชื่อทักษิณ ชินวัตร วันนี้ประเทศไทยจะเป็นยังไง???</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/05/blog-post.html" target="_blank">ของดีราคาถูกหน้า พรรค ปชป. กรุงเทพฯ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/05/91-17-02-2551.html" target="_blank">สนทนาประสาสมัคร 17-02-2551 "แก้เศรษฐกิจด้วยเศษสตางค์"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/05/16.html" target="_blank">ปิยบุตร แสงกนกกุล: ทำความเข้าใจหลักการ "เงินเยียวยา" ทำไมห้ามฟ้องแพ่ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/eastnorthhh/sastr-leiyng-luk-hi-di-xyang-ci-khir-ci-mi-thung-xya-du-" target="_blank">System Engineer วิศวกรระบบเซิร์ฟเวอร์ คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ก</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/06/92.html" target="_blank">สุดยอด ส.ส. ที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยต้องบันทึกไว้</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/06/blog-post.html" target="_blank">แถลงการณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งระงับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/06/17.html" target="_blank">พอเถอะครับ ตุลาการวิบัติ ที่ผ่านๆมา ชาติบ้านเมืองยัง ฉิบหาย กันไม่พออีกหรือ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/06/59.html" target="_blank">ถ้าไม่สู้ตอนนี้...แล้วจะไปสู้ตอนไหน?????????ฮึ!! ท่านประธานฯ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/06/93-16-06-2555.html" target="_blank">คลิปเต็ม นายกฯปูประชุม ขำกลิ้ง 16 06 2555</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ถ้าไม่รู้จักสู้... เมิงก็จะต้อนทนอยู่ให้มันข่มเหงอยู่ร่ำไป</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: สายลมรัก</span><br />
<br />
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว<br />
<br />
เด็กชายสายลมรัก บุตรชายคนเดียว ของครอบครัว ชอบนักที่จะคบเพื่อนเล่นกับเด็กๆ อีกเป็นร้อยๆ ในซอยวัดXXXXX แห่งหนึ่งย่านฝั่งธน<br />
<br />
สมัยเด็กๆ ในซอยนี้ จะเป็นที่หล่อหลอม ของเด็กชายหลายครอบครัว ไม่ว่าลูกเถ้าแก่ เจ้าของรถตุ๊กๆ ที่วิ่ง ศิริราช พรานนก ลูกคหบดี ตกยาก ลูกกรรมกร ลูกแม่ค้า ลูกคนทำงานรับจ้างทั่วไป<br />
<br />
แต่ด้วยความเป็นเด็ก (แทบทั้งหมด) หลังเลิกเรียน จะมารวมตัวกันที่ลานวัด อันเป็นพื้นที่สาธารณะในการเล่นกีฬา<br />
<br />
ชักว่าว ฟุตบอล ตะกร้อ ฯลฯ<br />
<br />
เด็กจากซอยแยกสาขา จะมารวมตัวกัน<br />
<br />
แน่นนอนว่า เด็กชายสายลม ก็จะรวมตัวกันกับเพื่อนๆ สิบกว่าคน ในฐานะเด็กซอยศาล (พระภูมิ) เป็นหนึ่งในกลุ่มของเด็กๆ จากชุมชน ซอยย่อยอีกหลายซอย เช่น ตรอกสิงโต (ดังในเรื่องขายผงขาว) ซอยห้าแผ่น (แหล่งรวมนักเลง) ซอยกาละแม (อันนี้ไอโซหน่อย เพราะเป็นลูกหลานทหารเยอะ)<br />
<br />
ไม่รู้จักสู้คน<br />
<br />
ตอนนั้นเด็กมาก กลัวที่จะต่อสู้ มันเจ็บ จะหลีกเลี่ยงการปะทะ เพราะไม่รู้ว่าจะแย่งชิงไปทำไม อีกอย่างจัดเป็นเด็กที่พร้อมทั้งทางด้านครอบครัวและการเงิน จึงไม่ต้องลักเล็กขโมยน้อย อย่างเพื่อนๆ ที่เจอกันตามลานวัด<br />
<br />
ผลของการไม่สู้ คือ ต้องยอมรับความขมขื่น<br />
<br />
สนามบอลสมัยนั้น...มันไม่สามารถจะเล่นพร้อมๆกันได้ เพราะเด็กๆ เป็นสิบจากหลายซอย มันจะออกมารวมตัวกันเล่น ณ ที่แห่งเดียว<br />
<br />
กติกาง่ายๆ ลูกเดียวออก หมายถึงทุกทีมต้องยอมรับว่า หากโดนฝ่ายตรงข้ามยิงประตู (ซัดเด้นเดท) เอ็งต้องไปต่อคิวทีมอื่นเพื่อรอการเล่นในครั้งต่อไป<br />
<br />
นักเลงเริ่มออก มีอยู่ซอยหนึ่ง มีเยอะ และหัวโจก ค่อนข้างจะโตเร็วกว่าเพื่อน คือมันตัวใหญ่กว่าคนอื่น<br />
<br />
มักจะตีความเข้าข้างตัวเองบ้างว่า ลูกนี้ไม่เข้า ลูกนี้ฟาวก่อน ลูกนี้ เป็นงั้น เป็นงี้ (คือไม่ยอมออก) สรุปว่า เอาเปรียบเด็กๆ ซอยอื่นที่เล็กกว่า เป็นอาจิณ<br />
<br />
ทำให้ผมและเพื่อนตัวเล็กไม่ค่อยกล้าเพราะแม่ม...ตัวใหญ่กว่า<br />
<br />
ได้แต่เก็บความขมขื่น..ไว้ในใจ เคยต่อยกันหลายครั้งเรามันใจเสาะสู้ไม่ได้ (แถมกลับบ้านโดนแม่ตีซ้ำ ขอหาวิวาท)<br />
<br />
วันหนึ่งเพื่อนสนิท ที่โตกว่ามันบอกว่า หากเอ็งไม่รู้จักสู้คน เอ็งก็ต้องอยู่ให้มันข่มอยู่เรื่อยไป สู้ได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่สู้ให้ถึงที่สุดก่อน ผมหันไปมองหน้าเพื่อนที่แก่กว่า 2 ปี มันบอกว่า เมิงไม่ต้องกลัว กูอยู่ข้างๆเมิงเอง (หากรุม เด็กซอยกาละแม และศาลพระภูมิ จะจับมือกันตะลุมบอน)<br />
<br />
วันประกาศอิสรภาพ<br />
<br />
เย็นวันเสาร์ ผมก็พากันไปรอที่เดิม และแล้วก็เจอกับเหตุการณ์เดิมๆ ที่มันเคยข่ม<br />
<br />
วันนั้นผมเดินไปข้างหลัง หลับหูหลับตาเหวี่ยงหมัดเข้าไปปากครึ่งจมูกครึ่งแบบสุดแรงเด็ก 10 กว่าขวบ และเตรียมพร้อมที่จะขย้ำซ้ำแบบ ทุกรูปแบบ หมัดศอกเข่าเตะ รวมทั้งกัดหูมันด้วย<br />
<br />
แต่...หมัดเดียวก็เกินพอ โจทย์ตลอดกาลผม เลือดกำเดาไหล พร้อมปากแตก<br />
<br />
แทนที่มันจะหันมาขย้ำผม มันกลับตกใจที่เลือดออก วิ่งร้องไห้ ไปหาแม่มันที่บ้านทันที...<br />
<br />
ผลก็คือแม่มันออกมาจะเอาเรื่อง...แต่เจอเด็กที่รวมตัวกันยี่สิบกว่าคนรุมโห่......<br />
<br />
เด็กต่อยกัน ยุ่งอะไร ลูกน้าเกเรก่อน อะไรต่อมิอะไร<br />
<br />
ทำให้แม่ของเด็กละอายใจ พาลูกกลับบ้านแล้วบ่นว่าทีหลังอย่ามาเล่นกับไอ้พวกเด็กกุ้ยส์อีก<br />
<br />
จากวันนั้น จนวันนี้ผมระลึกติดตัวไว้เสมอว่า หากไม่รู้จักสู้ มันก็จะเอาตีนกดหัวเราไว้อยู่ร่ำไป<br />
<br />
"ไม่มีใครละเมิดกฎเหล็กอีก"<br />
<br />
กาลเวลาผ่านไป ลูกเดียวออก ของสนามบอลในลานวัดแห่งนั้น ก็เป็นกฎศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีผู้ใดกล้าละเมิดอีก<br />
<br />
ผมอยากจะบอกไปถึงใครบางคน ให้ได้คิด ให้ฉุกคิด ให้พิจารณาว่า<br />
<br />
อย่ากลัวถ้าคิดว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง<br />
<br />
อย่ากลัวหากจะต้องลุกขึ้นมาหาญท้า อย่างกล้าหาญ<br />
<br />
ความกลัวทำให้เสื่อม....<br />
<br />
มนุษย์เหมือนกัน มีสองมือสองเท้า มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์เท่ากันมาแต่กำเนิด<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By Red Dragon:</span> การต่อสู้ ต้องรู้จักรุกในจังหวะที่ควรรุก ต้องรู้จักรับในจังหวะที่ควรรับ พท.ถอยไปหนึ่งก้าว ก็ใช่ว่าจะล้มเลิกการแก้รัฐธรรมนูญ แต่เป็นการถอยให้สังคม สื่อ นักวิชาการ ภาคประชาชนเข้ามารุมกระทืบฝั่งตรงข้ามให้อ่วม เป็นการลดเครดิตพวกมันที่ตอนนี้แทบจะไม่เหลือแล้ว ซึ่งเชื่อว่าไอ้พวกห่าเหวนั่น ตอนนี้ก็คงเริ่มมองหน้ากันไปมาแล้วว่าจะเอาไงดีต่อวะ เจอด่าขนาดนี้ เผลอๆ อาจจะออกมาบอกว่า สรุปแล้ว ให้ผ่านเลยก็เป็นได้<br />
<br />
แต่ถ้าดึงดันไปชนกับมันตรงๆ ก็มีแต่จะเสียเปรียบ สั่งยุบพรรคไป ก็มีแต่เสียขุนพลไปฟรีๆ อีกหลายคน ผมเชื่อว่า พท.ก็คงไม่ได้มีความรู้สึกแย่ไปกว่าคนเสื้อแดงหรอกที่ต้องทำแบบนี้ แต่ทำไงได้อีกฝั่งเครื่องมือมันยังอยู่กันครบ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By hero2011:</span> คุณ red dragon มองโลกในแง่ดีจนเกินไป เชื่อเถอะ จากประสบการณ์ 6 ปีที่ผ่านมา จะไม่เหตุการณ์ที่ฝ่ายนั้นยอมสำนึกด้วยตนเอง แล้วยอมแพ้ พวกนั้นมันกลัวที่สุด คือการลุกฮือของประชาชนครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By wut:</span> แล้วการที่เพื่อไทยถอย... ได้ดูรึยังว่า??? จะโดนอะไรมั่ง... พธม.คงเตรียมร่างคำฟ้องสารพัดข้อหา??? ถึงเวลานั้นจะสู้ก็หมดเวลาไปแล้ว??? แล้วจะรู้ได้ยังไง?ว่า ตลก.จะวินิจฉัยยังไง??? ถ้าวินิจฉัยเป็นลบต่อเพื่อไทย???... คำว่าไม่กระเทือนต่อคดีอาญา??? ใช่หมายความว่า...ดำเนินคดีอาญาได้เลยใช่หรือไม่???... คำว่า...และ...ยังทำให้เป็น...หรือ...ยังทำมาแล้ว???<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ลูกพ่ออิน:</span> ทีแรกรู้สึกผิดหวัง แต่เมื่อทบทวนสถานการณ์โดยรวมตอนนี้ เห็นด้วย การที่คุณสมศักดิ์ กั๊กไว้ ไม่ได้หมายว่า ยอม มันก็เหมือนเดินทัพ หยุดบ้าง รอบ้าง ดูทิศทางลม<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ผัดไทยใส่ไข่:</span> ไหนๆ ก็ต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษในการถกรัฐธรรมนูญไทย โห่ฮิ้ว... ส.ส.เพื่อไทยอ่านนี่กันหน่อย โดยเฉพาะประธานรัฐสภา<br />
<br />
A coward gets scared and quits. A hero gets scared, but still goes on.<br />
<br />
กลัวแล้วสู้ต่อคือวีีีรบุรุษ กลัวแล้วหางจุกตูดคือ...............<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By Kingdom:</span> ตกลงศาล รธน.มีอำนาจทุกมาตราเลยหรือเปล่าครับ โดนด่า 68 แถกมา 69 แถไป 60 ถ้ายังไม่เชื่ออีก ให้ไปดูเวอร์ชันภาษาอังกฤษ<br />
<br />
รธน.50 มันก็มีเวอร์ชั่นเดียวหละครับ เวอร์ชั่น หน้าด้าน เพียงแต่พิมพ์หลายภาษาเท่านั้นเอง<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ลุงแอ๊ด:</span> สงสัยพวกนี้จะอ่านกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นบางมาตราแล้วมาใหญ่คับบ้านคับเมือง อย่างนี้ก็เลยไม่รู้ว่าเรียนจบกฎหมายกันมาได้ยังไง ทั้งๆที่ตามมาตรา 127 วรรคสาม บัญญัติไว้ชัดเจนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร และตามมาตรา 68 เขาให้ผู้ร้องต้องร้องกับอัยการสูงสุด หากอัยการสูงสุดมีความเห็นด้วยก็ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ<br />
<br />
เปรียบกับการดำเนินคดีอาญาต้องไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน แล้วพนักงานสอบสวนรวบรวมสำนวนส่งพนักงานอัยการ และพนักงานอัยการรวบรวมสำนวนส่งฟ้องศาลอาญา ไม่มีวิธีพิจารณาให้ไปยื่นศาลโดยตรง แต่อะไรเขาให้ไปยื่นที่หนึ่งแต่ดันไปยื่นอีกที่หนึ่ง ยังบอกทำถูกต้อง โอ้ย...บ้านนี้เมืองนี้ต้องเอาให้อยู่<br />
<br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: large;"><strong>** What’s Up (What’s going on) มันเป็นเอี้ยอะไร???</strong></span><br />
<br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/6NXnxTNIWkc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/6m/2012-06-06_142757.jpg"></center><br />eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-77750709955768818052012-05-07T16:25:00.001+07:002012-06-06T19:02:01.437+07:0094 ฉายแล้ว จ้าาาาา หนังสั้น เรื่อง DREAM SHOCK หลับ...หลอน ฉบับเต็ม รำลึก 2 ปี ราชประสงค์ (ดูก่อนใคร)<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/80.html" target="_blank">"วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/77.html" target="_blank">เข้าครัว...ทำกับข้าวคลายเครียด!! ผมทำได้ คุณก็ทำได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post_25.html" target="_blank">สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/78-112-112-112.html" target="_blank">เรื่อง... ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.401245353222826.109861.100000120933242&type=3&l=19bd24ac2e" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ญี่ปุ่น ชุดที่8</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.414188955261799.112770.100000120933242&type=3&l=e20dc01751" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เกาหลีใต้ ชุดที่9</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.430952200252141.115943.100000120933242&type=3&l=b10e825fc0" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน จีน ชุดที่10</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.455520967795264.119214.100000120933242&type=3&l=5353058a29" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บาห์เรน-กาตาร์ ชุดที่11</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/82.html" target="_blank">82 ต้องรู้..ต้องรู้...ภาระหน้าที่"เมษายน"ทุกๆปี นะจ๊ะ!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/55.html" target="_blank">55... มาร์คครับ หยุดใช้วาทกรรมแก้รัฐธรรมนูญทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งเลยครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post.html" target="_blank">สุดยอดไปเล้ย ก้อคุณพี่ทิศใต้นะสิคะ บอกไม่กลับบ้านก็ได้ทุกวันนี้สบายดี</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/11.html" target="_blank">11 "ปู"พา"ไปป์"ไปญี่ปุ่นด้วย ให้พี่เลี้ยงพาเที่ยวแทน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/84.html" target="_blank">84 คุณชวนนท์ครับ ออกมาดูโลกภายนอกบ้างเถอะครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/12.html" target="_blank">12 เคยเห็นมั้ย!! แมงสาปดิ้นใน"บ้านทรายทอง"กรุงโตเกียวญี่ปุ่นโน่น...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/03/80.html" target="_blank">80 สังคมไทยป่วย หรือเป็นผลผลิตจากการโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_13.html" target="_blank">นิก นอสติทซ์ "ผมมาทำตามหน้าที่ของความเป็นมนุษย์"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/56.html" target="_blank">อาข่า...พาไปชมตลาด...มาดูว่าข้าวของไม่ได้แพงอย่างสลิ่มว่านะ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/86.html" target="_blank">ยาจีนโบราณ ไข่ไก่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก กินแล้วหายหลายโรค</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_28.html" target="_blank">ตอแหล ตลบตะแลง กวนตีน สิ่งที่ไอ้ฟักและพรรคของมันคิดว่าเท่เหลือเกินในสภา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/87-googlemap-360.html" target="_blank">ลูกเล่นใหม่ GoogleMap ดูได้รอบทิศทาง360องศาหน้าบ้านตัวเอง-คนอื่น</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/04/57.html" target="_blank">แม่ค้ารุมกรี๊ด! ภาพนายกฯปู กินก๋วยเตี๋ยว-เดินตลาดนางเลิ้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/04/13.html" target="_blank">"ไหว้พี่เค้าสิ"....วลีนี้บาดลึกและสะเทือนไกลไปถึงไหน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/04/88.html" target="_blank">ไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อยไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.426886667325361.115366.100000120933242&type=3&l=7497e3d4f3" target="_blank">คลิปและภาพนายกฯปูเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.youtube.com/playlist?list=PLD63435625E518CC1" target="_blank">คลิปนายกฯทักษิณร้องเพลงเวทีคนเสื้อแดงที่กัมพูชา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/04/58-300.html" target="_blank">เปิดตัว "เอ็มแรป" โมเดล! สุดคุ้มขึ้นค่าแรง 300 บาทบริษัทโชว์กำไรพุ่ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/04/100.html" target="_blank">ขอยืนยัน ข้าวแกงจานละ 100 บาท หรือกว่า ร้อยบาท มีจริง แพงจริง...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/04/89.html" target="_blank">เหอ เหอ... พณฯท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติในสภาฯ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/04/14.html" target="_blank">ผู้ที่มี "วิสัยทัศน์" นั้น ย่อมต่างจากคนที่ยังครอบหัวกบาลตัวเอง ด้วย "กะลาทัศน์"...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/04/85.html" target="_blank">ผมเห็นรัฐบาลกำลังทำอะไรที่ไร้แก่นสารแบบนี้แล้ว รู้สึกเหมือนถอยหลังไปอีกสิบปี</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/05/15.html" target="_blank">ถ้าวันนั้น...วันที่ประเทศไทยเศรษฐกิจล่มสลายไปเรียบร้อย ถ้าไม่มีชายชื่อทักษิณ ชินวัตร วันนี้ประเทศไทยจะเป็นยังไง???</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/05/blog-post.html" target="_blank">ของดีราคาถูกหน้า พรรค ปชป. กรุงเทพฯ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/05/91-17-02-2551.html" target="_blank">สนทนาประสาสมัคร 17-02-2551 "แก้เศรษฐกิจด้วยเศษสตางค์"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/05/16.html" target="_blank">ปิยบุตร แสงกนกกุล: ทำความเข้าใจหลักการ "เงินเยียวยา" ทำไมห้ามฟ้องแพ่ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/eastnorthhh/sastr-leiyng-luk-hi-di-xyang-ci-khir-ci-mi-thung-xya-du-" target="_blank">System Engineer วิศวกรระบบเซิร์ฟเวอร์ คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ก</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/06/92.html" target="_blank">สุดยอด ส.ส. ที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยต้องบันทึกไว้</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/06/blog-post.html" target="_blank">แถลงการณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งระงับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/06/17.html" target="_blank">พอเถอะครับ ตุลาการวิบัติ ที่ผ่านๆมา ชาติบ้านเมืองยัง ฉิบหาย กันไม่พออีกหรือ</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ฉายแล้ว จ้าาาาา หนังสั้น เรื่อง DREAM SHOCK หลับ...หลอน ฉบับเต็ม รำลึก 2 ปี ราชประสงค์ (ดูก่อนใคร)</strong></span><br />
By: <span style="color: #ff9900;">กุ้งอินเตอร์</span><br />
<br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/6qfmwUPyjAw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
***คำเตือน*** เนื้อหาในภาพยนตร์ บางส่วนเป็นเรื่องสมมุติเพื่อความบันเทิง แต่บางส่วนจะเป็นภาพจากเหตุการณ์จริง เหมาะกับ คนเสื้อแดง คนที่รับความจริงได้ และผู้ที่นิยมระบอบประชาธิปไตย อาจไม่เหมาะกับ ผู้ที่เห็นตรงข้ามกับกลุ่มผู้ชมข้างต้น<br />
<br />
เรื่องย่อภาพยนตร์สั้นเรื่อง DREAM SHOCK หลับ...หลอน เป็นเรื่องราวของ วิชาญ ซึ่งธุรกิจการค้าเขาได้รับความเสียหาย เนื่องจากรถที่จะไปรับสินค้าเพื่อที่จะนำมาส่งลูกค้า ติดอยู่กลางผู้ชุมนุม คนเสื้อแดงที่จัดชุมนุมใหญ่เมื่อ ปี 2553 เขาจึงตัดสินในเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มหลากสี ที่กดดัน ให้รัฐบาล ในขณะนั้น ปราบผู้ชุมนุม คนเสื้อแดง อย่างเด็ดขาด โดยเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าการทำเช่นนั้นเท่ากับเขา มีส่วนร่วมให้เกิดการ สังหารหมู่ประชาชน เพราะ รัฐบาลในขณะนั้น อาศัยการชุมนุมของพวกเขา เป็นเครื่องมือในการ สังหารประชาชนที่มาชุมนุมอย่างโหดเหี้ยม<br />
<br />
เกือบ 2 ปีผ่านไป ความผิดปรกติได้เกิดขึ้นกับ วิชาญ ซึ่งเขามักจะต้องอาศัยยานอนหลับเสมอ เพราะช่วยให้ลดความเครียดจากธุรกิจการค้า คืนหนึ่งเขาฝันเห็น วิญญาณของ คนเสื้อแดงที่ ถูกสังหาร เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และการฝันของเขาเริ่มถี่ขึ้น และความฝันมันเหมือนจริงไปชั่วทุกขณะ เขาแยกไม่ออกว่า สิ่งที่น่ากลัว ในความฝัน มันคือ ความฝัน ความจริง หรือมันเกิดขึ้นจาก ฤทธิ์ยานอนหลับที่เขาติดมานานจนเกิดภาพหลอน จนเมื่อถึงที่สุด เขาเริ่มกลัว การนอนหลับ กลัวความฝัน จนไม่กล้าจะหลับอีกต่อไป<br />
<br />
<a href="http://dreamshockmovie.blogspot.com/" target="_blank">ติดตามรายละเอียดคลิกที่นี่...</a> & <a href="http://redmovieshow.blogspot.com/" target="_blank">ติดตามผลงานคลิกที่นี่...</a><br />
<br />
สำหรับท่านที่ไม่สามารถชมผ่าน YouTube เชิญโหลด... <a href="http://www.mediafire.com/?d8m66isa822zepd" target="_blank">Part1</a> & <a href="http://www.mediafire.com/?b577gjqi3i42wcy" target="_blank">Part2</a><br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/4s/yroq4.jpg"></center><br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/yTlWALHmIAA" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>เวรกรรมไม่ต้องรอ...ชาติหน้า</strong></span><br />
<a href="http://www.watsangkaew.com/webboard/index.php?topic=386.0" target="_blank">ครูบาอริยชาติ วัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย</a><br />
<br />
ชาวพุทธทั้งหลาย ควรเข้าใจถึงคำว่า "กรรม" พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ว่า "คนเรามีกรรมเป็นของตนเอง และเป็นไปตามกรรม" ใครทำอะไรไว้ ย่อมได้รับผลตามนั้น<br />
<br />
กรรม หมายถึง การกระทำ มีทั้งการกระทำดีและการกระทำชั่ว ซึ่งจะขอยกเรื่องราวในพระไตรปิฎกมาอธิบายไว้ ความมีอยู่ว่า...<br />
<br />
ในครั้งนั้นพระนางมัลลิกาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แล้วทูลถามพระพุทธองค์ว่า<br />
<br />
"อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้มีผิวพรรณทราม รูปชั่วและยากจน ขัดสนทรัพย์ ทั้งต่ำศักดิ์...<br />
<br />
อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้มีผิวพรรณทราม รูปชั่วไม่น่าดู แต่เป็นคนมั่งคั่ง มีทรัพย์ มีโภคทรัพย์และสูงศักดิ์...<br />
<br />
อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้มีผิวพรรณงาม รูปสวย น่าดู น่าชม น่าเลื่อมใสยิ่งนัก แต่เป็นคนยากจนขัดสนทรัพย์และต่ำศักดิ์...<br />
<br />
อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้มีผิวพรรณงาม รูปสวย น่าดู น่าชม น่าเลื่อมใส ทั้งมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติและสูงศักดิ์"<br />
<br />
พระพุทธองค์ตรัสว่า<br />
<br />
"ดูกร พระนางมัลลิกาเทวี บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มักโกรธ มากไปด้วยความแค้นถูกว่าแม้เล็กน้อยก็ขัดเคือง ฉุนเฉียว กระฟัดกระเฟียด กระด้างกระเดื่อง แสดงความไม่พอใจให้ปรากฏ เป็นผู้ไม่ให้ทานในวัตถุสิ่งของ ของกิน ของใช้ เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย และเป็นผู้มีจิตริษยาในลาภสักการะ การบูชาของผู้อื่น กีดกัน ตัดรอน เมื่อตายไปแล้ว กลับมาเกิดอีกในชาติใดๆ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม รูปชั่วไม่น่าดู ยากจน ขัดสนทรัพย์และต่ำศักดิ์<br />
<br />
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักโกรธ ถูกว่าแม้เล็กน้อยก็ขัดเคือง ฉุนเฉียว กระด้างกระเดื่อง เป็นผู้ให้ทานในวัตถุสิ่งของ ของกิน ของใช้ เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย และเป็นผู้ไม่มีจิตริษยาในลาภสักการะและการบูชาของผู้อื่น ไม่กีดกัน ตัดรอน เมื่อตายไปแล้ว กลับมาเกิดอีกในชาติใดๆ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม รูปชั่ว ไม่น่าดู แต่เป็นคนมีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมาก และสูงศักดิ์<br />
<br />
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ไม่มักโกรธ ไม่ฉุนเฉียว ไม่มากไปด้วยความคับแค้นใจ ถูกว่า แม้มากก็ไม่ขัดเคือง ไม่กระฟัดกระเฟียด กระด้างกระเดื่อง ไม่แสดงความโกรธ ความขัดเคือง ไม่พอใจให้ปรากฏ แต่เป็นผู้ไม่ให้ทานในวัตถุสิ่งของ ของกิน ของใช้ ซื้อผ้า ที่อยู่อาศัย และเป็นผู้มีจิตริษยาในลาภการะ และการบูชาของผู้อื่น กีดกัน ตัดรอน เมื่อตายไปแล้วกลับมาเกิดอีกในชาติใดๆ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณงาม รูปสวย น่าดู น่าชม แต่เป็นคนยากจนขัดสนทรัพย์สมบัติและต่ำศักดิ์<br />
<br />
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ไม่มักโกรธ ไม่มากไปด้วยความคับแค้นใจ ถูกว่าแม้มากก็ไม่ขัดเคือง ไม่ฉุนเฉียว ไม่กระฟัดกระเฟียด ไม่กระด้างกระเดื่อง ไม่แสดงความโกรธ ความขัดเคืองให้ปรากฏ เป็นผู้ให้ทานวัตถุสิ่งของ ของกิน ของใช้ เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย เป็นผู้ไม่มีจิตริษยาในลาภสักการะและการบูชาของผู้อื่น ไม่กีดกัน ตัดรอน เมื่อตายไปแล้ว กลับมาเกิดอีกในชาติใดๆ ย่อมเป็นผู้มีรูปสวย ผิวพรรณงาม น่าดู น่าชม ยิ่งนัก ทั้งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมากและสูงศักดิ์"<br />
<br />
เมื่อพระพุทธองค์ตรัสแล้ว พระนางมัลลิกาเทวี ได้ทูลว่า<br />
<br />
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญในชาติอื่นชะรอยหม่อมฉันจะเป็นผู้มักโกรธมากไปด้วยความคับแค้นใจ ถูกว่าแม้เล็กน้อยก็ขัดเคือง ฉุนเฉียว กระฟัดกระเฟียด กระด้างกระเดื่อง แสดงความโกรธ ไม่พอใจให้ปรากฏ ในบัดนี้ หม่อมฉันจึงมีผิวพรรณทราม รูปชั่ว ไม่น่าดู แต่หม่อมฉันคงจะให้ทานในวัตถุสิ่งของ ของกิน ของใช้เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย หม่อมฉันจึงเป็นคนมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมาก และหม่อมฉันคงจะไม่มีจิตริษยาในลาภสักการะ และการบูชาของผู้อื่น หม่อมฉันจึงมีศักดิ์สูง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก บัดนี้ หม่อมฉันขอถึงพระผู้มีพระภาค พระธรรม พระสงฆ์ว่าเป็นสรณะตลอดชีวิต"<br />
<br />
และพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ผลบุญ วาสนาบารมี หรือ ผลบาป สันดานบารมีนั้น เนื่องจากการกระทำแล้วให้ผลเป็นวิบากกรรมที่เป็นบุญ และผลวิบากกรรมที่เป็นบาป ให้ตนได้รับผลกรรมมี ๑๒ อย่างต่างๆกันดังนี้<br />
<br />
๑. ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม เป็นกรรมหนัก กรรมแรง ที่ส่งผลบุญบาปให้ตนได้รับในปัจจุบันทันตา เช่น คนตกปลาตวัดเบ็ดขึ้น ตัวเบ็ดตวัดเข้าตาตนเองทำให้ตาบอด หรือคนที่เอาไฟฟ้าไปช็อตปลา ไฟฟ้าดูดตัวเองตาย เหตุเพราะความหลง ความโลภ เกิดผลบาปทันตาเห็น<br />
<br />
ดังเรื่องของชายผู้หนึ่ง มีความทุกข์ทรมานจิตใจอยู่ตลอดเวลา ได้เล่าว่า เมื่อตอนที่เขาจะแต่งงาน เพื่อนที่ทำงานด้ายกันมาบอกว่าจะเอาเนื้อควายมาให้เขา ๑ ตัว เขารู้วิธีของเพื่อนจึงห้ามไม่ให้ทำ เพราะจะเป็นบาป แต่เพื่อนก็ไม่เชื่อเพราะหลงในอำนาจว่าตนทำได้ เมื่อถึงวันงานเพื่อนก็เอาเนื้อควายมาให้เขาทำอาหารเลี้ยงกัน เขาก็พูดไม่ออก เมื่อเจ้าของควายรู้ว่าควายหายไปก็ออกติดตามหา เมื่อไปพบซากควายเข้า เขาก็เสียใจมาก มีความโกรธแค้น อาฆาต ทำพิธีสาปแช่ง<br />
<br />
และเมื่อรู้ว่าใครเอาควายไป จึงร้องเรียนไปถึงหัวหน้าใหญ่ก็ส่งเจ้าหน้าที่มาสอบสวน ก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร เพราะไม่มีใครกล้าเป็นพยานรู้เห็น ตัวผู้เล่าเรื่องนี้ก็มีแต่ความไม่สบายใจ เป็นทุกข์ว่าเพราะเขาเป็นต้นเหตุ เขาไม่มีความสุขเลยตลอดเวลา และหลังจากแต่งงานผ่านไป ๒ ปี บ้านเขาก็ถูกไฟไหม้ เอาทรัพย์สินออกไม่ได้เลยเป็นคนหมดเนื้อหมดตัว<br />
<br />
ต่อมาจากนั้นไม่นาน ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก โดยคนงานมาบอกว่า เพื่อนคนนั้นถูกระเบิด เขารีบไปดูที่เกิดเหตุ เห็นเพื่อนถูกระเบิด ตัดแขน ตัดขา ร้องเสียงเหมือนควายที่กำลังจะสิ้นใจ เขาเข้าไปประคองเพื่อนพูดเป็นห้วงๆว่า "เรา...เข้าใจผิดว่าเรื่องเวรกรรมไม่มี บุญบาปไม่มี ดูซิ ไอ้ควายตัวนั้นมันคอยจ้องจะขวิด" และแล้วก็สิ้นชีวิตไป<br />
<br />
ส่วนลูกน้องที่ร่วมกันฆ่าควายตัวนั้นอีก ๙ คนด้วยด้วยกัน ก็ได้ผลกรรมด้วยกัน บางคนไส้ไหลออกมาเป็นชิ้นๆ บางคนเนื้อถูกเฉือนออกจากตัวเหมือนเฉือนเนื้อควาย แต่ละคนได้รับทุกข์ทรมานอยู่ ๓ วัน จึงตายหมด ยกเว้นคนขับรถที่ไม่มีส่วนร่วมในการฆ่าควาย นั้นอยู่เฝ้ารถ ห่างไกลจากแรงระเบิด นี้แหละเขาว่า คนดีผีคุ้มผู้กระทำบาปทุกคนต้องได้รับผลกรรม หนักตามที่ตนได้กระทำไว้อย่างไรกับควาย ก็ได้รับผลกรรมอย่างนั้นในปัจจุบันนี้<br />
<br />
การทรมานก่อนตายนั้นท่านว่าเป็นการบอกให้รับรู้ว่าเราทำกรรมอะไรไว้บ้าง ถ้ารู้และขออโหสิกรรมต่อกัน ถ้าเค้าอโหสิกรรมให้ อันนี้ท่านว่าเป็นโมฆะกรรม ก็คือหมดกรรมกันไป แต่ถ้าไม่อโหสิกรรมให้ ก็ต้องมาใช้กรรมกันอีก...เป็นวัฏฏจักรวนอยู่แบบนี้ไปไม่มีที่สิ้นสุด<br />
<br />
๒. อุปปัชชเวทนียกรรม เป็นกรรมที่ให้ผลในชาติหน้า เช่นนี้คนที่เกิดมาในปัจจุบันชาตินี้เพราะผลของวิบากกรรมในอดีตส่งผลมาให้เกิด บางคนเกิดมามีรูปร่างสวยงาม และอยู่ในตระกูลที่มั่งมีศรีสุข อันนี้เป็นผลบุญที่ทำไว้ในอดีต บางคนเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ซ้ำรูปชั่วตัวดำ หรือพิกลพิการ อันเป็นผลบาปที่ทำไว้ในชาติปางก่อน บางคนเกิดมาในพ่อแม่ยากจน ขัดสน แต่มีรูปร่างสวยงาม บางคนเกิดมาในพ่อแม่ร่ำรวยแต่มีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ บางคนเกิดมาในพ่อแม่ที่พอกินพอใช้ และมีรูปร่างหน้าตาดี นี้ก็เพราะผลบุญ บาปที่ทำไว้ก้ำกึ่งกัน<br />
<br />
ใครๆก็ไม่อยากเกิดในพ่อแม่ที่ยากจน และใครๆก็ไม่อยากเกิดมารูปร่างหน้าตาขี้ริ้ว อยากเกิดมารูปสวย พ่อแม่ร่ำรวยกันทั้งนั้น แต่เพราะไม่รู้บุญ ไม่รู้บาป มัวเมาอยู่ในอบายมุข ด้านความโลภ ความหลง ความโกรธ ไม่เข้าใจไม่เข้าถึง ไม่ปฏิบัติอยู่ในศีลในธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ กระทำตามความคิดเห็นของตน เป็นบุญบ้างเป็นบาปบ้าง ด้วยไม่เชื่อกฎแห่งกรรมว่ากรรมเป็นกำเนิดเป็นเผ่าพันธุ์ กรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ทุกคนต้องมาเกิดตามกรรมที่ตนทำไว้ จะเลือกเกิดไม่ได้ ถึงบางคนทำดี มีความชั่ว กลับเจริญร่ำรวย จึงมักพูดกันว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป<br />
<br />
๓. อปราปริยเวทนียกรรม เป็นที่กรรมที่ได้ผลชนิดไล่ตามเปรียบเหมือนสุนัขไล่เนื้อ เมื่อมันไล่ทันก็กัดทันที เช่น ผู้ที่ไปขโมยของและทำร้ายเจ้าของและพยายามหลบหนีเจ้าหน้าที่ก็พยายามสืบจับ ติดตามไล่ทันจับได้ บางทีก็จับตัวหรือถึงตาย อันเป็นผลบาปกรรมที่คอยไล่ตามอยู่ตลอดเวลา ที่ไปหลบๆซ่อนๆ<br />
<br />
มีเรื่องของคนขับรถแท็กซี่ ขับรถชนคนตายแล้วหนีไม่ช่วยเหลือ “วันหนึ่งพาลูกเมียไปนั่งกินอาหารในร้านแห่งหนึ่ง เมียได้ใช้ให้ลูกคนโตไปซื้อขนมมาให้น้องกิน สักครู่ก็มีเสียงร้องว่ารถชนคน เมียบอกให้ผัวออกไปดู ตัวกลับพูดว่า "ช่างหัวมัน ให้ชนกันตายโหงยิ่งดี ถ้าออกไปดูเดี๋ยวกูก็ต้องพามันไปโรงพยาบาลฟรีหรอก"<br />
<br />
เมื่อมีเสียงเขากดแตรรถที่จอดอยู่หน้าร้านก็บ่นว่า "ระยำละซิกู ต้องส่งมันไปโรงพยาบาลอีกแล้ว" เมียก็อ้อนวอนให้ไปช่วยเขาหน่อย คิดว่าเอาบุญก็แล้วกัน เมื่อออกมาหน้าร้านคนขับรถแท็กซี่กับเมียต้องตกตะลึงใจหาย เพราะว่าคนที่ถูกรถชนคือลูกของตนเอง และก็ช้าไปแล้วเพราะเอาไปส่งไม่ทันถึงโรงพยาบาล ลูกก็ตาย คนขับรถแท็กซี่ร้องไห้และพูดว่า เวรกรรมตามมาทันแล้วหนอ<br />
<br />
๔. อโหสิกรรม เป็นการให้อภัยไม่ถือโทษ ไม่ถือโกรธ ไม่ผูกใจเจ็บ เช่น เด็กๆทะเลาะกัน ทุบตีกัน เมื่อกลับมาบ้าน พ่อสอบถามถึงเรื่องราวเป็นอย่างไรกัน ลูกไม่กล้าโกหกพ่อก็เล่าความจริงให้ฟัง พ่อรู้ว่าลูกตัวเองทำผิดก็ลงโทษลูกและสอนลูกให้เข้าใจ ลูกก็รับฟังจะไม่ทำเช่นนั้นอีก แล้วพ่อก็พาลูกไปขอโทษอีกฝ่ายหนึ่ง<br />
<br />
ฝ่ายนั้นกำลังโกรธที่ลูกของตนถูกรังแก เมื่อเห็นพ่อคู่วิวาทของลูกตนทำโทษลูกแล้ว ยังพามาขอโทษและยังให้ตนทำโทษลูกของเขาอีก ความโกรธก็หายเกิดความนับถือ รักน้ำใจในความเที่ยงธรรมของผู้เป็นพ่อเด็กคู่วิวาทของตน ก็เลยสงสารเด็กที่ถูกพ่อตีและให้อภัย ไม่ถือสาหาความสืบต่อและให้เด็กคืนดีกันสามัคคีปรองดองกัน ให้อภัยซึ่งกันและกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน เป็นการให้อโหสิกรรมไม่มีจิตอาฆาตและพยาบาทจองเวรกันเหมือนพืชสิ้นยางปลูกไม่ขึ้น<br />
<br />
๕. ชนกกรรม เป็นกรรมแต่ง ก่อให้เกิดผลลัพธ์เนื่องจากปัจจัยแห่งการกระทำนั้นๆ ไม่ว่ากรรมดีทำบุญ ทำกรรมบาป ให้ได้ผลในชาตินี้ และชาติหน้า ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า<br />
<br />
เมื่ออดีตชาติพระองค์ได้กระทำชั่ว โดยฆ่าน้องชายต่างบิดาด้วยการผลักตกเหวแล้วเอาหินทับน้องชายตาย มาชาตินี้จึงถูกพระเทวทัตผลักก้อนหินมาโดนพระบาทของพระองค์ห้อเลือด แม้แต่พระพุทธองค์ก็ยังต้องได้รับผลของชนกกรรมก่อเกิดผลลัพธ์ตามมาถึงชาตินี้<br />
<br />
และเรื่อง ชายผู้หนึ่งกระทำกรรมดี โดยเขามีแม่มีน้อง ๒ คน ตนเองรับผิดชอบครอบครัว และเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตในหน้าที่การงาน เจ้านายเมตตาปราณี เมื่อจะถึงเวลาเกณฑ์ทหารต้องลาออกไปเป็นทหาร เจ้านายเมตตาเพิ่มเป็นพิเศษให้เป็นรางวัล เมื่อเข้าไปเป็นทหาร การใช้จ่ายทางบ้านก็ฝืดเคือง เขาสงสารแม่ต้องทำงานหนักล้มป่วยลง เขาคิดถึงเจ้านายที่เคยเมตตาปราณี เขาจึงเอาโฉนดที่ดินไปขอความช่วยเหลือจากเจ้านาย โดยเล่าเรื่องชีวิตความเป็นไปในครอบครัวให้เจ้านายฟัง เจ้านายก็เห็นใจรับจำนองไว้เป็นพิธี ไม่มีการผูกมัดอย่างใด<br />
<br />
เมื่อได้เงินมาแล้ว เขาก็พาแม่ไปรักษาอย่างดี ไม่ช้าแม่ก็หายป่วย เขาจึงบอกแม่ให้รู้ว่าเขาเอาโฉนดไปจำนองไว้กับเจ้านายเพื่อใช้จ่ายรักษาแม่ ส่วนเงินที่เหลือนี้ ตั้งใจว่าจะเอาไปลงทุนค้าขาย แต่ก็ยังไม่แน่ใจ ก็พอดีมีเพื่อนเดือดร้อนมาขอร้องให้ช่วย เพราะไปเอาเงินในหน่วยงานมาใช้เพื่อรักษาแม่และลูกซึ่งป่วยพร้อมกัน เจ้าหน้าที่เขาจะมาตรวจ เขายังไม่มีเงินคืน เขาเห็นใจและสงสารเพื่อน จึงให้เงินไปจำนวนหนึ่ง<br />
<br />
เมื่อเขาพ้นจากเป็นทหารก็รีบไปหาเจ้านายขอทำงาน เจ้านายก็ยินดีรับเขาทำงานให้อยู่ใกล้ชิด เขาทำงานด้วยความตั้งใจขยันแข็งแรง อดทนซื่อสัตย์ แม้ป่วยก็ไม่ยอมลาพัก ทำงานด้วยความอุตสาหะทำงานได้ ๒ ปี เพื่อนๆได้นำเงินมาคืน มีเพื่อนๆอิจฉาริษยา ที่เห็นเขาใกล้ชิดเจ้านาย แต่เมื่อเขาเห็นเพื่อนๆไม่ได้เงินเดือนขึ้นเขาก็สงสาร เห็นใจ แม้เขาไม่ได้เงินเดือนขึ้น เขาก็ไม่รู้สึกเสียใจ เพราะรู้คุณในความเมตตาของเจ้านาย<br />
<br />
และโดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน เจ้านายเกิดล้มป่วยหนักอย่างกะทันหัน วันหนึ่งเจ้านายเรียกเขาไปพบสองต่อสอง แล้วให้เข้าไปหยิบซองกระดาษสีน้ำตาลขนาดใหญ่ จ่าหน้าซองถึงเขาและบอกให้ไปเปิดดูที่บ้าน และถามว่าทำไมไม่มาเยี่ยมเลย เขาบอกว่ามาเยี่ยมหลายหนแล้ว แต่คนในบ้านนี้ไม่ให้เข้าเยี่ยม<br />
<br />
เมื่อเขากลับบ้าน ก็เปิดซองดูเห็นมีธนบัตรจำนวนมาก พร้อมทั้งโฉนดที่ดิน สัญญากู้และจดหมายบอกมอบโฉนดทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดให้เป็นสิทธิ์ของเขา เป็นรางวัลแห่งความดีที่เขาเป็นลูกที่ดี เป็นพี่ที่ดี เป็นมิตรที่ดี เป็นลูกจ้างที่ดี เป็นคนซื่อสัตย์สุจริตและขยัน ซึ่งเจ้านายได้เห็นได้รู้ได้พิสูจน์ดูการกระทำของเขามาตลอดเวลา นี้แหละเป็นกรรมก่อผล เกิดผลลัพธ์ของการกระทำดี เป็นบุญทำกรรมแต่งให้ได้ในปัจจุบันชาตินี้<br />
<br />
๖. อุปัตถัมภกกรรม เป็นกรรมสนับสนุนได้ดีขึ้นหรือเลวลง ตามเหตุปัจจัยที่ตนทำให้เกิดผลบุญ เกิดผลบาปยิ่งขึ้นในปัจจุบันชาตินี้ เมื่อทำด้วยจิตเมตตากรุณา ช่วยเหลือเจือจานผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนอย่างใดเลย ให้ได้ผลในปัจจุบันชาตินี้ เช่น<br />
<br />
เด็กหญิง ๒ พี่น้องกำลังเล่นอยู่ในลานดินหน้ากระท่อม มองไปเห็นผู้เฒ่ากำลังจะหมดแรง จึงวิ่งพยุงพามานั่งพักหน้ากระท่อมชาวนาตั้งอยู่โดดเดี่ยว แล้วก็เอาขันไปตักน้ำฝนและเด็ดใบจากที่ชายคา ใส่ลงในขันน้ำแล้วเอามาให้ผู้เฒ่านั้นดื่ม ต้องค่อยๆดื่มเพราะต้องเขี่ยใบจากออก ตอนแรกๆแกโมโหเด็ก<br />
<br />
แต่เมื่อลืมไป แล้วสบายใจขึ้น จึงถามเด็กว่า เอาใบจากใส่ลงไปทำไม เด็กก็บอกว่าผู้ใหญ่สั่งว่าเมื่อจะเอาน้ำให้คนเดินทางไกลๆ มาเหนื่อยๆ ให้เอาใบจากใส่ เพื่อเขาจะได้ไม่รีบดื่มเพราะจะทำให้สำลักน้ำเป็นอันตรายได้<br />
<br />
ผู้เฒ่าได้ฟังก็ชอบใจและรู้สึกหิว บอกขอข้าวเด็กกิน เด็กทั้งสองก็รีบพากันไปหุงต้มข้าว กับย่างปลาเค็มมาให้ผู้เฒ่ากินและให้นอนพัก เมื่อพ่อแม่กลับจากทำนามาถึงบ้าน ก็รีบบอกให้พ่อแม้รู้ พ่อแม่ก็ชมลูกว่าทำดีแล้ว และผู้เฒ่านั้นพักอยู่ด้วย และทางครอบครัวก็เอาใจใส่ดูแล จนผู้เฒ่าแข็งแรงดีแล้วก็ลากลับบ้านและได้ขอตั้งชื่อเด็กทั้งสองคน คนพี่ให้ชื่อเมตตา คนน้องชื่อกรุณา<br />
<br />
หลังจากผู้เฒ่าเดินทางกลับไปไม่นาน กำนันและผู้ใหญ่บ้าน ก็มาบอกให้เด็กหญิงเมตตาและเด็กหญิงกรุณา ไปรับโอนที่ดิน ๒๐๐ ไร่ พ่อแม่ของเด็กก็ไม่คิดว่าการกระทำของเด็กจะเกิดลาภก้อนใหญ่อย่างนี้<br />
<br />
และต่อจากนั้นอีกไม่นานเด็กทั้งสองก็ได้รับมรดกตึกแถวในกรุงเทพฯ และเงินสดไม่ใช่น้อย เหตุเพราะผู้เฒ่าที่ครอบครัวนี้ช่วยเหลือได้ถึงแก่กรรม โดยทำพินัยกรรมแบ่งให้เด็ก ๒ คนนี้ ก็เพราะเด็กมีจิตเมตตาสงสารแก่ผู้เฒ่าในยามยาก โดยไม่ได้หวังผลตอบแทนอย่างใดเลย เพราะพ่อแม่สั่งสอนลูกให้เป็นคนดีครอบครัวจึงประสบผลบุญ สนับสนุนให้เกิดลาภมีความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้น<br />
<br />
๗. อุปปีฬกกรรม เป็นกรรมเร่งรัดให้เกิดผล ให้ได้รับผลบุญผลบาปเร็วยิ่งขึ้น เช่น เมื่อจิตคิดจะทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เป็นบุญเป็นสิ่งที่ดีงามก็มีผู้มาช่วยให้งานนั้นสำเร็จไปได้รวดเร็วอย่างไม่คิดว่ามันจะสำเร็จได้เร็วอย่างนี้ เป็นการเพิ่มพูนบุญให้เกิดความสุข ความเจริญยิ่งๆขึ้น<br />
<br />
หรือเมื่อคิดจะทำบาป ฆ่าสัตว์หรือต้องการได้ทรัพย์ก็มีผู้มาชักชวนไปประกอบกรรมชั่วให้ได้ทรัพย์มาสมใจตน เป็นการเพิ่มพูนบาปให้เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อนยิ่งๆขึ้น<br />
<br />
หรือเมื่อทำงานด้วยความตั้งใจขยันขันแข็ง ผู้ใหญ่ก็ยินดีส่งเสริม สนับสนุนให้การทำงานเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น หรือถ้าเป็นคนขี้เกียจไม่ขยันคอยหลบเลี่ยง ผู้ใหญ่เห็นก็ไม่สนับสนุนหรือให้ออกจากงานไปก็เกิดความทุกข์ทับถมตนโดยไม่คิดไม่ฝันได้<br />
<br />
ผลกรรมของคนๆหนึ่งเกิดจากโทสะ ก่อเกิดผลกรรมเร่งรัดให้เกิดแก่ตนได้เร็วขึ้น คือ<br />
<br />
เขาได้ไปช่วยเหลือ ครอบครัวทำอาหารเลี้ยงพระที่วัด ๓ วัน เขามีหน้าที่แกงเนื้อเมื่อเขาต้มน้ำแกงไว้แล้วหยิบชิ้นเนื้อออกมาวางบนเขียง แล้วลุกขึ้นไปหยิบของอย่างอื่นอีก แต่พอหันกลับมาก็เห็นหมาคาบเนื้อชิ้นนั้นไป เขาโกรธมากมองลงไปใต้ถุนเห็นหมาตัวนั้นกำลังกินเนื้อ ด้วยความโกรธเจ็บใจขาดสติ ไม่รู้ดีชั่ว ไม่นึกถึงบาปบุญคุณโทษ เขายกหม้อน้ำแกงเดือดๆอยู่บนเตา เทราดลงไปที่หมาตัวนั้นโดยเต็มตัว มันร้องดิ้นทุรนทุรายและก็ตายไป<br />
<br />
วันรุ่งขึ้นเขาก็แกงถวายพระอีก เมื่อแกงเสร็จก็ยกไปถวายพระ สถานที่พระนั่งฉันนั้นเป็นศาลายกสูง เมื่อเขายกหม้อแกงมาถึงศาลา ก็เรียกคนบนศาลามาช่วยรับ เพราะไม่ใช่แกงหม้อเล็ก เมื่อยกส่งให้ผู้รับเห็นว่าคนข้างบนรับแล้วก็ปล่อยมือ แต่ผู้รับยังรับไม่ถนัดมือ หม้อแกงร้อนๆ ก็ราดบนตัวทั้งตัว ล้มลงดิ้นทุรนทุรายทรมานถึงตาย นี่เป็นผลกรรมที่เร่งรัดให้ได้รับผลบาปเร็วยิ่งขึ้น<br />
<br />
๘. อุปฆาตกรรมเป็นกรรม เป็นกรรมเร่งที่ตัดกรรมเก่า ไม่ว่าบุญหรือบาปให้ได้รับผลของการกระทำกรรมในปัจจุบันชาตินี้ เช่น<br />
<br />
ครอบครัวหนึ่งแม่กับลูกชายอยู่ด้วยกันด้วยความสงบสุข ลูกชายก็ดูแลและเอาใจใส่เลี้ยงดูแม่เป็นอย่างดี เมื่อแม่เห็นว่าลูกชายเป็นลูกที่ดี มีความกตัญญูรู้คุณแม่ เมื่อเห็นลูกชายโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว สมควรมีครอบครัวได้แล้ว จึงจัดการแต่งงานให้ และเห็นว่าตนแก่แล้ว อยู่ไปอีกไม่นานก็ตาย จึงยกทรัพย์สินเงินทองและบ้านเรือนให้ลูกชายตนเอง ส่วนตนจะขออยู่ไปวันๆเท่านั้น<br />
<br />
แต่อนิจจา เมื่อลูกชายมีเมียแล้วก็ไปหลงเมียที่มีจิตใจไม่ดี ไม่เอาใจใส่ดูแลแม่ และเชื่อคำพูดของเมียมากกว่าคำพูดของแม่ หาเรื่องไล่แม่ออกจากบ้าน แม้แม่จะอ้อนวอนขออยู่เท่าไร ก็ไม่ให้อยู่ ไม่ได้นึกถึงพระคุณของแม่เลย ผลกรรมนี้ทำให้คนรังเกียจดูถูกดูแคลน ทั้งเพื่อนบ้านและที่ทำงาน เกิดความเสื่อมเสียแต่ลูกก็ไม่รู้สึก<br />
<br />
และหลังจากที่ได้ไล่แม่ออกจากบ้านประมาณ ๒ เดือน เขาก็ขี่จักรยานยนต์ไปทำงาน ไปชนท้ายรถเมล์ที่จอดอยู่ข้างทางเต็มแรง หัวน็อกพื้นสลบไป<br />
<br />
เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาก็ได้สติ รู้สำนึกถึงพระคุณแม่ รู้ว่าตัวทำไม่ดีกับแม่มาก ร้องไห้คิดถึงแม่ รู้สำนึกถึงความผิดที่ตนทำกับแม่ ร้องขออภัยต่อแม่ แต่ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อกรรมตัดรอนมาทันไม่พ้นไปได้<br />
<br />
การกระทำกับแม่อย่างนี้เป็นกรรมแรง แม้เคยทำดีกับแม่มามากมายก็ตามที และแม่ซึ่งรักลูก จะให้อภัยลูกก็ให้ลูกพ้นไปจากวิบากกรรมแรงนี้ไม่ได้ เพราะเป็นกรรมตัดรอนผลกรรมเก่าที่ได้ทำไว้<br />
<br />
๙. ครุกรรม เป็นกรรมหนัก ถ้าเป็นฝ่ายทำอนันตริยกรรม เป็นการทำความชั่วร้ายแรงไว้เป็นบาปหนัก แม้มาทำความดีสร้างสมบุญบารมีมากมายเพียงใด อุปฆาตกรรมจะมาช่วยตัดรอนกรรมเก่าที่เป็นบาปหนักนั้นไม่ได้เลย เช่น<br />
<br />
พระโมคคัลลานะ พระสาวกฝ่ายซ้าย แม้ท่านบรรลุอรหันต์มีบุญบารมีมากมายแล้วก็ตาม ท่านก็ยังต้องถูกโจรฆ่า แม้ท่านจะมีอิทธิฤทธิ์ฆ่าไม่ตาย แต่ท่านก็รู้ว่าเพราะผลกรรมในอดีตชาติท่านได้พยายามฆ่าแม่ ท่านจึงต้องรับผลวิบากกรรมนี้ ๕๐๐ ชาติ และในชาติสุดท้ายท่านก็ยอมรับใช้กรรมให้โจรฆ่าตาย<br />
<br />
๑๐. พหุลกรรม เป็นกรรมก่อเกิดด้วยความเคยชิน เช่น ชอบหยิบของพ่อแม่พี่น้อง ไม่ขออนุญาตก่อน ต้องไปหยิบของเพื่อนฝูง คิดว่ายืมใช้ก่อนไม่เป็นไร เขาไม่ถือสา ไม่ใช่ขโมย หรือบางคนไปกินอาหารตามภัตตาคาร เมื่อกินแล้วก็ใช้ผ้าเช็ดมือเสร็จนำใส่กระเป๋าเสื้อมาบ้าน โดยไม่ตั้งใจจะเอา แต่เพราะความเคยชิน เมื่อใช้เสร็จก็ใส่กระเป๋า<br />
<br />
หรือครอบครัวที่พ่อแม่เห็นลูกเอาของผู้อื่นมาเล่น พ่อแม่ก็ชอบใจ เด็กก็เลยติดนิสัยขี้ลักขี้ขโมย เกิดความเคยชินการหยิบฉวยเป็นนิสัย หรือชอบพูดคำด่าคำ ชอบพูดโกหก พูดหลอกล่อ เป็นเรื่องสนุกเกิดความเคยชิน ไม่พูดแล้วไม่สบายใจ เป็นการสะสมบาปกรรมให้ใครเขาไม่เชื่อถือ ไม่ไว้วางใจ คนดูถูก<br />
<br />
๑๑. อาสันนกรรม เป็นกรรมที่นำไปเกิดเมื่อจวนตาย เพราะอุปทาน ยึดมั่น ผูกพันสิ่งที่ตนทำไว้ เป็นสัญญาที่จดจำไว้ไม่ลืม เมื่อใกล้จะตายอุปทานเรื่องใดแรงก็จะขึ้นมา จะนำวิญญาณนั้นให้เกิดไปตามอุปทานนั้น เช่น<br />
<br />
คนฆ่าหมู เมื่อใกล้จะตายจะร่ำร้องดิ้นรนทำอาการเหมือนหมูที่ถูกฆ่า หรือบางคนจะเกิดเป็นแผลที่คอตรงที่เชือดคอหมูนั้น แสดงให้เห็นก่อนจะตายว่าได้ก่อภพสร้างชาติที่จะเกิด ให้เห็นตามแรงกรรมที่จะนำตามวิบากกรรมนั้นๆ<br />
<br />
ถ้าผลวิบากบุญกุศลที่ทำไว้มีกำลังจิตใจเมื่อใกล้จะตายสงบเย็น ย่อมไปเกิดสู่สุคติที่ดีงามเรียกว่า สวรรค์<br />
<br />
ถ้าผลบาปมีกำลังแรงย่อมไปเกิดสู่สุคติที่ต่ำช้าเรียกว่า นรก เปรต สัตว์เดรัจฉาน เปรียบเสมือนโคที่อยู่หน้าประตูคอกพอเปิดคอกตัวที่อยู่หน้าประตูก็ออกไปก่อนทันที<br />
<br />
๑๒. กตัตตากรรม เป็นกรรมที่ได้รับผลโดยไม่เจตนา หรือจงใจ เช่น นั่งอยู่บนบ้านดีๆ รถก็วิ่งมาชนบาดเจ็บถึงตาย โดยคนขับไม่เจตนาหรือจงใจจะทำเลย หรือเอาปืนออกมาล้างขัดขึ้นลำดู เกิดมีกระสุนวิ่งไปโดนลูกตนเองหรือไปโดนคนอื่น บาดเจ็บกึงตายต้องเสียใจทุกข์ทรมาน ต้องเสียเงิน เสียเวลา หรือต้องติดคุกติดตะราง<br />
<br />
หรืออยู่ดีๆ ก็ได้ลาภยศ อันเป็นผลพลอยได้ร่วมกับผู้อื่นโดยที่ผู้อื่นไม่ได้เจตนาหรือจงใจจะทำให้เรา อันเป็นบุญกุศลที่เรากระทำโดยไม่เลือกที่รักที่ชัง<br />
<br />
มีเรื่องทำให้สัตว์ตายโดยไม่เจตนาหรือจงใจเลย แต่สัตว์นั้นมีความพยาบาท ไม่อโหสิกรรมให้ ก็ต้องรับผลกรรมนั้น จะเห็นว่าแม้เราจะขอหรือให้เขาไม่รู้ เขาไม่เห็นก็ไม่ได้เกิดผลอะไร แม้เราจะกระทำไปโดยไม่ได้เจตนาก็ตาม ก็ต้องรับผลกรรมนั้นเมื่อกรรมนั้นตามทัน<br />
<br />
แต่เพราะจิตใจเราสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีเจตนาร้าย จิตใจเบิกบานแจ่มใสเป็นปกติไม่มีทุกข์ร้อนกังวลในผลกรรมที่ได้นั้น ส่วนร่างกายก็ต้องรับใช้ผลกรรมที่ทำโดยไม่เจตนาหรือจงใจนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย<br />
<br />
ฉะนั้นเรามาทำบุญให้ทาน สร้างสมให้เกิดบุญ วาสนา บารมีในปัจจุบันชาตินี้กันเถิด เมื่อกระทำแล้วก็เป็นอดีตทั้งสิ้นและย่อมเป็นวิบากกรรมให้ผลในอนาคต<br />
<br />
เมื่อได้เกิดมาเป็นคนแล้ว ทุกคนควรจะทำตนเองให้เป็นผู้บริสุทธิ์หลุดพ้นจากวังวนกิเลสต้องเอาศีลเป็นหลักปฏิบัติ ทำให้พร้อมด้วยมโนกรรม จิตที่ดี พร้อมด้วยวจีกรรม กล่าววาจาที่ดี ให้เป็นประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน พร้อมด้วยกายกรรม การกระทำกิจกรรมที่ดี ซึ่งเป็นการเพิ่มพูนบุญ วาสนา บารมีให้แก่ตน ยิ่งขึ้น<br />
<br />
ความหมายของคำว่า บารมี คือพลังอำนาจที่สั่งสมไว้เป็นกระแสส่งเสริมให้แก่ตน ถ้าเป็นบุญ วาสนา บารมี ก็เป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ที่เกื้อหนุนส่งเสริม เป็นกำลังให้หลุดพ้นจากโอฆสงสารได้ตรงข้าม<br />
<br />
ถ้าเป็นคนทุศีล มีความโกรธ จิตใจ โหดร้าย มีความผูกพันโกรธ จิตอาฆาตพยาบาท และคนโลภมาก อยากได้ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนต้องการ มีจิตอิจฉาริษยา เป็นคนหลงใหลโนกามคุณ ๕ เป็นคนโง่ งมงาย เป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน เป็นคนโกหกเจ้ามายา จิตใจโลเล ไม่มั่นคงฟุ้งซ่าน เหล่านี้เป็นการสะสมความชั่วความเลวเป็นบาปเป็นเวร เป็นภัยให้เกิดแก่ตน เรียกว่าเป็นสันดานบารมี เป็นพลังงานที่ผลักดันให้คนตกสู่อบายภูมิ วังวนแห่งทุกข์<br />
<br />
เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดมาเป็นคน ดำรงชีวิตให้เป็นไปอยู่ในสภาวะจิตที่เป็นสันดานบารมี จิตก็จะหมุนวนอยู่ในกองกิเลสตัณหาอุปาทานอันเป็นกองกามทั้งกาย ไม่มีทางที่จะมีบุญ วาสนา บารมี เกิดแก่ตน ส่งเสริมมาให้ตนสูงส่งหลุดพ้นซึ่งนิพพานได้<br />
<br />
มักจะพูดว่า เราไม่มีบุญวาสนา บารมี ทั้งๆที่รู้ว่าการกระทำให้เป็นบุญ วาสนา บารมีให้เกิดแก่ตนได้ แต่ก็กลับกลัวไม่กล้าทำ มักจะพูดทำไม่ได้นี้ แต่กลับกล้าทำ ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่ของดี แต่ไม่คิดว่าเป็นบาปเป็นเวรเป็นภัยให้ตนได้ ก็เรียกว่าเป็นคนผู้หลงอยู่ในโลกียภูมิ ในความเป็นสัตว์โลกที่วนเวียนวังวนกลิ้งเกลือกอยู่ในภพภูต<br />
<br />
ภพภูต ๔ ระดับได้แก่<br />
<br />
๑. นรกภูต เป็นผู้มีจิตใจปกคลุมด้วยความโกรธ ความผูกโกรธ ความอาฆาตพยาบาท ให้เกิดอารมณ์จิตเร่าร้อน คุมแค้น หม่นไหม้ ดิ้นรน กระเสือกกระสน กระสับกระส่าย กระวนกระวาย<br />
<br />
๒. เดรัจฉานภูต เป็นผู้มีจิตใจโง่เขลา เบาปัญญา หลงงมงาย ให้เขาหลอกล่อ เชื่อง่ายใจเบาคลุกเคล้าอยู่ในอบายมุขทั้งหลาย<br />
<br />
๓. อสุรกายภูต เป็นผู้มีจิตใจขี้เขลา ขี้กลัว ขี้ระแวง หวาดผวา ไม่กล้าสู้ซึ่งๆหน้า<br />
<br />
๔. เปรตภูต เป็นผู้มีจิตใจกระหาย ใครอยาก ละโมบโลภมาก มัวเมา คลุกเคล้า การกิน ดื่ม สูบ เสพ สัมผัส ไม่รู้จักหยุดไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักอิ่มตลอดกาล<br />
<br />
ถ้าเกิดมาแล้วดำรงตนให้เป็นไปอยู่ในศีล เดินทางไปตามสัมมาอริยมรรคมีองค์ ๘ ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนก็เรียกได้ว่าเป็น "มนุสโส" ผู้อยู่เหนือโลก เป็นอยู่ในโลกุตรภูมิ เป็นผู้มีจิตใจสูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ก็จะสะสมเป็นบุญ วาสนา บารมีให้เกิดแก่ตนอยู่ตลอดเวลา<br />
<br />
ฉะนั้น เห็นกันให้ได้ รู้จักให้จริง ทำกันให้ถูก แล้วเราจะเป็นผู้ได้รับผลบุญสำเร็จแห่ง บุญ วาสนา บารมี ให้เป็นผู้ลุล่วงหลุดพ้นจากวังวนแห่งทุกข์ เข้าถึงทางแห่งพระนิพพานได้อย่างแท้จริง<br />eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-49694611321814215642012-04-24T16:47:00.002+07:002012-05-07T16:59:02.532+07:0093 "เป็นเรื่องโชคดีที่แพ้ก่อน" : ดร.สุนัย วิเคราะห์การพ่ายแพ้ที่ปทุมฯ<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/80.html" target="_blank">"วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/77.html" target="_blank">เข้าครัว...ทำกับข้าวคลายเครียด!! ผมทำได้ คุณก็ทำได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post_25.html" target="_blank">สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/78-112-112-112.html" target="_blank">เรื่อง... ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.401245353222826.109861.100000120933242&type=3&l=19bd24ac2e" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ญี่ปุ่น ชุดที่8</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.414188955261799.112770.100000120933242&type=3&l=e20dc01751" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เกาหลีใต้ ชุดที่9</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.430952200252141.115943.100000120933242&type=3&l=b10e825fc0" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน จีน ชุดที่10</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/82.html" target="_blank">82 ต้องรู้..ต้องรู้...ภาระหน้าที่"เมษายน"ทุกๆปี นะจ๊ะ!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/55.html" target="_blank">55... มาร์คครับ หยุดใช้วาทกรรมแก้รัฐธรรมนูญทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งเลยครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post.html" target="_blank">สุดยอดไปเล้ย ก้อคุณพี่ทิศใต้นะสิคะ บอกไม่กลับบ้านก็ได้ทุกวันนี้สบายดี</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/11.html" target="_blank">11 "ปู"พา"ไปป์"ไปญี่ปุ่นด้วย ให้พี่เลี้ยงพาเที่ยวแทน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/84.html" target="_blank">84 คุณชวนนท์ครับ ออกมาดูโลกภายนอกบ้างเถอะครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/12.html" target="_blank">12 เคยเห็นมั้ย!! แมงสาปดิ้นใน"บ้านทรายทอง"กรุงโตเกียวญี่ปุ่นโน่น...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/03/80.html" target="_blank">80 สังคมไทยป่วย หรือเป็นผลผลิตจากการโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_13.html" target="_blank">นิก นอสติทซ์ "ผมมาทำตามหน้าที่ของความเป็นมนุษย์"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/56.html" target="_blank">อาข่า...พาไปชมตลาด...มาดูว่าข้าวของไม่ได้แพงอย่างสลิ่มว่านะ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/86.html" target="_blank">ยาจีนโบราณ ไข่ไก่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก กินแล้วหายหลายโรค</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_28.html" target="_blank">ตอแหล ตลบตะแลง กวนตีน สิ่งที่ไอ้ฟักและพรรคของมันคิดว่าเท่เหลือเกินในสภา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/87-googlemap-360.html" target="_blank">ลูกเล่นใหม่ GoogleMap ดูได้รอบทิศทาง360องศาหน้าบ้านตัวเอง-คนอื่น</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/04/57.html" target="_blank">แม่ค้ารุมกรี๊ด! ภาพนายกฯปู กินก๋วยเตี๋ยว-เดินตลาดนางเลิ้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/04/13.html" target="_blank">"ไหว้พี่เค้าสิ"....วลีนี้บาดลึกและสะเทือนไกลไปถึงไหน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/04/88.html" target="_blank">ไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อยไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.426886667325361.115366.100000120933242&type=3&l=7497e3d4f3" target="_blank">คลิปและภาพนายกฯปูเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.youtube.com/playlist?list=PLD63435625E518CC1" target="_blank">คลิปนายกฯทักษิณร้องเพลงเวทีคนเสื้อแดงที่กัมพูชา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/04/58-300.html" target="_blank">เปิดตัว "เอ็มแรป" โมเดล! สุดคุ้มขึ้นค่าแรง 300 บาทบริษัทโชว์กำไรพุ่ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/04/100.html" target="_blank">ขอยืนยัน ข้าวแกงจานละ 100 บาท หรือกว่า ร้อยบาท มีจริง แพงจริง...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/04/89.html" target="_blank">เหอ เหอ... พณฯท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติในสภาฯ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/04/14.html" target="_blank">ผู้ที่มี "วิสัยทัศน์" นั้น ย่อมต่างจากคนที่ยังครอบหัวกบาลตัวเอง ด้วย "กะลาทัศน์"...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/04/85.html" target="_blank">ผมเห็นรัฐบาลกำลังทำอะไรที่ไร้แก่นสารแบบนี้แล้ว รู้สึกเหมือนถอยหลังไปอีกสิบปี</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/05/15.html" target="_blank">ถ้าวันนั้น...วันที่ประเทศไทยเศรษฐกิจล่มสลายไปเรียบร้อย ถ้าไม่มีชายชื่อทักษิณ ชินวัตร วันนี้ประเทศไทยจะเป็นยังไง???</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>"เป็นเรื่องโชคดีที่แพ้ก่อน" : ดร.สุนัย วิเคราะห์การพ่ายแพ้ที่ปทุมฯ</strong></span><br />
Credit: <a href="http://thaienews.blogspot.com/2012/04/blog-post_6792.html" target="_blank">thaienews.blogspot.com</a><br />
By: <span style="color: #ff9900;">ส.ส. ดร.สุนัย จุลพงศธร</span><br />
<br />
การแพ้การเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส.และนายกฯอบจ.ที่สังกัดพรรคเพื่อไทยในจังหวัดปทุมธานีเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่จะยกระดับการเรียนรู้ถึงพัฒนาการทางการเมืองไทยของ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย<br />
<br />
และยกระดับการเรียนรู้ของขบวนการคนเสื้อแดงว่าการเมืองไทยได้เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว และการเมืองไทยได้เข้าสู่กระบวนการแห่งเนื้อหาของประชาธิปไตยแล้วที่จะต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้งและจะต้องนับถือประชาชนเป็นพระเจ้าที่เดินดินแทนพระเจ้าที่อยู่บนฟ้า<br />
<br />
ผมจึงขอนำเหตุการณ์นี้เป็นกรณีศึกษา (Case Study) และขอบอกกับเพื่อนๆว่า "เป็นเรื่องโชคดีที่แพ้ก่อน" และสิ่งนี้คือความล้ำเลิศของระบอบประชาธิปไตยโดยมีข้อสังเกตดังนี้<br />
<br />
1. ต้องยอมรับการตัดสินใจของพี่น้องปทุมธานี<br />
<br />
ก่อนอื่นต้องยอมรับการตัดสินใจของพี่น้องชาวปทุมธานีก่อนว่าเขาพึงพอใจเช่นนั้นอย่าใช้ทัศนะของพรรคประชาธิปัตย์ หรือทัศนะพวกอำมาตย์ที่ไม่เคารพประชาชน<br />
<br />
จะเห็นได้ว่าหากทุกครั้งที่พวกเขาแพ้เลือกตั้ง พวกเขาจะบอกว่าพรรคฝ่ายตรงข้ามที่ชนะเกิดจากการซื้อเสียงแล้วนำไปสู่การให้ร้ายระบอบประชาธิปไตยทุกครั้งว่าเป็นธุรกิจการเมือง และจบลงที่รัฐประหารยึดอำนาจแล้วเริ่มต้นใหม่<br />
<br />
การยอมรับนี้มิใช่เป็นการเสแสร้งแต่เป็นการยอมรับด้วยความจริงใจและน้อมรับผลการตัดสินใจมาศึกษาเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขการดำเนินการของพรรคและของขบวนการคนเสื้อแดง<br />
<br />
2. ใช้ท่าทีศึกษาที่ถนอมรักกันในหมู่มิตรสหาย<br />
<br />
เมื่อเกิดความพ่ายแพ้ก็เป็นธรรมชาติของปุถุชนที่จะเสียใจ ดังนั้น จึงเกิดภาวการณ์ทางความคิดสุดโต่ง 2 ด้าน คือ<br />
<br />
พวกหนึ่งจะเกิดความเสียใจอย่างรุนแรงเลยเถิดไปถึงเกิดความหดหู่ใจแล้วตัดสินใจละทิ้งขบวนการจนเลิกที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อไป รวมถึงไปปลุกปั่นคนใกล้ชิดให้หดหู่ใจและละทิ้งแนวทางการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วย<br />
<br />
ส่วนอีกพวกหนึ่งจะเกิดความโกรธแค้นพวกเดียวกัน แล้วด่าทออย่างไม่ถนอมน้ำใจโดยขาดการศึกษาข้อมูลว่าอะไรเป็นอะไรอย่างมีเหตุผล<br />
<br />
แต่อย่างไรก็ตามต้องถือว่า "มวลชนด่าว่าเพราะมวลชนรัก"<br />
<br />
เมื่อรักมากห่วงมากจึงด่ามาก ส.ส.เพื่อไทยก็ต้องน้อมรับฟังก็คิดเสียว่าในเมื่อประชาธิปัตย์ด่าว่าในสภายังอดทนนั่งฟังได้ เมื่อมวลชนด่าว่าด้วยความรักก็ต้องทนฟังได้<br />
<br />
ปกติผมไม่ชอบที่จะรับรองใคร แต่ในที่นี้ผมขอยืนยันว่าคุณสุเมธ ฤทธาคนี เป็นส.ส.ที่ดีและมีความคิดกล้าต่อสู้คนหนึ่งในพรรคเพื่อไทย ที่ได้เคยแสดงบทบาทร่วมกับคนเสื้อแดงต่อต้านการบุกยึดสถานีถ่ายทอดดาวเทียมของอำนาจเผด็จการทหารในรัฐบาลอภิสิทธิ์–สุเทพ<br />
<br />
เพียงแต่เป็นการก้าวพลาดครั้งสำคัญต่อการประเมินมวลชนและไม่ยอมรับฟังการทัดทานของผู้นำพรรคฯที่ห้ามไม่ให้ลาออกและผลจากการตัดสินใจผิดพลาดของคุณสุเมธนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง และจะเป็นผลร้ายต่อตัวคุณสุเมธอย่างรุนแรง ซึ่งถือเป็นบทลงโทษจากการประเมินมวลชนผิดพลาด<br />
<br />
ประชาชนเปรียบดุจดังท้องทะเลหากชาวประมงผู้ใดประเมินทะเลผิดก็อาจจะสูญเสียชีวิตในพายุใหญ่ท่ามกลางความเงียบสงบของท้องทะเล<br />
<br />
3. นักการเมืองต้องเห็นหัว(ใจ)มวลชน<br />
<br />
คำว่าเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางกินความลึกซึ้งมาก ถ้าจะพูดอย่างภาษาชาวบ้านคือ "ต้องเห็นหัว(ใจ)มวลชน"<br />
<br />
เมื่อชนะเลือกตั้งยกเขตจังหวัดปทุมธานีในการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาอย่าได้คิดว่า "มวลชนเป็นของเรา" ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดที่ผิดเพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของมวลชน มีแต่ความถูกต้องเป็นเจ้าของมวลชน มีแต่นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อมวลชนเท่านั้นที่จะเป็นเจ้าของมวลชน<br />
<br />
มวลชนเป็นผู้มีเหตุผล และเหตุผลของมวลชนมีภาวะผันแปรตลอดเวลา<br />
<br />
มวลชนจึงไม่ต่างจากพระเจ้าตัวจริงที่เดินดินและใครที่อ้างว่าเป็นเจ้าของมวลชนและทำอะไรตามใจตัวเองโดยปล่อยให้มวลชนอดอยากและหลอกลวงมวลชนไปวันๆ วันหนึ่งเขาจะรู้ความจริงดังคำกล่าวข้างต้นว่ามวลชนคือพระเจ้าและไม่มีใครเป็นเจ้าของพระเจ้าได้นอกจากตัวพระเจ้าเอง<br />
<br />
คำถามที่คุณสุเมธผู้ที่ลาออกจาก ส.ส.ไปสมัครนายกฯอบจ.แก้ไม่ตกคือ "พวกผมเลือกคุณมาแล้วคุณลาออกทำไม?"<br />
<br />
นักการเมืองทั้งหลายต้องรู้ว่าธรรมชาติแห่งมวลชนในระบอบประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งซ่อม ทุกครั้งโดยปกติรัฐบาลเสียงข้างมากจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะทัศนะคติของมวลชนคนเมือง(Voter) ที่มิได้ตกอยู่ใต้อิทธิพลพึ่งพิง ส.ส.และลัทธิบูชาตัวบุคคล จะมีความเห็นเป็นปกติว่า ก็รัฐบาลมีเสียงข้างมากแล้วทำไมพวกเขาจะต้องไปเพิ่มเสียงให้อีก ดังนั้น แนวโน้มของการเลือกตั้งซ่อมประชาชนมักจะเลือก ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเพื่อถ่วงดุล ยิ่งเป็นการลาออกด้วยจงใจเพื่อไปสมัครนายกฯอบจ.ที่คนทั่วไปเข้าใจว่ามีผลประโยชน์การถือเงินบริหารมากกว่าจึงเป็นเรื่องที่ถูกเหตุผลในทางร้ายถมทับอย่างแก้ไม่ตก<br />
<br />
ลักษณะตัดสินใจเอาผลประโยชน์เฉพาะหน้าเป็นตัวตั้งและหลงตัวเองว่า "ประชาชนนิยมฉัน!" เป็นภาวะทั่วไปของ ส.ส.ไทยไม่ว่าพรรคไหนเพราะกรอบความคิดของ ส.ส.ไทยมักจะมองมวลชนเป็นเพียงพรรคพวกของหัวคะแนนที่ตนสามารถควบคุมได้<br />
<br />
เพื่อน ส.ส.เพื่อไทยอีกหลายคนขอให้เปลี่ยนทัศนะเสียเถิดอย่ามองข้ามเหตุผลของพระเจ้าผู้เดินดินเลย<br />
<br />
เพื่อนเสื้อแดงทั้งหลายขอให้ทราบเถิดครับว่าผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยเขาห้ามแล้วและผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยที่ผมรู้มาเขาเหนื่อยกับ ส.ส.ผู้ดื้อรั้นอย่างไร้เหตุผลทางการเมือง แต่เขาพูดไม่ออกและขณะนี้ท่านจะเห็นความดื้อรั้นและภาวะสายตาสั้นของนักการเมืองผู้หลงตัวเองในการเลือกตั้งนายกฯอบจ.อีกหลายจังหวัดที่กำลังเกิดขึ้น<br />
<br />
ด้วยเหตุนี้ การพ่ายแพ้ที่ปทุมธานีจึงเป็นเรื่องโชคดีที่แพ้ก่อนเพราะมีเหตุผลมากขึ้นที่ผู้ใหญ่ในพรรคจะต้องเร่งยกเครื่อง ระบบ Primary Vote หรือการประเมิน ส.ส.ที่จะลงเลือกตั้งครั้งต่อไปได้เร็วขึ้น และเป็นจริงมากขึ้น และนี้คือการพัฒนาประชาธิปไตยที่มีตัวชี้วัดคือ "มวลชน" ของจริงจะต้องเกิดขึ้นอย่างน้อยที่สุดเหตุการณ์ที่ปทุมฯจะเป็นประโยชน์ต่อทุกพรรคการเมืองและนักการเมืองทุกคนที่จะต้องรู้จัก "เห็นหัวประชาชน" กันบ้าง<br />
<br />
4. ขอให้เข้าใจความเป็นจริงเรื่องน้ำท่วมน้ำขังรอบกรุงเทพฯที่ยาวนาน<br />
<br />
การโจมตี ส.ส.ปทุมธานีของพรรคเพื่อไทยที่ปล่อยให้น้ำท่วมขังรอบกรุงเทพฯยาวนานและนำความเจ็บปวดโกรธแค้นมาสู่มวลชนนั้นเป็นข้อวิจารณ์กันอย่างมากของพี่น้องเสื้อแดงที่ต้องแยกแยะ<br />
<br />
กล่าวคือ ส่วนหนึ่ง เกิดจากความไม่รู้โดยสุจริตใจของพี่น้องเสื้อแดง<br />
<br />
อีกส่วนหนึ่ง เป็นคำวิจารณ์ให้ร้ายของศัตรูที่ฉวยโอกาสแอบแฝงเป็นคนเสื้อแดงทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเหตุการณ์น้ำท่วมเกิดจากอะไร<br />
<br />
ในที่นี้ผมไม่ได้แก้ตัวแต่ต้นเหตุเป็นเรื่องที่ "แม้ตายก็บอกไม่ได้" แต่ทุกคนต้องรับเคราะห์<br />
<br />
ผมขอตั้งข้อสังเกตหน่อยเถิดว่า "ทำไมน้ำท่วมเอ่อล้น 2 ฝั่งเจ้าพระยาตั้งแต่นครสวรรค์ ถึง ปทุมธานี แต่ทำไมไม่เอ่อล้นท่วม 2 ฝั่งเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพมหานคร?"<br />
<br />
ด้วยเหตุนี้ เมื่อพระแม่คงคาไม่อาจจะผ่านเข้ากรุงเทพฯได้ท่านจึงต้องทะลักเข้าสู่ที่ดอนแม้แต่ "ดอนเมือง" ซึ่งไม่เคยมีน้ำท่วมก็ยังไม่เว้น<br />
<br />
ความผิดปกติทางธรรมชาตินี้ถ้าไปถามหม่อมบางท่านก็น่าจะรู้ความจริง<br />
<br />
บทสรุป<br />
<br />
ได้เวลายกระดับความคิดครั้งใหญ่ของ ส.ส.และคนเสื้อแดงแล้ว<br />
<br />
จงใช้วิกฤติเป็นโอกาส ใช้กรณีพ่ายแพ้ที่ปทุมธานีเป็นกรณีศึกษาภายใต้คำขวัญว่า "โชคดีที่แพ้ก่อน" เพื่อจะสืบต่อชัยชนะต่อไปและสะสมชัยชนะให้เติบใหญ่ขึ้น<br />
<br />
(1) ความเร่งด่วนของพรรคเพื่อไทย<br />
<br />
ฝ่ายบริหารพรรคฯต้องเร่งแก่ไขทัศนะดื้อรั้นที่ผิดพลาดของ ส.ส.พรรคฯที่เอาผลประโยชน์เฉพาะตนกล่าวแอบอ้างว่าเป็นประโยชน์ของพรรคฯและส.ส.พรรคฯที่ชอบแต่แสวงหาผลประโยชน์เฉพาะหน้าโดยกล่าวแอบอ้างว่าเป็นผลประโยชน์ระยะยาวด้วยใช้มติลงโทษ ส.ส.ผู้ไม่ฟังการตัดสินใจของกรรมการบริหาร<br />
<br />
(2) ความเร่งด่วนของขบวนคนเสื้อแดง<br />
<br />
ต้องเร่งยกระดับการเรียนรู้ของประชาชนคนเสื้อแดงที่มีความจริงใจต่อการต่อสู้ แต่ขาดประสบการณ์ทางการเมืองโดยขอให้ นปช. ที่มีภารกิจทางประวัติศาสตร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ขณะนี้ปรับขบวนการการแสดงออกบนเวทีที่ต้องเน้นเนื้อหาความคิดและการเรียนรู้ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีมากขึ้น<br />
<br />
และขอให้แกนนำ นปช.บางคนอย่าได้ผูกขาดว่าเสื้อแดงคือหัวคะแนนผู้อยู่ในโอวาทของตัวเองที่จะแสดงอะไรก็ได้บนเวที รวมถึงแสดงความคับแคบที่กีดกันแนวร่วมที่ไม่ใกล้ชิดตัวเองและการไร้วินัยที่กินเหล้าเมาก่อนขึ้นปราศรัยต่อหน้ามวลชน อันเป็นการไม่เคารพมวลชนอย่างยิ่ง เพราะการชุมนุมมวลชนแต่ละครั้งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงรอยต่อระหว่างระบอบอำมาตย์กับประชาธิปไตยที่กำลังต่อสู้ขับเคี่ยวกันอยู่ในขณะนี้<br />
<br />
ในรายละเอียดยังมีอีกมาก ขอให้ถนอมรักกันอภัยกันและช่วยกันคิดแก้ไข ยังไม่สายเกินไปหรอกครับ<br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font><br />
<center><a href="http://upic.me/i/e3/p11937555-898.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/r8/p11937555-510.jpg" /></a></center><br />eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-79022395493906665752012-04-22T20:29:00.000+07:002012-04-24T18:37:59.607+07:0092 นานาcomment...ให้ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย รับเอาไปทำการบ้านก่อนจะสายเกินแก้...<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/80.html" target="_blank">"วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/77.html" target="_blank">เข้าครัว...ทำกับข้าวคลายเครียด!! ผมทำได้ คุณก็ทำได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post_25.html" target="_blank">สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/78-112-112-112.html" target="_blank">เรื่อง... ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.401245353222826.109861.100000120933242&type=3&l=19bd24ac2e" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ญี่ปุ่น ชุดที่8</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.414188955261799.112770.100000120933242&type=3&l=e20dc01751" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เกาหลีใต้ ชุดที่9</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.430952200252141.115943.100000120933242&type=3&l=b10e825fc0" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน จีน ชุดที่10</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/82.html" target="_blank">82 ต้องรู้..ต้องรู้...ภาระหน้าที่"เมษายน"ทุกๆปี นะจ๊ะ!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/55.html" target="_blank">55... มาร์คครับ หยุดใช้วาทกรรมแก้รัฐธรรมนูญทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งเลยครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post.html" target="_blank">สุดยอดไปเล้ย ก้อคุณพี่ทิศใต้นะสิคะ บอกไม่กลับบ้านก็ได้ทุกวันนี้สบายดี</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/11.html" target="_blank">11 "ปู"พา"ไปป์"ไปญี่ปุ่นด้วย ให้พี่เลี้ยงพาเที่ยวแทน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/84.html" target="_blank">84 คุณชวนนท์ครับ ออกมาดูโลกภายนอกบ้างเถอะครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/12.html" target="_blank">12 เคยเห็นมั้ย!! แมงสาปดิ้นใน"บ้านทรายทอง"กรุงโตเกียวญี่ปุ่นโน่น...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/03/80.html" target="_blank">80 สังคมไทยป่วย หรือเป็นผลผลิตจากการโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_13.html" target="_blank">นิก นอสติทซ์ "ผมมาทำตามหน้าที่ของความเป็นมนุษย์"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/56.html" target="_blank">อาข่า...พาไปชมตลาด...มาดูว่าข้าวของไม่ได้แพงอย่างสลิ่มว่านะ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/86.html" target="_blank">ยาจีนโบราณ ไข่ไก่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก กินแล้วหายหลายโรค</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_28.html" target="_blank">ตอแหล ตลบตะแลง กวนตีน สิ่งที่ไอ้ฟักและพรรคของมันคิดว่าเท่เหลือเกินในสภา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/87-googlemap-360.html" target="_blank">ลูกเล่นใหม่ GoogleMap ดูได้รอบทิศทาง360องศาหน้าบ้านตัวเอง-คนอื่น</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/04/57.html" target="_blank">แม่ค้ารุมกรี๊ด! ภาพนายกฯปู กินก๋วยเตี๋ยว-เดินตลาดนางเลิ้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/04/13.html" target="_blank">"ไหว้พี่เค้าสิ"....วลีนี้บาดลึกและสะเทือนไกลไปถึงไหน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/04/88.html" target="_blank">ไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อยไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.426886667325361.115366.100000120933242&type=3&l=7497e3d4f3" target="_blank">คลิปและภาพนายกฯปูเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.youtube.com/playlist?list=PLD63435625E518CC1" target="_blank">คลิปนายกฯทักษิณร้องเพลงเวทีคนเสื้อแดงที่กัมพูชา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/04/58-300.html" target="_blank">เปิดตัว "เอ็มแรป" โมเดล! สุดคุ้มขึ้นค่าแรง 300 บาทบริษัทโชว์กำไรพุ่ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/04/100.html" target="_blank">ขอยืนยัน ข้าวแกงจานละ 100 บาท หรือกว่า ร้อยบาท มีจริง แพงจริง...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/04/89.html" target="_blank">เหอ เหอ... พณฯท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติในสภาฯ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/04/14.html" target="_blank">ผู้ที่มี "วิสัยทัศน์" นั้น ย่อมต่างจากคนที่ยังครอบหัวกบาลตัวเอง ด้วย "กะลาทัศน์"...</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>นานาcomment...ให้ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย รับเอาไปทำการบ้านก่อนจะสายเกินแก้...</strong></span><br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By มังกรดำ:</span> ยังมีใคร ยืนยัน ว่า การเมืองท้องถิ่น พรรคเพื่อไทยต้องวางเฉย อยู่อีก มีไหมครับ ?<br />
<br />
"แก่กะโหลกกะลา" อย่างผม ยืนยันมาตลอดว่า การเมืองหลัก พรรคต้อง ลงมาจัดการกับการเมืองท้องถิ่น เพราะมันเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกัน<br />
<br />
ระบบพรรคคอมมูนิสต์ --- เขาคุมเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ หมู่บ้าน คอมมูน ไปจนถึงมณฑล และ ระดับประเทศ<br />
<br />
ระบบเสรีนิยม อย่างสหรัฐ --- พรรคเดโมแครต กับ รีพับลิกัน เขา จองพื้นที่ ในระดับ เมือง มลรัฐ ไปถึงรัฐสภา<br />
<br />
ไม่ว่า การเมืองระบบไหน เขา ต้องหาทาง กุมพื้นที่ คุมฐานเสียง ให้มากที่สุด ทุกระดับ<br />
<br />
แต่แน่นอน ประชาธิปัตย์ เขา ไม่คิดอย่างนี้ แม้ว่า ตอนนี้ เขาละเละเทะ สิ่งที่พวกเขาพยายาม ฟื้นตัว คือ ลงไปสร้างฐานใหม่ กับ การเมืองท้องถิ่น<br />
<br />
ผมพูดอย่างนี้ เพราะตามดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อคราวตกต่ำมาหลายสมัยแล้ว เขาใช้วิธีที่ว่า คือ ลงไปตั้งหลัก ปรับกู้พรรคใหม่ ด้วย การเมืองท้องถิ่น<br />
<br />
ที่ผ่านมา แปลกใจว่า มีการสร้างกระแส ในฝ่ายเราว่า การเมืองท้องถิ่น พรรคเพื่อไทย ต้องละวาง ไม่เข้าไปยุ่ง ไม่รู้ว่า ไปเอาความคิดมาจากที่ไหน<br />
<br />
จึงอยากเรียนถามว่า<br />
<br />
ท่านยังคิด "วางเฉย" กับ การสร้างฐานเสียง ด้วยการเมืองท้องถิ่นอยู่อีกหรือไม่?<br />
<br />
"ยังมีใคร ยืนยันว่า การเมืองท้องถิ่น พรรคเพื่อไทยต้องวางเฉยอยู่อีก มีไหมครับ?"<br />
<br />
ใคร? ที่อ่านเกมว่า...<br />
<br />
"การแพ้เลือกตั้งท้องถิ่น ไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมใหญ่ทางการเมือง"<br />
<br />
ทำให้ ยิ่งฉงน ว่า "เขามองงานการเมือง จากตำราเล่มไหน?"<br />
<br />
คิดเอง เออเอง หรือมีประสบการณ์การเมืองจริงๆ ประสบการณ์ตรงหรือเปล่า?<br />
<br />
งานการเมือง มันมีความสลับซับซ้อนก็จริง แต่หลักการใหญ่ มันเห็นได้ชัด ง่ายๆ "คุมให้กว้าง และ ให้ลึก ทุกพื้นที่"<br />
<br />
และถ้า ยังสับสน ยังคิดว่า "การเมืองท้องถิ่น ไม่กระทบภาพรวมของการเมืองหลัก"<br />
<br />
จะมีความจำเป็นอย่างไร ที่จะต้องเรียกร้องให้ พรรคเพื่อไทยลงมาจัดการทบทวนความผิดพลาด<br />
<br />
มิได้นำเสนอเพื่อความแตกแยก แต่ เพื่อให้ ได้ฉุกคิดว่า ที่ผ่านมา หากคิดในสิ่งที่ผิด บิดเบี้ยว / ผลที่ตามมาจะเป็นผลไม้ที่พิกลพิการ บิดเบี้ยวตามไปด้วย<br />
<br />
จึงรู้สึกยินดี ที่หลายคน เริ่ม ฉุกใจคิด และ กระชุ่นให้ พรรคเพื่อไทยลงมาจัดการปรับโครงสร้าง<br />
<br />
แม้จะเคยไปอยู่พรรคนี้ แค่ผิวๆ และช่วงเวลาสั้นๆ แต่ได้เห็นช่วงวิกฤติของเขา และได้เห็นวิธีคิดของเขา ที่ผ่านลงไปยัง สาขาพรรค คำพูดของพวกเขาคือ "อดทน เพื่อสร้างพรรคขึ้นมาใหม่"<br />
<br />
สำหรับเพื่อไทยนั้น ต้นทุนสูงทัดเทียมกับ ฐานการจัดตั้งที่ประชาธิปัตย์เคยมีมา คือหมู่บ้านเสื้อแดง โรงเรียนคนเสื้อแดง ที่ประชาธิปัตย์กลัวหนักหนา และอยากให้ยุบ<br />
<br />
เพราะนี่คือ การก้าวกระโดด ประชาธิปัตย์ใช้เวลาหลายสิบปี แต่ เพื่อไทย ผ่าน นปช. ใช้เวลาแค่สองสามปี ในการจัดตั้งองค์กรภาพท้องถิ่น คือหมู่บ้านเสื้อแดง<br />
<br />
น่าเสียดาย เพื่อไทย ไม่เข้าไปรับช่วงต่อ ไม่สร้างสถานะคลี่คลาย เพื่อให้มวลชน "ใส่หมวกสองใบ"<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By zeedza:</span> ปชป.เวลาเพลี่ยงพล้ำกลับไปเริ่มที่ท้องถิ่น แต่ที่ผมอยากให้เป็นมากกว่านั้นคือ ให้การเมืองท้องถิ่นเป็นคนสร้างพรรคเพื่อไทยครับ คือการเมืองในระดับฐานรากเป็นรากฐานของการเมืองระดับชาติ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By Mario:</span> เพื่อไทย...คงจะเหลิงและเหิมเกริมไปหรือเปล่า...เพราะจากการเลือกตั้งใหญ่ทั่วไปจนได้...นายกฯยิ่งลักษณ์...เลยอาจจะประมาทเหมือนแมงสาบที่มันคิดว่า...ส่งเสาไฟฟ้าลงสมัครก็ยังได้<br />
<br />
ขอโทษนะ พรรคเพื่อไทย...การประมาทคือหนทางแห่งความฉิบหาย...ก็มีตัวอย่างจากพวกแมงสาบให้ดูอยู่...ยังเสือกโง่ไปย่ำรอยแมงสาบ อีก...<br />
<br />
จริงอยู่เสื้อแดงสนับสนุนเพื่อไทย...แต่ก็มีมากๆๆๆๆๆ เสื้อแดงที่หวังผลงานและหวังให้ สส.เขต...ออกเดินหาสู่ประชาชนในเขตเพื่อรับรู้ปัญหาโดยตรง...จากพวกเขา...ไม่ใช่ถึงฤดูหาเสียงค่อยมาให้เห็นหน้า...เสื้อแดงที่หวังจะเห็นคนที่เขาเลือก...ได้ลงมาคลุกคลีประชาชนในเขต...เพื่อช่วยแก้ปัญหา...เมื่อ สส.ในเขตหรือผู้หวังลงสมัคร...ไม่เคยมาให้เห็นหน้า...หรือเป็นพวกหวังเกาะ คะแนนจากเสื้อแดง...ก็ต้องกินแห้วไปตามระเบียบ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By pookim:</span> ผลการเลือกตั้งวันนี้ผมถือว่ามีประโยชน์มากๆกับอนาคตของประเทศ มันหมายถึงการปรับสมดุลและการกำหนดท่าทีรวมถึงเป้าหมายของเพื่อไทยกับมวลชนเสื้อแดง<br />
<br />
ที่ผ่านมาเสื้อแดงบวกกับทักษิณถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยมาถึงจุดเปลี่ยน จากตรงนี้ เพื่อไทยจะปฏิเสธเจตนารมณ์ขั้นพื้นฐานของคนเสื้อแดงได้ยาก มันไม่ใช่แค่ได้มาซึ่งรัฐบาลของประชาชนเท่านั้น แต่มันยังหมายถึงนโยบายต่างๆ เช่น การปรองดองกับขั้วจารีต<br />
<br />
การเดินไปไม่ถึงจุดที่ลากคอไอ้มาร์คไอ้เทือกเข้าสู่กระบวนการสอบสวน<br />
<br />
การไม่ยอมรับให้คนเสื้อแดงเดินเข้าสู่โครงสร้างทางการเมือง หรือไม่มีคนเสื้อแดงในรัฐบาลด้วยเหตุผลที่ไม่เคลียร์<br />
<br />
บางที...เพื่อไทยอาจจำต้องเริ่มที่จะให้กลุ่มคนเสื้อแดงมีส่วนร่วมในการเมืองท้องถิ่นอย่างจริงจัง<br />
<br />
ซึ่งถ้าไปถึงจุดนั้น เราต้องถามคนเสื้อแดงในแต่ละพื้นที่เช่นกันว่า พวกท่านมีเอกภาพพอที่จะไม่เกิดการแบ่งกลุ่มก้อน จนทำให้เสียงแตกออกหรือไม่<br />
<br />
ฉะนั้นนี่จึงเป็นกระบวนการคิดที่ไม่ใช่ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่ทั้งฝ่ายเพื่อไทยและคนเสื้อแดงจำเป็นต้องใช้สติไตร่ตรองอย่างรอบคอบโดยปราศจากทิฐิมานะต่างๆ เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันให้ได้<br />
<br />
และหากเพื่อไทยเปิดรับ"ความพอใจขั้นต้น"ของคนเสื้อแดงอย่างเต็มขั้น เชื่อผมเถอะว่าการเมืองบ้านเราจะระอุขึ้นมาอีกรอบ นั่นเพราะเงื่อนไขใหญ่สุด คนเสื้อแดงต้องการให้ลากคอคนสั่งฆ่ามาลงโทษให้ได้ รองลงมาคือเรื่องการเข้าหาขั้วอำนาจจารีต และลำดับถัดไป ผู้บริหารของพรรคซึ่งไม่ใช่ตัวทักษิณ ต้องมองคนเสื้อแดงให้เห็นมากกว่านี้<br />
<br />
และเชื่อผมอย่างนึงว่า แดงทั้งหมดจะไม่มีใครถอยหลังไปเป็นสีอ่อนๆหรือสีอื่นๆ หากไม่ได้ดั่งใจ แดงสยาม...มาแน่นอน...คนเสื้อแดงจะกลายเป็นพวกสุดโต่งในที่สุด<br />
<br />
ถึงจุดนั้น เพื่อไทยอาจมีแค่ความหวั่นไหว แต่ขั้วจารีตนั้น หายใจไม่ทั่วท้องแน่ๆ ปฏิกิริยาที่เกิดมันจะกระทบทุกฝ่าย เป็นวงกลม และนี่เป็นช่วงสำคัญที่อาจเกิดอาการแทรกซ้อนขึ้นได้ง่าย<br />
<br />
ถ้าผมเดาไม่ผิด วอร์รูมของเพื่อไทยกำลังระดมสมองหาข้อสรุปกันอยู่<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By มังกรดำ:</span> ถ้าวอร์รูมของ เพื่อไทย ฉมังจริง หลายเดือนที่ผ่านมา น่าจะมองออกมาตั้งนานแล้ว ขนาดกะโหลกกะลา ชาวบ้านๆ ที่เอามาสาธยายในเว็บบอร์ดอย่างเราๆ ยังมองเห็น ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือว่า ไม่ฉมังจริง?<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By pookim:</span> รอดูท่าทีนะครับพี่ คนเราจะมือฉมังจริงไม่ได้หากไม่ผ่านบทเรียนมาก่อน อีกอย่างนึงนะพี่ ในความคิดผมนะ บางครั้งเราก็กะโหลกกะลากันจริงๆน่ะแหละครับ จนแม้แต่เราเองยังมองข้ามความเห็นเพื่อนๆที่เรานึกว่ากะโหลกกะลาเหมือนเรา แหะๆ...พอจะเกทมะครับพี่ ข้อมูลความคิดเห็นต่างๆมันเลยโดนมองข้ามไปบ่อยๆ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By มังกรดำ:</span> อันนี้ ปฏิเสธ โดยเด็ดขาด ไม่เคยมองข้ามความเห็นของใครๆ ในหมู่พวกเราเลย จะมีก็แต่ เห็นด้วย กับ ไม่เห็นด้วย หรือ เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ครึ่งๆ กลางๆ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By pookim:</span> พี่น่ะใจดีผมรู้ ขวานผ่าซากแต่ไม่ไร้น้ำใจ ผมว่านะพี่ คนเสื้อแดงควรเริ่มที่จะพูดคุยหาข้อสรุปกันเป็นเรื่องๆ ถือว่าทำความเห็นคู่ขนานไปกับรัฐบาล อย่างเรื่องการปรองดองเนี่ยครับ ผมว่าคนเสื้อแดงควรถามดังๆว่ามันมีขอบเขตหรือไม่<br />
<br />
ผมได้ยินหลายๆคนเริ่มบ่นว่า ปรองดองแปลว่าไอ้มาร์ค เทือกรอดเหรอป่าว งั้นกูไม่ปรองดองด้วยนะ ประมาณว่าจะปรองดองกันน่ะ แค่ไหน ถามกูรึยัง ประมาณนั้นครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By มังกรดำ:</span> ปัญหา ตอนนี้ ที่มี คือ การจะจับอะไรขึ้นมาถกให้เป็นประเด็น ทีละประเด็น จนได้ข้อสรุป มันไม่มี แพทเทอร์น ไม่มีหลัก ไม่มีขบวนการอะไร ที่จะนำไปสู่ขั้นตอนการส่งผ่านไปยังแกนนำและรัฐบาล<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By pookim:</span> คำถามเข้าจุดโฟกัสครับพี่ ผมว่าไม่นานเราทุกคนจะหาคำตอบเจอว่าจะทำยังไงจึงจะบรรลุกระบวนการ"แดงเสวนา"ได้<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By มังกรดำ:</span> "แดงเสวนา" ช่วยกัน ขยายผล ของคำๆ นี้เลยครับ สั้นๆ ได้ความหมายชัดเจน<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ขุนริน สุราไว:</span> ทุกอย่างมันสัมพันธ์กันนะครับผมว่า ทั้งท้องถิ่นและระดับประเทศ เดี๋ยวนี้ชาวบ้านเขาฉลาดที่จะเลือกตัวแทนของเขาเอง ถ้าไม่ดีจริง แล้วทางพรรค ยังดันทุรังส่ง ก็เหมือนที่เห็นแหละครับ ปล่อยภาคใต้เขาเลือกเสาไฟฟ้าไปเถอะ ที่อื่นขอเลือกคนที่ทำงานจริงๆแล้วกันครับ<br />
<br />
...เราน่าจะดีใจด้วยซ้ำผมว่า ที่ประชาธิปไตยเราพัฒนาไปอีกขั้น คือเลือกตัวแทนตามผลงาน เพราะต่อไปคนที่เป็นตัวแทน เขาก็ต้องรู้ตัวเองว่า เขาจะอยู่เฉยๆไม่ได้ คอยเกาะแต่กระแสพรรค หรือตัวผู้นำไม่ได้แล้ว เขาต้องสร้างผลงาน และนั่นผลประโยชน์ก็จะตกกับประชาชนที่เลือกเข้ามา<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By มังกรดำ:</span> ท่านขุน ภาคใต้ ก็ปล่อยไม่ได้ จัดการแมลงสาบ ต้องทำลายยกรัง รวมทั้งไข่อ่อนไข่แก่<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ขุนริน สุราไว:</span> ผมว่าทางพรรคเพื่อไทย ยังไม่คิดจริงจังนะครับ หากทำจริงแม้นไม่ชนะ คะแนนต้องเยอะขึ้น คือการส่งตัวแทนที่พร้อมจะเสียสละ ทำงานโดยไม่หวังผลตอบแทนทางการเมือง แต่สร้างฐานทีละนิดนะครับ อาจลงทุนเยอะผลตอบแทนน้อย หรือขาดทุน แต่ถ้าหวังผลระยะยาว ก็น่าจะเริ่มได้แล้ว หรือทางเพื่อไทยเองอาจจะไม่คิดวิธีนี้เลยก็ได้ แต่ถ้ายังใช้วิธีอื่น ผมมองว่ายังยากอยู่นะครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By มังกรดำ:</span> นั่นสิครับ แล้วจะเมื่อไรล่ะครับ จึงจะคิดจริงจัง ?<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ขุนริน สุราไว:</span> นั่นสิครับอาจารย์ เมื่อไหร่ละที่จะทำอะไรจริงจัง เป็นระบบเสียที ไม่ใช่พอใกล้เลือกตั้ง ก็ไปเอาใครไม่รู้มาลงสมัคร ทำเหมือนว่าให้ได้ส่ง ขับรถผ่าน 20 ก.ม. ยังไม่เห็นสักป้ายเลย ก่อนเลือกตั้งอาทิตย์หนึ่งค่อยเห็นป้าย ผู้สมัครเพื่อไทย ง่ายๆที่ผ่านมาภาคใต้หลายเขตส่วนใหญ่ด้วย เพื่อไทยคะแนนแพ้ชูวิทย์<br />
<br />
...และอีกอย่างหนึ่งคือ การคิดที่จะเอา ณัฐวุฒิมาเป็นจุดขาย ผมว่าได้ผลไม่เท่าไหร่หรอก คนทางนี้แค่เขาพูดว่าสู้แล้วรวย มันก็เชื่อกันหมดแล้ว เขาไม่คิดหรอกว่าณัฐวุฒิเคยทำงานอะไรมา<br />
<br />
คนทางนี้เขาชอบ พวกสร้างภาพ ตอแหลงแบบนายชวน ทางเพื่อไทยก็ต้องหาคนที่สร้างภาพ ตอแหลงเก่งแบบนายชวนถึงจะได้ผลดี หนามยอก ก็ต้องเอาหนามบ่ง นะครับ<br />
<br />
ปล. เป็นแค่ความคิดของผมนะครับ เท่าที่สัมผัสคนที่นี่มา 10 ปี<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By มังกรดำ:</span> เคยหยั่งท่าที กับ คนระนอง ถึง คุณ กิตติรัตน์ ณ ระนอง เขารีบกันท่า บอกว่า กิตติรัตน์ ไม่ใช่คนระนอง<br />
<br />
แต่ เพื่อไทย ลืมไป ว่า ครั้งหนึ่ง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ใช้แผน "รากเหง้า" เพื่อแสดงตนว่า มีบรรพบุรุษอยู่ที่ นครพนม และ ลาว เพื่อ เอาใจคนอีสาน และได้ผล พลเอกชวลิต ได้เป็น "พ่อใหญ่อีสาน"<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ดวงจันทร์:</span> ใครเป็นคนกุมพรรคนี้ที่แท้จริงเอาเรื่องนี้ไปทำเป็นการบ้านให้หนักก่อนที่จะสายเกินไป<br />
<br />
คนเสื้อแดงหรือคนไทยคิดออกกันมากขึ้นว่าเราต้องเลือกใครที่เขาไปทำงานเพื่อเรา ไม่ใช่แค่เกาะกระแสการใช้เงินซื้อ ตอนนี้ก็เห็นแล้วว่าผลออกมาเช่นไร ผลงานเท่านั้นที่จะเป็นตัวตัดสิน<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By เดี่ยว ดาวแดง:</span> ที่ผมประเมินสถานการณ์ตอนนี้ พรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถกำหนดแนวทางของพรรคได้มากนัก บุคคลที่รายล้อมพรรคตอนนี้ล้วนแต่เป็นคนที่แสวงหาประโยชน์<br />
<br />
สส.แต่ละคนก็หวังจะให้คนของตัวเองลงสู่เวทีการเมือง ทั้งในระดับท้องถิ่นหมู่บ้าน ส.อบต. สท. สจ. รวมถึงนายก อบจ. ซึ่งหลายคน คนเสื้อแดงในพื้นที่เขารู้ไส้รู้พุงหมด<br />
<br />
แม้แต่ นปช.เอง คนที่รายล้อม นปช.จะมีคนภาคอื่นน้อยมาก ตัวหลักๆจะเป็นภาคใต้ทั้งหมด เป็นการสร้างเครือข่ายเฉพาะภาค ซึ่งคนเสื้อแดงหลายพื้นที่ ที่เป็นแกนนำกำลังจับตามองอยู่เหมือนกัน บางจังหวัดจัดชุดปราศรัยใหญ่ลงพื้นที่ มีคนเสื้อแดงมาร่วมงานไม่ถึงพัน ทั้งๆที่กระแสแดงยังแรงจัด แต่เมื่อสอบถามกันแล้วปรากฏว่า ไม่ชอบหน้าคนจัด เลยไม่ไปร่วม<br />
<br />
แสดงให้เห็นจุดยืนของคนเสื้อแดงว่า พวกเขาไม่ใช่ควาย ที่พวกคุณจะยัดเยียดอะไรให้ เขาจะเอา...พรรคเพื่อไทยถ้ายังจะครองใจคนเสื้อแดง ต้องมีกระบวนการคัดกรองให้ดี ฟังคนเสื้อแดง แกนนำเสื้อแดงตัวจริง อย่าสะเปะสะปะ เหมือนทุกวันนี้ การจัดระบบการเมือง ก็อย่างที่ท่านเจ้าของกระทู้ ตั้งกระทู้นั่นแหละ ครับ ถ้ารากฐานไม่ดี ต่อให้มีพลังแค่ไหน ต้นไม้ใหญ่ก็ต้องล้ม พรรคเพื่อไทยต้องมองฐานข้างล่าง ฐานจากหมู่บ้าน ถ้า ส.อบต.ทุกหมู่บ้านเป็นของพรรคเพื่อไทย นายก อบต.เป็นของพรรคเพื่อไทย สจ.เป็นของพรรคเพื่อไทย นายก อบจ.เป็นของพรรคเพื่อไทย สส.ของพรรคเพื่อไทยที่มีอยู่ทั้งหมดตอนนี้ เปลี่ยนตัวได้ทุกคน คือไม่ต้องแคร์ สส.มากเรื่องพวกนี้ได้เลย...<br />
<br />
ถามว่าพรรคเพื่อไทยต้องลงทุนลงแรงอะไรหรือไม่...ไม่ต้องเสียอะไรเลย เพียงกระดาษแผ่นเดียว ว่าให้แกนนำคัดให้ใครลง แค่นี้ก็จบ และชนะท่วมท้น..อย่าลืมว่า แกนนำตัวจริงทุกคน เขามีสมาชิกอยู่ในมือ เขาพบปะกันกำหนดแนวทางกันอยู่เป็นประจำ ไม่ตำหนิ สส. สส.บางคนก็ดีเลิศ แต่บางคนห่วยแตก...ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยยัดเยียดคน ให้คนเสื้อแดงเลือก เป็นคนที่คนเสื้อแดงเกลียด เพราะไม่เคยร่วมกิจกรรมของคนเสื้อแดงเลย คนเสื้อแดงยอมกัดเลือดเลือก เพื่อให้พรรคเพื่อไทย ได้จัดตั้งรัฐบาล เข้าทำนองเอาหมามาลง ก็เลือก...สส.บางคนด่าอดีตนายกทักษิณ อย่างเสียๆหายๆ ด้วยซ้ำไป ก็ยังได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงก็จำต้องเลือก...ในการเลือกตั้ง นายก อบจ. สจ.ในอนาคต ถ้าไม่ฟังเสียงเสื้อแดง น้ำตาตก ช่วยไม่ได้...<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By สัมริด:</span> ขนาดอยู่ปทุมฯ เขต 3 แท้ๆ ส.อบต. ก็เสื้อน้ำเงิน แต่บริการประชาชนดีน่าชม ซึ่งก็ไม่มีคนเพื่อไทยหรืิอแกนนำแดงให้เลือก ส.อบจ. ก็เสื้อน้ำเงิน เสียงระดับโครงสร้างพื้นฐานแท้ๆ เพื่อไทยไม่มีตัวและผลงานเลย<br />
<br />
พื้นที่ผมก็แมงสาบเยอะเหนียวแน่นและขยันไปเลือกอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่แดง ซึ่งอันนี้สำคัญ เวลาแดงไม่เลือกพวกแอ๊บแดง อีกฝ่ายก็ชนะแบเบอร์เพราะเค้าเลือกอะไรก็ได้ที่ไม่แดง<br />
<br />
คนที่สัมผัสประชาชนตัวจริงคืิอ ส.อบต. ส่วนส.ส.เพื่อไทยนั่นก็เทวดาเลย เลือกตั้งเสร็จก็หายจ้อยไปเลย อันที่จริงก็หายจ้อยตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งแล้ว ก็มีแต่แกนนำ้แดงท้องถิ่นที่มีกิจกรรมต่างๆ ซึ่งก็ไม่ส่งผลอะไรกับการเมืองท้องถิ่น เพราะมันแค่กิจกรรมแต่ไม่ใช่การบริการชาวบ้านที่จับต้องได้<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kainuy555:</span> "ผมเห็นด้วยครับ การเมืองท้องถิ่น คือฐานที่มั่น"<br />
<br />
เพื่อไทย เคยมีบทเรียน กรณีเลือกตั้ง สก. สข. รวมถึง สส. กทม. มาแล้ว คือแพ้ระนาว สาเหตุที่แพ้คือ ไม่เข้าหา ปชช.เลย ไม่สร้างแกนนำกลุ่มคนในชุมชนในหมู่บ้านเลย อย่าง ปชป.เขามีกลุ่มคน ในชุมชนในหมู่บ้าน เวลาชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือ คนของ ปชป.เขาจะเข้าไปหาทันที นี่คือความแตกต่างของ ปชป.กับ พท.ในพื้นที่ กทม. เพื่อไทยอาจจะมีแต่คงน้อย<br />
<br />
พูดง่ายๆ คืออยากลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ทำงานเลย ไม่เข้าหา ปชช.เลย หวังแต่กระแสทักษิณ กระแสยิ่งลักษณ์ กระแสพรรคมาช่วยอย่างเดียว ผลที่ออกมาคือแพ้อย่างที่เห็น<br />
<br />
อย่าว่าแต่ลงพื้นที่ สร้างมวลชนในพื้นที่เลย ขนาดตอนหาเสียงผมยังไม่เห็นหน้า สส.สก.สข.เลย เห็นแต่รถประกาศ ขนาดแฟนคลับเพื่อไทยแถวบ้านเขายังพูดเลยว่า ขนาดหาเสียงเลือกตั้งยังไม่โผล่หน้ามาเลย ผมยังคิดเลย แล้วอย่างนี้ มันจะชนะเลือกตั้งได้ยังไงฟ่ะ<br />
<br />
สส.เพื่อไทย ที่ลำพูนก็เหมือกัน จริงๆแล้วต้องแพ้แก่ ปชป. เพราะ สส.ไม่เข้าหา ปชช.เลย แต่ที่ชนะเพราะกระแสนายกฯหญิง กระแสคุณยิ่งลักษณ์ช่วยเอาไว้ ก็เลยรอดตัวไป หลายพื้นที่จะเป็นแบบนี้ ถ้าไม่มีกระแสนายกฯหญิงคุณยิ่งลักษณ์ช่วยเอาไว้นะ เหอๆ ดูไม่จืด<br />
<br />
ก็อยากจะบอกด้วยความห่วงใยว่า...คุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ และลูกหม้อทั้งหลาย ต้องตั้งทีมงานมาดูให้ออกว่า<br />
<br />
ใครคือเพื่อนแท้ที่เวลาลำบาก แล้วยอมกอดคอลำบากด้วยกัน<br />
<br />
ใครคือเพื่อนกิน เวลาเราลำบากแล้วชิ่งหนี เวลาเราสบายแล้วโผล่มาเีลียแข้งเลียขา<br />
<br />
ใครคือคนที่รับปากจะช่วยแล้วช่วยจริง ใครคือคนที่รับปากจะช่วยแต่ก็รับปากไปงั้นๆ พอเป็นพิธี<br />
<br />
อย่างคนเสื้อแดง และผู้ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ที่ออกมาเคียงบ่าเคียงไหล่เวลาลำบาก คุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ต้องให้เครดิต จะให้หน้าบ้านหรือหลังบ้านก็แล้วแต่ ยังไงก็ต้องให้เครดิต<br />
<br />
หรือกลับกัน ที่ จ.พังงา ตอนสึนามิ สส.ไทยรักไทย ยังโค่น สส.ปชป. เจ้าถิ่น น้องชายจุลินทร์ ได้เลย ที่โค่นได้ เพราะ สส.ทรท.เข้าช่วยเหลือ ปชช.อย่างชัดเจน ปชช.เขาเห็นใจในความช่วยเหลือ เขาซาบซึ้ง เขาสงสาร เขาจึงเทคะแนนให้<br />
<br />
ส่วน สส.ปชป. คิดว่าเป็นถิ่นของตนเอง ยังไงก็ต้องนอนมา การช่วยเหลือ ปชช.ที่เจอสึนามิ ก็เลยเป็นเพียงประปรายพอเป็นพิธี<br />
<br />
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นคำตอบได้ว่า ถ้าอยากได้ สส.ในพื้นที่ไหน มันหนีไม่พ้นที่ต้องลงพื้นที่ ช่วยเหลือ ปชช. คนไทย ไม่ลืมบุญคุณคนดอกครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By mario:</span> "ผมเห็นด้วยครับ การเมืองท้องถิ่น คือฐานที่มั่น"<br />
<br />
อย่าว่าแต่ลงพื้นที่ สร้างมวลชนในพื้นที่เลย ขนาดตอนหาเสียงผมยังไม่เห็นหน้า สส.สก.สข.เลย เห็นแต่รถประกาศ ขนาดแฟนคลับเพื่อไทยแถวบ้านเขายังพูดเลยว่า ขนาดหาเสียงเลือกตั้งยังไม่โผล่หน้ามาเลย ผมยังคิดเลย แล้วอย่างนี้ มันจะชนะเลือกตั้งได้ยังไงฟ่ะ<br />
<br />
ก็ตามอย่าง คุณkainuy555 ว่าไว้นั่นแหละครับ...ผมอยู่ใน กทม.และได้เห็นผ่านการเลือกตั้งมามาก...ผมยังไม่เคยเห็น ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยเลย...เห็นแต่รถหาเสียงกับใบปลิว...แต่ผมเห็นพวกแมงสาบบ่อยมากพอควร...และขยันเข้าหา ปชป. ก็ พวก สก.สข. แมงสาบ...<br />
<br />
ใน กทม. พวกแมงสาบเขาจัด กทม.เป็นชุมชนต่างๆหลายหมื่นชุมชน...มีเงิน กทม. สนับสนุนทุกชุมชน...และพวก สก. สข. แมงสาบนี่ต้องยอมรับว่า ขยันเข้าหา ปชป. แม้ผมอาจจะไม่ค่อยอยู่บ้าน...แต่ผมเห็นพวกนี้ ปีที่แล้วไม่น้อยกว่า ห้าหกครั้ง...ไหนจะมางานอวยพรปีใหม่, ตรุษจีน, ไหนจะมาฉีดไล่ยุง, ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าให้กับสัตว์เลี้ยงในขุมชนฟรี...แต่ผมไม่เคยเห็นจากเพื่อไทยเลย<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By มังกรดำ:</span> หวังว่า ต่อไป ทั้งเพื่อไทย เสื้อแดง และนักวิเคราะห์ จะมองบริบท บนพื้นฐานความจริง ขอโทษหากคำที่พูด ดูจะเหมือนแดกดันพวกเดียวกันเอง แต่ คำวิเคราะห์ และท่าทีของทุกฝ่าย มีผล ต่อกระแสที่จะเกิดขึ้น อย่างน้อยสิ่งที่เห็นในสื่อออนไลน์ วงกาแฟตามหมู่บ้าน คงชัดเจนแล้วว่า "การเมืองท้องถิ่น มีผลกระทบอย่างรุนแรง กับ ภาพรวมของการเมืองหลัก และ รัฐบาล"<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By แดง ลาดพร้าว:</span> นอกจากมองเรื่องความขี้เกียจของ สส. เพื่อไทยแล้ว อยากให้มองด้วยว่า ผลงานของ ครม. ชุดนี้ ก็ยังทำคะแนนได้ไม่เข้าเป้าด้วย ที่เด่นๆ ก็เห็นจะเป็นบุคลิกภาพของ นายกฯเท่านั้น ส่วนผลงานที่เป็นรูปธรรม ชัดเจนจริงๆ ที่จะสร้างความประทับใจได้ ของรัฐบาลนั้นยังไม่ถึงขั้น ที่จะสร้างแรงจูงใจ ทดแทนกับความอ่อนด้อยของ สส. เพื่อไทยได้<br />
<br />
ตอนเลือกตั้งที่ได้คะแนนเยอะ มันมาจากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นคือประชาชนเบื่อหน่ายผลงานของไอ้มาร์ค แล้วคิดถึงผลงานสมัยทักษิณ ความรู้สึกถูกข่มเหง รังแก ดูถูก เหยียดหยาม ก็เป็นพลังผลักดัน ให้มีแรงฮึดสู้อำมาตย์ เมื่อผลงานก็ไม่เข้าตา แถมอุดมการณ์ ก็มาละลาย แรงฮึดแรงช่วยของคนเสื้อแดงก็อ่อนด้อยลงด้วยเป็นธรรมดา<br />
<br />
ถ้าไม่ปรับปรุง ทั้งสองด้าน คือ ผลงานของ ครม. และ คุณสมบัติของผู้แทนแล้ว งวดหน้า ปชป. มีหวังหายใจรดต้นคอเพื่อไทยแน่ๆ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By มังกรดำ:</span> เราจี้จุด เพราะ เป็นพี่น้องกัน เพราะรัก เพื่อไทย ฟังด้วย<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By mario:</span> เราติเพื่อก่อ...ถ้าไม่พอใจก็ช่วยไม่ได้จริงๆ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By เดี่ยว ดาวแดง:</span> การที่จะเป็นนักการเมือง แล้วประสบผลสำเร็จ จะต้องมองปัจจัยที่เป็นพื้นฐานออก ว่าส่วนไหนมีความสำคัญที่จะทำให้ตนเองชนะได้ ไม่ใช่วางก้ามทำโต เกาะกระแสอย่างเดียว นักการเมืองต้องมองและดูแลผู้ที่จะกาเบอร์ให้ ให้ความสำคัญกับพวกเขา แกนนำของเขา เพราะเขาคือผู้กุมชะตาของคุณ...พรรคก็เช่นกัน ต้องสำรวจความนิยมจากผู้ที่จะลงคะแนนให้ ไม่ใช่ไปฟัง ผู้ที่จะลงสมัคร เพราะพวกนี้ย่อมเอาดีใส่ตัวเสมอ<br />
<br />
ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ที่พวกคุณชนะ ไม่ใช่ความดีของพวกคุณเลย แต่ที่พี่น้องเขาเลือก เพราะเขาต้องการเปลี่ยนแปลง ต้องการนายกฯทักษิณ ต้องการนายกฯปู และที่สำคัญเหนืออื่นใด คือต้องการให้พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาล แล้วนำตัวพวกทรราชย์ที่สั่งฆ่าประชาชนมาลงโทษ...ไม่ต้องมีการปรองดอง จะปรองดองอะไรกับใคร<br />
<br />
ประชาชนคนไทยทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสงบสุข เอื้ออารีต่อกัน ไม่ว่าจะมีเหตุใดๆเกิดขึ้น ประชาชนไม่ได้ขัดแย้งกันเลย ที่ขัดแย้งกันคือพวกคุณเอง วิเคราะห์ดูแล้ว อุปสรรคสำคัญที่ทำให้การพัฒนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ล้าหลัง ก็คือพวกนักการเมืองนี่เอง ถ้าตัดนักการเมืองออก ให้เหลือสองฝ่าย ไพร่ กับ อำมาตย์ เรื่องราวต่างๆ จบไปนานแล้ว<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By มังกรดำ:</span> ไม่ว่า ณัฐวุฒิ / แกนนำ/ เพื่อไทย ก็ตาม คงรู้เต็มอก ว่า คนที่เข้ามาวิจารณ์ มิใช่ คนของพรรค และเป็นกลุ่มคนที่ถอยห่างจาก ตำแหน่ง/ผลประโยชน์ คนพวกนี้ มีความจริงใจ ชี้ความจริงให้เห็น พูดเพื่อให้ปรับท่าที ปรับสภาพ อย่าทำอะไรที่ฝืนใจประชาชนที่ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By zeedza:</span> ตามที่ผมพบนะครับจารย์การเมืองท้องถิ่น ส่วนมากคนที่ตั้งใจทำงานเข้าถึงประชาชน จะไม่ค่อยได้เข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย เพราะคนที่เข้าหาคนมีตำแหน่งในพรรคในเขตพื้นที่ มักจะเป็นคนได้ลง พูดง่ายๆ ไม่ต้องเข้าหาประชาชนแต่วิ่งเข้าหาคนที่มีพาวเว่อร์ในพรรค<br />
<br />
ส่วนคนที่เขาเข้าถึงประชาชนก็ต้องไปสังกัดพรรคอื่น แล้วก็ถูกประณามโจมตีจากคนที่ได้ลงในนามพรรคเพื่อไทยว่าเข้าพวกแมงสาปมั่งเข้าพวกเนรคุณมั่ง ยังงี้ มันไม่แฟร์กับคนอื่นที่เป็นคนที่ประชาชนต้องการ<br />
<br />
ถ้าประชาชนยังยึดติดกับคำว่าเสื้อแดง กับคำว่าเพื่อไทยเท่านั้นการเมืองคงไม่พัฒนา พอมาเห็น ที่ โคราช ปทุม และต่อไปเชียงรายแล้วผมว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างแน่นอน<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By stp:</span> แปดริ้ว ฐิติมา ฉายแสง แพ้ก็แบบนี้แหละตอนเลือกตั้ง รถโฆษณา ของ ดร.บุญเลิศ วิ่งทั้งวันทั้งคืน นานๆจะเห็นของฐิติมาสักคัน เรื่องที่จะมาเดินให้ชาวบ้านเห็นตัวยิ่งยากใหญ่ทำตัวอยู่บนหอคอยก็จบ ผมเองกัดฟันเลือกก็เพราะเป็นเสื้อแดง แล้วชาวบ้านธรรมดาที่ไม่ใช่เสื้อแดงล่ะ เขาก็คงไม่เลือก บารมีของอนันต์ ฉายแสง มันหมดไปนานแล้ว คนรุ่นใหม่เขาไม่สนใจแล้ว<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By payai97:</span> ระบบการเมืองที่ต้องใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือ จำเป็นต้องอาศัยพึ่งพาคะแนนเสียงจากชาวบ้าน...มาสนับสนุนตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเมืองระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ<br />
<br />
สมัยก่อนที่ยังไม่มีการเมืองระดับท้องถิ่น ยังไม่มีสภาท้องถิ่น นักการเมืองระดับประเทศอย่าง สส.ก็กระโดดลงไปถึงตัวชาวบ้านโดยตรง ซึ่งจะมีหัวคะแนนที่ไม่ใช่นักการเมือง อาจเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้ดำเนินการจัดหา ที่เรียกว่าคะแนนจัดตั้ง...ได้มาเป็นกอบเป็นกำ จนมีคำฮิตติดปากชาวบ้าน ท่องกันจนขึ้นใจว่า..*เงินไม่มา กาไม่เป็น* ถึงขนาดที่ว่า...รู้ผลก่อนวันเลือกตั้งด้วยซ้ำ ว่าจะได้หรือไม่ได้ ได้มากน้อยเท่าไหร่ จะแก้เกมยังไงให้คะแนนเพิ่มขึ้น อะไรไม่ว่า...การเมืองแบบนี้ชาวบ้านแทบไม่สนใจว่า คนสมัครเป็นใคร สมัครพรรคไหน เคยทำหรือไม่ทำประโยชน์อะไรให้ชาวบ้านบ้าง เดินเข้าคูหาเงินมากาเป็นแล้ว...ก็กลับบ้านไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คนจนก็ยังจนดักดาน เจ็บก็ตายง่ายๆ<br />
<br />
แต่หลังจากบ้านเมืองเปลี่ยนแปลง...ให้มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงมีสภาท้องถิ่น อบต. เทศบาล อบจ.เกิดขึ้นเต็มบ้านเต็มเมือง...อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ โดยให้ชาวบ้านเลือกตัวแทน...เข้ามาเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น เช่นเดียวกับการเลือก สส.เพื่อทำงานบริการชาวบ้านในรูปขององค์คณะบุคคล คนที่จะเข้ามาเป็นผู้แทนท้องถิ่น...มีทั้งก็ต้องอาศัยบารมีและฐานเสียงเดิมของนักการเมืองระดับประเทศ...มาสนับสนุนตนเอง และมีทั้งใช้ชื่อเสียง ศรัทธา บารมีของตนเอง...ที่ชาวบ้านยอมรับ จากนั้นเป็นต้นมา...บทบาท อำนาจ หน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ถูกลดทอนจนแทบไม่เหลือ...แทบไม่มีความหมายกับชาวบ้านเลย<br />
<br />
ตรงนี้แหละที่การเมืองระดับประเทศต้องปรับตัว จากที่เคยอาศัยกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นหัวคะแนนหลัก ก็ต้องหันหัวเรือมาที่กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น...โดยเฉพาะคนที่ตัวเองเคยช่วยเหลือสนับสนุน...จนได้รับเลือกตั้ง ก็ให้มาเป็นหัวคะแนนของตน หาเสียง กวาดต้อนคะแนนมาให้ตน เป็นการทำงานต่างตอบแทนในลักษณะ...น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า แต่ก็ยังไม่ทิ้งกลิ่นไอของระบบอุปถัมภ์ ทั้ง 2 ระดับจะรู้ตัวว่า...ใครอยู่ในฐานะผู้อุปถัมภ์ และใครอยู่ในฐานะผู้ใต้อุปถัมภ์ ซึ่งแน่นอนและเป็นที่รับรู้คือ...ระดับประเทศมักจะอยู่ในฐานะผู้อุปถัมภ์ ***ตรงนี้จึงเป็นคำตอบได้ว่า...การเมืองระดับประเทศที่เป็นระบบพรรค ต้องเข้ายึดโยงเกี่ยวข้อง กับการเมืองระดับท้องถิ่นไหม...จำเป็นหรือไม่***<br />
<br />
แต่ข้อถกเถียงมันไม่ได้จบอยู่แค่ว่า...ทั้ง 2 ระดับต้องเชื่อมโยงถึงกันเท่านั้น แต่มันเริ่มมีแนวความคิด มีข้อเสนอในรูปแบบการช่วงชิงอำนาจการตัดสินใจ มีการต่อรองว่า...ต้องปล่อยให้ชาวบ้านลงสมัครผู้แทนกันเอง เลือกผู้แทนระดับท้องถิ่นกันเอง...และไม่ต้องการให้พรรคการเมืองเข้าไปจุ้นจ้านแทรกแซง...ไม่ต้องการให้เข้าไปชี้นิ้วว่าต้องเป็นคนนั้น ต้องเลือกคนนี้ โดยยึดหลักว่า...ใครดีใครได้ ชาวบ้านชอบใคร เลือกคนไหน คนนั้นก็ชนะเข้าวินเป็นผู้แทนไป ถามว่า...ถ้าชาวบ้านต่อรองชนะ พรรคการเมืองระดับประเทศวางมือ...ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย จะมีผลกระทบต่อ...ผลแพ้-ชนะการเมืองระดับประเทศหรือไม่<br />
<br />
ถ้ายกกรณีเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีเมื่อวาน...มาวิเคราะห์เพื่อหาคำตอบ และจากข้อมูลที่ไหลเข้ามาทั้งคืนเมื่อคืนนี้...เราได้พบข้อสรุปว่า นักการเมืองคนนี้...พรรคไม่ได้เป็นผู้ส่งประกวด เขาส่งตัวเขาเอง...แต่ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ผลคือเขาสอบตก...ทั้งที่เขาโหนชื่อพรรคการเมืองระดับ 1 ของประเทศ<br />
<br />
เมื่อเจาะลึกลงไปเพื่อให้หายสงสัยว่า..ขนาดเกาะกระแสพรรคใหญ่แล้วทำไมจึงแพ้ คำตอบมีแล้วนั่นคือ...เขาเป็น สส.ที่ไม่เกาะติดชาวบ้าน ไม่ดูดำดูดีชาวบ้านเมื่อยามตกระกำลำบาก ชาวบ้านแทบไม่เคยพบหน้า แม้เลือกตั้งครั้งนี้...เขาก็แทบไม่ออกมาหาเสียงจากชาวบ้านเลย<br />
<br />
เราว่าตรงนี้น่าจะเป็นคำตอบหนึ่ง...ที่จะบอกได้ว่า การให้พรรคการเมืองเข้าไปคลุกวงในกับการเมืองท้องถิ่น...ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม มีอิทธิพลต่อผลการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นจริงหรือไม่...มากน้อยแค่ไหน<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By myr2010:</span> ลาออก สส. เพื่อ ลงสมัคร นายก อบจ. ใครวะ ใครเป็นกุนซือ ทำไม ไม่หาคนลงสมัคร อบจ. เสียก็สิ้นเรื่อง โง่ บ้า เซ่อ สมน้ำหน้า<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By คนพเนจร:</span> พรรคเพื่อไทยตอนนี้ยิ่งดูยิ่งเหมือนปลาตายน้ำตื้น...เห็นน้ำบ่อใหญ่อยู่ข้างหน้าทำเป็นใจเย็นนอนแบบฉันไม่สนจนน้ำลดถึงตัวแล้วถึงจะดิ้นรน<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By nicky sung:</span> ผมอยู่พื้นที่ หกปี น้ำท่วมมีแต่คนถาม ท่าน สส.ไปไหน ผมไม่เคยเห็นหน้า จนบัดนาว สุเมธ สมศักดิ์ หายไปไหน ผมไม่เคยเห็นหน้า มีแต่พูดปลอบใจกลัวโดนสอย มีวิธีอื่นที่จะช่วยชาวบ้านตั้งเยอะ แต่ไม่ทำ<br />
<br />
ผมช่วยงานบริการสังคม ก่อนน้ำท่วม เป็น อพปร. ตำรวจชุมชน ออกงานกลับ อบต.ก็บ่อย มีเลือกตั้ง อบต. ผมถามพี่ที่ลง อบต.ว่าที่ลงมาช่วยชาวบ้านไม่กลัว ฝ่ายนู้นสอยเหลอะ แกตอบว่าก็ชาวบ้านเดือดร้อน จะโดนสอยก็ช่างมัน มีอะไรโทรมาได้ตลอดปรากฏพี่แก่ได้มาเป็นที่หนึ่งในเขต น้ำท่วมสองเดือนกับยี่สิบวัน ไม่เคยเห็นไม่เคยเจอท่าน ส.ส. กรรมมุนี วัตตีโลโก คุณทำอย่างไร คุณไม่ดูดำดูดีชาวบ้าน ชาวบ้านก็ไม่ออกมาเลือกคุณ<br />
<br />
ยุทธศาสตร์แบบนี้ คุณทำได้ไง ออก ส.ส. ลงนายก อบต. เป็นส.ส. ก็ทำซะยิ่งกว่าอีเฉยอีก แล้วพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ผมขอส่งสารไปยังพรรคเพื่อไทย ให้จำเคสนี้ ให้เป็นบทเรียน แล้วปรับปรุงซะ ถ้าเพื่อไทยยังมี ทีมงานและคนที่สมัครเป็นแบบนี้ หวังแต่กระแสพรรค กระแสท่านทักษิณ เราต้องเหนื่อยกันอีกนาน อย่าคิดว่าตอนนี้เรา ชิตังเม เราชนะแล้ว ไม่ใช่เลย<br />
<br />
ผมรักทักษิณ ผมชอบนายกฯยิ่งลักษณ์ ผมสงสารพวกท่าน อยากให้ท่านกลับบ้าน อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี อย่างปลอดภัย รักความยุติธรรม และประชาธิปไตย เพื่อประชาชนโดยประชาชน เกลียดแมงสาปทุกตัว เกลียดอำมาตย์ เกลียดไอ้เนรคุณ อย่าคิดว่าชาวบ้านอะไรก็ได้ คนเสื้อแดงมีสมอง คิดเป็น ที่คุณแพ้เขาไม่อยากเลือกคน ไม่ใช่พรรค เขาจึงไม่ออกมา หรือบางพวกออกมาแต่ไม่เลือกคุณ จำไว้ พรุ่งนี้อย่าใช้เงินโดยเด็ดขาด อย่าดูถูกเสื้อแดง อย่าดูถูกประชาชน คุณจะฟังเชื่อผม หรือไม่ก็ตาม อยากจะเตือนในฐานะ คนที่รักกัน ก็เท่านั้น<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ลูกชาวนาไทย:</span> ผมว่าผู้บริหารพรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบด้วย เพราะส่งคนลง โดยไม่ปรึกษาหรือ "รู้" เจตจำนง คนปทุมฯ ที่เป็นเสื้อแดงทั้งจังหวัดเลย หากผู้บริหารสามารถ "สื่อสารกับคนเสื้อแดงปทุมฯ" ได้ ก็น่าจะรู้ปัญหา และรู้กระแสก่อนแล้ว และการส่งคนลงก็คงต้องถามก่อนว่าเสื้อแดงจะเอาใคร<br />
<br />
สส.ลาออกนั้น ส่วนหนึ่ง เป็นความผิดส่วนตัว สั่งสอนเอาตอนเลือก นายก อบจ.กับ สส.คนนั้นก็ได้ แต่มันไม่ควรที่จะต้องเสีย ที่นั่ง สส.ไปอีก 1 ที่ ซึ่งในภาวะสงครามการเมืองแบบนี้ 1 ที่ก็มีปัญหา<br />
<br />
ไม่ใช่ความผิด สส.ที่ลาออกอย่างเดียว ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย ที่ตัดสินใจส่ง สส.คนใหม่ลงแทน มีความผิด และบกพร่องที่แรงกว่ามาก เพราะ "ไม่รู้เจตจำนง" คนเสื้อแดง หรือสื่อสารไม่ได้ คนเสื้อแดงปทุม ก็เลยใช้วิธี "ออกมาสั่งสอนเอา" แบบหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะไม่อย่างนั้น ก็ไม่มีใครฟัง พรรคเพื่อไทยจึงต้องถูก "แดงปทุมฯ" สั่งสอนเอาอย่างแรง?<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By แดงจ้ะ:</span> ง่ายนิดเดียว ก่อนส่งใครลงสมัคร การเมืองท้องถิ่น สก. สข. หรือ สส. ให้เอาผู้ที่เสนอตัวลงสมัครของพรรค มาให้ประชาชนในพื้นที่ที่มีสิทธิลงประชามติก่อนว่าเอาใคร แล้วค่อยปล่อยลงสนาม ที่เป็นกันทุกวันนี้...ต่างคนก็ต่างสมัครกลายเป็นแย่งคะแนนกันเอง ตาอยู่ ปชป.เลยคว้าพุงเพียวๆไปกินโหมด...<br />
<br />
<center><img border="0" src="http://upic.me/i/i5/koa58.jpg"></center><br />
<span style="color: #ff9900;">By นพชีพ:</span> ไม่ใช่ว่าจะส่งใคร ลงแข่งก็ได้นะ ต้องมีกึ๋น มีความสามารถ ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงด้วยนะครับ<br />
<br />
<center><img border="0" src="http://upic.me/i/z9/vgg01.jpg"></center><br />
<span style="color: #ff9900;">By ป้าพลอย:</span> บทเรียนของเพื่อไทยที่ปทุมธานี คือบทเรียนที่จะสอนให้เพื่อไทย ได้รู้ว่า ถึงคนเสื้อแดงจะอยู่ข้างเลือกเพื่อไทยให้เข้ามาเป็นรัฐบาล แต่ในเมื่อคนของเพื่อไทย คิดเข้าข้างตนอย่างเดียวว่าหมูอยู่ในอวยของตายอย่างไงเสีย คนเสื้อแดงต้องเลือกตน นั่นคิดผิดแล้ว<br />
<br />
การส่งคนที่ไม่มีผลงานมาให้คนปทุมเลือก นั่นคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ คนเสื้อแดงไม่ใช่ไอ้โง่ไอ้งั้งจะซี๊ซั๊วเลือกคนที่ไม่ได้ทำอะไรให้คนปทุมในระหว่างชาวปทุมเดือดร้อน ตอนน้ำท่วม<br />
<br />
นี่ก็เป็นการสั่งสอนและตบหน้าของชาวปทุมที่ให้เพื่อไทย<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ลูกชาวนาไทย:</span> จากข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับในเว็บ ซึ่งก็มีคนปทุมฯหลายคน ที่ให้ข้อมูลมา ก็พอสรุปกันได้ว่านี่คือ "การสั่งสอน" ของประชาชน แต่ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนข้าง ย้ายข้าง หรือผลงานรัฐบาลไม่เป็นที่ถูกใจ และก็ไม่ใช่ ชัยชนะของ พรรค ปชป./สลิ่ม/อำมาตย์/พวกเสื้อเหลือง<br />
<br />
เป็นเรื่องภายใน<br />
<br />
ดังนั้น ผมอยากให้ดัง ให้ฝ่ายตรงข้ามตีปิ๊บให้ดัง เยาะเย้ยถากถางอะไรก็ได้ เพราะมันจะทำให้เกิดการตื่นตัวอย่างขนานใหญ่ในพรรคเพื่อไทย และมีการวิเคราะห์กันอย่างจริงจังว่าสัญญาณที่ชาวเสื้อแดงปทุมฯส่งมานั้นเป็นอย่างไร<br />
<br />
เรื่องนี้คงถึงทักษิณ และนายกฯปู และแกนนำพรรคเพื่อไทยต่างๆ คงได้มีการวิเคราะห์กันอย่างหนัก<br />
<br />
ดังนั้น การถูกเยาะเย้ย ถากถาง จึงไม่ใช่เรื่องที่สมควรต้องโกรธฝ่ายตรงข้าม<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By Beesam:</span> ในฐานะคนปทุมฯประมาณ 6 ปีแล้ว ผมทำผิดมากมายในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เช่น<br />
<br />
1. ผมมัวแต่วุ่นวายกับการงานส่วนตัวมากเกินไป และให้ความสนใจกับการเลือกตั้งซ่อมน้อยเกินไป เพราะอยู่คนละเขตกับผม ทำให้ลืมไปว่ากำลังมีการเลือกตั้งซ่อม จึงไม่ได้ช่วยผลักดันอะไรพรรคเพื่อไทยเลยในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้<br />
<br />
2. หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2554 ผมก็คงเหมือนกับคนเสื้อแดงปทุมฯจำนวนมากที่หายใจกันโล่งอก เพราะพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งทั้งจังหวัด ทิ้งคู่แข่งพรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ที่ผู้สมัครไม่ได้กิ๊กก๊อกเลยสักคน (ทีมเดียวกับที่ลงนายกฯอบจ.เที่ยวนี้ก็ลงนะครับในพรรคภูมิใจไทย) แบบขาดลอย ผมจึงรู้สึกปล่อยวาง ไม่ได้คิดว่า เลือกตั้งซ่อมคราวนี้จะมีทางแพ้ได้เลย บางคนเขาเรียกว่าประมาท แต่สำหรับผมผู้รักประชาธิปไตยถือว่าตัวเองบกพร่อง และจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก ในการเลือกตั้งครั้งต่อๆไป ทั้งเลือกตั้งซ่อมและเลือกตั้งทั่วไป รวมทั้งนายกฯอบจ.ด้วย<br />
<br />
3. ผมเองเซ็งไม่เข้าเรื่องไปกับการลาออกจาก สส.ไปสมัครนายกฯอบจ.ของ ดร.สุเมธ เพราะถ้ามองแบบนักบริหารแล้ว การเป็นนายกฯอบจ.นั้นสามารถผลักดันนโยบายพรรคให้เป็นรูปธรรมได้ดีกว่าเป็น ส.ส.<br />
<br />
นี่เป็นเพราะผมมัวแต่คิดว่า ส.ส.ปทุมธานีคือพรรคเพื่อไทย จนทำให้ลืมไปว่า รัฐธรรมนวยฉบับหัวคูนนี้ มันห้าม ส.ส.ไม่ให้มีส่วนยุ่งเกี่ยวกับการบริหาร ที่ผ่านมาผมวิจารณ์ ดร.สุเมธ ด้วยความรู้สึกมากกว่าเหตุผล<br />
<br />
4. เรื่องนายกฯอบจ.นั้น การเป็นคนปทุมฯที่ย้ายมาจาก กทม. (คนแบบผมมีเยอะครับ ที่ย้ายออกมาเพราะที่นี่อยู่สบายกว่า) คุ้นเคยกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. รู้สึกว่าตามต่างจังหวัดนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดใหญ่ที่สุดในจังหวัด ไม่เหมือนผู้ว่าฯกทม.ที่ใหญ่ที่สุดใน กทม. ก็เลยไม่สนใจตำแหน่งนายกฯอบจ. ดังนั้น ตอนนี้ต้องให้ความรู้กับประชาชนในเขตจังหวัดปริมณฑลให้มากขึ้นว่า นายกฯอบจ.นั้นสำคัญอย่างไร หรือจะให้ดี ช่วยกันผลักดันให้มีการเลือกตั้งลอร์ดแมร์โดยตรงแบบเมืองนอกไปเลยให้สำเร็จ นายกฯอบจ.จะได้สำคัญกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด<br />
<br />
ผมขอโอกาสแก้ตัวใหม่ในคราวต่อไป เพราะรำคาญพรรคอัปรีย์และสลิ่ม ที่พากันเอาเรื่องแพ้เลือกตั้งไปถากถางเย้ยหยัน ทั้งที่มันก็แค่เพราะคนออกไปเลือกตั้งน้อย ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งด้วย ผมรู้ว่าตัวเองมีความผิดตามคำวิจารณ์ตนเองข้างบนนั้นแหละครับ ส่วนคนเสื้อแดงปทุมฯคนอื่นจะคิดเหมือนผมหรือเปล่าไม่เป็นไร เพราะในทางความเป็นมนุษย์แล้วผมถือว่า<br />
<br />
การรู้จักวิจารณ์ข้อบกพร่องของตนเอง คือสุดยอดแห่งวิชาเทพของมนุษย์ เพราะไม่มีใครทำถูกทุกอย่างหรอก มนุษย์ก็คือมนุษย์ ไม่ใช่อภิมนุษย์<br />eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-36091338034639599712012-04-12T11:48:00.016+07:002012-04-20T18:11:29.231+07:0091 ปี๋เก่าก็ล่วงไปแล้ว ปี๋ใหม่แก้วก็มาฮอดมาเติง...<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/80.html" target="_blank">"วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/77.html" target="_blank">เข้าครัว...ทำกับข้าวคลายเครียด!! ผมทำได้ คุณก็ทำได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post_25.html" target="_blank">สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/78-112-112-112.html" target="_blank">เรื่อง... ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.401245353222826.109861.100000120933242&type=3&l=19bd24ac2e" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ญี่ปุ่น ชุดที่8</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.414188955261799.112770.100000120933242&type=3&l=e20dc01751" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เกาหลีใต้ ชุดที่9</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.430952200252141.115943.100000120933242&type=3&l=b10e825fc0" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน จีน ชุดที่10</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/82.html" target="_blank">82 ต้องรู้..ต้องรู้...ภาระหน้าที่"เมษายน"ทุกๆปี นะจ๊ะ!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/55.html" target="_blank">55... มาร์คครับ หยุดใช้วาทกรรมแก้รัฐธรรมนูญทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งเลยครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post.html" target="_blank">สุดยอดไปเล้ย ก้อคุณพี่ทิศใต้นะสิคะ บอกไม่กลับบ้านก็ได้ทุกวันนี้สบายดี</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/11.html" target="_blank">11 "ปู"พา"ไปป์"ไปญี่ปุ่นด้วย ให้พี่เลี้ยงพาเที่ยวแทน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/84.html" target="_blank">84 คุณชวนนท์ครับ ออกมาดูโลกภายนอกบ้างเถอะครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/12.html" target="_blank">12 เคยเห็นมั้ย!! แมงสาปดิ้นใน"บ้านทรายทอง"กรุงโตเกียวญี่ปุ่นโน่น...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/03/80.html" target="_blank">80 สังคมไทยป่วย หรือเป็นผลผลิตจากการโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_13.html" target="_blank">นิก นอสติทซ์ "ผมมาทำตามหน้าที่ของความเป็นมนุษย์"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/56.html" target="_blank">อาข่า...พาไปชมตลาด...มาดูว่าข้าวของไม่ได้แพงอย่างสลิ่มว่านะ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/86.html" target="_blank">ยาจีนโบราณ ไข่ไก่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก กินแล้วหายหลายโรค</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_28.html" target="_blank">ตอแหล ตลบตะแลง กวนตีน สิ่งที่ไอ้ฟักและพรรคของมันคิดว่าเท่เหลือเกินในสภา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/87-googlemap-360.html" target="_blank">ลูกเล่นใหม่ GoogleMap ดูได้รอบทิศทาง360องศาหน้าบ้านตัวเอง-คนอื่น</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/04/57.html" target="_blank">แม่ค้ารุมกรี๊ด! ภาพนายกฯปู กินก๋วยเตี๋ยว-เดินตลาดนางเลิ้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/04/13.html" target="_blank">"ไหว้พี่เค้าสิ"....วลีนี้บาดลึกและสะเทือนไกลไปถึงไหน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/04/88.html" target="_blank">ไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อยไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.426886667325361.115366.100000120933242&type=3&l=7497e3d4f3" target="_blank">คลิปและภาพนายกฯปูเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.youtube.com/playlist?list=PLD63435625E518CC1" target="_blank">คลิปนายกฯทักษิณร้องเพลงเวทีคนเสื้อแดงที่กัมพูชา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/04/58-300.html" target="_blank">เปิดตัว "เอ็มแรป" โมเดล! สุดคุ้มขึ้นค่าแรง 300 บาทบริษัทโชว์กำไรพุ่ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/04/100.html" target="_blank">ขอยืนยัน ข้าวแกงจานละ 100 บาท หรือกว่า ร้อยบาท มีจริง แพงจริง...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/04/89.html" target="_blank">เหอ เหอ... พณฯท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติในสภาฯ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/04/14.html" target="_blank">ผู้ที่มี "วิสัยทัศน์" นั้น ย่อมต่างจากคนที่ยังครอบหัวกบาลตัวเอง ด้วย "กะลาทัศน์"...</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ปี๋เก่าก็ล่วงไปแล้ว ปี๋ใหม่แก้วก็มาฮอดมาเติง...</strong></span><br />
<br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/tBSEyX9v1nc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/lt1XomrXSjA" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
(สร้อย) ปี๋เก่าก็ล่วงไปแล้ว ปี๋ใหม่แก้วก็มาฮอดมาเติง ประเพณีปี๋ใหม่เมืองเฮา ทั้งหนุ่มเฒ่า เฮาล้วนร่ำเปิง ต่างก็แห่ฟ้อนรำตามเจิง สำราญรื่นเริงฮ่วมกันเล่นน้ำ<br />
<br />
ญ. ปี๋แล้วมีตุ๊กมีเศร้า พอสิ้นปี๋เก่าเฮาขอลืมมัน ปี๋ใหม่เมืองเฮาสำคัญ กึ๊ดทีม่วนงันสุขสันต์กันไป<br />
<br />
ช. ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา ต่างไปสู่วัดวาปากันฟังเทศน์ธรรม ดื่มด่ำผลบุญอุ่นใจ ฮ่วมงานบุญสุนทานทำดี ประเพณีขนทรายทั่วไป ได้แอ่วม่วนใจ๋ ได้ผลบุญนำ (สร้อย)<br />
<br />
ญ. ดำหัวคนเฒ่าคนแก่ คุณป้อคุณแม่ เกยเลี้ยงเฮามา ครูที่อบรมวิชา ขอไปสุมาไหว้สาความดี<br />
<br />
ช. ฟังกำตี้เปิ้นปั๋นปอน ฮื้อเฮาอยู่ถาวร ยืนยาวฮ่มเย็น เปรียบเป็นสมบุญมั่งมี แอ่วกันไปฮดน้ำกัน แห่กันไปขนทรายม่วนดี ปี๋ใหม่เมืองนี้ ตลอดปี๋เฮาจ๋ำ (สร้อย)<br />
<br />
ญ. ปี๋แล้วมีตุ๊กมีเศร้า พอสิ้นปี๋เก่าเฮาขอลืมมัน ปี๋ใหม่เมืองเฮาสำคัญ กึ๊ดทีม่วนงันสุขสันต์กันไป<br />
<br />
ช. ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา ต่างไปสู่วัดวาปากันฟังเทศน์ธรรม ดื่มด่ำผลบุญอุ่นใจ ฮ่วมงานบุญสุนทานทำดี ประเพณีขนทรายทั่วไป ได้แอ่วม่วนใจ๋ ได้ผลบุญนำ (สร้อย)<br />
<br />
ญ. ดำหัวคนเฒ่าคนแก่ คุณป้อคุณแม่ เกยเลี้ยงเฮามา ครูที่อบรมวิชา ขอไปสุมาไหว้สาความดี<br />
<br />
ช. ฟังกำตี้เปิ้นปั๋นปอน ฮื้อเฮาอยู่ถาวร ยืนยาวฮ่มเย็น เปรียบเป็นสมบุญมั่งมี แอ่วกันไปฮดน้ำกัน แห่กันไปขนทรายม่วนดี ปี๋ใหม่เมืองนี้ ตลอดปี๋เฮาจ๋ำ<br />
<br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="https://sites.google.com/site/eastnorthhh/xaebpla" target="_blank">คลิกที่นี่...ไปดูภาพประวัติศาสตร์กันครับ</a><br />
<br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/-MZhQhJII9g" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/6_A6AJZYcso" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>11 เมษายน 2555 นายกฯทักษิณถึงลาว</strong></span><br />
<br />
11 เม.ย.2555 ที่นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางมาถึงแล้วเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. โดยบินลงมาที่สนามบินทหารภายในนครเวียงจันทน์ เวลาประมาณ 12.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเดินทางต่อมายังโรงแรมกรีน บูติก โฮเต็ล เพื่อพักรับประทานอาหาร<br />
<br />
<center><img border="0" src="http://upic.me/i/dw/ty01510.jpg"></center><br />
<center><img border="0" src="http://upic.me/i/bu/ty02510.jpg"></center><br />
<center><img border="0" src="http://upic.me/i/gl/ty03510.jpg"></center><br />
<center><img border="0" src="http://upic.me/i/56/ty04510.jpg"></center><br />
<center><img border="0" src="http://upic.me/i/mt/ty05400.jpg"></center><br />
<center><img border="0" src="http://upic.me/i/g5/ty06510.jpg"></center><br />
<center><img border="0" src="http://upic.me/i/57/ty07510.jpg"></center><br />
<center><img border="0" src="http://upic.me/i/dv/ty08510.jpg"></center><br />
<center><img border="0" src="http://upic.me/i/fe/ty09510.jpg"></center><br />
<center><img border="0" src="http://upic.me/i/py/ty10400.jpg"></center><br />
<center><img border="0" src="http://upic.me/i/5x/ty11510.jpg"></center><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.425564547457573.115132.100000120933242&type=3&l=4c7ca24e0e" target="_blank">ดูภาพต่อ มีที่นี่อีกเพียบ!!</a><br />
<br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/Oc2WTK24JaE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/EmiW55fYpuU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<center><iframe width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/rJaU0InaDAw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></center><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.asiaupdate.tv/live" target="_blank">ดูถ่ายทอดสดเวทีคนเสื้อแดงจากประเทศกัมพูชาที่นี่...</a><br />
<br />
<center><object width="480" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/p/D63435625E518CC1?hl=th_TH&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/p/D63435625E518CC1?hl=th_TH&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" width="480" height="390" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></center>eye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-40721681814859835322012-03-14T21:19:00.009+07:002012-04-10T16:27:14.023+07:0090 สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในใจของคนเป็นหมอ...คือการได้ทำตามคำสั่งสุดท้ายของคนไข้นั่นเอง<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/80.html" target="_blank">"วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/77.html" target="_blank">เข้าครัว...ทำกับข้าวคลายเครียด!! ผมทำได้ คุณก็ทำได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post_25.html" target="_blank">สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/78-112-112-112.html" target="_blank">เรื่อง... ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.401245353222826.109861.100000120933242&type=3&l=19bd24ac2e" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ญี่ปุ่น ชุดที่8</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.414188955261799.112770.100000120933242&type=3&l=e20dc01751" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เกาหลีใต้ ชุดที่9</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/82.html" target="_blank">82 ต้องรู้..ต้องรู้...ภาระหน้าที่"เมษายน"ทุกๆปี นะจ๊ะ!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/55.html" target="_blank">55... มาร์คครับ หยุดใช้วาทกรรมแก้รัฐธรรมนูญทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งเลยครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post.html" target="_blank">สุดยอดไปเล้ย ก้อคุณพี่ทิศใต้นะสิคะ บอกไม่กลับบ้านก็ได้ทุกวันนี้สบายดี</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/11.html" target="_blank">11 "ปู"พา"ไปป์"ไปญี่ปุ่นด้วย ให้พี่เลี้ยงพาเที่ยวแทน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/84.html" target="_blank">84 คุณชวนนท์ครับ ออกมาดูโลกภายนอกบ้างเถอะครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/12.html" target="_blank">12 เคยเห็นมั้ย!! แมงสาปดิ้นใน"บ้านทรายทอง"กรุงโตเกียวญี่ปุ่นโน่น...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/03/80.html" target="_blank">80 สังคมไทยป่วย หรือเป็นผลผลิตจากการโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_13.html" target="_blank">นิก นอสติทซ์ "ผมมาทำตามหน้าที่ของความเป็นมนุษย์"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/56.html" target="_blank">อาข่า...พาไปชมตลาด...มาดูว่าข้าวของไม่ได้แพงอย่างสลิ่มว่านะ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/86.html" target="_blank">ยาจีนโบราณ ไข่ไก่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก กินแล้วหายหลายโรค</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_28.html" target="_blank">ตอแหล ตลบตะแลง กวนตีน สิ่งที่ไอ้ฟักและพรรคของมันคิดว่าเท่เหลือเกินในสภา</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/87-googlemap-360.html" target="_blank">ลูกเล่นใหม่ GoogleMap ดูได้รอบทิศทาง360องศาหน้าบ้านตัวเอง-คนอื่น</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/04/57.html" target="_blank">แม่ค้ารุมกรี๊ด! ภาพนายกฯปู กินก๋วยเตี๋ยว-เดินตลาดนางเลิ้ง</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/04/13.html" target="_blank">"ไหว้พี่เค้าสิ"....วลีนี้บาดลึกและสะเทือนไกลไปถึงไหน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/04/88.html" target="_blank">ไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อยไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อย</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ยอดเยี่ยมจริงๆ!!!! ฉุกเฉินรักษาได้ทุก รพ.</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: เสรีชนประชาไท</span><br />
<br />
ข่าวดี ผลงานสุดยอดรัฐบาลยิ่งรัก เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2555 ใครป่วยฉุกเฉินรักษาได้ทันทีทุกแห่ง เอกชน รัฐไม่สำคัญ แต่ต้องมีบัตรทองบัตรสามสิบบาทหรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า มีบัตรประกันสังคม มีบัตรรักษาข้าราชการ พูดง่ายๆ คือ แทบทุกคนจะอยู่ใต้ระบบใหม่นี้ ที่เลียนแบบอเมริกา ฉุกเฉินรักษาได้ทุกที่ โรงพยาบาลใหญ่ เล็ก แล้วให้โรงพยาบาลที่ประชาชนเข้ารักษาฉุกเฉินส่งเงินมาเบิกจากสามกองทุนประกันสุขภาพข้างต้นเอง<br />
<br />
ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ นายอภิสิทธิ์ดีแต่พูด เกิดขี้ราดกางเกง หรือต่อมอิจฉาแตก ล้มฟุบกลางถนนหน้าโรงพยาบาลทุ่งหมาเมิน เข้ารักษาได้ทันที ถ้านายอภิสิทธิ์ เป็นสมาชิกสามกองทุนดังกล่าว หรือคนเสื้อแดงอดอาหารประท้วงเกิดฟุบหน้าโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน คนเสื้อแดงไม่ต้องวิ่งไปโรงพยาบาลเทศบาล อุ้มเข้ารักษาผ่าตัดที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนได้ทันที<br />
<br />
ทั้งนี้ มีข้อตกลงว่าทั้ง 3 ระบบกองทุนจะใช้มาตรฐานเดียวกัน หากผู้ป่วยไปใช้บริการนอกระบบที่ตนเองมีสิทธิอยู่ ก็ให้คิดค่ารักษาในอัตรา 10,500 บาทต่อระดับความรุนแรงของโรค (RW) และคิดค่ารักษากรณีรักษาพยาบาลทั่วไป เช่น การทำแผล จากอุบัติเหตุ ก็ให้คิดตามอัตราที่กรมบัญชีกลางกำหนดไว้<br />
<br />
ปัญหาคือ รักษาฉุกเฉินจะอยู่กี่วัน รมว.สาธารณสุข นายวิทยา บูรณศิริ เผยว่า "ให้บริการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินตามระบบปกติของทั้ง 3 กองทุน และจะดูแลจนกว่าผู้ป่วยจะอาการทุเลาและกลับบ้านได้ หรือส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลในระบบ โดยไม่ต้องมีระยะเวลาสิ้นสุด 72 ชั่วโมงเหมือนที่ผ่านมา"<br />
<br />
ข้อยกเว้น: กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าวางหลักเกณฑ์ไว้ 4 ข้อ ที่จะไม่สามารถอนุมัติการรักษาให้แก่ผู้ป่วย ได้แก่ การรักษาเพื่อความสวยงาม การรักษาที่เกินความจำเป็น หรือเป็นการทดลองทางการแพทย์ การรักษาการมีบุตรยาก และเป็นการรักษาที่ไม่เป็นไปตามแพทย์ระบุ<br />
<br />
พูดง่ายๆ ตัวอย่าง นางรังสิมาฉี่ฉุน อยากให้สวยเหมือนนางยิ่งรักหน้าหวาน นางรังสิมา จะขอเข้าฉุกเฉินที่โรงพยาบาลอบผิวศัลยกรรมชั้นดีให้แปลงหน้าตนสวยเหมือนนางฟ้าแบบนี้ รัฐหรือกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไม่จ่าย กรณีตามปัญหานี้นางรังสิมาต้องจ่ายเอง<br />
<br />
<center><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/d9c/mkLbqQ.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในใจของคนเป็นหมอ...คือการได้ทำตามคำสั่งสุดท้ายของคนไข้นั่นเอง</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">เรื่องสั้น ฉ.๒๔๓๐ "คำสั่งสุดท้าย" โดย ชัญวลี ศรีสุโข</span><br />
<a href="http://www.sakulthai.com/ruengson/ruengson2430.htm" target="_blank">http://www.sakulthai.com/ruengson/ruengson2430.htm</a><br />
<br />
คนไข้รายนั้นหอบเหนื่อยมาก หน้ากากออกซิเจนครอบอยู่บนหน้า กระนั้นรูจมูกยังบานพะเยิบพะยาบ ร่องไหปลาร้าบุ๋มลึกยามสูดลมหายใจอย่างลำบากเข้าไปแต่ละครั้ง เพียงแต่เดินเข้าไปใกล้ก็เห็นดวงหน้าที่เซียว ปลายมือปลายเท้าสีซีด เรือนร่างผ่ายผอม ยกเว้นท้องที่นูนเห็นเด่นชัด เธอตั้งครรภ์ไปแปดเดือนเต็ม<br />
<br />
"คุณอุ่นเรือนอายุ 22 ปี เป็นไข้มาสามวัน มีอาการหอบเหนื่อย" พยาบาลบอกฉันเพียงนั้น แต่เมื่ออ่านประวัติในแผ่นการรักษาของแพทย์ ฉันรู้ว่าเธอเป็นโรคเอดส์ ไม่มีสามี ตั้งครรภ์มาจากกรุงเทพฯ อาศัยอยู่บ้านเพียงลำพัง ไม่เคยฝากครรภ์ที่ไหนมาก่อน พ่อแม่ไม่เห็นลูกสาวออกจากบ้านเลยไปดู พบว่าเธอนอนซมเป็นไข้ จึงพามาโรงพยาบาล<br />
<br />
"หมอ..." เธอเอื้อมมือสั่นสะท้านปลดหน้ากากออกซิเจนออก แล้วพูดว่า "วันนี้...ลูก...ไม่ดิ้น...เลย"<br />
<br />
ลูกไม่ดิ้น...นี่แหละที่ฉันมาดูอาการของเธอก็ด้วยเรื่องนี้ อายุรแพทย์ผู้ดูแลเธอบอกฉันว่า เธอติดเชื้อพีซีพีในปอด ซึ่งเป็นเชื้อที่พบได้บ่อยในคนในเอดส์ระยะสุดท้าย เชื้อนี้รุนแรงมากจนทำให้ระบบหายใจล้มเหลว แม้ในยามฆ่าเชื้อเต็มที่ ดูแลเต็มที่ อาการก็ไม่ดีขึ้น เธอทรุดลงเรื่อยๆ เข้าใจว่าเธออาจจะไม่รอด ถ้าเธอตายลูกในท้องต้องตายตามแน่นอน แล้วตอนนี้ ตอนที่เธอยังมีลมหายใจอยู่ เรื่องลูกในท้องจะทำอย่างไรดี...อายุรแพทย์ปรึกษาฉัน สูติ-นรีแพทย์<br />
<br />
คนไข้โรคเอดส์ตั้งครรภ์ที่ไม่ได้รับยาต้านไวรัสมาก่อน โอกาสลูกในครรภ์ติดเชื้อเอดส์ก็ประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ลูกในครรภ์อายุแปดเดือน น้ำหนักน่าจะได้ประมาณใกล้สองกิโล...น่าจะรอด เพียงต้องเลี้ยงในตู้อบอีกสักช่วง แต่ถ้าเอาเด็กออกจากท้องแม่ตอนนี้ แม่จะต้องตายทันที เพราะแม่อาการหนักเช่นนี้ คงไม่สามารถทนการให้ยาชา ยาสลบ และการเสียเลือดจากการผ่าคลอดได้เลย<br />
<br />
ฆ่าแม่เอาลูก...เช่นนั้นหรือ เพียงคิดฉันก็รู้สึกเจ็บปวด แต่ถ้าไม่เอาเด็กออกมีหวังตายทั้งแม่ทั้งลูก<br />
<br />
"หัวใจเด็กเต้นดีไหม" ฉันหันมาถามพยาบาล ประเมินสภาพของเด็ก<br />
<br />
"ปกติดีค่ะ ร้อยสี่สิบครั้งต่อนาที ตกลงหมอวางแผนอย่างไรต่อคะ" พยาบาลถาม<br />
<br />
"ยังไม่รู้เลย" ฉันบีบขมับตน มองดูอุ่นเรือน แม้เธอหอบมาก แต่เธอยังมีสติดี ไม่รู้ว่าเธอรู้หรือไม่ว่าเวลาของเธอเหลือน้อยเต็มทนแล้ว เธอยังถามอย่างห่วงใยลูกว่า<br />
<br />
"ลูก...ไม่ดิ้น...ลูก...จะ...เป็น...อะไร...หรือ...เปล่า"<br />
<br />
"ตอนนี้หัวใจเด็กได้ยินดีค่ะ คุณอุ่นเรือนทำใจให้สบาย ลูกยังไม่เป็นไร"<br />
<br />
"หมอ...ถ้า...หนู...เป็นไร..." เธอสบตาฉัน หอบจนตัวคลอน "หมอ...ช่วย...ลูก...ด้วย"<br />
<br />
ฉันสะอึกกับคำพูดนั้น นี่แหละคือความรักของแม่ ความรักที่บริสุทธิ์ปราศจากความเห็นแก่ตัว ฉันเชื่อ...ถึงแม้ฉันจะบอกความจริงว่า...หากหมอช่วยลูก อุ่นเรือนต้องจบชีวิตลง เธอก็คงยินยอมอย่างยินดี...ไม่อาจตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ฉันจึงให้พยาบาลตามญาติของคนไข้มาพบ<br />
<br />
<center><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/262/hxCGx7.jpg"></center><br />
พ่อแม่ของอุ่นเรือนอยู่ในวัยชรา แต่งตัวแบบชาวไร่ชาวนาทั่วไป ท่าทางเกรงๆ หมอและพยาบาล เมื่อเข้ามาในห้องพัก พวกเขาไม่กล้านั่งที่เก้าอี้ ได้แต่ยืนตัวลีบ จนฉันกล่าวซ้ำว่า "คุณลุงคุณป้านั่งก่อน..." เมื่อพวกเขานั่งเรียบร้อย ฉันจึงเริ่มปรึกษา "คุณลุงคุณป้า เป็นพ่อของอุ่นเรือนใช่ไหม"<br />
<br />
"ครับมันเป็นลูกคนที่สิบเอ็ด" ชายชราตอบ ท่าทางเขาสบายใจขึ้น เมื่อฉันถามอย่างไม่รีบเร่ง<br />
<br />
"คุณอุ่นเรือนตอนนี้ท้องแปดเดือน เด็กในท้องยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้คุณอุ่นเรือนหอบเหนื่อยมาก คุณลุงคุณป้าก็เห็น หมอดูแลในยาเต็มที่แล้วก็ไม่ไหว ปอดแม่ติดเชื้อมาก โอกาสรอดน้อยเต็มที ถ้าไม่ทำอะไร อาจจะไม่ได้ทั้งแม่และลูก"<br />
<br />
"หมอเอาลูกมันออกไปเลย ให้แม่มันรอด ลูกมันตายก็ช่างเถอะ" หญิงชราบอก เธอยกแขนเสื้อขึ้นซับน้ำตา ฉันถอนหายใจ เพราะมันเป็นทางตรงกันข้าม<br />
<br />
"คุณลุง คุณป้า ถ้าหมอผ่าตัดเอาเด็กออกจากท้องแม้ ลูกอาจจะรอด แต่แม่อาจจะเสียชีวิตเร็วขึ้น แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย แม่กับลูกมีหวังไม่รอด" ชายหญิงชรามองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจ<br />
<br />
"หมอ เอาว่า ทำอย่างไรก็ได้ให้แม่รอดก็พอ"<br />
<br />
"คุณลุงคุณป้า" ฉันพยายามอธิบายต่อ "คุณอุ่นเรือนอาการหนักมาก อย่างไรคงไม่รอด จะช้าจะเร็วเท่านั้น หมอถามตรงๆ ว่าคุณลุงคุณป้าจะเอาหลานในท้องของคุณอุ่นเรือนไหม ถ้าเอาหมอจะผ่าออกให้ แต่แม่คงจะเสียชีวิตในไม่ช้า"<br />
<br />
"อีอุ่นจะต้องตายหรือหมอ หมอต้องช่วยมัน ต้องช่วยมัน อย่าให้มันตาย...อีอุ่น...อีอุ่น" หญิงชราคร่ำครวญมือปิดหน้าร้องไห้ พ่อของอุ่นเรือนกัดกรามทำตาแดงๆ พูดอย่างตัดสินใจ "แล้วแต่หมอก็แล้วกัน"<br />
<br />
กลับเข้าไปดูอาการของอุ่นเรือนอีกอย่างลำบากใจ ใช้เครื่องอุลตร้าซาวน์ตรวจทารกในครรภ์ พบว่าแม้เด็กยังมีชีวิตอยู่ แต่หัวใจเต้นอย่างอ่อนแรง ไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีการหายใจ ประเมินน้ำหนักเด็กจากโปรแกรมในเครื่อง หนึ่งกิโลกับอีกเจ็ดขีดเท่านั้น<br />
<br />
"คุณอุ่นเรือน" ฉันคุยกับมารดาที่อาการแย่ลงอีกอย่างรวดเร็ว ปลายมือปลายเท้าเริ่มเขียวจางๆ เธอเหนื่อยจนแทบพูดคุยไม่ได้<br />
<br />
"คุณจะให้หมอผ่าเอาลูกออกไหม ถ้าอยู่ในท้องเด็กคงแย่ แต่ถ้าผ่าออก หมอก็ไม่รู้ว่าคุณจะทนไหวไหม"<br />
<br />
"หมอ...ฉัน...ยอม...ตาย...เอา...ออก...เถอะ...ขอ...ลูก...รอด" อุ่นเรือนพูดๆ หยุดๆ ขณะหอบตัวโยน มือสั่นเทายกไหว้ เมื่อฉันรับไหว้คล้ายให้คำสัญญา ตาเธอใสแจ๋วขณะปรากฏรอยยิ้มบางๆ ตรงข้ามกับอาการหายใจที่หนักหนาเหลือเกิน<br />
<br />
"หัวใจเด็กเต้นไม่ปกติ แค่ร้อยครั้ง ไม่สม่ำเสมอ" พยาบาลที่เฝ้าอาการร้องบอกฉัน ตอนนี้ความดันโลหิตอุ่นเรือนตกเหลือแค่เจ็ดสิบสามสิบ<br />
<br />
"บอกห้องผ่าตัดให้เตรียมผ่าตัดคนไข้คลอดตอนนี้เลย" ฉันตัดสินใจ<br />
<br />
ในชุดป้องกันน้ำเลือดและสารคัดหลั่งต่างๆ ฉันใส่ยาชาเข้าไปในไขสันหลังของคนไข้ เพื่อให้ชาครึ่งท่อน เสร็จแล้ว พยาบาลทำความสะอาดหน้าท้อง ฉันทาน้ำยาที่หน้าท้องคนไข้ เตรียมผ่าตัด<br />
<br />
"หมอความดันแม่วัดไม่ได้ ชีพจรเบาเร็ว ตอนนี้ร้อยยี่สิบครั้งต่อนาที" เสียงวิสัญญีพยาบาลร้องบอก เหลือบตามองน้ำเกลือ และเลือดที่พยาบาลเร่งฉีดเข้าตัวคนไข้...ฉันเร่งมือใช้มีดผ่าตัดกรีดชั้นหน้าท้อง เมื่อเข้าช่องท้อง ใช้มีดกรีดด้านล่างของตัวมดลูก ใช้กรรไกรตัดให้กว้างพอ มือคว้าควักทารกในมดลูกออกมา ทารกเพศหญิงตัวเล็กจิ๋ว ตัวอ่อนปวกเปียก ผิวซีดบางจนเห็นเส้นเลือดใต้ผิว เมื่อตัดสายสะดือของเด็ก ไม่มีเสียงร้อง ร่างจ้อยนั้นหายใจกระตุกสองครั้งและเงียบไป ฉันรีบส่งเด็กทารกให้กุมารแพทย์ที่มาคอยรับเด็ก...ดูแล มือสั่นเทาคว้าผ้าสวอบที่ใช้ซับเลือดยัดเข้าไปในช่องมดลูกเพื่อห้ามเลือดชั่วคราว เพราะวิสัญญีพยาบาลร้องบอก "หมอ...แม่หยุดหายใจ"<br />
<br />
เมื่อฉันลงจากเตียงผ่าตัด ทีมปฏิบัติการช่วยชีวิตแม่พร้อมแล้ว พยาบาลวิสัญญีใส่ท่อช่วยหายใจ พยาบาลอีกคนปีนขึ้นเตียง ใช้มือซ้อนกันปั๊มหัวใจอุ่นเรือนเป็นจังหวะสลับกับการบีบลมเข้าไปในปอด<br />
<br />
ฉันสั่งฉีดยาอดรีนาลีนกระตุ้นการเต้นของหัวใจ ฉีดไบคาร์บฯ ที่ช่วยแก้ภาวะความเป็นกรดในเลือด การปฏิบัติการช่วยชีวิตขั้นสูงดำเนินไปถึงสองชั่วโมง เหงื่อไหลท่วมตัวไม่เท่าความรู้สึกเหนื่อยหนักหนาแสนสาหัสที่ไหลบ่าเข้าท่วมกายใจของหมอและพยาบาล เมื่อรู้ว่าการช่วยชีวิตล้มเหลว คนไข้ไม่อาจกลับฟื้นคืนชีพได้ เสียงทารกที่หมอเด็กช่วยชีวิตเริ่มร้องเบาๆ ยิ่งทำให้ทุกคนสลดใจในความเป็นลูกกำพร้า ยุติการช่วยชีวิตอย่างเหนื่อยอ่อน ฉันเย็บมดลูกคืนที่เดิม เย็บหน้าท้องปิด อย่างอาการใจเสีย...คนไข้รายนี้ตายแบบดีโอที (Dead on table) คือตายในห้องผ่าตัด คุณพระคุณเจ้า...ฉันทำถูกหรือเปล่า ที่ผ่าตัดคลอดคนไข้คนนี้<br />
<br />
แทบไม่อยากเจอญาติของอุ่นเรือนเลย สูดหายใจลึกหลายครั้ง เมื่อออกไปเผชิญหน้าพ่อแม่ของเธอ "คุณลุงคุณป้า หมอเสียใจมาก คุณอุ่นเรือนอาการหนัก ได้เสียชีวิตเมื่อผ่าเอาลูกออก ลูกตอนนี้รอดแต่คงต้องเข้าตู้อบสักพัก หมอพยายามทำดีที่สุดแล้ว หมอเสียใจด้วยจริงๆ" ไม่อาจพูดอะไรได้มาก มันเป็นจรรยาแพทย์ที่ไม่อาจบอกใครว่ามารดาเป็นโรคเอดส์ ตราบใดที่คนไข้ไม่อนุญาต<br />
<br />
แม่ของอุ่นเรือนร้องไห้โฮ ขณะพ่อกัดกรามแน่น เสียงตัดพ้อของหญิงชราราวมีดเสียบทะลุหัวใจของฉัน "หมอถ้าหมอรู้ว่าอีอุ่นมันทนผ่าไม่ไหว มันต้องตาย หมอจะผ่าเอาเด็กออกมาให้แม่มันตายทำไม"<br />
<br />
"นั่นนะสิ ทำไม ทำไม" ฉันพร่ำถามตนเอง ฉันทำถูกไหม คนเรามีสิทธิ์เลือกความตายเพื่อให้คนอื่นอยู่รอดหรือไม่ ใจหมองหม่นจนไม่เห็นความงามของพระจันทร์เต็มดวงสีเหลือนวลเปล่งกระจายรัศมีรอบท้องฟ้าสีอ่อนโยนไร้เมฆหมอกแลดวงดาว ลมเย็นพัดมาเอื่อยๆ ขณะนั่งซึมกระทืออยู่ที่ระเบียงบ้าน ซบหน้าลงกับแขน รู้สึกเจ็บปวดสะท้อนสะท้านใจกับการตายของแม่เพื่อให้ลูกมีชีวิตอยู่<br />
<br />
วาบเย็นที่ท้ายทอยราวมีใครลูบ หันหลังไปดู พบคนไข้อุ่นเรือนในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ตัวเธอวาววามวูบวาบเป็นประกายงดงาม ใบหน้ายิ้มละไม เธอเดินเข้ามาลูบนิ้วก้อยของฉันบางเบา กระแสความอบอุ่นประหลาดแล่นสู่ขั้วหัวใจ เธอน้อมหัวลงอย่างขอบคุณ ก่อนเลื่อนลอยลับหายไปในดวงจันทรา สะดุ้งตื่นจึงรู้ว่าฝันไป ก้มมองนิ้วก้อยเห็นรอยเปียกน้ำยังคงอยู่ชัดเจน บางทีฉันเองอาจจะพาดมือพาดแขนลงกับระเบียงที่เปียกน้ำค้าง จนฝันขึ้นมาเป็นตุเป็นตะ<br />
<br />
<center><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/a2f/Z9SaLk.jpg"></center><br />
เช้าวันนี้ฉันไปแวะเยี่ยมลูกคุณอุ่นเรือนที่ห้องเด็กอ่อนเช่นเคย ไม่น่าเชื่อว่าเพียงสัปดาห์เดียว เด็กหญิงคนนี้สามารถออกจากเครื่องช่วยหายใจได้ แม้จะยังต้องให้น้ำเกลือและอยู่ในตู้อบ หมอเด็กบอกฉันว่าเรื่องการติดเชื้อเอชไอวีหรือรับไวรัสเอดส์จากแม่นั้น ตอนนี้ยังคงบอกไม่ได้ คงต้องติดตามกันไปเป็นระยะ ถ้าพ้นห้าปีแล้วเด็กไม่มีอาการติดเชื้อ และผลเลือดเป็นปกติ ก็คงปลอดภัย<br />
<br />
เข้าไปดูใกล้ๆ ผ่านกระจก เห็นใบหน้าเล็กๆ จิ้มลิ้ม ผิวสีชมพูอ่อน ปากนิดจมูกหน่อย น่ารักจนอดยื่นมือที่ล้างฆ่าเชื้อแล้วเข้าไปในตู้อบไม่ได้ ทารกน้อยใช้นิ้วคว้านิ้วก้อยของฉันหมับ รู้สึกอุ่นวาบที่นิ้ว ดวงตาทารกน้อยลืมขึ้น ปรากฏรอยยิ้มจางๆ บนริมฝีปาก เหมือนใครสักคนที่ยิ้มให้ฉันเมื่อบอกว่า "หมอ...ฉัน...ยอม...ตาย...เอา...ออก...เถอะ...ขอ...ลูก...รอด" ฉันยืนตะลึง ดวงตาร้อนผ่าว<br />
<br />
หมอเด็กเห็นฉันยืนนิ่ง ราวเขารู้ความขัดแย้งในในของฉัน เขาย้ำว่า "พี่ ผมว่า ที่พี่ทำถูกแล้ว ที่ผ่าเอาเด็กออก ถ้าอยู่ในท้อง เด็กกับแม่ก็คงตายไปด้วยกัน"<br />
<br />
นิ้วน้อยๆ ยังกำนิ้วฉันแน่น ยืนยันว่า ชีวิตหนึ่งได้อยู่รอดแล้ว ฉันพยักหน้ารับคำพูดของหมอเด็ก แม้บัดนี้ได้เกิดความหนักแน่นในใจแล้ว...จริงๆแล้วมันไม่สำคัญดอก ว่าใครจะคิดจะพูดว่ากระไร เพราะสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในใจของคนเป็นหมอ...คือการได้ทำตามคำสั่งสุดท้ายของคนไข้นั่นเองeye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-5327790420502466942012-02-17T16:24:00.021+07:002012-03-13T15:30:49.640+07:0089 อีแปะมันหด-อัศจรรย์ปาฏิหาริย์-โด่ไม่รู้ล้ม<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/80.html" target="_blank">"วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/77.html" target="_blank">เข้าครัว...ทำกับข้าวคลายเครียด!! ผมทำได้ คุณก็ทำได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post_25.html" target="_blank">สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/78-112-112-112.html" target="_blank">เรื่อง... ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.401245353222826.109861.100000120933242&type=3&l=19bd24ac2e" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ญี่ปุ่น ชุดที่8</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/82.html" target="_blank">82 ต้องรู้..ต้องรู้...ภาระหน้าที่"เมษายน"ทุกๆปี นะจ๊ะ!!</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/03/55.html" target="_blank">55... มาร์คครับ หยุดใช้วาทกรรมแก้รัฐธรรมนูญทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งเลยครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post.html" target="_blank">สุดยอดไปเล้ย ก้อคุณพี่ทิศใต้นะสิคะ บอกไม่กลับบ้านก็ได้ทุกวันนี้สบายดี</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/11.html" target="_blank">11 "ปู"พา"ไปป์"ไปญี่ปุ่นด้วย ให้พี่เลี้ยงพาเที่ยวแทน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/03/84.html" target="_blank">84 คุณชวนนท์ครับ ออกมาดูโลกภายนอกบ้างเถอะครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2012/03/12.html" target="_blank">12 เคยเห็นมั้ย!! แมงสาปดิ้นใน"บ้านทรายทอง"กรุงโตเกียวญี่ปุ่นโน่น...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/03/80.html" target="_blank">80 สังคมไทยป่วย หรือเป็นผลผลิตจากการโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/03/blog-post_13.html" target="_blank">นิก นอสติทซ์ "ผมมาทำตามหน้าที่ของความเป็นมนุษย์"</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<br />
ขอขอบคุณและขออนุญาตคุณ kimeng suk นำข้อเขียนของท่านมาลงไว้เว็บนี้นะครับ<br />
<center><img src="http://upic.me/i/qr/qas01.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/ie/k0001.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>อีแปะมันหด</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
<font color="#0000FF">ตอนที่1</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/82-by-kimeng-suk.html">"ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่2</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/83-by-kimeng-suk.html">"คนไข้คนแรกของหมอใหม่หมาดๆ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่3</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/84-by-kimeng-suk.html">"ผีหลอกหมอ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่4</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/85-by-kimeng-suk.html">"อะไรทำให้ รวยและ รวย จากคนจนสุดๆกลายเป็นเศรษฐีใหญ่"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่5</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/86-by-kimeng-suk.html">"ถูกพ่อดูถูกถึงได้เป็นหมอ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่6</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/87.html">"ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมเป็นหมอทำแท้ง"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่7</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/88.html">"ทำไมถึงจนอย่างนี้"</a><br />
<br />
ตอนที่ยังรับราชการอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐบาล ถึงจะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญทางกุมารเวชศาสตร์ แต่ก็ต้องมีเวรออกตรวจ OPD ในตอนบ่าย ซึ่งเป็นการตรวจโรคทั่วๆไป ประมาณเดือนละ 4 ครั้ง สมัยนั้นหมอทำงานนอกเวลาให้โรงพยาบาล ไม่ว่าอยู่เวรนอกเวรใน หรือผ่าตัดนอกเวลาจะไม่ได้เงิน ค่าอยู่เวร ค่าผ่าตัดนอกเวลา อะไรทั้งนั้น ได้รับแต่เงินเดือนล้วนๆ ไม่เหมือนสมัยนี้ได้รับค่าทำงานล่วงเวลาทุกอย่างเพียบ เริ่มเข้าทำงาน 1,300 บาท ทำไป 10 ปี ได้ 5,000 บาท จึงลาออกไปทำเอกชน ได้เดือนละเกือบแสน<br />
<br />
เวลาออกเวรตรวจที่ OPD ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญโรคอะไร ก็ต้องมาตรวจได้ทุกโรค ตรวจโรคเด็กๆ ซึ่งน่ารักน่าเอ็นดู ร้องจ๊ากๆ แงๆๆ ชักดิ้นชักงอ ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง พ่อแม่ตอบแทนให้หมดยังพอว่า พอมาตรวจคนแก่ ซึ่งหย่อนยานเหี่ยวย่นไปหมด แต่ไม่ร้องจ๊ากๆแงๆ (ถ้าคนแก่ร้องเหมือนกับเด็กๆ ตูขอตายดีกว่า) ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เพราะหูตึงหูดับไม่ได้ยิน ญาติต้องตอบแทนให้หมด เราก็จะบ้าเอา เพราะคนแก่มีอาการอย่างหนึ่ง แต่ญาติบรรยายอีกอย่าง มันช่างเหมือนกันบนความแตกต่างอย่างมาก<br />
<br />
เวลาออกตรวจ OPD จะมีเรื่องสารพัด ทั้งสุดแสนเศร้ารัดทด ฟังแล้วน้ำตาไหลแทนคนไข้เลยละ (แต่แป๊บเดียวหมอก็ลืมแล้ว เพราะวันๆมีเรื่องที่ต้องเจอสารพัดเรื่อง) บางเรื่องชวนโมโหโกรธา หน้ามืด ความดันขึ้นสุดปรอท แต่บางเรื่องก็ทั้งขำตลกและ ทั้งสมเพท ไปด้วย ลองดูแซมเปิ้ลสองสามเรื่อง แล้วลองคิดดูว่า ถ้าเจอกับตัวเองแล้วจะจัดการรักษาเขาอย่างไรดี<br />
<br />
มีอยู่สมัยหนึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวกันใหญ่ว่า กินแตงโมแล้ว ไอ้ของดีมันหด ที่จังหวัดนั่นจังหวัดนี่ หดกันใหญ่ ลงติดต่อกัน สามสี่วัน หนังสือพิมพ์ทำข่าวขายดี แต่เขาไม่รู้หรอกว่า ทำให้คนไทยป่วยเป็นโรคหดมากๆๆๆ เดือดร้อนหมอขนาดไหน เผลอๆหมอตรวจโรคนี้มากๆเข้าทุกวันๆ ก็จะติดโรคหดนี้ไปด้วย ถ้ามีหมอเป็นโรคหดด้วยอีกคน เป็นข่าวดังแน่ มีหวังแตงโมเมืองไทยสูญพันธุ์ไม่มีใครกล้ากิน หนังสือพิมพ์รวยเอ้ารวยเอา คนปลูกแตงโมเจ้งสนิทแน่<br />
<br />
เย็นวันหนึ่งขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจคนไข้ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเหี่ยวเฉาเหมือนต้นไม้ถูกน้ำร้อนลวก สีหน้าทุกข์ระทมมาก เข้ามานั่งแล้วบอกว่า "หมอครับช่วยผมด้วยครับ" "แล้วคุณเป็นอะไรมาละค่ะ" "ของผมมันหดครับ" ไอ้เราก็งงๆ เลยถามว่า "อะไรมันหดล่ะ"<br />
<br />
เขาตอบว่า "ผมไปกินแตงโมมา กินมากไปหน่อย มันเลยหดไปหมดเลย ดีนะที่ผมตะครุบมันไว้ทัน แล้วเอาเชือกผูกมันไว้ไม่งั้นไม่เหลือเลย หดหายไปหมด ผมตายแน่ๆ" เราก็เลยบอกให้ขึ้นนอนบนเตียงตรวจโรค แล้วบอกเขาว่า "เอาว่ามาอะไรมันหด จะได้จัดการให้"<br />
<br />
เขารีบดึงกุงเกงในลงมา โถ ช่างน่าสงสารไอ้จ้อยของเขามากเลย มันถูกเชือกผูกตรงปลายๆมัดติดกับต้นขาไว้ เหี่ยวห้อยคอตก ดูแล้วขนาดมันก็ปรกติดี ไม่เห็นมีหดหายไปตรงไหน ก็เลยถามเขาว่า "มันหดหายไปขนาดไหน" เขาบอกว่า "หายไปเป็นคืบ "ไอ้เราฟังแล้วก็สงสัยว่าปรกติของเขาจะยาวเป็นศอกเสียละมัง โห ชายไทยทั้งหลายทุกคน ต้องอิจฉาเขาแน่ๆ<br />
<br />
พอฟังแล้ว ก็รู้เลยว่าคนนี้ไม่ค่อยจะเต็มสองบาท มีแค่หกสลึง ซักไปซักมา เขาเป็นโรคนกเขาไม่ขันมาก่อน พอได้อ่านหนังสือพิมพ์ ก็กลัวว่ากินแตงโมแล้วมันจะทำให้หดหายไปหมด มันยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว ต้องรีบมัดไว้ก่อนมันจะหดมากกว่านี้ หมอฟังแล้ว ประสาทแดกแทนคนไข้<br />
<br />
เอาอีกเรื่องนะ วันนั้นก็มีคนไข้ผู้หญิงคนหนึ่ง วิ่งกระหืดกระหอบ เข้ามาขอลัดคิวตรวจ บอกว่า ฉุกเฉินมากๆ น่าตาวิตกกังวลสุดๆ เราก็ให้พยาบาลพามาพบ ถามว่าเธอเป็นอะไรมา เธอจัดแจงกุมที่เป้าทันที แล้วบอกว่า<br />
<br />
"หมอฉันไปกินแตงโมมา มันกำลังหดไปเรื่อยๆ หดจนจะหมดแล้วช่วยด้วยหมอ"<br />
<br />
เราก็ถามว่าอะไรหด เธอตอบว่า "อีแปะมันหด" เราก็งงๆตามไม่ทัน อะไรวะอีแปะ นึกๆอยู่ตั้งนาน อีแปะๆๆๆๆมันอะไรหนอ จึงถามว่า "อีแปะมีรูไหม" เธอตอบว่า "มีรูตรงกลางไงหมอ ไม่งั้นจะฉี่ออกหรือ" ถึงบางอ้อเลยเรา ศัพท์ใหม่นะนี่ ต้องไปลงในพจนานุกรมไทย<br />
<br />
เลยบอกว่า "ก็อีแปะมันแบนแต๊ดแต๊ มันจะไปหดหายไปตรงไหนได้อย่างไร" เธอตอบว่า "หมอไม่รู้อะไร ธรรมดาของฉันมันนูนกว่านี้มาก กินแตงโมแล้วมันหดแบนลงทันตาเห็น" ตูฟังแล้วเป็นงงมากๆ โรคอะไรวะ ไม่เคยได้ยิน อาจารย์ไม่เคยได้สอน มันคงเป็นโรคสมัยใหม่ของผู้หญิงยุคนี้ ที่อะไรต้องให้นูนๆไว้ก่อน หน้าให้นูนยังพอว่า แต่ไอ้อีแปะต้องนูนด้วยนี่ ถ้าไม่นูนสงสัยถึงจะหน้าสวยก็คงไม่มีใครรัก เฮ้อ กรรมของสัตว์โลก<br />
<br />
นึกในใจว่า นี่ตูจะไปทำให้มันนูน ขึ้นมาได้อย่างไร นึกไม่ออกรักษาไม่เป็นให้ยาไม่ถูก ให้ไปฉีดซิลิโคนน่าจะดีนะ เอาให้มันนูนหนำใจไปเลยเป็นไง เห็นด้วยกันไหม<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By boy:</span> ในยุคนั้น มีการปล่อยข่าวว่า ใครกินอาหารญวน แล้วเจี๊ยวจะหด เรียกว่า"โรคจู๋หด"<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By KMD:</span> เขียนแนวนี้บ่อยๆ แล้วกัน สนุกดีครับ ไม่ขอขัดคอครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By HVOF:</span> คนรุ่นก่อน รู้คำว่า อีแปะ หมายถึงอะไร ต่อมา จึงเพี้ยนเป็นอีปิ๊ การหลอกประโคมให้คนหลงเชื่ออะไรผิดๆ แล้วตนเองได้ประโยชน์มีอยู่ในสังคมไทยตลอดมา<br />
น่าสมเพท<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> จริงด้วยค่ะ คนที่ได้ประโยชน์ออกข่าวมาหลอกเอาเงินคนไทยก็บ่อย เช่นหลอกว่า กิน ลูกยอดี รักษาได้สารพัดโรค ทำน้ำลูกยอขายขวดล่ะ พันกว่าบาท กินน้ำสำรอง หญ้าปักกิ่ง มะรุม เห่อกันเป็นพักๆ คนที่ปลูกรอไว้ก่อนออกข่าวก็รวยไปแล้ว พอนานเข้าก็เลิกพูดถึง<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/o0/vr896.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>อัศจรรย์ปาฏิหาริย์</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
ตะก่อนนี้เราและสามีเป็นกลุ่มคนที่ไม่เชื่อว่าในโลกนี้ปาฏิหาริย์ (miracle) จะมีจริง เพราะไม่เคยเห็นหรือประสพด้วยตัวเอง ได้แต่ฟังเขาเล่าให้ฟัง บางครั้งก็ฟังจากผู้เล่าที่ประสพด้วยตัวเอง บางครั้งก็เล่าต่อๆกันมาแบบ ต้นตออยู่ไหนก็ไม่รู้ เล่าไปเล่ามา จากบาท ทบขึ้นๆเป็นร้อยบาท ฟังแล้วเราก็ไม่เชื่อถือ นึกในใจว่า ไอ้พวกนี้งมงาย คิดเอาเอง สรุปเอาเอง มันเป็นแบบลมพัดผ้าม่านไหว ก็นึกว่าผีหลอก ถ้ามีจริงเราต้องเจอด้วยตัวเอง เห็นกันจะจะ แบบไม่มีข้อโต้แย้งได้เลย เราถึงจะเชื่อ<br />
<br />
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น เกิดขึ้นกับครอบครัวของเราเอง ใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่นะ<br />
<br />
นานหลายปีแล้ว เรา สามีและครอบครัว ขับรถไปเที่ยวเชียงใหม่ ตอนจะออกจากบ้านสามีก็ตรวจตราดูรถยนต์ และเขาก็เปิดฝาหม้อน้ำเอาวางไว้บนแบตเตอรี่ เติมน้ำลงหม้อน้ำ เสร็จแล้วก็ลืมปิดฝาหม้อน้ำสนิท ปิดฝากระโปรงรถ ขับรถตรงดิ่งไปเชียงใหม่ แต่พอขับไปได้ราว 3 ชั่วโมง ทางกำลังอยู่บนเขา ความร้อนของรถก็ขึ้นสูงมาก สามีก็จอดรถ เปิดฝากระโปรงรถดู ควันลอยพุ่งเต็มไปหมด หม้อน้ำไม่มีน้ำ และฝาหม้อน้ำก็หายไป เรารอให้รถเย็นลง จึงขอน้ำชาวบ้านมาเติม แต่ไม่มีฝา ก็พากันตรวจหาดูฝาหม้อน้ำ ก้มดู หาดูตามซอกตามมุมอย่างละเอียด มันอาจจะไปค้างอยู่บ้าง เผื่อฟลุ๊ก เราก็ช่วยกันหา ดูแล้วดูอีกไม่เจอ<br />
<br />
พอดีสามีก้มตัวลง ทำให้พวงพระเครื่องที่ห้อยคอ ซึ่งเป็นพระเครื่องหลวงพ่อองค์หนึ่งวัดใหญ่ทางฝังธนบุรี ไปกระทบรถดังได้ยินชัดเจน สามีก็นึกได้ จึงกำพวงพระเครื่องไว้ในมือ แล้วก็สงบนิ่งตั้งอธิษฐานจิตว่า "หลวงพ่อครับ ขอบารมีหลวงพ่อ ช่วยคืนฝาหม้อน้ำให้ด้วยเถิดครับ"<br />
<br />
สิ่งอัศจรรย์ได้เกิดขึ้นแบบทำให้เราตกตะลึงทั้งสองคน เพราะเมื่อสามีก้มมองลงไป ก็มองเห็นฝาหม้อน้ำ วางอยู่บนปีกนก ซึ่งเป็นเหล็กกว้างขนาด 3 นิ้ว ไม่มีขอบทั้งสองด้าน มันทำหน้าที่ยึดตัวถังรถจากขวาไปซ้าย มองเห็นได้ง่ายๆทันทีตรงหน้า มันเป็นไปได้อย่างไร ก็เราหากันจนละเอียดแล้ว ก่อนอธิษฐานก็ไม่เห็นมี พออธิษฐานเสร็จ ก็เจอเลย มันมาวางอยู่บนเหล็กแบนๆไม่มีขอบอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อรถวิ่งขึ้นเขา โค้งไปโค้งมา มีแรงเหวี่ยง ทำไมมันไม่กระเด็นตก และเราไม่ได้ทากาวที่ฝาหม้อน้ำด้วยนะ มันมาตรงนั้นได้อย่างไร จะว่าเราหากันไม่ละเอียด ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เรายืนยันหากันทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียดแน่นอน และเป็นเวลากลางวัน แสงสว่างก็มากพอมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน<br />
<br />
สิ่งอัศจรรย์ปาฏิหาริย์ เป็นสิ่งที่ผู้ที่ไม่ได้ประสพพบเจอด้วยตัวเองไม่อยากจะเชื่อ ก็เหมือนเราที่ไม่เคยเชื่อมาก่อนหน้านี้หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่เชื่อ แต่เมื่อมาประสพพบด้วยตัวเองก็ งงๆสงสัยว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร แค่อธิษฐานจิตขอบารมีหลวงพ่อช่วยเท่านั้น ฝาหม้อน้ำก็มาปรากฏขึ้นได้ ไม่น่าเชื่อแต่ก็เกิดขึ้นมาแล้ว มันต้องเป็น เหตุการณ์ที่เรียกว่า suppernature ที่อธิบายไม่ได้ ซึ่งแม้แต่นักวิทยาศาสตร์เอง ก็ได้พบเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้ ถึงได้ตั้งคำๆนี้ขึ้นมา เพราะไม่รู้ว่าจะเรียกหรืออธิบายมันว่าอย่างไร<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ramplam:</span> มุกนี้เคยทำ มีคนเชื่อ เคยทำของหล่นหายช่วยกันหา ก็หาไม่เจอ ไอ้เราตาดี เจอแล้วแกล้งทำปากขมุบขมิบ แล้วหยิบมาในมือ แล้วเฉลยตรงนั้น กลัวบาปกรรม ก็สนุก ขำขัน นะจะบอกให้<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> เวลาคับขันแบบนั้น คงไม่มีใครมีอารมณ์ขันขนาดนั้นนะ สามีเราก็เป็นคนไม่ค่อยมีอารมณ์ขันด้วย ถ้าไม่มีฝาหม้อน้ำ วิ่งไปน้ำก็จะถูกดันออกมาหมด เราต้องอยู่บนเขา กลางป่า เปลี่ยวมา ต้องรอคอยความช่วยเหลือนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ramplam:</span> เฮ้อ!!! กู่ไม่กลับ คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดตอนนั้นคือใคร? แทนที่จะถูกบ่นหูชา ประมาทเลินเล่อ ก็จะเปลี่ยนเรื่องคุย มันเป็นละคร เมื่อทำอะไรผิด ต้องอ้างคุณธรรมกันเป็นที่นิยมของบรรดาอำมาตย์น้อยใหญ่ อ้างพระ อ้างเทวดา อ้างโสดาบัน อ้างนิพพาน ฯลฯ เขียนเพิ่มอีกห้าบรรทัด น่าจะตาสว่าง<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By sri123:</span> มองว่า ปาฏิหาริย์ คือโอกาสนะคะ คิดแล้วทำ กับ คิดแล้วไม่ทำ ถ้ามัวแต่คิด แล้วรอ "โอกาส" ที่มองไม่เห็น แต่ไม่ทำอะไร ก็ย่อมไม่เกิดอะไร เมื่อโอกาสมาถึง ก็ไม่รู้จะคว้าอะไรเหมือนกันค่ะ<br />
<br />
อีกความหมายปาฏิหาริย์ คือสิ่งที่ไม่น่าเกิด ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยสักนิด แต่มันเกิดขึ้นได้อย่างไรก็ไม่รู้ ประมาณนั้น แบบความคิดถึง คนสองคนรักกัน คิดถึงกัน แบบนี้ คือ ปาฏิหาริย์ นะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By อินทรีย์:</span> อธิบายได้ครับ ความตกใจทำให้ความละเอียดรอบคอบหมดไป เวลาหาของมัวแต่ตกใจกลัวตื่นเต้นสายตาก็ไม่นิ่งพอ ของก็อยู่ของมันตรงนั้น แต่เวลาเรามีสมาธิมากขึ้น ก็มีความละเอียดมากขึ้น นิ่งพอ มันก็เลยเจอ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kihamoni:</span> ของถือในมือ หรือเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ ก็มีบ่อยๆครับ แว่นตาบางคนขนาดทำสายคล้องคอแล้ว ยังเดินหาทั่วบ้านเลย ไม่อยากนินทาแม่ตัวเอง<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By กอไก่:</span> เรื่องบางเรื่อง อธิบายทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ครับ .... แต่ผมเชื่อว่า จขกท.ก็ยัง งง อยู่กับเรื่องนี้....งั้นผมขอชวนคุณ....มาคิดอะไร+ทำอะไร กันเล่นๆน่ะครับ<br />
<br />
คุณและทุกๆท่าน....ที่มาอ่านในกระทู้นี้ ... ลองทดสอบตัวเองน่ะครับ คุณหรือ ท่านใดที่สนใจ จะเล่น ... ลอง<br />
<br />
1. นั่งนิ่งๆ โดยไม่คิดอะไรเลย ในสมอง สัก 5 วินาที ได้ไหมครับ<br />
<br />
2. หากทำข้อ 1. ได้ คุณจะทราบว่า ยามคุณหลับโดยไม่ฝันถึงอะไรเลย คุณได้ไปไหนมา หุหุหุ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By เบื่อlogin:</span> เป็นเรื่องปัจจัตตังเจอเองรู้เอง ผมก็เจอแต่ไม่อยากเล่า<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ป้าบ้านนอก:</span> ใช่คะ ปัจจัตตัง ไม่เจอด้วยตัวไม่รู้ แต่ป้าเคยเจอ และเชื่อว่า ปาฏิหาริย์ มักเกิด กับคนดี<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/ab/16ov3.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>โด่ไม่รู้ล้ม</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
เรื่องนี้ต่อจากเรื่องอีแปะมันหด เนื่องจากยังไม่หมดข้อมูล ก็อยากจะเล่าต่ออีกซักหน่อย ข้อมูลพวกนี้หาฟังได้ยากนะ จริงๆพวกหมอทุกคนก็เจอเรื่องประหลาดๆมากันทุกรส แต่ส่วนมากไม่อยากเล่า และสำคัญที่สุดเขียนเล่าออกมาเป็นเรื่องไม่เป็น พูดเป็นเขียนไม่เป็น เราเองก็เพิ่งมารู้ตัวว่า เขียนเป็นไม่นานมานี้เอง<br />
<br />
วันหนึ่งออกตรวจ OPD ตอนเย็นเช่นเดิม วันนั้นคนไข้เยอะมาก เป็นผู้ใหญ่ทั้งหญิงทั้งชายส่วนมาก นั่งรอกันหน้าสลอน สีหน้าอมทุกข์กันทุกคน ต้องรอคิวคนมันเยอะ เราเองก็พยายามปั่นสุดชีวิต เห็นใจที่คนไข้รอนาน ปั่นขนาดสั่งโอเลี้ยงมา ละลายหมด ลืมกิน ตรวจเพลิน หมอคนเดียวตรวจคนไข้เป็นร้อย พูดคุยแค่สามนาทีต่อคนก็หมดเวลาแล้ว คนที่รอตรวจ ก็โมโหโกรธา รอตั้งนานแล้วไม่ได้ตรวจซักที มัวทำอะไรกันอยู่ บริการไม่ดีเลย อย่างนี้ต้องฟ้องผู้อำนวยการ ว่ากันเข้าไปนั่น ต้องให้มาเป็นหมอตรวจคนไข้เองบ้าง แล้วจะรู้สึ๊ก<br />
<br />
มีผู้หญิงคนหนึ่ง อายุราวๆ 30 ปี พอถึงคิวก็เข้ามานั่งต่อหน้าเรา เอามือกุมหน้าอกสองข้าง เราก็ถามว่าเป็นอะไรมา เธอก็บอกว่า "นมหด" เราฟังเป็น "นมหก " ก็บอกว่า "นมมันอยู่ในเต้าจะหกได้อย่างไร" เธอบอกว่า "ไม่ใช่ หมอฟังให้ดีๆ อย่าหูตึง" แน่ะดุเราอีก เธอเล่าว่าไปกินแตงโมมา กินเสร็จมันก็ค่อยๆหดลงๆ จากโตเหมือนลูกฟักลูกโตๆ กลายมาเป็นซาลาเปา ลูกเล็กๆสองลูก เธออายเขา จะทำอย่างไรดี ล้างท้องเธอเอาแตงโมออกมาดีไหม นมจะได้โตขึ้น<br />
<br />
ไอ้เราก็บอกให้เธอแก้เสื้อชั้นนอกออก เหลือแต่ยกทรง ซึ่งมันดูเก่าๆแสดงว่าถูกใช้ประจำและเป็นขนาดเบอร์เล็กๆเท่าซาลาเปาจริงๆ แล้วถ้ามันใหญ่เป็นลูกฟักจริง ไอ้ยกทรงขนาดนี้มันจะเอาลูกฟักยัดใส่เข้าไปได้อย่างไร ก็เลยถามว่ามีแฟนหรือยัง เธอตอบมีแล้ว เราก็ถามต่อว่า แล้วแฟนชอบซาลาเปาหรือลูกฟักละ เธอก็บอกว่า "ใครมันจะไปชอบซาลาเปา เขาก็ต้องชอบลูกฟักมากกว่าซิหมอ ถามได้" ก็เลยถามเธอต่อว่า "แล้วเขาบ่นไหมที่มันมีแต่ซาลาเปา" "โฮย บ่นทุกคืน เขาบอกว่ามันไม่อร่อย" เรื่องนี้ก็ ซ.ต.พ. ดังนี้แล<br />
<br />
อีกคนหนึ่งเป็นผู้ชาย เดินกางขา กระมิดกระเมี้ยนเข้ามานั่งตรงหน้าเรา แล้วพูดค่อยๆมากๆว่า "หมอของผมมันโด่ไม่รู้ล้ม" เราได้ยินไม่ถนัดก็บอกให้พูดดังๆ เขาก็ยังพูดโทนเท่าเดิม เราก็ตะโกนใส่เขาว่าให้พูดดังกว่านี้ เขาคงโมโห เลยตะโกนเสียงดังมาก "ของผมมันโด่ไม่รู้ล้ม ได้ยินไหมหมอ" ทุกคนในห้องตรวจได้ยินกันหมด ต่างก็พากันหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน เราก็ถามว่าไป ทำอะไรมา เขาก็บอกว่า "ไปกินแตงโม สีแดงๆมา กินไปเกือบลูกใหญ่ๆคนเดียว สงสัยกินมากไป มันเลยลุกขึ้นมา แล้วโด่ไม่รู้ล้มแบบนี้"<br />
<br />
เราก็บอกว่าเห็นมีแต่ คนบอกว่าเขากินแล้วหดกันทั้งนั้น ทำไมของคุณถึงโด่ละ เขาตอบว่า"อย่าไปเชื่อหมอ นั่นมันข่าวลือ ของผมนี่ของจริง กินแล้วโด่ทุกที แต่คราวนี้กินมากไปหน่อย มันเลยไม่รู้ล้ม" เราก็ถามว่า จริงหรือเปล่าที่ กินแตงโมแล้วโด่ทุกที เขาก็ยืนยันหนักแน่นว่า "จริงหมอ แต่อย่ากินมากเป็นลูกๆเหมือนคราวนี้" เราได้ยิน ก็ยืนซือบื้อ เอาไงดีวะ เดี๋ยวคนหนึ่งกินแล้วหด อีกคนกินแล้วโด่ไม่รู้ล้ม ตูจะบ้าตายแล้ว ขอลาออกจากการเป็นหมอดีไหม<br />
<br />
ป.ล. แนะนำให้ผู้ชายไทย หมั่นกินแตงโมสีแดงๆ เผื่อมันจะได้ขยันขันแข็ง แบบชายคนนี้บ้าง จะได้ประหยัดเงินซื้อไวอากร้านะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By sri123:</span> คำเตือนก่อนนอน แตงโมทานมากๆก็ไม่ดีนะคะ ไม่งั้น ปวดฉี่บ่อย<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ภูพาน:</span> แตงโมจะขาดตลาด จะกลายเป็นสินค้าควบคุม<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kihamoni:</span> ถึงขนาดไม่รู้ล้มเลยหราฮะ ถ้ากินทีนึงสองลูก จะล้มแล้วลุกไม่ขึ้นเลยป่าว ท่าทางจะจุกอยู่น๊ะนั่น ฮ่าๆๆๆๆ<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/hc/earrrrr.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ถูกขู่ฆ่าตาย</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
เมื่อสมัยรับราชการ ในตำแหน่งผู้ชำนาญการพิเศษ สาขากุมารเวชศาสตร์ ในโรงพยาบาลศูนย์แห่งหนึ่งนานมาแล้ว ต้องทำหน้าที่สารพัดอย่าง ทั้งตรวจรักษาคนไข้ ทั้งต้องสอน แพทย์ฝึกหัด นักศึกษาแพทย์ นักศึกษาพยาบาล ต้องประชุมวิชาการของในแผนกเด็กและของโรงพยาบาลเกือบทุกวัน ทำให้ต้องอ่านหนังสือมาก ต้องทำวิจัย ต้องไปดูการผ่าศพของคนไข้ ถ้ารายไหนสงสัยโรคและการตาย ต้องเจาะหลัง เจาะปอด ทำหัตถการสารพัด แต่ละวันงานเพียบ ลองดูแซมเปิ้ลก็ได้<br />
<br />
ตอนเช้านำแพทย์ฝึกหัดและนักศึกษาแพทย์เดินตรวจคนไข้ และสอนข้างเตียงคนไข้ทุกๆเตียงทุกวัน สายหน่อยออกตรวจ OPD ของแผนกกุมารพร้อมนักศึกษาแพทย์จนถึงเที่ยง บ่ายตรวจคนไข้ต่อหรือไม่ก็เข้าประชุมเอาเคสคนไข้มาวิเคราะห์ ออกความเห็นกัน สรุปการรักษา และสอนเอาเป็นตัวอย่าง พอว่างก็ไปดูคนไข้รอบเย็นอีกครั้งหนึ่ง สอนทำหัตถการ เย็นกลับบ้าน ก็สลบเหมือด หลับสักสองชั่วโมง แล้วก็ไปทำคลินิกส่วนตัวต่อ ถึงสองทุ่ม<br />
<br />
เวลาออกตรวจ OPD เด็ก เป็นเวลาที่เหนื่อยที่สุด คนไข้เยอะมากเป็นสองสามร้อยคน มีหมอ 1 ถึง 2 คน ไหนจะต้องตรวจ ไหนจะต้องสอนนักศึกษาไปด้วย แค่ตรวจก็จะตายอยู่แล้ว ปากยังต้องพูดต้องสอนเจื้อยแจ้ว เหมือนนกแก้วนกขุนทอง หูก็ต้องใช้หูฟังเสียบไว้ฟังคนไข้ ไอ้นี่แหละหนักกว่าเพื่อน ถอดเข้าถอดออกหูมันก็ถลอก เวลาใส่เข้าไปมันสุดยอดจะเจ็บปวด ใครไม่เป็นไม่รู้ ลองมาเป็นหมอกันบ้างไหม แล้วจะรู้สึ๊ก<br />
<br />
เคยลองเอาสำลียัดรองหูไว้ ปรากฏว่ามันได้ยินแต่เสียงแคร๊บๆ คร๊ากๆ อย่างอื่นไม่ได้ยิน ใช้ไม่ได้ แต่มันก็เจ็บหูใส่หูฟังไม่ได้ทำไงดีล่ะ ใช้วิธีใหม่ เอาหูฟังคล้องคอ แต่ไม่เอาเสียบหู แล้วทำท่าตรวจฟังคนไข้ หน้าตาเฉย ใช้ฟังรายงานการตรวจจากลูกศิษย์เอา<br />
<br />
แต่ที่นี่มันเกิดมีเด็กอัจฉริยะ ปากไวคนหนึ่งดันสังเกตเห็น ว่าหมอไม่เอาหูฟังเสียบหู เขาตะโกนลั่นห้องว่า "ป้าหมอๆ ยังไม่เอาไปเสียบหูเลย ฟังได้อย่างไร" หน้าแตกเย็บไม่ติดไปเลยเรา เด็กนี่ ป.ม.จริงๆ เฉยๆหน่อยก็ไม่ได้<br />
<br />
วันหนึ่งก็มีชายชาวบ้านคนหนึ่ง นำลูกชายอายุไม่ถึงหนึ่งขวบ เข้ามาให้ตรวจ เด็กมีอาการร้องดิ้น กระสับกระส่าย ตัวเย็น แหกปากร้องไม่หยุด ท้องอืดป๋องแข็งเป็ก และมีประวัติถ่ายเป็นสีแดงๆคล้ายเลือดสดๆ แค่นี้เราก็วินิจฉัยว่าเป็นลำไส้กลืนกัน ซึ่งพบบ่อยในเด็กผู้ชายอายุขนาดนี้ จึงส่ง x-ray และส่งศัลยกรรมเด็ก ให้ผ่าตัดด่วน เสร็จจากรายนี้เราก็ก้มหน้าก้มตาตรวจคนไข้ ตรวจๆๆๆๆๆๆๆเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ถนนเส้นนี้ช่างยาวไกลจริงหนอ<br />
<br />
สักชั่วโมงหนึ่ง พ่อเด็กคนนั้นก็เปิดประตูห้องตรวจเข้ามา ตรงรี่มาหาเรา แล้วควักปืนเล็งมาทางเรา เราตกใจหมดหน้าซีดเป็นไก่ต้มน้ำปลา ลุกพรวดพราดขึ้นยืน ตัวสั่นเป็นลูกนก ที่น่าสงสาร มาดหมอเหม่อหายหมด โถ ตูต้องมาตายคราวนี้ละมัง ตูยังสาวอยู่เลย ตายแก่ๆกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ ชายคนนั้นก็ตะคอกออกมาว่า "อีหมอ มึงสั่งเอาลูกกูไปผ่า ถ้าลูกกูตาย กูไม่เอามึงไว้แน่" ไอ้เราก็เริ่มตั้งสติได้ ก็บอกเขาว่า "ลูกคุณมันจำเป็นต้องผ่าทันทีค่ะ ไม่งั้นลำไส้มันจะเน่า แล้วลูกคุณก็จะช็อกตาย หมอเองก็ไม่ได้เป็นคนผ่า มีหมออีกคนผ่า" "กูไม่รู้ มึงสั่งผ่า ถ้าลูกกูตาย มึงตายด้วย กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่ๆ" เอ้า เป็นงั้นไป พุทโธ ธรรมโม สังโฆ ทำคุณบูชาโทษละเรา<br />
<br />
เจอเหตุการณ์นี้เข้าเราก็ขอหยุดการตรวจคนไข้ ไปจนกว่าการผ่าตัดจะเสร็จ และเด็กปลอดภัยแน่นอน เราถึงจะมาตรวจคนไข้ต่อ ซึ่งจริงๆก็ไม่อยากทิ้งคนไข้ที่เขามารอตรวจ แต่มันหมดกำลังใจที่จะตรวจต่อและก็กลัวด้วย พูดง่ายๆก็คือกลัวถูกยิงตาย หมอก็กลัวตายเหมือนกัน ลูกปืนมันไม่เข้าใครออกใคร เป็นหมอไม่ได้หมายความว่าจะหนังเหนียวเมื่อไหร่<br />
<br />
คิดดูซิกว่าพ่อแม่จะเลี้ยงให้โตขึ้นมาขนาดนี้ กว่าจะได้เรียนจบมาเป็นหมอ เอาแต่อ่านหนังสือ อ่านๆๆๆๆเหนื่อยเกือบตาย เพื่อนฝูงเขาไปเที่ยวสนุกสนานเฮฮา เราเอาแต่บ้าเรียนบ้าอ่าน ผ่านช่วงชีวิตที่ควรจะสนุกที่สุดโดยแทบไม่รู้จักเลย และก็ใช้เงินพ่อแม่ไปหลายล้าน จบแล้วยังไม่ได้ทำงาน ใช้เงินคืนพ่อแม่และรัฐบาลเลย ดันมาถูกฆ่าตาย เพราะเรื่องเล็กๆพวกนี้ มันดูทุเรศสุดๆนะ ซึ่งถ้าเด็กคนนี้เกิดไม่รอดจริงๆเราคงไม่อยู่ที่จังหวัดนี้แล้ว ต้องขอย้ายด่วน เพราะไม่ไว้ใจกลัวว่าจะถูกดักยิงกลายเป็นที่ระบายความโกรธแค้นของเขาไป<br />
<br />
ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เราจำได้ไม่ลืม และเริ่มรู้สึกว่า เราไม่อยากเป็นหมอแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะไปทำอะไรดี จำต้องทนเป็นหมอมาจนแก่ขนาดนี้ จริงๆแล้วทั้งหมอทั้งคนไข้ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ทำอะไรก็ต้องมีน้ำจิตน้ำใจต่อกัน ไม่ใช่กูไม่พอใจอะไร กูก็ใส่เต็มที่ เอาสะใจ หมอก็ด่าคนไข้ คนไข้ก็ด่าหมอ ขอเพียงเราคิดถึงใจของเขาก่อนใจของเรา ฟังกันพูดคุยกัน ฟังเหตุและผลของแต่ละคน เราก็จะอยู่ร่วมกันพึ่งพากันได้จากใจจริง หมอก็รักษาคนไข้ได้เต็มที่ คนไข้ก็จะปลอดภัยแน่นอน<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By HVOF:</span> อ่านแล้ว เห็นใจคุณหมอดีๆ ที่ทำงานเพื่อประชาชน ชาวบ้าน กรณีนี้ ไปเจอคนบ้าเข้า ปกติแล้ว คนทั่วไปจะเชื่อฟังหมอ มากกว่าแสดงอาการข่มขู่<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By sri123:</span> พรสวรรค์ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ ...........คือการที่เราสามารถเอาใจเขามาใส่ใจเราได้ เมื่อทำเช่นนั้นได้ ความเห็นอกเห็นใจ มันก็เกิดขึ้นง่ายๆเลยค่ะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By xam:</span> ดีใจที่เป็น หมอ เพื่อ ช่วยเหลือมนุษย์ แต่หมอปัจจุบัน ส่วนมาก เพื่อ ฐานะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ถ้าเราคิดถึงความเป็นจริงของชีวิต เรื่องของฐานะและเรื่องของการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ต้องไปคู่กัน ถ้าฐานะของหมอไม่ดี เงินไม่พอใช้ หมอก็ไม่มีกำลังใจทำงานให้เต็มที่ เพราะปัญหาของตัวเองและครอบครัวก็หนักแล้ว ใจที่อยากจะทำเพื่อคนอื่นก็น้อยลง อันเป็นธรรมดาของมนุษย์<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By อินทรีย์:</span> เดี๋ยวนี้ โรงพยาบาลชุมชนเลิกผ่าตัดกันแล้ว ไม่มีใครอยากเสี่ยง ขนาดซิสต์เม็ดเล็กๆยังส่งไปโรงพยาบาลศูนย์เลย<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ใครมันจะกล้าทำละ ผิดพลาดเล็กน้อย ศาลยังตัดสินติดคุก ปรับเงินอีกมาก ประชาชนสะใจ ที่เห็นหมอถูกลงโทษ แต่ผลก็ตกอยู่ที่พวก ปชช.เอง ไม่ได้อยู่ที่ศาลที่เป็นผู้ตัดสิน ปชช.เอาสะใจ หมอทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ ไม่มีข้อยกเว้น แต่เวลา ปชช.เจ็บป่วย หมอไม่กล้ารักษา เพราะใครๆก็ต้องป้องกันตัวเองทุกคน เรื่องที่ต้องเสี่ยง เราไม่ทำดีกว่า ถึงทำได้ก็ไม่กล้าทำ ตอนนี้แหละ ศาลก็ช่วยอะไรไม่ได้<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/ij/qqqsdfg300.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>รอดตายโดยปาฏิหาริย์</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
เรามีลูกชายคนเดียว ซึ่งทั้งพ่อทั้งแม่รักมาก โดยเฉพาะพ่อจะตามใจ ซื้อของเล่นให้เต็มบ้าน จะเอาอะไรก็ได้เกือบทุกอย่าง ทำให้เป็นเด็กแบบ spoil child เราเองก็เป็นห่วง กลัวอนาคตเขาจะลำบาก ถ้าโตขึ้นยังเป็นแบบนี้อยู่ จึงขอกับพี่สาวและพี่เขย ขอส่งลูกชายไปอยู่ด้วยที่อเมริกาให้ลุงและป้าอบรมสั่งสอน พ่อแม่สอนเอง เด็กโตแล้ว มักจะต่อต้าน เชื่อเพื่อนมากกว่าพ่อแม่<br />
<br />
แต่ลูกชายคนนี้มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป คือเขาชอบใส่บาตรพระมาก ตอนเช้าๆถ้าปลุกลุกขึ้นมาใส่บาตร เขาจะไม่งอแง จะตื่นขึ้นมานั่งรอพระ ใส่บาตรรับพรพระเสร็จแล้ว ถึงจะกลับไปนอน เขาเป็นของเขาเอง ไม่มีใครสอน ถ้าบอกให้บริจาคเงินทำบุญ จะเต็มใจทำ โดยเขาจะเก็บเงินที่เหลือจากค่าขนม ใส่กระปุกไว้ทุกวัน พอมีมากก็เอาออกมาทำบุญหรือให้แม่<br />
<br />
ก่อนไปอเมริกาเราก็ให้ พระเครื่องหลวงพ่อองค์หนึ่ง วัดใหญ่ทางฝั่งธนบุรีซึ่งครอบครัวเรานับถือมาก และสั่งให้เขาสวม ห้อยคอไว้ตลอดเวลา ห้ามถอดแม้เวลาอาบน้ำ ซึ่งเขาก็ทำตามที่แม่สั่งทุกอย่าง<br />
<br />
เขาก็ไปอยู่อเมริกา ตั้งแต่อายุ 13 ปี ไปเรียน high school เริ่มชั้น ม.4 ที่นั่น ซึ่งเราไม่ต้องจ่ายค่าเทอม เพราะพี่สาวไปรับรองกับทางโรงเรียนว่าเป็นหลาน อยู่ในการดูแลของเธอ ทางโรงเรียนจึงยกเว้นค่าเทอมให้ และยังให้อาหารฟรี มื้อเช้าหนึ่งมื้อ มีรถรับส่งเช้า-เย็น ฟรี เบากระเป๋าของเราไปเยอะ เขาพูดภาษาไม่เก่ง วันหยุดก็มีครูมาสอนให้ที่บ้าน ฟรีอีก ประเทศอเมริกานี่เขาส่งเสริมการศึกษาจริงๆ ถึงแม้จะเป็นคนต่างชาติ เขาก็ยังช่วยเหลือ น่ายกย่องเขามาก<br />
<br />
พออายุครบ15 ปี ก็ไปอบรมการขับรถ จนครบหลักสูตร แล้วก็สอบใบขับขี่ได้ พ่อเขาจึงไปซื้อรถใหม่เอี่ยมให้คันหนึ่ง เขาก็ขับแบบเมามันส์ สนุกสนาน เห่อรถใหม่ แบบวัยรุ่นทั่วๆไป ขับขึ้นๆล่องๆ<br />
<br />
ประมาณหนึ่งเดือนหลังซื้อรถใหม่ วันหนึ่งเขาขับรถบนเขา ตามประสามือใหม่หัดขับ แต่ไม่เจียมตัว ขับบนเขาด้วยความเร็วสูง ที่นี่พอถึงโค้งหักศอก ก็เกิดเรื่อง เขาขับเข้าโค้งไม่ทัน หลุดออกจากโค้ง วิ่งตรงลงเขาซึ่งสูงมากกว่า 10 เมตร และมีต้นไม้ที่เขาปลูกอยู่ตามไหล่ขึ้นหนาแน่น<br />
<br />
รถก็ตกจากเขา กลิ้งหลุนๆลงไป จนไปจอดที่พื้นราบตีนเขา ตัวรถบี้บุบบิบเหมือนกระป๋องถูกบี้ จากทุกทิศทุกทาง ใครเห็นก็ต้องคิดว่า คนในรถต้องตายแน่ๆ ชาวบ้านแจ้งรถพยาบาลให้มารับคนป่วยทันที เพราะอย่างไรก็เจ็บหนักหรือตายแหง๋แก๋<br />
<br />
แต่เชื่อไหม ลูกชายของเรา ปลอดภัย ไม่บาดเจ็บอะไรมาก มีแผลที่นิ้วก้อยเท้าขวาเล็กน้อยเท่านั้น เมื่องัดรถช่วยเขาออกมาได้ ชาวบ้านก็แปลกใจบอกว่าทำไม เขาไม่เป็นอะไร<br />
<br />
รถตกเขาสูงมากกว่า 10 เมตร แถมไม่พอ ทำไมรถคันนี้ ตอนตกเขาทำไมรถถึงไม่ปะทะกับต้นไม้ ซึ่งขึ้นขวางทางรถที่กลิ้งลงเขาตรงกับต้นไม้ขึ้นอยู่พอดี และต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ เขาปลูกสับหว่างไว้ด้วย หลบต้นบนได้ ก็ต้องไปชนต้นข้างล่างแน่นอน<br />
<br />
มันกลับซิกแซก หลบต้นไม้ต้นบนได้ และยังมาซิกแซกหลบต้นล่างที่ปลูกสับหว่างได้อีกสองต้น ซึ่งถ้าปะทะต้นไม้ ด้วยกำลังแรงที่ รถตกลงมาโอกาสที่ จะรอดชีวิตไม่มีเลยมันซิกแซกหลบได้เพราะอะไร ถ้าจะว่าเป็นแรงเหวี่ยงทำให้รถถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา หลบต้นไม้ได้ มันก็น่าคิดนะ แรงเหวี่ยงนี้มันรู้จักคิดเหวี่ยงตัวเอง หลบต้นไม้ได้ตั้งสามต้นแน่ะ มันจะเป็นสิ่งอัศจรรย์ สุดยอดของโลกเลยละ<br />
<br />
ประกันภัยรถยนต์เห็นสภาพรถแล้ว ยอมออกรถคันใหม่เปลี่ยนให้เลย ไม่ต้องซ่อม ไม่มีงอแง จ่ายง่ายๆ ไม่ต้องตามทวง<br />
<br />
รถกลิ้งตกเขาไม่รู้กี่รอบ จนรถเหมือนกระป๋อง ถูกทุบบู้บี้บุบบิบ แต่เขาบาดเจ็บแค่เล็กน้อย แถมรถยังมีการซิกแซกหลบต้นไม้ได้ตั้งสามต้น ไม่ปะทะต้นไม้โดยตรง อะไรที่ทำให้เขาไม่ได้รับให้บาดเจ็บ ให้รอดปลอดภัยไม่ตาย คิดแล้วมันอัศจรรย์มาก ถ้าไม่เรียกว่า miracle แล้วเรียกว่าอะไรดี<br />
<br />
เราเองตกใจมากที่ลูกประสพอุบัติเหตุร้ายแรงแต่ก็ดีใจมากที่เขารอดปลอดภัย และก็สงสัยว่าลูกชายเรารอดมาได้อย่างไร และเมื่อเขาจบการศึกษา และกลับมาอยู่เมืองไทย เขาก็บวชเป็นพระในพระพุทธศาสนา ย่างเข้าปีที่ 9 แล้ว มีหน้าที่สอนธรรมะและสอนการนั่งสมาธิ แก่ชาวต่างชาติที่มาเข้าอบรม หรือมาบวชเป็นพระในประเทศไทย และยังเดินทางไปสอนในต่างประเทศบ่อยๆ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By KMD:</span> ถ้าอ่านข่าวประจำ จะได้ยินข่าวอุบัติที่มีคนรอดตายราวปาฏิหาริย์บ่อยมาก ทุกคนที่รอดนั้น แน่นอนไม่ได้นับถือหลวงพ่อที่ลูกชายท่านนับถือ ทั้งหมดอย่างแน่นอน เพราะอุบัติเหตุที่เกิดในต่างประเทศก็มีชาวต่างชาติที่นั่นรอดตายราวปาฏิหาริย์ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่นเครื่องบิน 747 ตกในญี่ปุ่น ตายประมาณ 500 คน แต่ก็ยังมีคนนั่งท้ายๆลำรอดตายอยู่หนึ่งคน ก็มี ข่าวนี้ก็นานแล้ว ผมจำปีไม่ได้ ผมเองก็ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ 2 ครั้ง รอดตายโดยไม่บาดเจ็บมากมายอะไร ก็ประสบมาเอง ไม่ได้ห้อยหลวงพ่ออะไรทั้งนั้น<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By 3 ส:</span> พระคุ้มครองครับeye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-37296582436424405442012-02-14T14:53:00.004+07:002012-02-21T20:48:25.489+07:0088 ทำไมถึงจนอย่างนี้<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/77.html" target="_blank">เข้าครัว...ทำกับข้าวคลายเครียด!! ผมทำได้ คุณก็ทำได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post_25.html" target="_blank">สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/78-112-112-112.html" target="_blank">เรื่อง... ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/80.html" target="_blank">"วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<br />
ขอขอบคุณและขออนุญาตคุณ kimeng suk นำข้อเขียนของท่านมาลงไว้เว็บนี้นะครับ<br />
<center><img src="http://upic.me/i/qr/qas01.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/la/de0000008.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ทำไมถึงจนอย่างนี้</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
<font color="#0000FF">ตอนที่1</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/82-by-kimeng-suk.html">"ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่2</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/83-by-kimeng-suk.html">"คนไข้คนแรกของหมอใหม่หมาดๆ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่3</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/84-by-kimeng-suk.html">"ผีหลอกหมอ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่4</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/85-by-kimeng-suk.html">"อะไรทำให้ รวยและ รวย จากคนจนสุดๆกลายเป็นเศรษฐีใหญ่"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่5</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/86-by-kimeng-suk.html">"ถูกพ่อดูถูกถึงได้เป็นหมอ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่6</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/87.html">"ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมเป็นหมอทำแท้ง"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่8</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/89.html">"อีแปะมันหด-อัศจรรย์ปาฏิหาริย์-โด่ไม่รู้ล้ม"</a><br />
<br />
สมัยที่ยังเป็นนักเรียนแพทย์ เราต้องออกไปหาประสบการณ์ตามที่ต่างๆแล้วแต่คณะจะกำหนดให้ เป็นเรื่องสนุกสนานมากที่ได้ออกไปในที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น เพราะชีวิตของคนเรามันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง วิถีชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ความเป็นอยู่ก็ไม่เหมือนกัน และไม่มีใครไปกำหนดว่า คนนั้นเป็นคนชั้นต่ำชั้นสูง เป็นคนรวยคนจน คนดี คนชั่ว แต่มันแบ่งโดยตัวของมันเองทั้งสิ้น<br />
<br />
ยังจำได้ไม่ลืม ถึงประสบการณ์ที่ครั้งหนึ่ง ที่ได้ออกไปเยี่ยมสลัม แห่งหนึ่ง ไปเห็นแล้ว ไม่เคยคิดว่าคนเราจะมีชีวิตที่ลำบากยากเข็ญถึงขนาดนี้ ทางคณะได้จัดให้ดูบ้านหลังหนึ่ง เป็นห้องแบ่งให้เช่าขนาดกว้างประมาณ 6 คูณ 6 เมตร เป็นบ้านไม้หลังคามุงสังกะสี ใต้ถุนเป็นน้ำครำสกปรกมาก ส่งกลิ่นเหม็นแทบอยากอ๊วก มีแต่แมลงสาปไต่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ภายในห้องแบ่งให้คนเช่านอน รวม 10 คน นอนเรียงกันที่พื้น มีแต่เสื่อกับหมอนเท่านั้น 8 คน และทำเปลแขวนชักรอกขึ้นไปนอนข้างบนอีกชั้นหนึ่ง 2 คน นอนเรียงเบียดกันเหมือนหมูในเข่งที่ใส่รถบรรทุกเตรียมเอาไปเชือด ยังไงยังงั้นเลย<br />
<br />
ไอ้ที่สำคัญคือ มันมีการผลัดกันนอน คนทำงานกลางวัน เช้าก็ต้องลุกออกไป คนทำงานกลางคืนก็จะเข้ามานอนแทน เย็นมาก็ต้องลุกไป ให้คนทำงานกลางวันมานอนแทน ผลัดเปลี่ยนกันอย่างนี้ พอดีวันนั้นที่ไปมีคนหนึ่งไม่สบายมาก ลุกไม่ไหว คนที่จะนอนแทนเขาก็มาไล่ให้ออกไป เขาจะนอน คนไม่สบายก็จำใจต้องลุกออกมานั่ง ซบกับเข่าเบียดอยู่ในห้อง ซึ่งแออัดมากๆ เราเห็นชีวิตของพวกเขาแล้ว ช่างน่าสงสารมากๆ<br />
<br />
แล้วเราก็จำชีวิตที่ลำบากแบบที่ได้เห็นมานี้ได้ไม่ลืม คอยจะคิดถามตัวเองอยู่เรื่อยๆว่า เพราะอะไร เขาถึงจน ลำบากยากเข็ญอย่างนี้ ทำไมเราอยู่สุขสบายกว่าเขามากนัก ทำไมชีวิตคนเราถึงไม่เท่ากันทั้งๆที่เกิดมาในโลกนี้เหมือนกัน เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นคนเหมือนกัน มันควรต้องเท่ากันซิ แล้วทำไมมันต่างกันอย่างนี้ คนบางคนรวยจนล้นฟ้า บางคนจนแทบไม่มีข้าวกิน แม้แต่ลูกพ่อแม่เดียวกัน ที่เกิดมาจากที่เดียวกันที่เหมือนกันทุกอย่าง เลี้ยงดูแบบเดียวกันเปี๊ยบ แต่ก็รวยจนไม่เท่ากัน เพราะอะไร<br />
<br />
ใครเป็นคนกำหนดให้มัน แตกต่างกันแบบนี้ ถ้าเราไม่คิดมันก็ไม่มีอะไร มีชีวิตผ่านๆไปวันๆ แล้วก็ตายไป ทุกอย่างก็จบ แต่ถ้าเราคิด มันก็ทำให้อยากรู้ว่าเพราะอะไร คนเราถึงเกิดมาเป็นคนเหมือนกัน ในโลกใบเดียวกัน แต่แตกต่างกันสุดขั้วโลก เรามันคนขี้สงสัย และก็สงสัยอยู่ในใจมาตลอด ไม่เคยลืมเลย<br />
<br />
พอได้เข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ก็ไปค้นในพระไตรปิฎกบ้าง ฟังพระเทศน์บ้างเพื่อหาคำตอบให้แก่ตัวเองให้หายสงสัย จึงไปพบคำสอนของพระพุทธองค์ ที่ทรงสั่งสอนไว้ว่า หนทางแห่งการได้มาของบุญ หรือ บุญกิริยาวัตถุที่สำคัญ 3 อย่าง จะมีการส่งผลดังนี้<br />
<br />
การให้ทานแก่ผู้อื่น ทำให้มีทรัพย์สมบัติ มีบริวารสมบัติ เกิดมาจะไม่ยากจน ลำบากยากเข็ญ<br />
<br />
การถือศีล ทำให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบรูณ์ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ผิวพรรณผ่องใส รูปร่างหน้าตาสวยงาม อายุยืนยาว<br />
<br />
การทำสมาธิภาวนา ทำให้มีปัญญา ฉลาด ความจำดี เรียนเก่ง<br />
<br />
พระพุทธองค์ยังทรงบอกว่า ผลของการทำบุญนั้น ไม่มีใครจะไปกำหนดได้ว่าจะส่งผลหรือให้ผลเมื่อไหร่ จะชาตินี้หรือชาติหน้าก็บอกไม่ได้ ถึงเวลาบุญจะส่งผลของมันเอง และการทำบุญที่ถูกต้องนั้น จะต้องไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อนด้วย และให้ทำบุญเต็มที่เต็มกำลังศรัทธาของตัวเอง<br />
<br />
เราเข้าใจแล้วว่าทำไม คน 10 คนนั้น ทำไมเขาถึงลำบากยากเข็ญ ยากจนมากๆ ทั้งๆที่เป็นคนบนโลกนี้เหมือนกับเรา ก็เพราะเขาไม่ได้สั่งสมบุญบารมี โดยเฉพาะทานบารมี ติดตัวข้ามภพข้ามชาติมานั่นเอง คือทำทานมาน้อย มัวแต่ตระหนี่ ไม่ยอมให้ทานแก่ใครๆ เกิดมาเลยไม่มีทรัพย์ ทำมาหากินก็ลำบาก ไม่พบช่องทางทำมาหากินให้ร่ำรวย เพราะไม่มีทานบารมีมาส่งผล<br />
<br />
เราพูดถึงคำสอนในศาสนาพุทธ ไม่เกี่ยวกับศาสนาอื่น ส่วนคนถือศาสนาพุทธจะเห็นแย้งก็เป็นสิทธิ์ของเขา เราเพียงแต่เอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาวิเคราะห์และศึกษาดูในข้อของการทำบุญเท่านั้น ตัวเราเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ซึ่งมีทั้งเหตุและผล และทรงเป็นผู้รู้ชัด รู้แจ้ง รู้จริง เป็นผู้ตื่น และผู้เบิกบานแล้ว ไม่มีอะไรจะมาปิดบังพระพุทธองค์ได้ในอนันตจักรวาลนี้ และทรงปราศจากกิเลสใดๆทั้งสิ้นแล้ว ส่วนเรามันก็ไอ้มนุษย์ขี้เหม็น คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง ปัญญายังมีไม่ถึง เศษเสี้ยว ของพระองค์ท่าน จะไปรู้ดีกว่าพระพุทธองค์ย่อมเป็นไปไม่ได้<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By love dang:</span> แล้วถ้าทำบุญชาตินี้เยอะๆผลบุญไปสนองเอาตอนชาติหน้าแล้วเราจะรู้ได้อย่างไร แล้วไอ้คนที่สบายในชาตินี้เค้าก็ไม่รู้ว่าชาติก่อนเค้าทำบุญมาเยอะหรือเปล่า....ผมว่าถ้าจะทำบุญก็ทำบุญเพื่อความสบายใจดีกว่า<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> เราไม่มีทางที่จะรู้ได้เพราะเราไม่มีสิ่งวิเศษอะไรที่จะทำให้รู้ แต่พระพุทธองค์ท่านมี ท่านทรงเห็นตลอดว่า ถ้าคนเราทำแบบนี้ก็จะได้ผลแบบนี้ตามมา ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว ตอบแทนแน่นอน ปลูกกล้วยก็ต้องได้กล้วยมากิน มันจะกลายเป็นได้มะม่วงมากินไม่ได้เด็ดขาด เช่นกัน คนทำทานมา ก็จะได้รับผลที่ตัวเองทำทานนั้นตอบมาแน่นอน ถ้าตามคำสอนของพระองค์ท่านแล้ว คนที่รวยก็เพราะเขาได้ทำทานบารมีมา คนที่จนก็เพราะเขาไม่ได้ทำทานบารมีมาก่อนทางที่ดีเราก็ตั้งใจสั่งสมบุญบารมีให้มากๆ ส่วนบุญจะส่งผลเมื่อไหร่อย่างไรก็แล้วแต่มันก็แล้วกัน เพราะการสั่งสมบุญบารมีก็คือการทำความดี ย่อๆก็คือ ทำทาน ถือศีล และนั่งสมาธินั่นเอง ซึ่งให้ผลดีต่อตัวเอง และต่อผู้อื่นด้วย<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By love dang:</span> ถ้าได้ทำบุญโดยที่เราไม่ต้องการผลบุญว่าจะได้หรือไม่ได้อย่างน้อยเราก็ได้ความสบายใจครับ ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้าหรอกครับ...คนที่จนแต่มีโอกาสได้ช่วยคนผมว่าอย่างน้อยความรู้สึกดีๆจะเกิดขึ้นกับตัวเค้านะครับ...ชาติก่อนกะชาติหน้ามันคือสิ่งที่มองไม่เห็นครับแม้แต่ตัวคุณยังตอบไม่ได้เลยว่ามีจริงหรือเปล่า<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> การทำบุญก็หมายถึงทำความดี ซึ่งดีทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ชีวิตคนเรา พระพุทธเจ้าไม่ทรงสอนให้นั่งรอนอนรอให้บุญมาส่งผล แต่ทรงให้พยายาม ขยันหมั่นเพียรเต็มที่ ถ้ามีบุญ บุญก็จะมาส่งผลให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ถ้าไม่มีบุญ ก็เสมอตัว เอาชีวิตรอดอยู่ได้พอสบายๆ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย นั่งงอมืองอตีน ขอให้บุญมาช่วย ความดีก็ไม่ทำ งานก็ไม่เอา อย่างนี้ บุญก็ไม่ช่วย จะมาส่งผลเรื่องชาตินี้ชาติหน้า เรายังไม่เคยเห็น แต่นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งทรงไปรู้ไปเห็นมาหมดแล้ว ถึงได้เอามาบอกเรา เป็น หนทางสู่นิพพานข้อแรกของมรรคมีองค์แปด คือ สัมมาทิฏฐิ ทรงบอกว่า ทานนั้นมีผลจริง,ชาตินี้มี,ชาติหน้ามี, พ่อแม่มีบุญคุณ, สวรรค์มี, นรกมี, และอื่นๆอีก<br />
<br />
ฉะนั้น เท่ากับ พระพุทธองค์ ทรงบอกให้รู้ว่า จะไปนิพพานได้ต้อง มี สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นถูกก่อน เรานับถือศาสนาพุทธ ไม่เชื่อศาสดาของเราแล้วจะไปเชื่อใคร และการไปนรกสวรรค์ก็พิสูจน์ได้โดยการทำสมาธิ จนมีอภิญญาจิต ก็จะไปรู้ไปเห็นได้ มีคนมากมายที่เขาทำได้ แต่เขาไม่มาอวดให้รู้เท่านั้น<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By love dang:</span> ผมเคยได้ยินสิ่งที่คนตายแล้วฟื้นมาเล่าเกี่ยวกับสถานที่ที่ไปพบเห็นมา ผมมีความสงสัยว่าทำไมแต่ละที่ที่เค้าไปมารู้สึกไม่เหมือนเลยสักคน คือว่าถ้าสถานที่นั้นมีจริงคนที่เคยได้เห็นได้สัมผัสมาก็ต้องเห็นเหมือนกันซิ แม้แต่คนที่นั่งสมาธิขั้นสูงก็ยังเล่าไม่เหมือนกันเลย ช่วยอธิบายให้ผมหายสงสัยหน่อยครับ...แล้วอีกอย่างผมว่าคนจะรวยจะจนมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลบุญหรอกครับมันขึ้นอยู่กับผู้ที่มีอำนาจจะให้ประชาชนของตัวเองอยู่อย่างเช่นไรจะให้อยู่แบบสบายหรือลำบากก็ได้<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ภพภูมิมีดังนี้ อรูปพรหม มี 6 ชั้น รูปพรหม มี 14 ชั้น สวรรค์ มี 6 ชั้น มนุษย์ มี 211 ประเทศ (ถ้าจำผิดก็ขอโทษ) สัตว์มีหลายชนิดไม่เหมือนกัน เปรต ก็มีหลายชนิด อสุรกาย สัตว์นรก ซึ่งมีถึง 457 ขุม คนตายนั้นเขาไปเห็น ภพไหน ตรงไหนค่ะ เอาแค่เห็นภพมนุษย์ 211 ประเทศก็ต่างกันสุดหล้าฟ้าดินแล้ว การที่เราจะไปเกิดตรงไหน ก็ขึ้นอยู่กับผลบุญที่เราทำมา ถ้าเรามีบุญเราก็ได้ไปเกิดในที่ๆ ผู้ปกครองของเราเป็นคนดี ถ้าบุญน้อยก็เจอแบบที่เราไม่อยากเจอ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By love dang:</span> แล้วคุณรู้ได้ไงว่า อรูปพรหม มี 6 ชั้น รูปพรหม มี 14 ชั้น สวรรค์ มี 6 ชั้น เปรต ก็มีหลายชนิด อสุรกาย สัตว์นรก ซึ่งมีถึง 457 ขุม ถ้าคุณบอกว่าคนที่ได้อภิญญาขั้นสูงเค้าจะไม่พูดโอ้อวดกัน ถ้าคุณนั่งทางในขั้นสูงได้ คุณช่วยบอกผมหน่อยว่างวดนี้เลขอะไร สามตัวตรงเลย หุ หุ หุ ผมถึงจะเชื่อ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> นี่มีอยู่ในพระไตรปิฎก ชัดเจน ไปหาอ่านดูได้ พระพุทธเจ้าทรงไปเห็นมาด้วยอำนาจอภิญญาจิตของท่านจึงเอามาเล่าให้พวกเราฟัง ไม่เชื่อพระพุทธเจ้าแล้วเชื่อใครดี<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By love dang:</span> ผมอ่าน ภาษาบาลี สันสกฤต ไม่ออกครับ ไม่ใช่ไม่เชื่อนะครับ แต่บุคคลากรที่ ที่เผยแผ่ สมัยนี้ดูท่าทางเค้ายังไม่เชื่อเลยครับ มันก็เลยทำให้ผมสองจิตสองใจ อีกอย่างคำสอนของพระพุทธเจ้าก็เนิ่นนานมาถึง 2,500 กว่าปี มันจะไม่มีอะไรที่ผิดเพี้ยนไปจากของเดิมเหรอครับ เราทุกคนก็ต่างเกิดไม่ทันในสมัย พระพุทธเจ้า...ไม่ได้ลบหลู่นะครับ ผมก็นับถือศาสนาพุทธเหมือนกัน ... ขอกราบคารวะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> อย่าเลี่ยงบาลี พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยก็มี เป็นชุดๆ คุณอ่านได้สบายตา บุคคลากรที่เผยแพร่ทางพระพุทธศาสนาส่วนมาก เขาก็เชื่อในพระพุทธเจ้าทั้งนั้น มีแต่ไอ้พวกที่คิดว่า กูรู้ กูเก่งกว่าพระพุทธเจ้า เอาความคิดที่ตัวเองคิดมาบิดเบือนพุทธพจน์ พวกนี้เขาคิดเอาเอง ไม่เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า เก่งกว่าพระองค์ ซึ่งมันเป็นแค่ความรู้จากการคิดของตัวเอง เป็นแค่สุตตมยปัญญาเท่านั้น เป็นปัญญาขั้นต้น แต่พระพุทธเจ้า ได้ความรู้มาจาก ภาวนามัตยปัญญา รู้จากการภาวนาสมาธิ ซึ่งเป็นปัญญาที่สูงสุด รู้แจ้ง รู้จริงความเป็นจริงของชีวิตในจักรวาลนี้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรปิดบังพระองค์ได้ คำสอนของพระพุทธองค์ เป็นอกาลิโก ไม่มีกาลเวลา เพราะมันเป็นความจริงของชีวิต ที่กี่ปี กี่ชาติ มันก็จะเป็นเช่นนี้ตลอดไป ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By love dang:</span> แล้วคำสอนของพระพุธเจ้าอีกหลายองค์มีคำสอนแบบเดียวกันหรือเปล่า ถ้ามีแบบเดียวกันทำไมถึงต้องมีหลายพระองค์...อีกอย่างความคิดใครความคิดมัน..แล้วคุณช่วยให้ความเห็นหน่อยว่าบุญเค้าทำกันอย่างไร ช่วยผู้ตกทุกข์ได้ยากถือว่าทำบุญมั๊ย หรือว่าต้องใส่บาตรนั่งสมาธิแล้วถึงได้บุญเหรอ..ผมว่าแค่เราไม่ได้เบียดเบียนใครให้เดือดร้อนไม่ทำชั่วก็ได้บุญแล้ว...ผมเรียนมาน้อยครับความคิดผมก็เหมือนกับใจคิดอะไรก็พูดแบบนั้นไม่ใช่ว่าจะตะแบงอวดรู้<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> พระพุทธเจ้ามีหลายพระองค์ เพราะโลกเรามีการแตกทำลาย แล้วก่อตัวขึ้นใหม่ เรียกว่า หนึ่งมหากัป บางกัปก็มีพระพุทธเจ้าองค์เดียว บางกัปก็ไม่มี กัปของเราเรียก ภัทรกัป มีพระพุทธเจ้า ห้าพระองค์ คือ กกุสันโท โกนาคม กัสสปะ สมณโคดม ศรีอาริยเมตตรัย ยุคของเราคือองค์ที่สี่ สมณโคดม<br />
<br />
คำสอนของพระพุทธศาสนา มันเป็นคำสอนที่มาจากความจริงของชีวิตที่ต้องเป็นอย่างนี้ ไม่ว่าจะกัปไหนๆ ฉะนั้นคำสอนจะคล้ายกันๆ แต่ต้องมีหลายพระองค์เพราะต่างเวลากัน คนเราไม่มีอายุยืนไปฟังพระพุทธเจ้าองค์อื่นหรอก ตายไปก่อน องค์ใหม่มาก็สอนคนที่เกิดใหม่ยุคนั้น<br />
<br />
การทำบุญมีได้ 10 วิธี (บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ หรือทางมาหรือการทำให้ได้แห่งบุญ 10 อย่าง) ได้แก่ การทำทาน การถือศีล การนั่งสมาธิ การประพฤติตนอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ การขวนขวายทำในสิ่งที่ชอบ การให้ส่วนบุญ การอนุโมทนาบุญ การฟังธรรม การแสดงธรรม การทำความเห็นให้ตรง (เข้าใจเรื่องบาปบุญคุณโทษ) การไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำชั่ว เป็นการถือศีล อย่างศีลห้า ไม่ฆ่า ไม่ลักขโมย ไม่ผิดลูกเมียเขา ไม่โกหก ไม่ดื่มสุรา ก็เป็นการไม่ทำชั่วพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ได้บุญในข้อสองอยู่แล้ว การทำบุญคงจะเข้าใจแล้วนะว่า ไม่ได้หมายถึงการทำทาน การให้สิ่งของอย่างที่เข้าใจอย่างเดียว มีตั้ง10 อย่างค่ะ แต่คนไทยเข้าใจผิดว่าหมายถึงการให้ทานเท่านั้น<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By sri123:</span> เพราะธรรมชาติน่ะ คนเราถึงแตกต่าง ระหว่าง จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ อะไรคือความจน? ความรวยก็เหมือนกัน รวยเพราะมี หรือว่ารวยเพราะพอ คิดว่า ความเลวทั้งหลายทั้งปวง ก็เกิดเพราะความจนที่ไม่รู้จักพอนี่ละค่ะ ส่วนตัวคิดว่า เมื่อเกิดมา มีสมอง มีปัญญา มีมานะ รู้จักคำว่าพอ มีความสุขโดยง่าย แค่นี้ก็ถือว่ามีบุญแล้วค่ะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> สงสัยค่ะ คนที่เก่ง มีสมอง มีทุกอย่างแบบที่คุณว่า ทำไมไปเป็นลูกจ้างเขา ทำไมไม่เป็นเจ้าของกิจการ เช่น คนเรียนสูงเก่งๆทั้งนั้น ก็ไปเป็นลูกจ้างแบ็งค์หนึ่ง ซึ่งคนก่อตั้ง มาจากเมืองจีน ไม่มีความรู้เลย หาบตะเข่งหาซื้อของเก่า แบบตะโกนขวดมาขาย ไปรู้จักกับนักการเมืองใหญ่ ซึ่งแนะนำและหาทุนให้ตั้งแบ็งค์<br />
<br />
อย่างที่บ้านเตี่ยมาจากเมืองจีน อ่านภาษาไทยไม่ออก จนมากๆ แต่เตี่ยโชคดี ทำให้มีเงินมาลงทุนจากการที่ไม่ถูกระเบิดแพบรรทุกสินค้าตอนสงคราม กับไม่ถูกโจรปล้นเพราะโจรมองไม่เห็นเตี่ย เตี่ยมีลูกน้องเรียนเก่ง เรียนมาสูงๆหลายคน เพราะอะไรทำให้เตี่ยโชคดี เพราะอะไรพวกนี้ถึงไม่ได้เป็นเถ้าแก่ เป็นแค่ลูกจ้าง ทั้งๆที่เก่งๆทั้งนั้น หนึ่งสมองสองมือนั้นจำเป็น นั่นคือเก่ง แต่ภาษิตจีน บอกว่า เฮงดีกว่าเก่ง ค่ะ เฮงก็คือบุญ เจ้าของบ้านจัดสรรที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทยตอนนี้ บอกว่า เขารู้แล้วว่า ต้องมีบุญมาก่อน แล้วเก่งถึงจะส่งเสริมบุญนั้น ถ้าไม่มีบุญ เก่งอย่างไร ก็ไม่รุ่ง อย่างมากก็เสมอตัว<br />
<br />
ความจนก็คือการไม่มีจะกิน ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีเงินรักษาตัว นั้นคือความจนพื้นฐาน ซึ่งคนไทยเราจนแบบนี้มากจริงๆ ส่วนพวกที่มีปัจจัยพื้นฐานครบถ้วนพออยู่ได้ แต่ก็ยังไม่พอใจ อยากได้นั่นได้นี่ อยากได้รถ เสื้อผ้าสวยหรู นั่นไม่เรียกว่าจน นั่นเรียกว่าความอยาก เป็นกิเลสอย่างหนึ่ง<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By sri123:</span> คือเห็นต่างเรื่องการทำบุญ คิดว่าการทำบุญ ทำทาน คือพุทธอุบายที่สอนให้คนละ ละวางน่ะค่ะ เพราะสาระหลักของศาสนา คือการสอนให้คนทำดี ละชั่ว ทำจิตใจให้สะอาด นั่นก็คือการละจากกิเลส อันทำให้เกิดทุกข์ทั้งปวง ถ้าการทำบุญเพื่อมุ่งหวังความรวย บุญในที่นี้คงจะไม่ใช่สุข เพราะทำแล้วมัวแต่คิด เพื่อความรวยในชาติหน้า มันก็เกิดทุกข์แล้วไง กิเลสทำให้ใจเศร้าหมอง แบบนั้นไม่อยากเขียนเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะความคิดคนเราต่างกัน แต่ก็ต้องเขียนเมื่ออ่านที่คุณหมอตอบ "ทำไมคนที่มีความสามารถ ถึงไม่ทำกิจการของตัวเอง ถึงต้องเป็นลูกจ้างเขา" เป็นลูกจ้าง ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี ไม่ต้องรับความเสี่ยงอะไร ทำงานให้ได้ตามหน้าที่ .. ไม่ต้องคิดไรมากกว่างานในหน้าที่ตัวเอง แล้วก็ทำให้ดีที่สุด ความเสี่ยงมีน้อยกว่าเจ้าของกิจการเยอะค่ะ จนหรือรวย อยู่ที่ว่า เราสุขใจกับคำว่ามีแค่ไหน รวยไม่รู้จักพอ ก็ไม่ไกลกว่าคำว่าจน ใช่ไหมคะ...<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ชีวิตในชาติหน้า ก็เหมือนชีวิตในชาตินี้ ซึ่งตอนหนุ่มสาว ก็ต้องขยันขันแข็ง หาเงินสะสมฝากแบ็งค์ไว้ใช้ตอนแก่ พอแก่ก็ไปเบิกใช้ได้ ถ้าไม่หาไว้ เราก็เบิกใช้ไม่ได้ เพราะไม่มี ชีวิตในชาติหน้าหลังความตายของเรา ต้องเป็นไปตามกรรมที่ตัวเองได้ทำมาตอนมีชีวิต ถ้าทำบุญไว้มากก่อนตาย คือมีบุญสั่งสมฝากธนาคารบุญไว้มาก ชีวิตหลังความตายก็ไปดี เพราะมีบุญให้เบิกใช้ ทำชั่วไว้ มีแต่บาป ตายไปบาปก็ส่งผลให้ไปไม่ดี จะเอาบุญมาช่วยก็ไม่มีเพราะไม่ได้ทำไว้<br />
<br />
การทำบุญทำความดี ถึงจะหวังในบุญหรือไม่หวังในบุญ บุญก็จะส่งผลด้วยตัวของบุญเอง ไม่มีใครห้ามได้ มากหรือน้อยตามความบริสุทธิ์ของใจ หวังในบุญมาก ก็ได้บุญน้อยลง แต่ก็ยังได้บุญ ไม่หวังเลย ใจบริสุทธิ์ก็ได้บุญมากขึ้น แม้แต่พระพุทธเจ้า ก็ทรงหวังในบุญที่ทำ เช่นทรงเสียสละลูกเลือดในอกของตัว ให้ชูซก ก็เพื่อหวังว่าผลบุญนี้จะทรงให้บรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้า ในบางชาติก็ทรงอธิษฐานหลังทำบุญ ว่าขอให้บุญนั้นส่งผลให้ได้เป็นนั้นเป็นนี่ แล้วเราคนธรรมดา ถ้าทำบุญ ทำความดี แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ให้บุญส่งผลตามใจปรารถนา มันเป็นเรื่องเสียหายอย่างไร เขาทำบุญทำความดี น่าจะดีกว่าพวกที่ไม่หวังในผลบุญ แต่ก็ไม่ทำบุญนะ ทำแล้วเขาก็สบายใจที่ได้ทำบุญ ใจของเขาก็ดีขึ้นกว่าพวกที่ไม่ทำนะ<br />
<br />
สาระของศาสนาก็คือ ทำความดี นั่นก็คือการทำบุญ เพราะบุญคือผลของการกระทำความดี ถ้าไม่ทำความดีก็จะไม่มีบุญ ละชั่ว ก็คือการถือศีล เช่นศีลห้า ที่ใครทำตามก็ไม่ได้ทำความชั่วไปห้าข้อแล้ว ทำจิตใจให้สะอาด นั่นก็คือการ ทำสมาธิภาวนา เพื่อลดกิเลสในตัวลง เป็นหนทางที่จะดำเนินเข้าสู่พระนิพพานทางเดียวเท่านั้น สรุปแล้วก็คือ สาระอันแรกของศาสนาก็คือ การทำบุญ นั่นเอง<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ขุนริน สุราไว:</span> ความจน ความรวย เขาวัดกันที่ตรงไหนครับ บางคนมีเงินเป็นสิบล้านเขายังบอกว่าเขาจนอยู่เลย บางคนถูกหวยแค่ยี่สิบบาทยังบอกว่าตัวเองรวยเลย ผมว่ามันอยู่ที่ความพอใจของแต่ละคนมากกว่านะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> อย่างที่ตอบข้างบน คนจนคือคนที่หาไม่พอสำหรับปัจจัยพื้นฐาน คือ อาหาร ยารักษาโรค เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ส่วนคนที่มีปัจจัยพื้นฐานครบ พออยู่ได้ แต่ยังอยากได้นั่นได้นี่ ไม่มีสิ้นสุดเขา ไม่เรียกว่าคนจน คนจนถ้าหาก ชาตินี้ รู้จักทำบุญทำทานสะสมเป็นเสบียงไป ภพชาติต่อไปก็จะมีโอกาสเกิดมาไม่จน ส่วนชาตินี้ ถ้าชาติที่แล้วไม่สั่งสมทานบารมีมา ชาตินี้ขี้เกียจอีก ก็จนแน่ๆ แต่ถ้าขยัน มุมานะ ก็อยู่ได้ มีกินมีใช้ ไม่ยากจน แต่ก็ไม่รวย เพราะไม่มีทานบารมีมาส่งเสริม<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By รากแก้ว:</span> เป็นกุศโลบายให้ทุกคนทำดีเพื่อความสุขสงบในสังคม ถ้าทุกคนเชื่อและทำตามก็ดีเยี่ยมมีความสุข แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ มันมีผู้คิดต่างไป...ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วแล้วได้ดีมีทั่วไป.. ทำชั่วเลวทรามตั้งแต่เกิดผิดศีลผิดธรรมทุกข้อ เบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ บางครอบครัวเลวทั้งตระกูล ยังรวยจนล้นฟ้ามีชีวิตเสพสุขเหมือนเทวดา..คนจึงไม่อยากทำดีไงล่ะ เพราะชีวิตที่เห็นจริงมันไม่ใช่ แต่อดทนทำดีต่อไปเพราะหลอกตนเองว่าชาติหน้ามีจริง เวรกรรมมีจริง..<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ตะก่อนนี้ก็เคยคิดเช่นนี้ แต่เมื่อศึกษาพุทธศาสนา ลึกลงไป ก็เข้าใจคำตอบ ซึ่งสิ่งที่จะตอบนี้ อยู่ในพระไตรปิฎกทั้งสิ้น<br />
<br />
คนที่ทำชั่วเลวทราม โกงกินเห็นกันชัดๆ ยังรวยล้นฟ้ามีหน้ามีตา อย่างนักการเมืองของเรานั้นก็เพราะผลบุญที่เขาได้ทำมาในอดีตชาติ ยังส่งผลต่อชีวิตของเขาไม่เสร็จ คือบุญของเขายังไม่หมด มันจึงส่งผลทำให้เขาทำอะไรคิดอะไรก็สำเร็จ ถ้าเขาเคยทำทานมาในชาติก่อนมาก เขาก็จะร่ำรวย แต่เมื่อ บุญหมด ซึ่งอาจจะหมดในชาตินี้ ก็จะทำให้เขาหมดเนื้อหมดตัว ยากจนลงให้เราทันเห็น แต่ถ้าเขามีบุญมากจากชาติก่อนๆ บุญจะส่งผลจนตายจากเราไม่ทันเห็น แต่เมื่อตายไป เขาก็จะได้รับผลของกรรมที่ทำไว้แน่นอน อย่างนักการเมืองคนหนึ่ง มีชื่อเสียงมาก ร่ำรวยล้นฟ้า พอบุญหมด ถูกลูกตัวเองแท้ๆ ฆ่าตาย หรือเราก็เห็นมีหลายคน ร่ำรวย อยู่ดีๆ บุญหมด ก็หมดเนื้อหมดตัว<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ลุงพร:</span> แนวคิดของคุณหมอ ลึก และคู่ประกบไปกับพระธรรมคำสอน ปัญญา ทำให้ หายทุกข์ได้ ลูกครูบ้านนอก ยากจน แต่พ่อสอนเขาทุกวัน เขาเรียนเก่งมาก เป็นแพทย์ ทุกวันนี้ เขาสร้างบ้านให้พ่อแม่ อยู่สุขสบาย เหตุผลที่ง่ายๆคือ ปัญญา หรือ การศึกษาครับ แก้ยากจนหรือทุกข์ได้ ผมพยายามจะเสริมนะครับ คุณหมอ ไม่แย้งนะครับ ที่หมอพูด ผมเห็นด้วยหมดเลย แต่เพื่อสรุปให้ชัด ง่ายๆ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> คนนี้เขาต้องทำสมาธิภาวนามาในชาติก่อน ทำให้เกิดมีปัญญาในชาตินี้ จึงสามารถเรียนหมอได้ ก็เหมือนที่บ้านมีลูก 12 คน แต่มีคนเดียวได้เรียนหมอ ทั้งๆที่ก็เกิดมาจากพ่อแม่เป้าหลอมเดียวกัน คนอื่นๆก็อยากจะเรียนหมอ แต่ไปไม่ถึงสักคน ซึ่งอดีตชาติเราต้องทำสมาธิภาวนามาก่อน ชาตินี้เราก็เป็นคนแรกในบ้านที่เข้าวัด ทำสมาธิ ทุกวันนี้ก็ทำอยู่วันละสองเวลา<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By REDSuperman:</span> ไม่รู้สินะว่า ชาติหน้า จะได้เกิดหรือเปล่า ไม่ได้นับถือพุทธ แต่ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาบ้าง สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ เราทำบุญ ทำทานก็ต่อเมื่ออยากทำ ไม่ชอบให้ใครมาบอกว่า วันนี้ต้องทำบุญ ทำทานนะ จะได้บุญมากกว่าวันธรรมดา เราไม่เชื่อ เราทำเพราะใจอยากทำใจเราก็จะเป็นสุข ทำมากทำน้อย บ่อย หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น มันอยู่ที่ความสุขใจหลังการทำมากกว่า นั้นแหละบุญแหละ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> การทำบุญ จะได้บุญ ขึ้นอยู่กับ ตั้งใจและมีเจตนาที่จะทำ ได้บุญหนึ่งส่วน ลงมือทำ ก็ได้บุญอีกหนึ่งส่วน ตามระลึกคิดถึงการทำบุญนั้น ก็ได้บุญอีกหนึ่งส่วน ยิ่งปลื้มปีติ คิดถึงบุญนั้นบ่อยๆ ก็จะยิ่งได้บุญมากขึ้น การทำทานบุญที่ได้มาจากเจตนาที่จะให้ทานบริสุทธิ์ ของที่จะให้ทานนั้นบริสุทธิ์ ผู้รับทานของเราบริสุทธิ์ ยิ่งใจของท่านบริสุทธิ์มีกิเลสน้อยลงเท่าไหร่ ผู้ให้ทานก็จะได้บุญมากขึ้นด้วย<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By หนูฮัก:</span> มนุษย์ 10 คน ที่ท่านคุณหมอ kimeng suk ไปพบนอนกองกันในห้อง พื้นที่ 6x6 เมตร ในสลัมนั้น ภาวนาขอให้มนุษย์ทั้ง 10 คนนั้นจงเป็นคนที่ขี้เกียจ และเป็นผู้ที่มีปัญญาโง่เง่าเถิด มันขี้เกียจ ไม่ขยันเรียน มันไม่แสวงหาโรงเรียนดีๆ ครูอาจารย์ดีๆสอนมันจึงโง่ มันเป็นเรื่องของบาปบุญคุณโทษ มันเป็นเรื่องของผลกรรม ที่พวกเขาได้กระทำมา มันไม่เกี่ยวกับสังคม มันไม่เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง มันไม่เกี่ยวกับรัฐบาล<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ภวังค์:</span> ลูกเศรษฐีมหาเศรษฐีที่เกิดมาเขาไม่ได้สร้างทรัพย์ด้วยตัวเองเลยทำไมเขาจึงเสวยผลความสุขนั้นๆได้เล่า ก็ในเมื่อความจริงเราไม่ได้หาทรัพย์นั้นมาด้วยตัวเองแล้วเราจะไปเอาทรัพย์ผู้อื่นมาใช้เสวยสุขได้อย่างไร<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ลูกเศรษฐีเกิดมาก็มีทรัพย์ ก็เพราะเขา ได้ทำทานบารมีมาในชาติก่อนๆ เมื่อเขาเกิดบุญก็ส่งผลให้ มาเกิดกับพ่อแม่ที่มีทรัพย์ เมื่อเขาเกิดมาเป็นลูก ก็มีสิทธิ์ใช้ทรัพย์ของพ่อแม่ ตามกฎของโลกนี้ใช่ไหม ถ้าเขาไม่ได้สร้างทานบารมีมาก่อน บุญก็จะไม่ส่งผลให้มาเกิดกับพ่อแม่เศรษฐีเช่นนี้ แสดงว่าเขาก็ทำมาถึงจะได้ทรัพย์ใช่ไหม ส่วนบุญจะส่งไปเกิดกับเศรษฐีคนไหน มันเป็นเรื่องของบุญจัดสรร<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By อินทรีย์:</span> ทำบุญชาตินี้เพื่อให้สบายชาติหน้า ถ้าเป็นจริง ป่านนี้คนไทยเป็นเศรษฐีเกือบทั้งประเทศแล้วครับ เพราะเมืองไทยนับถือศาสนาพุทธมาแต่โบราณ ทำบุญกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษมาบุกเบิกประเทศแล้ว แต่เกิดมาก็ยังจนชาติแล้วชาติเล่า ก็ยังทำบุญกันไม่เลิก แต่ไหงมันจนกันทั้งประเทศมีรวยเฉพาะที่สามารถเอาเปรียบคนอื่นอยู่ไม่กี่คน<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> เราทำบุญกันมากจริงหรือ มีกี่คนที่ทำบุญทำทาน เอาแค่ตักบาตรพระ ทั้งถนนใส่กันกี่บ้าน แล้วมันจะรวยกันทั้งประเทศได้อย่างไร คนไทยรวยๆก็มีเยอะแยะที่เขาไม่ได้โกงประเทศชาติมา พวกนี้ก็รวยเพราะบุญของเขาที่ทำมามาก ส่วนที่ยังมีคนจนเยอะ ก็เพราะ มีคนไม่ทำบุญ หรือทำบุญน้อย มาเกิดมากกว่าคนที่ทำบุญ พระพุทธเจ้า ทรงสอนว่า การทำทานจะส่งผลให้มีทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน คำสอนนี้เป็นความจริงตลอดเวลา (ไม่ได้ว่าเอาเองนะ)<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By อินทรีย์:</span> แสดงว่ายังไม่เคยสัมผัสกับเมืองไทยแท้จริง คนไทยเขาทำบุญสุนทานกันทั้งประเทศครับ ยิ่งในชนบท พวกเขาทำบุญทั้งปีทั้งชาติ คนทำบุญในเมืองไทยมีมากกว่าคนที่ไม่ทำบุญครับ ขนาดไม่มีกินยังต้องทำบุญ เพราะการทำบุญมันฝังอยู่ในจิตใจของคนไทย ทำไมยังจนกันอยู่ละครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ที่เห็นทำบุญกันนะกี่วันทำครั้งหนึ่ง บางคนก็ทำแค่วันสำคัญๆ ครอบครัวหนึ่งไปทำบุญกี่คน เคยไปตามวัดต่างๆบ่อยๆเวลามีงาน งานใหญ่ๆมากันเต็มวัด เพื่อมาดูมโหรสพ ไม่เรียกว่ามาทำบุญ บางคนก็ใส่บาตรทุกวันแต่พวกนี้ ลองนับดูทั้งหมู่บ้านทำบุญทุกวันมีกี่คน<br />
<br />
คนทำบุญมากเขาก็ได้ดีไปตามส่วนของเขา แต่มีน้อยกว่าคนทำบ้างไม่ทำบ้างหรือไม่ทำเลย ฉะนั้นในหมู่บ้าน เราถึงเห็นคนรวยซึ่งมาจากคนที่ทำบุญมาก น้อยกว่าคนพอมีหรือคนจน ทำบุญก็ย่อมได้บุญมากน้อยตามที่ตัวเองทำ แต่ขณะเดียวกัน ทุกวันที่เรามีชีวิตอยู่ แม้จะตายไปแล้ว เราก็ใช้บุญอยู่ทุกขณะจิต บุญก็เหมือนน้ำมัน ใช้ไปๆก็หมด ทำบุญไว้ไม่มาก มันก็หมดไป เมื่อบุญส่งผลก็เหลือเท่าที่เราเป็นเราเห็น<br />
<br />
ส่วนต่างชาติ พวกฝรั่ง คุณอย่าคิดว่าเขาไม่ทำบุญนะ เขาทำทานสงเคราะห์คนกัน ไม่ได้ทำกับพระ ใครนับถือศาสนาไหน ถ้าเสียสละทรัพย์ออกมาก็ได้บุญแล้ว บุญไม่จำกัดชาติภาษา ฝรั่งเขาทำทานมากนะ เขาทำสม่ำเสมอ โดยที่ตัดออกมาจากเงินเดือนเลย ใครเป็นสมาชิกของโบสถ์ไหน ก็จะไปทำสัญญาให้โบสถ์ตัด 10%ของเงินเดือนจากต้นสังกัดที่ทำงานเลย แต่เขาไม่มาทำตามกำลังศรัทธาแบบบ้านเรา เวลาไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์เขาก็บริจาคอีก ฝรั่งบริจาคทำบุญให้โบสถ์มากกว่าคนไทยนะ เขาไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ คนไทยไม่ค่อยไปวัด ยิ่งเดี๋ยวนี้ ยิ่งแทบไม่ไปกันเลย<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By อินทรีย์:</span> โบสถ์เขาก็ต้องมีค่าใช้จ่ายนะครับ ค่าน้ำค่าไฟแถมเมืองนอกคงแพงบรรลัย ค่าตัวบาทหลวง สาธุคุณที่มาเทศน์ ค่าจ้างนักเปียโน ค่ากินค่าอยู่บาทหลวงจิปาถะ<br />
<br />
มีเรื่องเล่าว่า มีชายคนหนึ่งท่าทางภูมิฐานเข้าไปคุยกะบาทหลวงผู้ดูแลโบสถ์ หลังจากนั้น หลวงพ่อก็ออกมาเทศน์ตามปกติ ชาวบ้านก็สงสัยว่าชายคนดังกล่าวมาพูดอะไรก็หลวงพ่อ หลวงพ่อก็เล่าให้ฟังว่า เขาเป็นเจ้าของบริษัทน้ำอัดลม จะมาเสนอเงินให้ปีละล้าน แต่หลวงพ่อปฏิเสธเขาไป ชาวบ้านต่างสงสัยทำไมหลวงพ่อไม่ยอมรับ หลวงพ่อก็บอกว่า "มันให้หลวงพ่อ เปลี่ยนคำลงท้ายตอนเทศน์จบ จากอาเมน เป็น ต้องโค๊กซิ น่ะโยม"<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> วัดก็ต้องมีค่าใช้จ่ายนะค่ะ ค่าน้ำค่าไฟก็มีค่ะ แต่ของไทยใช้วิธีบอกบุญ ให้ทำตามกำลังศรัทธา ไม่ศรัทธาก็ไม่ต้องทำ ฝรั่งหักบัญชี กันเบี้ยวเลย สัญญาแล้วต้องทำ พี่เขยไปเป็นคริสต์ เล่าว่า เขาเล่นถามการสมัครใจบริจาค ต่อหน้าคนเยอะๆ ไม่กล้าปฏิเสธ 10%ของเงินเดือนทุกเดือน เยอะนะ คนสมัครใจจริงๆจะมีกี่คนสงสัยอยู่<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ภวังค์:</span> เมื่อท่านประกอบอาชีพเลี้ยงตัวกันแล้ว ทำการงานที่ดีไม่ใช่จี้ปล้นโกงเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ชีวิตท่านมีสุขดีมิใช่หรือ ทรัพย์ที่ได้มากน้อยแตกต่างกันตามกำลังกาย กำลังสติปัญญา ใช้จ่ายไปในแต่ละวันมากน้อยต่างกันตามกำลังของตัว ที่เหลือฝากเก็บไว้ที่ธนาคาร ทำเช่นนี้จนตลอดชีวิต วันที่เลยวัยทำงาน เงินทองที่เก็บงำไว้ก็นำออกมาใช้เมื่อมีความต้องการใช้ เปรียบอย่างนี้เหมือนคนที่ทำบุญทำทานมาในอดีตทุกภพทุกชาติ เมื่อมาชาตินี้บุญที่เคยทำไว้ย่อมมาส่งผลให้ชีวิตในชาตินี้มีกินมีใช้ไม่เดือดร้อนเช่นเดียวกับการถอนเงินที่ฝากไว้มาใช้ในชีวิตประจำวัน<br />
<br />
ทรัพย์นั้นหามาได้ด้วยตัวเองอย่างบริสุทธิ์มีมากจนร่ำรวยทรัพย์นั้นเกิดจากความเพียรในปัจจุบันและผลของบุญในอดีตที่ทำมาก่อน ทรัพย์ที่คนอื่นศรัทธาแล้วทำบุญให้ทางวัด ผู้ปกครองวัดย่อมใช้ทรัพย์นั้นได้เมื่อทำด้วยความถูกต้องบริสุทธิ์ยุติธรรม<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ลุงพร:</span> คนที่ไม่เผชิญเคราะห์กรรมหนักๆ มักไม่รู้จัก การทำประกันสุขภาพ ถ้าไม่เคย อัดกับสิบล้อ ยุบครึ่งคัน มักไม่ยอมทำ ประกันชั้น1 คนที่ไม่เฉียดตาย ต้องนอนโรงบาลสักเดือนเต็ม มักไม่เข้าใจ การเข้าวัดทำบุญ ลองตรองดูนะครับ มันจะเข้าใจเองแหละ พอท่านเจอกับตัวเอง เชื่อผมเถอะ ศาสนาสอนให้เป็นคนดี การไปวัดทำบุญ เป็นสิ่งดี วัดใด ไม่สำคัญดอก ทำไปเถอะ ครับ ได้บุญeye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-58668652868021318422012-02-04T15:16:00.014+07:002012-02-21T20:46:55.998+07:0087 ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมเป็นหมอทำแท้ง<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/77.html" target="_blank">เข้าครัว...ทำกับข้าวคลายเครียด!! ผมทำได้ คุณก็ทำได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post_25.html" target="_blank">สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/78-112-112-112.html" target="_blank">เรื่อง... ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/80.html" target="_blank">"วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<br />
ขอขอบคุณและขออนุญาตคุณ kimeng suk นำข้อเขียนของท่านมาลงไว้เว็บนี้นะครับ<br />
<center><img src="http://upic.me/i/qr/qas01.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/ph/20070303_33.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมเป็นหมอทำแท้ง</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
<font color="#0000FF">ตอนที่1</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/82-by-kimeng-suk.html">"ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่2</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/83-by-kimeng-suk.html">"คนไข้คนแรกของหมอใหม่หมาดๆ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่3</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/84-by-kimeng-suk.html">"ผีหลอกหมอ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่4</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/85-by-kimeng-suk.html">"อะไรทำให้ รวยและ รวย จากคนจนสุดๆกลายเป็นเศรษฐีใหญ่"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่5</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/86-by-kimeng-suk.html">"ถูกพ่อดูถูกถึงได้เป็นหมอ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่7</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/88.html">"ทำไมถึงจนอย่างนี้"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่8</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/89.html">"อีแปะมันหด-อัศจรรย์ปาฏิหาริย์-โด่ไม่รู้ล้ม"</a><br />
<br />
ต้องขอบอกก่อนว่าเจตนาที่เขียนเรื่องมาลงในประชาทอล์ค ไม่ได้มีเจตนามาโฆษณาเผยแพร่ตัวเอง และมาชักชวนใครเข้าวัดตาม แต่เขียนเพราะชอบเขียนหนังสือ และอยากให้คนรุ่นหลังได้รู้แง่มุมชีวิตที่คนรุ่นหลังไม่มี ใครอ่านแล้ว อาจจะได้คิดบางอย่าง แล้วนำไปปรับปรุงชีวิตตัวเองได้ ก็เป็นกุศลสำหรับเราเองด้วย แต่ถ้าท่านใดเห็นว่า ไม่น่าเอามาลงในประชาทอล์ค ด้วยสาเหตุอะไรก็ได้ก็บอกมาเลยค่ะ จะได้หยุดการเขียน ไปทำอย่างอื่นต่อ ขอบคุณค่ะ<br />
<br />
เราและสามีเป็นแฟนกันตั้งแต่ยังเรียนแพทย์อยู่ พอจบแพทย์ฝึกหัดก็แต่งงานกัน หลังแต่งงานก็พากันไปเช่าห้องแถวเปิดคลินิก โดยอาศัยอยู่ชั้นบน เปิดคลินิกตอนเย็น และเสาร์อาทิตย์ โดยมีน้องๆสามีที่มาเรียนในกรุงเทพ 2-3 คนอาศัยและช่วยทำงานอยู่ด้วย สามีมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 13 คน เขาเป็นพี่คนโต เรามี 12 คนเราเป็นคนกลาง เดี๋ยวนี้ถ้าใครมีลูกเป็นโหลๆแบบนี้ พ่อแม่ต้องมีหุ่นที่ผอมมาก ผอมแบบคนยิวที่ถูกฮิตเล่อร์จับขังสมัยสงครามโลกครั้งที่สองแน่นอน เพราะลูกมันช่วยกันแดกหมด<br />
<br />
ตอนกลางวันเราทั้งสองไปทำงานและเรียนต่อ โดยเราเรียนทางกุมารเวชศาสตร์ หรือหมอเด็ก ส่วนสามีเรียนทางสูตินรีเวชศาสตร์ หรือหมอทำคลอด ตอนนั้นได้รับเงินเดือน 1,300 บาทถ้วน ไม่มีค่าอยู่เวร ค่าอะไรต่ออะไรแบบสมัยนี้ เงินไม่พอใช้ ต้องผ่อนรถ ผ่อนตู้เย็น ค่าโน่นค่านี่ และส่งน้องเรียนหลายคน ถ้าไม่มีรายได้จากการเปิดคลินิกมาช่วยก็คงจะลำบากบ้างเพราะตั้งครอบครัวใหม่ ไอ้นั่นก็ไม่มีไอ้นี่ก็ขาด ก็ต้องชื้อ ไม่มีเงินแล้วทำยังไง ก็ต้องผ่อนๆๆๆๆๆๆๆ<br />
<br />
ตอนที่เรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นแพทย์ประจำบ้าน งานหนัก อยู่เวรบ่อยๆ แต่ก็พอทนได้ มีอาจารย์ รุ่นพี่ รุ่นน้อง ช่วยกันทำงาน มีเพื่อนมีฝูง ทำให้สนุกสนานกันมากกว่าเครียด หรือหนัก พอเรียนจบ เราก็ได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้ชำนาญทั้งคู่ และก็ย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ในต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง เงินเดือนเพิ่มเป็น 3,000 บาท<br />
<br />
เราเปิดคลินิกขึ้นในเมือง เรารักษาเด็ก สามีรักษาผ่าตัดโรคสตรีและรับฝากครรภ์ โดยตกลงกันว่าไม่รับทำแท้งเด็ดขาด ถึงจะจนไม่รวยอย่างหมอคนอื่นที่เขาทำเขา มีเงินฝากเป็นร้อยๆล้าน เราทั้งสองก็จะไม่ยอมทำ จะจนก๋อกก๋อย ขี่รถเก่าๆโทรมๆ ถึงจะไม่มีเงินไม่มีบ้านของตัวเอง ก็จะไม่ทำแท้ง ชีวิตนี้จะจนเพราะไม่ทำแท้งก็ให้มันรู้ไปแหละ พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายของเราก็สั่งห้ามทำแท้งไว้เด็ดขาด<br />
<br />
เชื่อไหม แต่ละวันมีคนเดินเข้ามาขอทำแท้ง ไม่ต่ำกว่าวันละ 10 บางวันถึง 20 คนเพราะสามีเป็นแพทย์ทางนี้ รายหนึ่งคิดอย่างต่ำ 5,000 บาท วันละ 50,000 บาท ปีละเกือบ 20 ล้าน 30 ปีก็เกือบ 600 ล้าน โอ๋ย ช่างเป็นตัวเลขที่น่ารักมากๆนี่ขนาดคิดต่ำสุดแล้วนา แต่ไม่เอาไม่ทำ มากแค่ไหนก็ไม่ทำ ต้องทำใจแข็งมากต่อความอยากได้ เพราะเราก็ยังจน เงินไม่ค่อยจะพอใช้ส่งน้องเรียนทีเดียว 10 คน<br />
<br />
ทำแท้งก็ง่ายนิดเดียว สิบนาทีก็เสร็จง่ายจะตาย สิบนาทีได้ 5,000 น่าคิดนะ ตรวจคนไข้คนหนึ่งคุยเป็นชั่วโมง ได้กำไรร้อยกว่าบาท แต่เราไม่เอา เรากลัวบาป กลัวไปตกนรก กลัวใจตัวเองจะเศร้าหมอง ไม่มีความสุข เมื่อคิดขึ้นเรื่องนี้ขึ้นมาครั้งใด เลยตกลงกันว่าเราจะทำมากินสุจริต รักษาได้ก็บอกได้ รักษาไม่ได้ก็บอกไม่ได้ ใครชอบเราก็มาไม่ชอบเราก็ไม่ต้องมา ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้นพอ<br />
<br />
แต่เชื่อไหม ยังมีคนไข้มาหลอกให้สามีทำแท้งให้โดยไม่เจตนา คนไข้เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มาตรวจบอกว่าประจำเดือนมาปรกติดีเหมือนทุกๆครั้ง เพิ่งหมด 3 วัน จะมาใส่ห่วง สามีก็เชื่อว่าประจำเดือนเพิ่งหมด ก็ยังไม่ท้องแน่ๆ คลำหน้าท้องมดลูกก็ไม่โต ก็เลยใช้ห่วงให้<br />
<br />
ก็เรียบร้อยโรงเรียนจีน อีกวันก็ตกเลือด ต้องขูดมดลูกให้ เขาขาดประจำเดือน ท้องมาได้เดือนกว่า ตรวจปัสสาวะรู้ว่าท้อง เธอพอมีความรู้ เลยมาโกหกหมอ หลอกให้ทำแท้งให้ สามีโกรธมากตั้งแต่นั้นมา ต้องตรวจปัสสาวะทุกรายที่จะใส่ห่วง และก็เลิกรับใส่ห่วงในที่สุด กลัวถูกหลอกวิธีอื่นอีก ได้ไม่คุ้มเสีย บางครั้งก็มีหมอด้วยกัน มาขอให้ทำแท้งคนรู้จักกับเขามาขอร้องแกมบังคับให้ทำแท้ง เสนอเงินเป็นหมื่นๆให้ สามีก็ปฏิเสธ ไม่ยอมทำ<br />
<br />
สามีรับทำคลอด รับฝากและตรวจการตั้งครรภ์ที่คลินิก เวลาคลอดคนไข้ก็ไปคลอดที่โรงพยาบาล พยาบาลก็จะรายงานและตามหมอเมื่อคนไข้มีปัญหาหรือใกล้คลอด (ธรรมดาพยาบาลมีหน้าที่ทำคลอดในรายที่คลอดปรกติ ไม่ใช่หน้าที่ของหมอ ถ้าผิดปรกติถึงจะรายงานแพทย์) สามีเป็นคนนอนขี้เซา ตื่นแล้วจะงัวเงียอยู่พักหนึ่ง ดูแล้วเขาทรมานมากถ้าถูกปลุกตอนดึกๆ<br />
<br />
ครั้งหนึ่งถูกตามกลางดึก เขาก็ลุกขึ้น ล้างหน้าล้างตา แต่งตัวออกไปทำคลอด เราก็หลับต่อ ซักพักเสียงโทรศัพท์ดังอีกบอกว่าหมอไปไหน คนไข้จะคลอดแล้ว หัวเด็กจะออกมาแล้ว เราก็บอกว่าเขาไปแล้วนี่ แต่ได้ยินเสียงเบาๆดังมาจากชั้นล่างว่าอยู่นี่ เราก็รีบออกมาดู ปรากฏว่า นอนแอ้งแม้งอยู่ที่เชิงกะได ตกกะไดลงมาสิบขั้น ลุกไม่ขึ้น เจ็บมาก กลายเป็นหมอขาเป๋ไปหลายวัน ดีว่าขาไม่หัก<br />
<br />
ค่ารับทำคลอด เขาก็คิดแค่ 500 บาท ไม่เก็บเงินก่อน คลอดแล้วค่อยใส่ซองมาให้ ซึ่งที่อื่นเขาต้องใส่ซองให้ไว้ก่อนจะคลอด ปรากฏว่าถูกชักดาบเกินครึ่ง บางคนก็จ่ายค่าทำคลอด ด้วยทุเรียน ครึ่งลูก คือจะให้ทั้งลูก ตัวเองก็อยากกินเลยแบ่งกินเสียก่อนครึ่งลูกจะให้หมอหมดก็เสียดาย บางคนก็จ่ายด้วยฟักทองสองลูก บางคนชักดาบคนแรก คนที่สองก็ทำหน้าตายมาอีก แล้วก็ชักดาบอีก สามีก็รู้แต่ก็ทำให้ บางคนชักดาบค่าทำคลอดไปแล้ว ก็ไม่ทักไม่ทายหมอ และไม่มารักษาที่คลินิกต่อไป<br />
<br />
สามีบอกว่าไม่สบายใจที่เวลาไปดูคนไข้ของตัวเองแล้วไม่ได้ดูคนไข้ของหมออื่นด้วย เพราะเวลาเราไปดูคนไข้ของเรา คนไข้เตียงอื่นๆก็อยากจะให้หมอดูด้วย แต่เราไปยุ่งเกี่ยวกับคนไข้ของหมออื่นไม่ได้ เท่ากับไปก้าวล่วงการรักษาของเขา จะทะเลาะกัน อย่างมากก็แค่ทักทายคนไข้ได้เท่านั้น ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน<br />
<br />
เราก็เลยตกลงกันว่าไม่รับฝากทำคลอดพิเศษส่วนตัว ตรวจแต่คนไข้ทั่วไป คนไข้เด็ก และผ่าตัดทางนรีเวชก็พอ ได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น ชีวิตสามีก็เลยสบายขึ้น ไม่ต้องถูกปลุกกลางคืนบ่อยๆอีก เดี๋ยวนี้ ไม่รับผ่าตัด ตรวจแต่คนไข้โรคทั่วไป งานเบาๆสบายๆตรวจวันละ 4 ชั่วโมงก็หยุด มีรายได้พอกินพอใช้ ไม่รวยแต่ก็ไม่ถึงกับจน หมดหนี้หมดสิน ทำคลินิกเพื่อหาเงินใช้จ่ายรายวัน และก็แก้เหงาไปด้วย แม้ไม่มีเงินเหมือนเพื่อนๆ เราก็มีความสุขตามประสาของเรา ไปวัด ถือศีลห้า นั่งสมาธิทุกวัน พระลูกชายก็เอาบุญมาฝากทุกๆวัน พอใจแล้ว<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By เดฟ:</span> ชาวบ้านเขาบอกกันว่าหมอทุกวันนี้หน้าเงิน จริงเปล่าครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ไม่ทราบเรื่องหมออื่นๆ แต่เอาตัวอย่างของเรานะ เมื่อจบใหม่ๆ เราไม่มีเงิน ถึงแม้ทางบ้านเราจะรวย แต่เราก็ไม่ได้ขอ หาเงินเอง เรามีความรู้สึกอยากมีเงิน ไปซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อนั่นซื้อนี่ เห็นรุ่นพี่รวยๆแล้วก็อิจฉา อยากเป็นแบบนั้นบ้าง<br />
<br />
เลยมุมานะเปิดคลินิก เจอคนไข้ที่เราสมารถหลอกเอาเงิน ยังโง้นยังงี้ได้ ใจหนึ่งก็บอกว่าได้เงินเยอะนะ แต่อีกใจก็บอกว่ามันเป็นบาป หลวงพ่อก็พรำสอนไม่ให้ทำผิดศีล สุดท้ายเราก็ระงับความยากได้ ไม่ทำอะไรที่ไม่ดีต่อคนไข้ แล้วภายหลังเรากับสามีพูดกันบ่อยๆว่าเรา ไม่มีแผลในการทำคลินิก เราทั้งคู่รู้สึกพูมใจมาก มีความสุขใจ จนก็ไม่ว่า<br />
<br />
ที่คลินิกของเรา คนไข้มาต้องจ่ายค่ายา ค่าลงทุน และค่าแรงงานของเรา ในราคาที่คนไข้รับได้ ไม่บ่น เราอยู่ได้ ถ้าไม่มีเงินใครกล้าบอกเรา เราก็ลดให้หรือฟรี พระ เณร ชี ฟรี แพงแค่ไหนก็ฟรี บางครั้งพระเต็มคลินิก เราก็ฟรีถวายท่านเอาบุญ หลวงพ่อสอนเราว่า รักษาพระ เณร เท่ากับต่ออายุพระพุทธศาสนาไปด้วย<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By sri123:</span> เห็นว่า ถ้าคนเรา ยินดีในสิ่งที่ตนได้ พอใจในสิ่งที่ตนมี ก็ถือว่าเป็นคนโชคดีแล้ว ความสุขเนี่ย มีเงินมากมายก็ซื้อคำนี้ไม่ได้ ถ้าเราอยากได้ก็ต้องสร้างเอง และความไม่มีหนี้เนี่ยก็เป็นความสุขอย่างนึงเหมือนกันนะคะ ...<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By joojee1:</span> การทำแท้งหลบซ่อน มันก็ทารุณ นะ เคยมีเพื่อนที่ตกเลือดเกือบตาย เป็นการทำแท้งจากผู้ไม่ใช่หมอ ไม่มีคำตอบสำหรับเมืองพุทธ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> อันตรายมาก ถ้าคนทำแท้งไม่มีความรู้ เวลาติดเชื้อแล้วรักษาไม่ค่อยทัน มักเสียชีวิต หรือติดเชื้อบาดทะยัก หรืออย่างน้อยๆก็ตัดมดลูกทิ้ง<br />
<br />
เคยผ่าศพคนทำแท้งแล้วติดเชื้อตาย พอลงมีดเปิดหน้าท้อง เราเป็นลม หน้ามืด ล้มลงเลย เพราะกลิ่นมันเหม็นมากพุ่งเข้าปะทะหน้าเราเต็มที่ เหม็นที่สุดในชีวิต ยังจำกลิ่นนี้ๆได้ติดจมูกจนเดี๋ยวนี้<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ตัวเล็ก:</span> ขอความรู้หน่อยค่ะ ถ้าไม่ไปทำแท้งเถื่อน ซึ่งอันตราย แล้วต้องไปที่ไหนคะ ในกรณีที่ไม่พร้อมหรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าคนที่มีปัญหาพวกนี้ควรทำอย่างไรคะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By เดฟ:</span> ตัวเล็กถ้าตัวเองท้องไม่มีใครรับเป็นพ่อเด็กก็อย่าไปทำแท้งเลยนะ มันบาป สงสารเด็กเถิด ให้เรารับเป็นพ่อเด็กแทนก็ได้นะตัวเล็ก อย่าทำบาปเลยเราขอร้องละ...<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ตัวเล็ก:</span> ไม่ได้ท้องคร๊าบบบบบบ แหมเนาะ แค่อยากรู้ว่าถ้าเกิดมีปัญหาแล้วไม่สามารถเอาไว้ได้เราจะต้องทำยังไง อ้อ ไม่ต้องบอกว่าทำไมไม่ป้องกันน๊า อยากรู้แค่ว่าควรทำยังไงถ้าไม่ไปที่คลินิกเถื่อน มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ไหม<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> บอกไม่ได้ค่ะ บอกก็เท่ากับส่งเสริม ได้รับบาปเท่าๆกัน มันมีทางแก้ปัญหาค่ะ อย่างเช่น ท้องตอนเรียน เคยมาปรึกษารายหลาย สามีแนะนำให้ยอมรับกับพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย และให้ฝ่ายหญิงหยุดการเรียน จนกว่าจะคลอด แล้วย้ายโรงเรียนใหม่ หรือถ้ามหาวิทยาลัยก็กลับไปเรียนต่อได้จนจบ<br />
<br />
เคยแนะนำไปคู่หนึ่ง ให้ฝ่ายหญิงหยุดเรียน รอคลอด เขาหายไปเลยหลังแนะนำ พอเราย้ายมาอยู่ที่ต่างจังหวัด เขาเอาลูกมารักษา พอเห็นสามีเรา เขาดีใจใหญ่ บอกว่านี่ลูกคุณหมอที่ห้ามทำแท้งไว้ ตอนอยู่กรุงเทพฯ เขาตั้งชื่อเหมือนชื่อสามีเลย ตอนนี้โตแล้ว สิบกว่าปี เราฟังแล้วเป็นปลื้มสุด<br />
<br />
ถ้าเป็นแม่บ้านแล้วท้อง คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะไปทำลายชีวิตของลูกคุณ เขาได้โอกาสมาเกิดเป็นคนซึ่งยากมาก คุณก็เอาสิทธิ์อะไรไปทำลายเขา เขามาเกิดแล้วมีวิญญาณมีชีวิตจิตใจเท่ากับคุณ คุณไม่สงสารเขาหรือ<br />
<br />
การทำแท้งคือการทารุณที่สุด ถ้าใช้เครื่องดูดออก เขาก็เจ็บปวดมาก ถูกดูดถูกกด ถูกฉีกจนเป็นก้อนเล็ก หรือถ้าใช้วิธีขูดออกก็ขูดออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ ตัดออกที่ละน้อยๆ เด็กจะเจ็บปวดแค่ไหน ถึงจะเล็กยังไรเขาก็มีความรู้สึก เป็นเราโดนเข้าจะรู้สึกอย่างไร<br />
<br />
เรามักจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่พร้อม ยังโง้นยังงี้ เมื่อทำให้เขาเกิดมาเราต้องรับผิดชอบ จะเอาแต่สนุกอย่างเดียวไม่ได้ เพียงแต่เรามักจะเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ปัญญาหาของเราเองฝ่ายเดียว ทำไมไม่คิดว่า เมื่อท้องเขาแล้ว ปล่อยเขาออกมา มีปัญหาก็สู้แก้ไขปัญหาเอา มันคงไม่ถึงกับทำให้เราตายเพราะปัญหามีลูกเพิ่มอีกคนละมัง ถ้าใจสู้มีเมตตาต่อลูก เราก็ชนะค่ะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ตัวเล็ก:</span> ถ้างั้นแสดงว่าคนที่มาหาคุณหมอวันละ 10 - 20 คนนั้น เขาก็มีทางแก้ปัญหากันทุกคนใช่ไหมคะ แล้วถ้าเขาไม่มีทางแก้เขาทำยังไงกันคะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> คนไหนเชื่อเขาก็ทำตาม เราไปบังคับเขาไม่ได้ ถ้าเขาจะทำแท้งเขาก็ต้องไปดิ้นรนเอง ไม่ใช่หน้าที่หมอที่จะเรียนมาฆ่าคน เราเรียนมาช่วยคน<br />
<br />
แต่ถ้าคุณจะดิ้นรนเอง ไปทำเองก็เป็นสิทธิ์ของคุณ แต่จะมาว่าหมอใจดำไม่ได้ เรื่องอะไรเอาเรื่องเดือดร้อนของตัวโยนมาตกที่หมอ<br />
<br />
คุณรู้ไหม เกิดอะไรขึ้นกับหมอที่ทำแท้ง ได้เงิน 5,000-10,000 บาท แต่ถ้าถูกจับได้หมดอนาคต ติดคุก หมดชื่อเสียง ถูกยึดใบประกอบโรคศิลป์ เป็นหมอไม่ได้อีก แล้วคนไข้มารับผิดชอบหมอไหม หนังสือพิมพ์ก็ลงบ่อยๆ ไม่ใช่ไม่มีความผิด<br />
<br />
หมอคนที่ทำแท้ง ภาวะจิตใจเสีย มองหน้าคนไม่เต็มตา ยิ่งแก่ยิ่งนึกถึงความผิดนี้ หนีไปไหนก็ไม่ได้ คิดถึงความผิดอันนี้ตลอดเวลา มันหลอนอยู่ในใจ เป็นความทุกข์ใจที่ใครก็ช่วยไม่ได้เสียด้วย เคยเห็นมาแล้วหลายคน<br />
<br />
ตายแล้ว ไปตกนรกขุมหนึ่งแน่นอน ตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ ทำกรรมปาณาติบาต<br />
<br />
ถ้าเป็นหมอลูกของคุณ รู้ว่าถ้าทำลูกต้องโดนแบบนี้ ยังจะให้ช่วยทำแท้งให้คนไข้ไหม ถ้าจะทำก็ไปหาหมอคนอื่นที่เขาเต็มใจ ไม่กลัว อยากได้เงิน ทำให้<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By boy:</span> ไปที่นี่เลย ปลอดภัย ตำรวจไม่จับ <a href="http://www.clinicrak.com/lady/abort_qna.shtml" target="_blank">http://www.clinicrak.com/lady/abort_qna.shtml</a> บอกชัดๆเลยก็ได้ เลขที่ 8 สุขุมวิท 12 เป็นของ มีชัย วีระไวทยะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ตัวเล็ก:</span> ขอบคุณค่ะก็มีนี่นา แต่ทำไมคนชอบทำแท้งเถื่อนกันหว่า<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By Spy:</span> ใครคิดจะทำแท้ง ถ้าไม่เดือดร้อนมากจริงๆ อยากให้คิดหลายๆตลบ และลองไปดูที่ <a href="http://www.justthefacts.org/continue.asp" target="_blank">http://www.justthefacts.org/continue.asp</a> มีรูปที่เห็นแล้ว อึ้ง อยู่หลายรูป<br />
<br />
<center><object width="480" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/p/A8F51261690C3FBA?hl=th_TH&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/p/A8F51261690C3FBA?hl=th_TH&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" width="480" height="390" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></center><br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/yc/160478.gif"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ชีวิตที่ไร้เป้าหมาย</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
เรื่องนี้เขียนขึ้นจากชีวิตจริงของน้องชายแท้ๆของเรา ซึ่งคนสมัยนี้ก็มีวิถีชีวิตแบบน้องชายของเรา ตอนหนุ่มๆผลของการดำเนินชีวิตแบบนี้ยังไม่เห็น แต่เมื่อแก่ตัวลง รู้สึกตัวเห็นผลของมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ได้แต่เสียใจ และเสียใจ<br />
<br />
น้องชายของเราคนหนึ่ง ขณะนี้อายุ ประมาณ เกือบ 60 ปี เมื่อไม่นานมานี้เขาได้มานั่งคุยกับเรา คุยไปก็น้ำตาไหลไป บอกว่า เขาเสียใจมากที่ ชีวิตที่ผ่านมาของเขา ไม่ได้ทำความดี ไม่ได้ตั้งเป้าหมายของชีวิตไว้ ปล่อยชีวิตให้ลอยไปเรื่อยๆเหมือนสายน้ำ ไปเจอสวะหรือหมาเน่าในแม่น้ำ ก็คว้าไว้ คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ตั้งเป้าหมายให้ชีวิตของตัวเองยังไม่พอ ลูกสองคนก็ไม่ได้สอนให้เป็นคนดี และสอนให้พวกเขาตั้งเป้าของชีวิตไว้เลย ทั้งชีวิตของเขาและของลูกถึงพังไม่เป็นท่า<br />
<br />
น้องชายคนนี้เป็นลูกชายคนที่ 4 ของเตี่ย ซึ่งมีลูกทั้งหมด 15 คน เป็นผู้ชาย 5 คน เขาเป็นคนขี้โมโห ชอบเถียงเอาชนะ ดื้อ แต่เป็นคนพื้นฐานใจดี รักพี่น้อง ใครใช้ให้ทำอะไรก็ช่วยด้วยความเต็มใจ ชอบครบเพื่อนไม่ถึงกับเกเร แต่ก็ไม่เอาถ่าน ไม่ชอบเรียนหนังสือ บอกว่าไม่รู้จะเรียนไปทำไม บ้านเราก็รวยแล้ว จบอะไรก็กลับมาทำงานบ้านได้ เขาเลยไม่สนใจการเรียน แต่ก็สอบพอผ่านได้<br />
<br />
พอจบมัธยมปลาย สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ เตี่ยก็ส่งไปอยู่กับพี่สาวที่อเมริกา ไปเรียนจบปริญญาตรี วิศวกรโรงงาน ก็กลับมาช่วยงานที่บ้าน ซึ่งมีโรงเลื่อย โดยไม่มีความคิดจะออกไปหางานที่อื่นทำเพื่อตั้งตัวเอง ทั้งๆที่ๆบ้านมีพี่มีน้องกลับมาช่วยงานหลายคนแล้ว<br />
<br />
เขามีหน้าที่ต้องออกป่าไปควบคุมการตัดไม้ ทำให้เขามีโอกาสไปคบคนพาล ซึ่งก็คือลูกน้องของเขา พวกนี้ชอบกินเหล้า เย็นมาก็ตั้งวงเหล้ากันทุกวัน จนกลายเป็นคนติดเหล้าอย่างหนัก ลูกน้องก็ประจบประแจงจะได้กินเหล้าฟรี เชื่อไหมเขาตั้งร้านขายอาหาร เขาและลูกน้อง ตั้งวงกินเหล้าจนร้านอาหารของเขาเจ๊ง เขาเป็นคนที่ ไม่ว่า ใครจะเตือนเรื่องกินเหล้ามากไป เขาอย่างไรก็ไม่ฟัง แถมยังบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ ห้ามกินเหล้าอีกแนะ<br />
<br />
ติดเหล้าแล้วยังไม่พอยังเจ้าชู้ มีเมียมาก โดยไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานตามประเพณีซักคน เขาเลือกเมียเพราะความสวยอย่างเดียว พอใจเป็นเอามาทำเมีย ที่เห็นเป็นตัวเป็นตนมี 3 คน พอมีลูกพ่อก็ไม่ได้ดูแล มัวทำงาน เมาเหล้า เจ้าชู้ ทะเลาะกับเมียๆเป็นประจำ ด่าเมีย เมียก็ด่าตอบ ด่ากันไปด่ากันมา เมียๆก็ทะเลาะกันเองอีก สรุปแล้วไม่ว่าจะเป็นบ้านเมียไหน ทุกบ้านต่างก็ไม่มีความสุข<br />
<br />
ไม่มีใครสนใจความรู้สึกของลูกๆ จนสุดท้ายลูกคนหนึ่งเป็นโรคซึมเศร้าอย่างแรง อีกคนก็เอาดีไม่ได้ ขี้เกียจ ตื่นสาย ทำงานอะไรก็ไม่เอาจริง แต่งงานก็ต้องหย่า ทำงานไม่เป็นโล้เป็นพาย ยังดีที่ลูกจากเมียคนสุดท้าย เขาค่อนข้างให้ความสนใจ และดูแลมากกว่าลูกเมียอื่น จึงไม่เกเร เรียนเก่ง พอให้พ่อชื่นใจบ้าง<br />
<br />
เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน ได้แนะนำให้เขาบวช ในโครงการบวชพระแสนรูปทุกตำบลทั่วไทย 49 วัน พอสึกออกมาเขาก็เลิกเหล้า และเข้าวัด นั่งสมาธิ ถือศีล ทำทาน เขาดีขึ้นมาก และก็รู้สึกตัวแล้วว่า ทำให้ชีวิตตัวเองผิดพลาดไม่พอ ยังทำให้ชีวิตของ เมียและลูกผิดพลาด ไร้ความสุขไปด้วย แต่ก็สายเกินกว่าที่จะแก้ไขได้แล้ว ได้แต่เสียใจ แต่สายน้ำไม่ไหลกลับ ฉันท์ใด ชีวิตก็ไม่หวนกลับมาฉันท์นั้น<br />
<br />
เขาเสียใจมากๆถึงกับหลั่ง น้ำตาร้องไห้ สะอึกสะอื้น ตอนนี้ก็ได้แต่แก้ไขให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น แต่ชีวิตของลูกๆพังไปแล้ว เพราะเขาเป็นพ่อที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจตัวเอง ทำตามใจตัวเองเป็นใหญ่ เห็นแก่ความสนุกสนาน ไม่นึกถึงชีวิตจิตใจของลูกๆ ไม่ได้สอนและใกล้ชิดเขาเลย เลี้ยงแบบปล่อยให้พวกเขาโตขึ้นมาเองและไม่ได้รดนำพรวนดินให้ปุ๋ยใดๆ<br />
<br />
จะเห็นว่าชีวิตของน้องชาย ถ้าตอนที่เขาเพิ่งเรียนจบมา เขารู้จักตั้งเป้าหมายของชีวิตว่า เขาจะมีชีวิตแบบไหน เขาจะทำงานเลี้ยงตัวเองมีอาชีพอะไร ต้องสร้างฐานะอย่างไร มีเมียแบบไหน มีลูกกี่คน และไม่ปล่อยตัวคบเพื่อนสนุกสนานไร้สาระ ชอบคนประจบสอพลอ พากัน กินเหล้าจนติดแบบนี้ รู้จักควบคุมตัวเองให้ดำเนินชีวิตในทางที่ดี มุ่งสู่เป้าหมายของชีวิต ทำอะไรทำจริง ฐานะและสุขภาพของเขา รวมทั้งความสุขของครอบครัวและตัวเขาเองต้องดีกว่านี้เป็นร้อยเท่า<br />
<br />
และอยากจะขอบอกกับใครก็ตามที่คิดจะเอาลูกกลับมาช่วยงานบ้าน ถ้ากิจการตัวเองไม่ใหญ่โตพอหรือมีหลายกิจการ ให้เอาลูกมาช่วยงานแค่คนเดียว ไม่เกินสองคนก็พอ เอามาหลายๆคน สุมหัวกินกับกงสี พอพ่อแม่ตายจากไป มักจะแตกกัน แบ่งมรดกกันแล้วเหลือคนละไม่เท่าไหร่ เอาตัวไม่รอด ไม่มีอาชีพ จะตั้งตัวใหม่ก็ช้าไป ให้คนอื่นๆที่เหลือไปหางานทำ ตั้งตัวเอง สร้างอาณาจักรของเขาเอง เราแค่คอยให้คำปรึกษา หรือช่วยเหลือเมื่อจำเป็น เมื่อเราตายไปเขาก็ยังมีกิจการที่เป็นของตัวเอง เอาตัวรอดได้<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By sri123:</span> บางเรื่องก็เห็นตรงเห็นแย้งนะ มีเป้าหมาย ก็เสมือนมีแนวทางชีวิต แต่ก็อย่างว่า ความต้องการของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ มีเป้า ก็อาจจะเปลี่ยนเป้าได้อีก เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามกิเลสที่ต่างคนต่างมี บางคนมีเป้าแค่ว่า แค่มีครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุข แต่เป้าเนี่ย มันก็ไม่ใช่ของคนคนเดียวแล้วไง เพราะมันกลายเป็นเรื่องของคนสองคน ก็เลยคิดว่า อยู่กับปัจจุบัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แบบนั้น ... จะได้ไม่เสียใจกับทุกการกระทำนะคะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ขอบคุณค่ะคุณศรี ที่ให้ความคิดเห็นที่ดีมีเหตุมีผลมาตลอด คนเรามีความคิดเป็นของตัวเอง มีสิทธิ์ที่จะเห็นด้วยไม่เห็นด้วย การแสดงความคิดเห็นออกมาก็เป็นการให้ข้อคิดเห็นอีกมุมมองหนึ่ง สำหรับท่านผู้อ่านเป็นสิ่งที่ดีที่น่ายกย่องมาก เพราะหลายความคิดย่อมทำให้ผู้อ่านได้ประโยชน์มากขึ้นค่ะ<br />
<br />
การแสดงความคิดเห็นที่ดีก็ควรจะเคารพความคิด ความเชื่อ ความศรัทธาของผู้อื่น และให้เกียรติเขาด้วยตามวิสัยของปัญญาชน มีบางคน พอคนอื่นเขามีความเชื่อ หรือเคารพในสิ่งที่ตัวเองไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา ก็ไปหาว่าเขาโง่งมงาย ด่าเขา นั่นเป็นการล่วงล้ำสิทธิ์ส่วนตัวของผู้อื่น และเป็นคนพาลสันดานหยาบค่ะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By mamiya:</span> ถูกต้องที่สุดครับ อยู่กับปัจจุบัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร มีสิ่งใดมาเปลี่ยนแปลงชีวิตเราอีก<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/2n/rktpp.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>เรื่องเชยๆในวันแต่งงาน</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
เขียนเรื่องเครียดๆมาหลายเรื่องติดๆกัน วันนี้ก็จะเขียนเรื่องเบาๆ อ่านแล้วคลายเครียด ดีไหมค่ะ ใจเราจะได้ไม่เครียดโกรธโมโหตามเรื่องการบ้านการเมืองไปด้วย อ่านเรื่องนี้ ฮอร์โมนของความสุขจะหลั่งออกมา อย่างน้อยๆยิ้มในใจได้ก็ยัง happy, happy and happy แม้จะชั่วแว๊บหนึ่งของชีวิต<br />
<br />
เราเป็นแฟนกับสามีตั้งแต่เป็นนิสิตแพทย์ปีที่ 4 สมัยนั้นมีหนุ่มๆนักเรียนแพทย์ มาจีบเราหลายคน แต่ละคนหล่อๆรวยๆทั้งนั้น เพราะหน้าตาเราก็พอไปวัดไปวาตอนสายๆได้ หุ่นดี เอวบางร่างน้อย อ้อนแอ้นอรชร ไม่เป็นตุ่มสามโคก หมีน้อยน่ารักแบบตอนนี้ (คิดถึงหุ่นตอนนั้นกับตอนนี้แล้ว เฮ้อ ตูอยากตาย ) แต่คนเราเมื่อเป็นเนื้อคู่ มันก็คือคู่แล้วไม่แคล้วกัน<br />
<br />
ชีวิตรักของเราสองคน ก็หวานแหววแบบนักเรียนแพทย์ทั่วไป แต่ของเราแปลกมากๆ คือผู้ชายเป็นคนเรียน คือแฟนเป็นคนเข้าเรียน เซ็นชื่อเข้าเรียนแทนเรา ในวิชาตอนบ่ายๆ และจดเล็คเซอร์พร้อมก๊อปปี้ เย็นมาก็เอามาส่งให้เราที่หอพัก ส่วนเราทานข้าวกลางวันเสร็จ เล็งดูวิชาไหนอาจารย์ไม่เคร่งครัดเราก็นอนหลับสบายไม่ไปเรียน ตื่นขึ้นมาแฟนก็เอาเล็คเซอร์มาส่งให้ เราหลับเต็มอิ่มแล้ว ก็อ่านและท่องที่เขาจดมาให้ปรากฏว่า สอบทีไรเราได้คะแนนมากกว่าเขาทุกที เพราะเขาฟัง จด แต่อ่านน้อย เราไม่ได้ฟังไม่ได้จด แต่อ่านมากกว่า ฮา ฮ้า เราเก่งกว่า ขี้เกียจกว่า แต่ชนะทุกที เห็นมั๊ย<br />
<br />
พอเป็นแพทย์ฝึกหัดเกือบจะจบก็จัดงานแต่งงานที่บ้านของเรา ต่างจังหวัด เตี่ยแม่ดีใจมากที่ลูกสาวคนเดียวที่เป็นหมอได้แต่งกับหมอด้วยกัน เป็นหน้าเป็นตาของเตี่ยกับแม่ เลยร่วมกับพ่อแม่สามี จัดการแต่งงานให้ใหญ่โตมาก เลี้ยงโต๊ะจีนเกือบร้อยโต๊ะ มีการเลี้ยงเหล้าฝรั่ง อย่างดี ราคาขวดละหลายสตางค์ อาหารอย่างดี มีการเลี้ยงแพะตุ๋นแบบคนไหหลำด้วยนะ ซึ่งที่บ้านทำได้ขึ้นชื่อว่าอร่อยมาก งานนี่คนมางาน ตั้งใจมากินแพะตุ๋นกับเหล้าฝรั่งกันมากกว่ามางานแต่งงาน สงสัยกินดื่มกันอร่อย จนลืมดูเจ้าบ่าวเจ้าสาวว่าหล่อไหมสวยไหมไปด้วยซ้ำ เอ้า ดื่ม ดื่ม ดื่ม กิน กิน กินเข้าไป จนเมาเป๋ แย่งกันพูดไม่มีใครฟังใคร เสียงดังโดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน แต่ก็ถือว่าเป็นงานแต่งที่ดังมากของจังหวัดนั้นเลยละ แต่ถ้าเป็นสมัยนี้เราจะเลี้ยงแค่น้ำหวานหรือน้ำเปล่าก็พอ ไม่เลี้ยงเหล้า เสียดายเงินนะ<br />
<br />
วันแต่งเจ้าสาวต้องตื่นแต่ตีสี่ ลุกขึ้นมาไหว้เจ้า ทั้งหมด 7 แห่งในโรงเลื่อย ไหว้และก็ไหว้ กว่าจะเสร็จก็เกือบหกโมงเช้า เจ้าสาวโทรมสุดๆ หน้างอเป็นม้าหมากรุก แล้วก็ต้องไปแต่งหน้าทำผม เตรียมเข้าพิธีหมั้นในตอนเช้า ตอนแรกช่างทำผมทักว่า วันนี้ทำไมไม่ยิ้มเลย อย่าหน้างอในวันสำคัญ เราก็เหนื่อยยิ้มไม่ออก แต่พอแต่งหน้าทำผมเสร็จ โอะ แม่เจ้าโวย เทพธิดาองค์ไหนมาจุติ จำตัวเองไม่ได้เลย ช่างทำผมบอกว่าเราสวยมาก แต่งหน้าขึ้น เราดูแล้วขยี้ตาตัวเอง สวยจริงๆนะ สวยขนาดเข้าประกวดนางสาวไทย ได้อันดับรองบ๊วยแน่ๆ เราก็เกิดอารมณ์ดีฉีกยิ้มปากกว้างถึงใบหูไม่ยอมหุบ จากนางแก้วหน้าม้ากลายเป็นเทพธิดาสุดสวย ไม่ปลื้มก็เกินไปละ เราภูมิใจนะที่เกิดมาก็สวยกับเขาอยู่หนึ่งวัน คือวันแต่งงานนี่แหละ<br />
<br />
ระหว่างพิธีหมั้น ไอ้ความที่เราเป็นแพทย์ฝึกหัด งานมากอยู่เวรบ่อย จนลืมเตรียมโน่นเตรียมนี่ไว้ เราก็เลยดันลืมบอกเตี่ยให้เตรียมเรื่องแหวนที่จะใส่ให้เจ้าบ่าว หลังจากเขาสวมแหวนหมั้นให้แล้ว แหวนไม่มีก็มองหน้ากันไปมาเลิกลักๆ ไอ้เราก็หน้าจ๋อยเหลือสองนิ้ว ค่อยๆกระซิบบอกแม่ว่าลืมเตรียมไว้ แม่แก้ปัญหาโดยวิ่งไปหยิบแหวนทองแบบคนจีนที่มีตัวอักษรจีนอ่านว่าอะไรไม่รู้ที่หัวแหวนมาให้ เจ้าบ่าวก็เลยได้แหวนหมั้นวงพิเศษ ที่มีคำพิเศษอ่านไม่ออก เราโล่งอกโล่งใจ แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปได้ มีแหวนให้เจ้าบ่าวใส่โก้หรูมีภาษาต่างประเทศด้วย เอาไงอีกละ ทองแท้จากเยาวราชเชียวนะ โก้อย่าบอกใคร 5555555<br />
<br />
พอถึงตอนกินเลี้ยง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวต้องขึ้นกล่าวขอบคุณแขก เจ้าบ่าวกล่าวคนแรก ด้วยมาดเท่สุดๆ ว่า "ข้าพเจ้าและเจ้าบ่าว" ไอ้เราฟังแล้ว เฮ้ย ไม่มีเจ้าสาวนี่ แต่งกับผู้ชายหรือไง เลยใช้ข้อศอกสะกิดสีข้างเจ้าบ่าวแล้วกระซิบบอกว่า เจ้าสาวๆ เจ้าบ่าวทำหน้างงๆ ถามว่าอะไรๆ เราก็บอกว่าพูดว่า เจ้าสาวซิๆ เขาก็พูดใหม่ เสียงดังขึ้นว่า "ข้าพเจ้าและเจ้าสาว" เฮ้อ ค่อยยังชั่ว ดีนะที่ไหวตัวแก้ทัน สงสัยตกตะลึงความงามของเจ้าสาวมากไป<br />
<br />
พองานเลี้ยงเลิก เราทั้งสองก็มายืนส่งแขก ที่หน้าบ้าน เชื่อไหมแขกบางคนทั้งหญิงทั้งชายเดินหนีบแขนขวา เดินตัวลีบแขนขวาไม่แกว่ง คล้ายคนเป็น อัมพฤกษ์ ให้เดาซิว่าทำไมเขาถึงต้องเดินแบบนั้น ไม่มีอะไรหร๊อก เขาหนีบเอาเหล้าราคาแพงกลับบ้าน เรายืนมองแล้วก็ขำ เอาไปตรงๆก็ได้ ไม่ต้องซ่อนไว้ใต้เสื้อแล้วหนีบไปหรอก เพราะเราถือว่าให้แล้วก็ให้เลย บางคนยกมือรับไหว้เรา ขวดเหล้าหลุด ตะครุบกันชุลมุนวุ่นวาย ดูแล้วตลกดี<br />
<br />
เขียนเรื่องนี้เอาสนุกๆ ไม่มีสาระ แค่จะบอกว่าถ้าเราทำตัวดี ให้พ่อแม่ชื่นชมชื่นใจ พ่อแม่นั่นแหละที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้เรา<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ทอนกิด:</span> ชอบตรงที่บอกว่า "แค่จะบอกว่าถ้าเราทำตัวดี ให้พ่อแม่ชื่นชมชื่นใจ พ่อแม่นั่นแหละที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้เรา" อึ้งไปเรย กินใจสุดสุด อยากให้คนที่เป็นลูกและกำลังเจริญเติบโตได้อ่านจัง ต่ออะนะหลังแต่งงาน............หวานแค่ไหน<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/u1/imagesca20wpb2.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ขับรถชนตำรวจขาขาด...</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
ลูกพี่ลูกน้องของเราคนหนึ่ง เป็นคนหนุ่มมีอนาคตก้าวไกล ทำงานเป็นนายธนาคารของธนาคารใหญ่แห่งหนึ่ง เงินเดือนมากเอาการอยู่ และอนาคตมีหวังที่จะไปเป็นนายแบ็งค์ใหญ่ เพราะเขาทำงานเก่ง มีหัวคิดก้าวหน้า เจ้านายรักและสนับสนุนเขามาก กำลังจะให้ย้ายไปทำหน้าที่ใหญ่โตขึ้นในสำนักงานใหญ่ แต่อะไรมันก็ไม่เที่ยงแท้แน่นอน อยู่ๆทุกอย่างก็จบสิ้น พังพินาศเพราะการดื่มเหล้า เมามายจนขาดสติ<br />
<br />
เขามีนิสัยชอบดื่มสุรา ดื่มมาตั้งแต่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ระยะแรกก็ดื่มน้อยๆ เอาแค่สังสรรค์ เข้าสังคม เขาบอกอยู่เรื่อยๆว่า "ผมไม่มีทางติดสุรา ผมเป็นนายมัน ไม่ใช่มันเป็นนายผม" ตอนนั้นเขายังอายุน้อย เงินเดือนก็น้อย ไม่พอใช้ ตำแหน่งหน้าที่การงานก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ใครก็ไม่รู้จัก เพื่อนก็มีน้อย สังคมก็เลยน้อยตามไปด้วย เขาก็เลยดื่มบ้างไม่ดื่มบ้าง ส่วนมากดื่มเองที่บ้าน เป็นการ warm up ขั้นต้น ของชีวิตคนขี้เมาในอนาคต<br />
<br />
แต่พอตำแหน่งหน้าที่การงานสูงขึ้น มีคนรู้จักมากขึ้น ต้องออกไปรับรองแขก ติดต่อลูกค้าและเพื่อนฝูงเกือบทุกวัน ก็ต้องดื่มตามประเพณีของงานเลี้ยง ดื่มเหล้าดีๆ ดื่มได้ไม่อั้นเพราะทางธนาคารที่ตัวเองทำงานเป็นคนจ่าย โดยเบิกเป็นค่ารับรอง ที่นี่ก็หวานหมูสะดือจุ่นนะซิ ทุกคนสนุกสนานเฮฮา กิน ดื่มได้เต็มที่ กินฟรี ดื่มฟรี เอ้าดื่มๆ มาชนแก้วกันหน่อยพวกเรา มา ม๊า มา ดื่มให้ซ่ำทรวงเลยพรรคพวก ไม่ต้องเกรงใจ ของฟรีโว้ย<br />
<br />
แต่ที่นี้เหล้าไม่ใช่น้ำเปล่า มันเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง ที่ถูกกฎหมาย ดื่มทุกวัน มันก็ต้องติดเป็นธรรมดา แม้แต่เทวดาดื่มแบบนี้ก็เสร็จทุกราย กลายเป็นเทวดาขี้เมาตกสวรรค์เหมือนกัน น้องชายคนนี้ก็กลายเป็นคนติดเหล้า ต้องดื่มตอนเย็นหลังเลิกงานจนเมามาย เวลาเมาดีหน่อยไม่โวยวาย เงียบๆซึมๆแต่เดินเป๋ไปเป๋มา<br />
<br />
อยู่มาวันหนึ่งเขาไปงานเลี้ยงรับรองลูกค้าธนาคาร ซึ่งแน่นอนก็ต้องมีการดื่มกินกันเต็มที่ พอดึกเมาจนเกือบไม่มีสติ ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน น้องชายคนนี้ขับรถกลับบ้านเอง ระหว่างทาง ก็มีตำรวจจราจร ขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนท้ายกันสองคน ขี่นำอยู่ข้างหน้ารถน้องชาย คนเมาตาลายไม่มีสติ อยู่ๆก็ขับเข้าไปชนตำรวจสองคนนั้นและทับทั้งสองคนอยู่ใต้รถ ชนตำรวจแล้ว คนเมาก็ยังนั่งเฉยไม่รู้เรื่อง ฟุบอยู่กับพวงมาลัย หลับสบาย<br />
<br />
มีคนมาช่วยตำรวจสองคนนั้นออกจากใต้ท้องรถ ปรากฏว่า ทั้งสองคนถูกทับขาสองข้างทั้งคู่ อาการสาหัสนำส่งโรงพยาบาล ต้องตัดขาทั้งสองคนทิ้ง และต้องผ่าตัดช่วยชีวิต ต้องอยู่โรงพยาบาลนานเกือบสามเดือน หายดีแล้วกลายเป็นคนพิการทั้งคู่ ต้องออกจากงาน ต้องใส่ขาเทียมทั้งสองข้าง ลูกเมียเดือดร้อนทั้งสองครอบครัว ไม่มีเงินจะใช้ ข้าวไม่มีกิน ลูกไม่มีเงินเรียน ชีวิตและอนาคตอันสดใสของตำรวจทั้งสองและลูกๆดับวูบไปเพราะความเมาของคนๆเดียวแท้ๆ<br />
<br />
ทางฝ่ายน้องชาย ก็ถูกตำรวจจับกุมไปขังคุกอยู่นาน ต้องถูกให้ออกจากงานอันทรงเกียรติ กลายเป็นคนที่น่ารังเกียจของหน่วยงานของตัวเอง ตกงานกะทันหันแบบไม่ได้ตั้งตัว แต่ยังดียังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่เมื่อใช้วิ่งเต้นคดี และจ่ายชดเชยให้ตำรวจทั้งสองแล้วก็เหลือเงินไม่มาก ต้องดิ้นรนลดตัวเองลงมาค้าขายก๊อกๆแก๊กๆ เพื่อให้ชีวิตอยู่รอดไปวันๆ อนาคตของตัวเองและพลอยลามไปถึงลูกๆก็ตกต่ำ ลำบากเลือดตาแทบกระเด็น<br />
<br />
แต่ ถึงกระนั้นก็ยังไม่สำนึก กินเหล้าต่อมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายลงเอยด้วยโรคตับแข็ง จะรักษาตัวเองก็ไม่มีเงิน ทำงานก็ไม่ได้ ลูกๆก็ยังเรียนไม่จบ คิดดูซิว่าความทุกข์ของเขาจะมากขนาดไหน ทุกข์คนเดียวไม่พอ ยังพาลูกและเมียมาทุกข์ด้วย<br />
<br />
เรื่องนี้บอกว่า เหล้าทำลายเราได้ในพริบตาเดียว เวลากินสนุกมีเพื่อนกินมากมาย แต่เวลาทุกข์ เราทุกข์คนเดียว เพื่อนกินเหล้าหายหมด อนาคตเราพังพินาศ ไม่มีเพื่อนคนไหนจะมาช่วยเรา สังคมก็ไม่มาช่วย อาจจะซ้ำเติมเราด้วยซ้ำ แถมยังพลอยทำให้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มาทุกข์ไปด้วย<br />
<br />
ฉะนั้นหยุดและคิดสักนิด ถ้าคิดจะกินเหล้าเอามันส์เอาสนุก ต้องตั้งสติให้ดี กินได้แต่อย่าปล่อยให้เราเป็นทาสของมัน รู้จักหยุดอย่าปล่อยให้ติดมันจนเลิกไม่ได้ แต่ดีที่สุดก็เลิกมันไปซะเลยeye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-20424074567576715222012-01-31T15:21:00.016+07:002012-02-21T20:40:23.528+07:0086 ถูกพ่อดูถูกถึงได้เป็นหมอ By: kimeng suk<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/77.html" target="_blank">เข้าครัว...ทำกับข้าวคลายเครียด!! ผมทำได้ คุณก็ทำได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post_25.html" target="_blank">สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/78-112-112-112.html" target="_blank">เรื่อง... ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/79-conversations-with-thaksin-thailands.html" target="_blank">สนทนากับทักษิณ "ผู้ต้องสงสัย" แห่งประเทศไทย Conversations with Thaksin, Thailand's prime suspect</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/02/80.html" target="_blank">"วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<br />
ขอขอบคุณและขออนุญาตคุณ kimeng suk นำข้อเขียนของท่านมาลงไว้เว็บนี้นะครับ<br />
<center><img src="http://upic.me/i/qr/qas01.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/zg/kaefang.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ถูกพ่อดูถูกถึงได้เป็นหมอ</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
<font color="#0000FF">ตอนที่1</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/82-by-kimeng-suk.html">"ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่2</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/83-by-kimeng-suk.html">"คนไข้คนแรกของหมอใหม่หมาดๆ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่3</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/84-by-kimeng-suk.html">"ผีหลอกหมอ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่4</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/85-by-kimeng-suk.html">"อะไรทำให้ รวยและ รวย จากคนจนสุดๆกลายเป็นเศรษฐีใหญ่"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่6</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/87.html">"ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมเป็นหมอทำแท้ง"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่7</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/88.html">"ทำไมถึงจนอย่างนี้"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่8</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/89.html">"อีแปะมันหด-อัศจรรย์ปาฏิหาริย์-โด่ไม่รู้ล้ม"</a><br />
<br />
ตอนยังเป็นเด็ก เราเป็นคนที่ทั้งดื้อ ทั้งซนเหมือนลิง หาความเรียบร้อยไม่ได้ แม่เรียกว่า อีม้าดีดกะโหลก เท่านั้นยังไม่พอ ยังไม่ชอบเรียนหนังสือ เชื่อไหม เราสอบตกซ้ำชั้นตอนอยู่ชั้น ป.1 ไม่น่าเชื่อว่าตกได้อย่างไร แต่ตอนนั้นถ้านักเรียนมี 35 คน เราสอบได้ที่ 35 ก็ถือว่าเก่งกว่าคนอื่น เพราะได้ที่มากกว่าคนอื่น<br />
<br />
เราตั้งแก๊งเด็กซน มีเราเป็นหัวโจก มีสมุน 4-5 คน ซนมากๆ สุดแสนจะไม่เรียบร้อย ทะลึ่ง ตึงตัง แกล้งเพื่อน ถูกครูลงโทษบ่อยๆ ให้ยืนขาเดียวปากคาบไม้บรรทัด พอเอาออกปากแดงแจ๋จากน้ำหมึกสีแดงที่ติดไม้บรรทัด เรายังไม่เข็ด กลับทำหน้าทำตาหลอกครูเวลาลับหลัง บางครั้งครูก็ให้ยืนขาเดียวบนโต๊ะเรียน คาบไม้บรรทัด อวดนักเรียนชายโรงเรียนติดกัน เรากับรู้สึกเท่ดี ยืนแบบดาราหนังขาเดียว อยู่ได้นานๆไม่เบื่อ<br />
<br />
ครั้งหนึ่งตอนตรุษจีน ที่บ้านเรามีประทัดเยอะมาก เราก็แอบเอาไปโรงเรียนด้วย ตกตอนเย็นก็ชวนเพื่อนแก๊งเด็กซน พากันเดินกลับบ้าน ไม่กลับกับรถที่มารับ เดินไปก็จุดประทัดไป เสียงดังสนั่นหวั่นไหว จุดแล้วก็เหวี่ยงออกนอกตัว เราสนุกกันมาก แต่ชาวบ้านคงอยากเตะพวกเราซักป๊าปแน่ๆ<br />
<br />
แต่มันเกิดเรื่องเพราะขณะที่เราจุดประทัด และกำลังเหวี่ยงออกไปข้างหลัง ก็มีไอ้เด็กตาถั่วหูตึงคนหนึ่ง วิ่งทะเลอทะร้าเข้ามา พอดีกับจังหวะที่เราเหวี่ยงออกไป ไปโดนจมูกเขาเข้า จมูกเขาฉีก บวมแดงขึ้นมาทันที ร้องแงๆ ไปฟ้องพ่อ พ่อเขาโมโหมาก ตรงไปบ้านเราทันที ไปฟ้องเตี่ย จะเอาเรื่องเรา เตี่ยโมโหมากอีกคนนั่งรอเราเลยละ พอกลับไปถึงบ้าน เตี่ยไม่พูดพล่ามทำเพลง ตีเราเกือบตาย สมน้ำหน้า ซนดีนัก<br />
<br />
สมัยนั้น เด็กๆยังไม่มีอะไรมาชวนให้ใจแตกแบบสมัยนี้ แต่เราชอบอ่านหนังสือมาก ถ้ามีเงิน เย็นมาเราจะไปที่ร้านหนังสือ ไปรอซื้อหนังสือ ชอบอ่านหนังสือทุกชนิด นิยายนี่ชอบที่สุด เพชรพระอุมานี่อันดับหนึ่ง ชอบหมอดาริน นางเอกมาก อยากเป็นหมออย่างเขา<br />
<br />
แต่เรามีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเรียนดี คือเราจะอ่านหนังสือทบทวนที่เรียนมาทุกๆเย็น เพราะกลัวสอบตกแบบชั้น ป.1 อีก เราเลยกลายเป็นคนเรียนดี สอบได้คะแนนดีมาก ได้รางวัลทุกปี แต่ในหัวก็ยังไม่มีความคิดว่า จะเรียนอะไรจะเป็นอะไร เรียนไปยังงั้นๆ เอาให้ไม่สอบตกเป็นใช้ได้ เตี่ยกับแม่ก็ไม่มีเวลามาแนะนำ งานมาก ลูกเยอะ<br />
<br />
อยู่มาวันหนึ่งขณะที่เราอยู่ชั้น ม.2 เตี่ยพาเราไปหาหมอจีน ให้แหมะเพราะไม่สบาย เราไม่ชอบกินยาจีน มันขม เลยบอกเตี่ยว่า โตขึ้นหนูจะเรียนหมอ มารักษาเตี่ย เตี่ยจะได้ไม่ต้องมากินยาจีน เตี่ยบอกว่า ซนเหมือนม้าดีดกะโหลกนี่เหรอจะเป็นหมอ แล้วก็ถอนใจ ร้องเฮ้อ เฮ้อ<br />
<br />
เท่านั้นแหละเราฮึดขึ้นมาเลยว่าเตี่ยดูถูก คอยดูนะเตี่ย จะเป็นหมอให้เตี่ยดูให้ได้ แต่เราคิดมานานแล้ว คิดบ่อยๆว่าเตี่ยรวยก็จริง แต่ลูก 15 คน (รวมของแม่เมืองจีนด้วย) แบ่งสมบัติกันแล้ว เราจะเหลือซักเท่าไหร่ ไม่พอกินแน่ๆ เราต้องช่วยตัวเอง หาเอง ไม่พึ่งสมบัติของเตี่ยและ เป็นหมอดีที่สุด หาเงินได้ง่าย ได้ช่วยรักษาคนอื่นๆ และมีหน้ามีตา เราตั้งเป้าให้กับตัวเอง ต้องเป็นหมอให้ได้<br />
<br />
ตั้งแต่นั้นมาเราก็ตั้งใจเรียนมากไม่เล่นซน อ่านหนังสือทุกเย็น ไปเรียนพิเศษ มีไอ้หนุ่มๆมาจีบ เขียนจดหมายมาให้หลายคนเราก็ไม่สนใจ กลัวจะไม่ได้เรียนหมออย่างเดียว ดิ้นรนไปเรียนโรงเรียนดีๆ ไปแข่งกับพวกที่เรียนเก่งๆ พยายามเอาชนะเขาให้ได้ ตื่นแต่เช้าอ่านหนังสือเกือบทุกวัน ไม่ค่อยไปไหน อ่านหนังสือ อ่านๆๆๆๆๆ เป็นหนอนหนังสือเลยละ สายตาก็สั้นลงๆ ใส่แว่นหนาเปอะ<br />
<br />
เอาเงินไปซื้อข้อสอบเก่าของแต่ละชั้นมาหัดทำเอง บางทีก็เรียนล่วงหน้าไปก่อนครูสอน โดยเฉพาะข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย เราซื้อมาเต็มบ้าน หัดทำจนจำได้ทุกข้อ ซึ่งทำให้เราสอบเข้าเรียนหมอได้อย่างสบาย และเราก็ได้เรียนหมอสมใจอยาก ได้ดูแลเตี่ยและแม่ จนตายจากไป แต่เตี่ยก็รักษาหมอจีนคู่กับหมอแผนปัจจุบัน ไม่ยอมเลิก รักษากับหมอจีนจนตาย ไม่ค่อยเชื่อเรา หาว่าเราไม่เก่ง แต่คนไข้บอกว่าเรารักษาเก่ง<br />
<br />
สรุปว่า ที่ได้เรียนหมอ ก็เพราะ ความมุมานะที่ถูกเตี่ยดูถูก, และมีเป้าหมายชีวิต ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก เมื่อมีเป้าหมายก็ทำให้มีความพยายาม ขยันหมั่นเพียร เพื่อตะกายไปให้ถึงเป้าที่วางไว้เต็มที่ ถ้าทำเต็มที่แล้ว ไม่ถึงเป้าหมาย ตกลงมาก็ไม่เตี้ยติดดิน ใครที่มีลูก ก็ควรจะสอนให้ลูกตั้งเป้าไว้ ว่าจะเรียนอะไร จะเป็นอะไร ไม่ใช่เรียนไปเรื่อยๆ จะถึงเวลาสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี อย่างนี้แพ้ตั้งแต่ยังไม่สตาร์ทแล้ว<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By xam:</span> ผมก็อยากเรียนน่ะ พรสวรรค์ให้มาทุกอย่าง ยกเว้น บ้านจนมากๆ เลยไม่มีปัญญาเรียน<br />
<br />
ได้เรียนจบ ขั้นพื้นฐานก็บุญแล้วครับ ต้องช่วยงานบ้าน เข้าสวน แล้วไปเรียน กลับมาก็รีบเข้าสวนครับ ไม่ช่วยกันทำ ก็อด พ่อแม่ก็จบน้อยครับ เรื่องทุนอะไร เค้าก็ไม่รู้เรื่อง พอโตมา (อายุเบญจเพศ) เพิ่งรู้ว่า เรียนหมอ สอบให้ติดไว้ก่อน ตลอดหลักสูตรมันแพง นศพ. เลยเข้าโครงการทุน(เกือบ)หมด<br />
<br />
ส่วนชีวิตชนบทไทย แต่ก่อนจบ ป.4, ป.6, ม.3 ก็ออกมาทำงานช่วยพ่อแม่ ไปฝึกงานเป็นช่างยนต์ ช่างเครื่อง ช่างสี ช่างอิเล็ค ไดนาโม ช่างไม้ ช่างปูน ค้าขาย บลาๆ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> เดี๋ยวนี้ขอทุนเรียนได้ง่าย มีเงินยืมเรียนด้วย ถ้าไม่มีอะไรก็บอกนักข่าว เขียนเรื่องลงหนังสือพิมพ์ คนก็มาช่วยกันเยอะ ที่จังหวัดที่อยู่ก็ลงหนังสือพิมพ์ หลายคน สอบเข้าได้ไม่มีเงินเรียนหมอ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By Hamlet:</span> ผมว่า จริงๆแล้ว ไม่มี พ่อ แม่ ที่ไหนจะมาดูถูกลูกตัวเองหรอกครับ มั่นใจแบบนั้น<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> เตี่ยคงไม่ได้ตั้งใจดูถูก แต่ไอ้เรามันเด็กซนมาก เตี่ยคงหมั่นไส้นะ เราก็รู้ แต่มันโมโห และอยากเอาชนะ<br />
<br />
ตอนนั้นเป็นเด็ก คิดอย่างเดียวว่าต้องหาเงินเอง ไม่พึ่งเตี่ย ในจังหวัดที่อยู่ มีหมอไม่กี่คนสมัยก่อน แต่ละคนรวยมาก ไอ้เราเห็นเขาทำงานแค่ตรวจคนไข้ แล้วก็ฉีดยา ง่ายดีนะ แล้วใครก็ยกย่อง นับถือหมอ ก็เลยคิดเอาอย่าง<br />
<br />
แต่พอมาเป็นจริงๆแล้ว ไม่ได้รวยเลย แค่ดีกว่าคนอื่นเล็กน้อย งานหนักมาก ถูกตามตลอดแม้ไม่อยู่เวร โดยเฉพาะโทรศัพท์ ดังทั้งวัน ขี้ไม่ออกเหยี่ยวไม่ออกก็โทรๆๆๆ จนตอนหลังค่อยไม่ให้โทรศัพท์ใคร<br />
<br />
ตอนนี้ลูกสาวกำลังเรียนแพทย์ปี 3 ตั้งเป้าไว้เลยว่า ให้เป็นอาจารย์สอนแพทย์ ไม่ให้มาเป็นแพทย์เวชปฏิบัติเหมือนพ่อกับแม่ กินเงินเดือนก็พออยู่ได้<br />
<br />
สมัยนี้รายได้แพทย์จบใหม่ๆปีแรก ก็ได้ 6-7 หมื่นแล้ว ไม่ต้องดิ้นรนทำงานพิเศษ สมัยก่อนจบใหม่ได้เงินเดือน 1,300 บาท ส่งน้องเรียน เกือบสิบคนไม่พอใช้ ต้องเปิดคลินิกหาเงินเพิ่ม<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By xam:</span> นั่นได้สารพัดค่าสิทธิ พิเศษ (สารพัดค่าจริงๆ) เหมือน พวกนายทหาร นายตำรวจ ผมเห็นแพทย์ ได้เงินตกเบิกตั้งเยอะ ตั้งแยะ งานก็ไม่ได้แบกหาม จับกัง แต่เป็นงาน ชุลมุน ผมเจอแพทย์ที่ไหน ก็บ่นว่าเหนื่อย คนไข้เยอะ นี่เป็นสิ่งที่เรารู้ว่าจะต้องเจอ ผมเลย งงๆ กับ ระบบราชการไทย ทำไมหน้าที่การงาน ของแต่ละหน่วยงาน ทำไมไม่จ่ายเงินเดือน+โอที ไปเลย เห็นคิดค่าโน่น นี่ ทับไป ทับมา ทำให้มันมีช่องว่าง ระหว่างความดี กับไม่ดี ที่จะคอรัปชั่นได้ เช่น องค์กรอิสระ<br />
<br />
ผมเป็นคนไม่รู้จักคำว่า พอดี พอใช้ ของแต่ละท่านเป็นอย่างไร ของผมทุกวันนี้ ค่ารถ 25 บาท ไปกลับ ข้าวจานละ 30x3 มื้อ = 90 ค่าเช่าห้อง 150 ต่อวัน ดังนั้นวันหนึ่งผมต้องมี 265 หากวันไหนกิน 285 ชุดเล็ก โซดา 6 น้ำแข็ง 2 ก็ต้องเพิ่มอีก 256 บาท งานก็หนัก ร้อน แบกจอบ รดน้ำ เก็บผลผลิต ตื่นตีห้า เข้าห้อง ทุ่มหนึ่ง เป็นแบบนี้เกือบทุกวัน แต่ผมก็รักในงาน สรุป ผมต้องมีรายได้ 521 บาท ต่อวันผมจึงมีชีวิตที่มีความสุข ส่วนที่เหลือก็เป็นเงินออมฯ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ตอนเป็นนักเรียนแพทย์ จะเรียนหนักมาก สอบทุก 1-2 อาทิตย์ ต้องอ่านหนังสือเป็นตั้งๆ ชีวิตมีแต่ เรียน อ่าน ท่องจำ ฝึกงาน อยู่เวร ไม่ได้ใช้กำลังกายก็จริง แต่ใช้สมองหนักมาก นอนก็ไม่เต็มที่ และชีวิตก็หนักมาก ไม่ได้สนุกสนานเฮอาแบบวัยรุ่นทั้งหลายที่เรียนวิชาที่เบากว่า ถ้าไม่อ่านก็สอบตก ถูกไล่ออกก็มาก 6 ปีเต็มๆกว่าจะเรียนจบ จบแล้วต้องเรียนต่อผู้ชำนาญอีกสามปี กว่าจะเป็นหมอผู้ชำนาญได้เต็มตัว<br />
<br />
พอเป็นหมอ ไม่ต้องอ่านมากแล้ว แต่ก็ต้องอ่านหาความรู้ตลอดชีวิต ไม่งั้นตามไม่ทัน งานก็หนัก ตรวจคนไข้วันละเป็นร้อยคน นั่งอยู่กับที่ก็จริง แต่ใช้สมองมากกว่ากำลังกายเป็นร้อยเท่า เครียด เพราะต้องรับผิดชอบชีวิตคน รักษาผิดคนไข้ตาย รักษาถูกคนไข้รอด ชีวิตหมออยู่กับงานและงาน<br />
<br />
เวลาพักผ่อนมีน้อย ถึงเวลาพักส่วนตัวของหมอคนไข้ก็ตาม เพราะความตายเจ็บไข้ได้ป่วยมันไม่เลือกเวลา ทำสวนทำไร่ เหนื่อยกาย แต่ถึงเวลาพักเป็นพัก ไม่มีใครตาม ไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตใคร ไม่มีอยู่เวร ไม่ต้องเหนื่อยใจ ไม่ต้องใช้สมอง ไม่ต้อง อ่านและท่อง สบายต่างกันมากนัก เงินน้อยกว่า แต่สบายใจกว่า เบากว่ามาก<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/pv/20070620001.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ใครเป็นคนมีบุญมีความสุขมากกว่ากัน</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
เรามีพี่น้องร่วมพ่อแม่เดียวกัน 15 คนตายไป 3 เหลือ 12 แต่ละคนก็มีวิถีชีวิตของตัวเอง บางคนก็ร่ำรวย บางคนก็ยากจน อยู่ในเมืองไทยและอเมริกา พี่สาวถัดเราไปกับตัวเรานี่ มีวิถีชีวิตที่ทำให้เรา งงๆ อยู่ทุกวันนี้ ว่าใครกันแน่ที่ได้ดี มีความสุขและประสพความสำเร็จในชีวิต<br />
<br />
พี่สาวคนนี้แก่กว่าเราหนึ่งปี พี่สาวเป็นคนผิวขาว ไม่ค่อยสวย เรียบร้อยเป็นผู้หญิง ไม่ม้าดีดกะโหลกแบบเรา เขาเรียนไม่เก่ง จึงไปเรียนสายพาณิชย์ จบแค่ ปวช. แล้วออกมาช่วยเตี่ยทำงานที่โรงเลื่อย เป็นคนค้าขายเก่ง คล่องและพูดเก่ง ใจกว้าง ฉลาด กล้าได้กล้าเสีย<br />
<br />
พี่สาวตั้งใจจะแต่งงานกับหมอให้ได้ จึงเข้าไปสนิทกับพยาบาลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงเรียนแพทย์ มีนักเรียนแพทย์หนุ่มๆมาก เพราะเป็นคนใจกว้าง พูดเก่ง จึงจัดเลี้ยงขึ้นบ่อยๆ ตรงโน้นตรงนี้ เชิญนักเรียนแพทย์ พยาบาล มาสังสรรค์กัน จนในที่สุดก็มีหนุ่มนักเรียนแพทย์มาจีบหลายคน<br />
<br />
แล้วในที่สุดก็ตกลงเป็นแฟนกับพี่เขย แต่งงานกัน แล้วก็ย้ายไปอยู่อเมริกา มีลูก 3 คนเป็นชายทั้งหมด พี่สาวต้องเลี้ยงลูกเอง ทำทุกอย่างหมด แต่พี่สาวไม่ต้องหาเงินเพราะไม่ใช่หมอ ไม่ต้องดูแลคนไข้ ไม่ต้องถูกปลุกถูกตาม พี่เขยต้องทำเพราะเป็นหมอ จนลูกๆโตขึ้นมีทำงานมีหลักมีฐานทุกคน ตอนนี้พี่สาวกับพี่เขยอยู่กับลูกคนเล็ก ซึ่งเอาสะใภ้ไทยมาดูแลพ่อแม่ และให้เงินพ่อแม่ใช้ ไม่ต้องทำงานอะไรแล้ว อยากเที่ยวก็ไปเที่ยว อยากช๊อปปิ้งก็ไปซื้อได้ตามใจชอบ มีฐานะดีมีเงินเก็บมากพอควร<br />
<br />
ส่วนเราเรียนเก่งตั้งแต่เด็ก ตั้งเป้าเป็นหมอก็ได้เป็นสมใจอยาก แต่ก็ต้องขยันหมั่นอ่านหมั่นท่อง เรียนและเรียนอย่างหนัก ไม่มีเวลาไปเที่ยวเตร่แบบคนอื่นๆรุ่นเดียวกัน อยู่เวรบ่อยๆ มีเวลานอนน้อย ถูกตามแม้กระทั่งเวลากินข้าว บางครั้งต้องทิ้งชามข้าว ตาแหกไปดูคนไข้ แต่งงานกับหมอเหมือนกับพี่สาว สามีก็แบบเดียวกัน เป็นหมอสูติกรรมทำคลอด ผ่าตัด กลางคืนก็ถูกปลุกเกือบทุกคืนไปทำคลอด ปลุกสามีก็เหมือนปลุกเราด้วย ปลุกเราก็เหมือนปลุกสามีด้วย สรุปแล้วเป็นหมอสองคนก็ถูกปลุกสองเท่า<br />
<br />
เราทั้งสองทำงานหนัก ทั้งรับราชการ เปิดคลินิกส่วนตัว ส่งน้องๆสามีเรียนสิบคน จนจบมหาวิทยาลัยทุกคน ทำงานหนัก จนเกษียร อายุเกินหกสิบก็ยังทำคลินิกส่วนตัว งานน้อยลงไม่หนักเหมือนเดิม แต่ก็ต้องทำมาหากินอยู่ มีบ้าน มีรถ แต่เพิ่งใช้หนี้หมด เพราะโลภมากไปเล่นหุ้น เลยเจ๊งสนิท<br />
<br />
จะไปเที่ยวหรือซื้อของตามใจชอบยังไม่ได้ ต้องหาเงินมาให้พอใช้จ่าย ไม่มีเงินเก็บ แต่ก็สุขสบายใจดี มีลูกก็บวชเป็นพระย่างเข้า 9 พรรษาแล้ว ท่านก็ไม่มีเงินให้โยมพ่อโยมแม่ เพราะท่านไม่ค่อยรับกิจนิมนต์ เป็นพระอาจารย์สอนสมาธิส่วนมาก ได้แต่เอาบุญมาฝากโยมพ่อโยมแม่ เมื่อท่านได้ไปทำบุญมา พ่อแม่ก็ได้แต่อนุโมทนาบุญกับท่าน ได้บุญไปด้วย (ท่านบอกว่ากลัวโยมพ่อโยมแม่ได้บุญน้อย ชาตินี้ก็บุญน้อยถึงได้เจ๊งหุ้น) ลูกสาวก็กำลังเรียนแพทย์ ยังไม่จบ ต้องใช้เงินมากอยู่ ชื่นใจตรงที่ลูกสาวเรียนเก่งมาก ได้ที่หนึ่งทุกปี และคาดหวังว่า จะเป็นนักเรียนเหรียญทองเมื่อเรียนจบ<br />
<br />
ท่านอ่านดูแล้ว ลองวินิจฉัยดูหน่อยนะว่า ระหว่างพี่น้องสองคนนี้ ใครมีบุญ สุขสบายมากกว่ากัน ระหว่างคนที่เรียนเก่งได้เป็นหมอเองแต่ต้องทำงานเองหนักมาก ต้องหาเงินเอง ถึงจะอยู่ได้ กับคนที่เรียนไม่เก่งแต่ได้แต่งงานกับหมอ ไม่ต้องทำงานเป็นหมอ แต่มีหมอหาเงินให้ ใครหนอมันจะมีบุญมากกว่ากัน???? (อยู่อเมริกา ใช้หมอคนเดียวก็หาเงินได้ พออยู่เมืองไทย ใช้สองหมอ ยังไม่ได้ครึ่งของอเมริกา)<br />
<br />
และระหว่างอยู่อเมริกากับเมืองไทยอยู่ที่ไหนดีกว่ากัน อยู่อเมริกาหาเงินได้มาก เป็นเศรษฐี แต่ไกลพระพุทธศาสนา กับอยู่เมืองไทย ใกล้พระพุทธศาสนา แต่ไม่ค่อยจะมีเงิน????<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By p.nan:</span> ใครมีบุญกว่า ใครมีความสุขกว่า<br />
<br />
บุญเกิดจากการประกอบกรรมดี แต่ละคนต่างสะสมความดี ตามกาละและเทศะที่ไม่เหมือนกัน<br />
<br />
ความสุข อาจมองเป็น feedback ของบุญ พุทธศาสนาสอนว่า ความสุขคือความสงบ จิตไม่ทุกข์ ไม่ฟุ้งซ่าน<br />
<br />
สรุป ไม่มีใครรู้อย่างแท้จริงนอกจากตัวเอง<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By flowervoice:</span> คำถามแบบนี้เหมือนคนที่ปลงไม่ตก บ่งบอกถึงเรื่องคาใจ...หรือแกล้งถามเล่นๆคะ?<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ปลงตกเรื่องหุ้นตั้งนานแล้ว เรามันโลภเอง แต่มันขำตัวเองว่า อุตส่าห์ตะกายเกือบตาย เพื่อมาหางานหนัก สุดท้ายก็ต้องตายไปเหมือนกันกับคนอื่นๆ ที่เขาไม่ต้องตะกายมากอย่างเรา<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By บีเว่อร์:</span> ความคิดผมคนเดียวนะ พี่กิมเอ็งอย่าไปยึดติดกับคำว่าหมอเลยครับ มันธรรมดานะสำหรับคนที่เป็นหมอ เรื่องที่กินข้าวอยู่แล้วต้องวางช้อนวางชามไปรับคนไข้ อันนี้ก็ปกติอ่ะ<br />
<br />
นักเรียนแพทย์สมัยก่อนเข้าเรียนโดยไม่รู้เลยว่า เรียนหมอแล้วต้องมาเจอกับอะไรบ้าง นี่จึงเป็นเหตุผลให้คนที่เข้าไปเรียนเบื่อหน่ายไม่ชอบ บางคนก็ทิ้งเรียนไปซะเฉยๆ<br />
<br />
สำหรับตัวผมเอง ผมสอบเทียบวุฒิ ม.6 ที่ ร.ร.รัฐบาลแห่งหนึ่ง แล้วก็สมัครโควต้าของศิริราชพยาบาลในปีที่สองที่มีการรับสมัครเป็นของศิริราชโดยตรง โดยจะรับ 50 คน และจะสอบก่อนมีเอนทรานซ์ปกติ ซึ่งตอนนั้นมีแค่พันคนเอง<br />
<br />
คือว่าถ้าเราพลาดโควต้าศิริราช 50 คน เราก็จะมีโอกาสแก้ตัวกับเอนทรานซ์อีกครั้ง ซึ่งนับว่าหินกว่าเป็นไหนๆ แต่ก่อนจะเข้าสอบ ผู้สมัครโควต้านี้ก็ต้องไปฝึกงานที่ รพ.ก่อนระยะหนึ่ง จะขึ้นวอตไปคลุกคลีกับผู้ป่วยใน แล้วมีพี่พยาบาลและ อจ.แพทย์ พาไปราวน์แบบอินเทินสมัยเก่า (สมัยผมเป็น เอ๊กเทิน)<br />
<br />
ผมอยู่วอตศัลยประสาท โอ้วว สุโค่ย เป็นภาพที่น่ากลัวสำหรับเด็กสอบเทียบ ม.6 อย่างผม แต่ผมก็ประทับใจ ว่างเป็นต้องช่วยงานพี่พยาบาล จนพี่ๆเรียกเราหมอล่วงหน้าก่อน<br />
<br />
ผมจึงไม่แปลกใจอะไรเลยกับงานที่หนักหนาจำเจ ไม่สะอาด และอีกต่างๆนานาฯลฯ จนมาบัดนี้เฉยๆกะงาน ไม่รู้สึกอะไรกับบุคลกรด้านนี้<br />
<br />
มนุษย์ทุกคนมีสิทธิเจ็บป่วยได้ เมื่อป่วยเอง แม๊เป็นถึง อ.ก็ต้องลดเกรดเป็นคนไข้นอนน้ำตาซึมบนเตียงไม่ใหญ่เหมือนเคย ก็เลยวางใจให้เป็นกลางๆ ไม่คิดมาก เรื่อยๆ แหะๆ (แวะคุยด้วยครับ)<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> เรียนหมอเรียนได้ แต่จะสบายหน่อยถ้าเป็นอาจารย์ในโรงเรียนแพทย์ มีแพทย์รุ่นน้องๆให้ถูกตามก่อนจะมาถึงอาจารย์ นานๆถึงจะถูกตามครั้งหนึ่ง ชีวิตสบายกว่าหมอตามโรงพยาบาลต่างๆ แต่เบื่ออ่านหนังสือ ต้องอ่านๆให้ทันเขา<br />
<br />
เป็นแพทย์ดีตรงที่ไม่ต้องหางานทำ จบแล้วมีงานเลย พ่อแม่สบายใจได้ว่าอย่างไร ลูกมีงานทำแน่นอน แต่ในอนาคตไม่แน่ถ้าจบกันมามากๆ รายได้เทียบกับเรียนอย่างอื่นก็ดีกว่า มั่นคงกว่า แต่ต้องทำใจ เอารายได้มาก เขาจ่ายมาแพง ก็ใช้เราคุ้ม เหนื่อยขี้ข้า<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By KMD:</span> สุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจเป็นสำคัญ เงินน้อยก็แค่ลำบากกาย ไม่ใช่ทุกข์ และสบายกายก็ไม่ได้หมายว่ามีสุข กิเลสและตัณหาเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ แม้มีเงินมาก แต่ถ้าไม่เคยพอใจ ก็ยังทุรนทุรายดิ้นรนหาทางสนองกิเลสตัณหา จึงเป็นทุกข์อยู่ตลอด ที่สำคัญ สุขและทุกข์ไม่ใช่เรื่องเปรียบเทียบกันได้ เพราะเราวัดความพอใจ (เป็นสุข) หรือความไม่พอใจ (เป็นทุกข์) ของคนอื่นไม่ได้<br />
<br />
การที่ท่านเอาตัวไปเปรียบเทียบกับพี่สาวของท่านต่างหากละที่แสดงว่าท่านไม่ได้พอใจในชีวิตของท่าน ท่านจึงยังมีทุกข์อยู่ บุญที่ท่านทำจะสร้างสุขให้ท่านได้ มันต้องทำให้ท่านรู้สุขอิ่มเอิบ ไม่ใช่เพราะหลวงพ่อท่านบอกนะครับ<br />
<br />
เรื่องอาชีพนั้น ผมเห็นแต่เด็กๆแล้วว่า หมอไม่ใช่อาชีพที่น่าสนใจหรือน่าตื่นเต้นอะไร ผมจึงไม่เคยสนใจอยากเรียนเป็นนายแพทย์เลย เมื่อท่านเห็นว่าอาชีพหมอลำบากแล้ว ทำไมสนับสนุนให้ลูกเรียนหมอละครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> เขาอยากเรียนเอง และเขาตั้งใจไปเป็นอาจารย์แพทย์ไม่มาทำงานแบบเวชปฏิบัติ ไปเป็นนักวิชาการ ซึ่งก็จะสบายกว่า งานไม่หนัก มีเกียรติ รายได้ก็อยู่ได้<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By KMD:</span> คิดง่ายแบบเด็กๆ นะครับ แต่คนไทยส่วนใหญ่ก็คิดกันเช่นนี้ คือคิดเรียนหนังสือให้สูงสุดโดยเร็วแล้วจะมีความรู้ มีเงินเดือนสูง และมีเกียรติมีชื่อเสียง ระบบราชการไทยก็เป็นเช่นนั้น คือคนจบใหม่แล้วรับราชการเลย ได้เปรียบ อาจารย์มหาวิทยาลัยในเมืองไทยส่วนใหญ่จึงทำงาน (ที่ไม่ใช่การสอนหนังสือ) กันไม่เป็น การศึกษาไทยถึงได้ล้มเหลว อย่างเช่นทุกวันนี้<br />
<br />
ใช่ครับ แพทย์ ผู้มีชื่อเสียงเป็นที่นับถือของคนทั่วไปได้ในปัจจุบัน เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ในมหาวิทยาลัยทั้งนั้น แต่ท่านเหล่านั้นมีชื่อเสียงได้ก็ด้วยผลงานเวชปฏิบัติของท่าน ที่คนไข้ได้บอกต่อๆกัน ไม่ใช่เพราะความเป็นอาจารย์แพทย์ของท่าน<br />
<br />
อ่านแต่ในหนังสือ ไม่เห็นและประสพปัญหาจริง แล้วจะพัฒนาหาความรู้เพื่อสร้างชื่อเสียงได้อย่างไร ผมเข้าใจว่างานแพทย์ จะเชี่ยวชาญได้ ต้องมีประสบการณ์จริงครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> หมายถึงว่าลูกสาวเขาไม่อยากจะ เปิดคลินิก ไม่อยากจะมาทำเวชปฏิบัติในโรงพยาบาลทั่วไป ซึ่งหนักมาก เขาเป็นอาจารย์ อ่านๆๆๆๆและสอนๆๆๆและเวชปฏิบัติในโรงเรียนแพทย์ก็พอแล้ว เขาพอใจแล้ว อาจารย์แพทย์ของเราก็ทำเช่นนี้ แต่ที่ไปเปิดคลินิกส่วนตัวมันเป็นเรื่องการอยากมีรายได้เพิ่มเป็นเรื่องของท่าน<br />
<br />
ที่เปรียบเทียบให้เห็นก็เพื่อที่จะบอกให้รู้ว่า คนเรานี้มีต้นทุนบุญ ที่ติดตัวมาแต่เกิดไม่เท่ากัน คนมีบุญมาก บุญก็จะพาชีวิตให้ดำเนินไปสู่ความสุข เกิดมาก็ออกแรงดิ้นรนเพียงเล็กน้อยก็ประสพความสำเร็จ แต่บางคนบุญมีน้อย เกิดมาก็ต้องดิ้นรนอย่างมาก ก็ยังไม่สำเร็จเพราะไม่มีบุญเก่ามาเสริม ชาตินี้เรายังเป็นอย่างนี้ ชาติหน้าก็จะเป็นแบบนี้อีก<br />
<br />
ฉะนั้นถ้าเราไม่สั่งสมบุญในชาตินี้ให้มากๆ เพื่อจะให้เรามีบุญมากในชาติหน้า จะหนีไม่พ้นวังวนแบบเก่าซ้ำซากแบบเดิมๆๆ จนกว่าชาติใดชาติหนึ่ง เราเกิดไปสร้างบุญอะไรที่มากพอ บุญนั้นก็จะพาเราหลุดออกมาได้ มิฉะนั้นก็จะวนไม่มีสิ้นสุดจนกว่าจะหมดกรรมนั้นๆ (จากพระไตรปิฎก)<br />
<br />
เรื่องของพี่สาวและตัวเรา ชีวิตแตกต่างกันก็เพราะ กรรมดีและกรรมชั่วที่ต่างคนต่างมี พี่สาวต้องมีบุญเรื่องการทำทานมามากกว่าเราในชาติก่อน บุญจึงมาส่งผลให้รวยกว่าในชาตินี้ แต่เขาไม่ได้ทำสมาธิภาวนาในชาติก่อน จึงเรียนไม่เก่ง<br />
<br />
ส่วนเรา มีบุญที่ได้ทำสมาธิ ภาวนาในชาติก่อนมามากกว่าพี่สาว ถึงได้มีปัญญา เรียนเก่งกว่า แต่ไม่มีบุญจากการทำทานมากเท่าพี่สาว จึงไม่รวยเหมือนเขา ชาติก่อนเราคงเป็นคนขี้เหนียว ตะหนี่ และอาจจะไปโกงใครมาก็ได้ จึงทำให้เจ๊งหุ้นไป<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By KMD:</span> การเชื่อเรื่องทำบุญแล้วได้ผลดีในชาติหน้า เป็นศรัทธาในศาสนาพุทธในระดับชาวบ้าน ผมก็เคยเชื่อแบบนั้นเมื่อยังเป็นเด็ก เมื่อมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น มีความรู้เพิ่มขึ้น พิจารณาไตร่ตรองนานขึ้น ก็ขอสารภาพว่า ศรัทธาในรูปแบบนี้ลดลงเรื่อยๆ จนเดี๋ยวนี้ ไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว) แล้วครับ<br />
<br />
ในทางชีววิทยา สิ่งมีชีวิต ดำรงชีวิต และดำรงเผ่าพันธุ์ตนเองได้ก็ด้วยกิเลสตัณหาและการเบียดเบียนชีวิตอื่น พิเคราะห์ดูแล้ว เศรษฐีทั้งหลายทั้งที่ชอบทำบุญและชอบทำบาป ร่ำรวยมหาศาลได้ก็ด้วยความโลภในจิตผลักดันทั้งนั้น แล้วเป็นไปได้หรือที่ในอดีตชาติคนเหล่านี้จะเป็นคนใจบุญ (มีความโลภน้อย) และทำบุญด้วยใจที่เป็นกุศล การทำบุญเพื่อหวังลงทุนไว้ชาติหน้า ใจย่อมไม่ใช่โดยจิตกุศลครับ มิฉะนั้นคนจนจะไม่มีโอกาสเกิดเป็นเศรษฐีเลยเพราะพวกเขาไม่มีเงินทำบุญมากๆ แล้วทำไมฆาตรกรโหดร้ายทั้งหลาย ซึ่งมีจิตใจชั่วช้าในชาตินี้ จึงเป็นคนดีในอดีตชาติจนได้เกิดเป็นคนในชาติปัจจุบันได้ เสือที่ต้องดำรงชีพด้วยการฆ่า (บาป) มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ไหม<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By boy:</span> สิ่งมีชีวิต บางอย่าง เช่น วัว ควาย มันก็กินแต่หญ้า นะ หรือ แร้ง ก็กินแต่ซากของสัตว์ ที่ตายแล้ว ไม่น่าจะเรียกว่า เบียดเบียนใคร<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By KMD:</span> พืชก็สิ่งมีชีวิตที่ต้องการดำรงชีวิตและต้องการแพร่พันธุ์ตนเองเหมือนกัน ต่างจากสัตว์ตรงไหน หากบอกว่าพืชไม่มีวิญญาณ โปรดนิยามคำว่าวิญญาณด้วย จะได้รู้ว่าสิ่งมีชีวิตชนิดใดมีวิญญาณที่นำมากินแล้วบาปบ้าง สัตว์ตั้งแต่ระดับไหนขึ้นมา วัว ควาย แม้ไม่ฆ่าสัตว์เพื่อดำรงชีพ แต่มันก็ทำร้ายกันเองเพื่อแย่งกันสืบพันธุ์ ก็ไม่พ้นเบียดเบียนกันเองเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์เหมือนกัน แล้วเพราะกินพืชโดยธรรมชาติ ถือทำบุญไหม<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> วิญญาณคือสิ่งที่ต้องมี เห็นจำคิดรู้ ประกอบกันขึ้นมา แต่ไม่มีตัวตน พืชไม่มีเห็นจำคิดรู้ พระพุทธองค์ถือว่าไม่มีวิญญาณ สัตว์มีวิญญาณ มีเห็นจำคิดรู้ จึงต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By KMD:</span> ท่านเรียนชีววิทยามากกว่าผม อยากทราบว่า สัตว์ตั้งแต่ phylum หรือสัตว์ multicells ระดับไหนขึ้นมาครับ ที่มีวิญญาณ แล้วทำไมสัตว์ต่ำกว่านั้นจึงไม่มีวิญญาณ<br />
<br />
สัตว์ชั้นต่ำก็มีการกิน การสืบพันธุ์ การหนีตาย แล้วต่างอะไรกับสัตว์ที่มีวิญญาณ (ตามความหมายของท่าน) ครับ<br />
<br />
Hydra มีวิญญาณไหม หนอนมีไหม<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By tweepsai:</span> อย่างน้อยก็ไปเบียดเบียน หนอน แบคทีเรีย แมลงเล็กๆ ล่ะครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> พระพุทธเจ้ายังทรงยกลูกของตัวเองให้ชูชก เพื่อหวังผลบุญที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย แล้วคนธรรมดาทำบุญเพื่อสั่งสมบุญให้ชีวิตของตัวเอง ดีขึ้นมันผิดตรงไหน หรือจะให้ทุกคนไม่ต้องทำความดี ไม่ต้องทำทานเพราะหาว่ามีความโลภในบุญ ใช่ไหม พระพุทธเจ้าไม่เคยทรงห้ามการสั่งสมบุญ ทำบุญแล้วยังทรงให้อธิษฐานจิต เพื่อสั่งสมอธิษฐานบารมีด้วยซ้ำ นางวิสาขาในชาติหนึ่งยังถวายผ้าจีวรจำนวนมาก แล้วยังอธิษฐาน หวังขอเป็น มหาอุบาสิกาในภพชาติต่อไป<br />
<br />
ฆาตกรโหดร้ายที่มาเกิดเป็นคนได้ในชาตินี้ อาจจะมาจาก หลายทาง<br />
<br />
1)ไปตกนรก เปรต อสุรกาย สัตว์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือตามขั้นตอน ใช้บาปกรรมหมดแล้ว บุญก็ไม่มีขึ้นสวรรค์ไม่ได้ ก็มาเกิดเป็นคน เพื่อเลือกที่อยู่ใหม่ พวกนี้ก็อาจจะกลับมาใจชั่วอย่างเดิม หรืออาจเป็นคนดีก็ได้ ใจคนเราไม่คงที่ มิฉะนั้นคนชั่วก็เปลี่ยนใจเป็นคนดีไม่ได้ซิ เอาแค่บางคนไปบวช ยังเปลี่ยนตัวเองเป็นคนดีได้เลย องคุลีมาลย์ฆ่าคน 999 คนสุดท้ายใจยังเปลี่ยนเป็นพระอรหันต์ได้ นั่นสุดยอดของความดีเลยนะ<br />
<br />
2)เป็นคนที่ดีในชาติก่อน หมดบุญจากสวรรค์ลงมาเกิดใหม่ แต่เผลอปล่อยใจทำความชั่วตอนเป็นมนุษย์ชาตินี้ เลยกลายเป็นฆาตกร เพราะเป็นคนดีชาติก่อนก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนดีในชาตินี้ด้วย อะไรมันก็เปลี่ยนได้ พระพุทธเจ้าถึงบออกว่า มีภัยในวัฏฏสงสาร ชาติก่อนดี อยู่สวรรค์ ชาตินี้เผลอใจทำชั่ว ก็จะตกนรกได้<br />
<br />
3)ตายจากคนก็เกิดเป็นคนอีก จะดีหรือไม่ดี ใจคนมันเปลี่ยนได้ มันมาเกิดเป็นเสือเพราะทำกรรมในอดีตชาติ อะไรซักอย่างทำให้มันต้องมาเกิดเป็นเสือชาตินี้ ชาติต่อไปอาจจะไปเป็นอะไรก็ได้ วนเวียนอยู่จนหมดกรรมที่ได้กระทำมา บุญหรือบาปกรรมนั้น ถ้าทำตอนเป็นมนุษย์จะส่งผลหลายภพชาติ แต่มันเป็นเสือ เป็นสัตว์ จิตสำนึกเรื่องบาปบุญคุณโทษไม่มี อันเป็นธรรมดาของสัตว์ แต่คนมีจิตสำนึกนี้ เราถึงต้องมีกรรมติดตัวไปในภพชาติอื่นๆ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By KMD:</span> ท่านหมอศรัทธา ก็เรื่องของท่านหมอครับ ผมมีวิกิจฉา (ข้อสงสัย) สูงมากเกินไป จึงเปลี่ยนจากเชื่อ เป็นไม่เชื่อ<br />
<br />
เรื่องชาดกเป็นเรื่องความเชื่อล้วนๆ ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนตามที่คนไทยเราเชื่อกัน เพราะพุทธนิกายอื่น ก็ไม่มีเรื่องชาดกที่เหมือนเรา พระไตรปิฎกของศาสนาพุทธแต่ละนิกายมีรายละเอียดห่างกันมากครับ<br />
<br />
เรื่องเวียนว่ายตายเกิดเป็นอนันตชาติ ก็ความเชื่อล้วนๆ ไม่มีหลักฐานเช่นกัน ถ้าเป็นไปตามความเชื่อนี้ อดีตชาติเก่าๆของมนุษย์ปัจจุบันก็ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ เพราะโลกใบนี้เพิ่งมีมนุษย์ที่มีซิวิไลซ์ตามชาดก ก็เพิ่งหมื่นกว่าปีนี้เองเป็นอย่างมาก (มนุษย์เพิ่งมีจำนวนมากและรวมตัวกันอยู่ในนครรัฐก็ยังไม่ถึงหนึ่งหมื่นปีด้วยซ้ำ)<br />
<br />
คนเราเปลี่ยนใจ (ความคิดและความเชื่อ) กันง่าย แต่เปลี่ยนนิสัยสันดานยากครับ โลภะ โมหะ โทสะ อยู่ในสันดานครับ ไม่เคยเห็นใครเปลี่ยนนิสัยและสันดานนี้โดยฉับพลัน แต่เปลี่ยนเนื่องจากวัย ซึ่งสาเหตุที่สำคัญมาจากฮอร์โมนเปลี่ยน<br />
<br />
ที่พูดมาทั้งหมด ผมไม่ได้ต่อต้านหรือโต้แย้งพระพุทธศาสนา เพียงแต่โต้แย้งความเชื่อของศาสนิกชนชาวพุทธบางกลุ่มครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By tweepsai:</span> ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค หาสาเหตุให้ได้ว่าทำไมเราถึง เจ๊งหุ้น เช่น ซื้อตามเขาไป ไม่มีความรู้ โลภ ไม่มีเวลาติดตาม ฯลฯ ถ้าจะพูดถึงธรรมะ ต้องเข้าใจคำสอนด้วย ไม่ใช่มีปัญหาก็บอกว่า ชาติที่แล้วทำบุญมาน้อย อย่างนี้ไม่ใช่คิดแบบ ธรรมะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By แดงเข้ากระดูก:</span> เอาเงิน เอาทองไปให้พระที่มีคนบริจาคมากๆ กับการที่เราไปช่วยชีวิตครอบครัวหนึ่งที่หมดหวังสู้แทบขาดใจแต่ปัญหามากมายเจ็บป่วยสารพัดเรื่องประดังประเดเข้ามา เราไม่มีเงินเยอะแต่มอบให้พอที่จะช่วยชีวิตครอบครัวนี้ไปได้ครึ่งปี และพวกเขาก็ฟื้นตัวขึ้นมาต่อสู้กับชีวิตได้ดีพอสมควร เรารู้สึกดีใจมากๆที่เราไม่ได้เอาเงินไปให้พระที่ร่ำรวย อยากถามว่า ทำบุญกับพระ กับทำบุญกับคน จะรู้ได้อย่างไรว่าทำบุญเยอะได้บุญเยอะ ทำบุญน้อยได้บุญน้อยหรือทำกับพระ หรือทำกับคน (งงคำถามตัวเอง) ขอโทษที่นอกเรื่อง พินาแล้วตอบไม่ถูกนะที่คุณหมอถาม เพราะความสุขของคนมันไม่เหมือนกัน กับ ถ้าเราคิดว่าใจเราสุข เรื่องเงินน่าจะเป็นเรื่องที่สองนะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนว่า ทำบุญต้องเลือกเนื้อนาบุญ ซึ่งหมายถึงผู้ที่รับทานของเราไปนั้น ถ้าจิตใจบริสุทธิ์เท่าไหร่ ก็ยิ่งได้บุญมากเท่านั้น ทรงกล่าวว่า ทำบุญกับสัตว์ทำ10 ส่วน ได้บุญ 100 ส่วน ทำกับคนทุศีล ได้ 1,000 ส่วน ทำกับคนมีศีล 5 ได้ 10,000 ส่วน ทำกับพระได้ เป็นล้านส่วน ยิ่งพระผู้ปราศจากกิเลศยิ่งได้บุญมากไม่สามารถคำนวณได้ นี่ไม่ได้พูดเอาเองนะ มาจากคำสอนของพระพุทธองค์จริงๆ<br />
<br />
เอาเงินไปช่วยคนจนเจ็บป่วยก็ได้บุญนะ แต่เราลองมาคิดดูว่า คนจนได้เงินเราก็ฟื้นตัวอยู่ได้ เจ็บไข้ได้ป่วยก็หาย ต่อชีวิตเขาได้ บุญมากโขอยู่ แต่เขาไม่ได้ช่วยคนอื่นเลยนะ ช่วยได้แต่ครอบครัวของเขาเท่านั้น จะมีกี่คนที่จะไปช่วยคนอื่นต่อ<br />
<br />
แต่ถ้ามีพระองค์หนึ่ง เป็นพระที่ช่วยสอนคนให้เป็นคนดี ให้รู้จักมีศีล มีธรรม ไม่เบียดเบียนคนอื่น ทำประโยชน์ให้คนอื่น ไม่ก่อความเดือดร้อนแก่สังคม สอนคนให้เป็นคนดีแค่หนึ่งคน ลดความเดือดร้อนแก่คนอื่นได้มากมาย อย่างฮิตเล่อร์ ถ้ามีคนไปสอนเขาให้เข้าใจบาปกลัวบาป เขาก็จะไม่ฆ่าคนยิวถึง 6 ล้านคน<br />
<br />
โลกเรามันเดือดร้อนทุกวันนี้ก็ที่ใจเป็นใหญ่ สงครามโลกเกิดขึ้นก็เพราะใจใช่ไหม ถ้ามีพระช่วยสอนให้คนมีใจที่ดีมากๆทั้งโลก ความสงบก็จะเกิดขึ้นได้<br />
<br />
เราทำบุญกับท่านๆก็เอาไปใช้ประโยชน์ต่อมากมายเพื่อให้เกิดความสงบร่มเย็นของสังคมขึ้นมา เรารู้ว่าท่านทำจริง เงินของเรามีประโยชน์จริง เราถึงอยากทำบุญกับท่าน เพราะรู้เห็นว่าท่านไม่ได้เอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ผลงานมีมากมายให้เราเห็น ประโยชน์ต่อมนุษย์มันต่างกันกับช่วยคนๆเดียว<br />
<br />
แต่ถึงอย่างไรเราก็เลือกทำบุญกับพระที่เป็นพระแท้และทำดีจริงๆ ทำบุญต้องเลือกเนื้อนาบุญไง และเราก็ไม่ลืมที่จะแบ่งทำทานกับคนทั่วๆไปด้วย เป็นการสงเคราะห์โลก<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By KMD:</span> พระสงฆ์สอนว่า พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญชั้นดีนั้น เป็นเรื่องของประโยชน์ทับซ้อนครับ ในสมัยพุทธกาล ชาวบ้านยังอยู่กันอย่างยากชนข้นแค้นเป็นส่วนใหญ่ พระภิกษุก็ยากจนเหมือนชาวบ้าน แถมพระวินัยซึ่งไม่ได้ยินยอมให้พระภิกษุสะสมทรัพย์อีกต่างหาก การทำบุญกับพระภิกษุที่ยากจนเหมือนชาวบ้านแล้วได้บุญมากกว่าการให้ทานชาวบ้าน จึงมีเหตุผลครับ<br />
<br />
แต่ปัจจุบัน พระภิกษุร่ำรวยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะธรรมกาย ผมว่าเหตุผลนี้ ใช้ไม่ได้แล้ว<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ถ้าพระท่านได้ปัจจัยมาแล้วนำเอาไปทำประโยชน์แก่มวลมนุษย์จริงๆ เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน ทั้งการดำเนินการ การก่อสร้างบอกอย่างไรทำอย่างนั้นทำเพื่ออะไรก็บอก และก็เห็นประโยชน์ชัดเจน มีหลักมีฐาน สอบทานได้ตลอดเวลา ไม่มีการปิดบัง กิจกรรมต่างๆก็เปิดเผยทั้งในและต่างประเทศ เราบริจาคไปก็เพราะเราเห็นว่า เขาทำจริงเอาเงินของเราไปใช้เพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์จริงๆ นี่ต่างหากละที่ทำให้คนบริจาคมากมาย<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By KMD:</span> ผมยังไม่เห็นประสิทธิผลของธรรมกายที่ทำให้คนเป็นคนดี เห็นแต่การสร้างภาพ เห็นแต่ศิษย์ธรรมกายมีแต่ความโลภ และโมหะ ไม่รู้ว่ามาจากเหตุที่สอนให้ทำบุญมากๆ เพื่อชาติหน้าหรือเปล่า เห็นแต่ศิษย์ธรรมกาย ที่ยังแสดงอาการยึดติดมากๆ กับนรก สวรรค์ ชาตินี้ชาติหน้า หลงใหลในอัตตาตัวเอง และภาพหลอนในระหว่างเข้าสมาธิ ที่สำคัญคือยังแสดงอาการมีทุกข์อยู่มาก ศรัทธาในศาสนา กับความงมงาย มันใกล้กันมากครับ<br />
<br />
ผมขัดคอมากแล้ว ขอโทษครับ เปลี่ยนผู้อาวุโสอย่างท่านไม่ได้หรอก<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By นาปลัง:</span> ผมว่าพี่สาวนะเขามีบุญ คิดทำสิ่งใดได้สมความปรารถนา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความสุขอยู่ที่ใจ ก็ไม่ทราบว่าพี่สาวท่านสุขกายสบายใจหรือเปล่า ตัวพี่สาวหรือตัวท่านเองนั่นแหละจะรู้ดีที่สุด<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By นานา:</span> ความสุขอยู่ตัวเราเป็นคนกำหนด เรื่องบุญมากหรือน้อยอยู่เราคิด หากเราไม่คิดเปรียบเทียบกับใคร เราก็จะมีความสุขมากขึ้น<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By sri123:</span> ตอนเล็กๆ แม่สอนว่า ลูกอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครเลยนะคะ ถ้าเมื่อไหร่ที่เกิดการเปรียบเทียบ นั่นแปลว่า ลูกกำลังดูถูกตัวเอง<br />
<br />
พอโตขึ้นมา สิ่งที่สอนตัวเองทุกวัน อดีต แก้ไขไม่ได้ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด นั่นคือความสุขที่เราเลือกทำได้ค่ะ<br />
<br />
แวะมาทักทายคุณหมอเฉยๆ เรื่องคนอื่นเป็นยังไง เราก็แค่คนมอง รู้อะไร ไม่สู้รู้ใจตัวเอง แบบนั้น ก็เลยตอบแทนชีวิตคนอื่นไม่ได้ค่ะ...<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By khunpee:</span> เกิดมาก็ไม่มีอะไรติดมาเลย ทุกอย่างที่เห็นที่เป็นในเวลานี้ก็ไม่ใช่ของเราอย่างแท้จริง หมั่นสร้างบุญสร้างกุศลเถอะค่ะ เวลาเราเหลือน้อยลงทุกที ถ้ามันจะตายไปก็ไม่สามารถเอาอะไรไปด้วยแม้สลึงเดียว บาปและบุญที่เราทำในตอนมีชีวิตนี่แหละเป็นเพื่อนตายของเรา มันจะตามเราไปทุกหนทุกแห่งทุกภพทุกชาติeye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-32625838565472098192012-01-29T14:50:00.010+07:002012-02-21T20:36:46.406+07:0085 อะไรทำให้ รวยและ รวย จากคนจนสุดๆกลายเป็นเศรษฐีใหญ่ By: kimeng suk<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/77.html" target="_blank">เข้าครัว...ทำกับข้าวคลายเครียด!! ผมทำได้ คุณก็ทำได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post_25.html" target="_blank">สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/78-112-112-112.html" target="_blank">เรื่อง... ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/79-conversations-with-thaksin-thailands.html" target="_blank">สนทนากับทักษิณ "ผู้ต้องสงสัย" แห่งประเทศไทย Conversations with Thaksin, Thailand's prime suspect</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<br />
ขอขอบคุณและขออนุญาตคุณ kimeng suk นำข้อเขียนของท่านมาลงไว้เว็บนี้นะครับ<br />
<center><img src="http://upic.me/i/qr/qas01.jpg"></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/49/080325.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>อะไรทำให้ รวยและ รวย จากคนจนสุดๆกลายเป็นเศรษฐีใหญ่</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
<font color="#0000FF">ตอนที่1</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/82-by-kimeng-suk.html">"ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่2</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/83-by-kimeng-suk.html">"คนไข้คนแรกของหมอใหม่หมาดๆ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่3</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/84-by-kimeng-suk.html">"ผีหลอกหมอ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่5</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/86-by-kimeng-suk.html">"ถูกพ่อดูถูกถึงได้เป็นหมอ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่6</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/87.html">"ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมเป็นหมอทำแท้ง"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่7</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/88.html">"ทำไมถึงจนอย่างนี้"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่8</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/89.html">"อีแปะมันหด-อัศจรรย์ปาฏิหาริย์-โด่ไม่รู้ล้ม"</a><br />
<br />
เราเป็นลูกครึ่งไทยจีน เตี่ยเป็นคนจีนไหหลำ แม่เป็นคนทางเหนือแท้ๆ เตี่ยมาจากเมืองจีนตั้งแต่อายุ 13 ปี เพราะอยู่ที่เมืองจีน จนมากแทบไม่มีอะไรจะกิน<br />
<br />
เตี่ยเล่าว่า บางครั้งต้องเอาก้อนหิน มาผัดกับน้ำมัน แล้วดูดกินน้ำมันจากก้อนหิน กินกับข้าวต้ม หรือบางทีก็เอาปลาทูตัวหนึ่งแขวนไว้กลางวงกินข้าว ให้พุ้ยข้าวต้มพร้อมกับมองปลาทูไป (นี่เป็นเรื่องจริง) อดมื้อกินมื้อ ลำบากมาก เสื้อผ้าก็แทบไม่มีจะใส่ เงินไม่มีติดบ้าน งานก็ไม่มีทำ เพาะปลูกก็ไม่ค่อยได้ผล เพราะ ไม่มีน้ำ พ่อแม่ก็มีลูกหลายคน แย่งกันกิน เจ็บป่วยก็ปล่อยให้ตายเพราะไม่มีเงินรักษา<br />
<br />
เตี่ยจึงมาอยู่เมืองไทย ตอนมา เตี่ยจนมากๆ แทบไม่มีข้าวกิน ไปเป็นลูกจ้างร้านขายอะไหล่รถยนต์ญาติกัน เตี่ย มีเสื้อผ้าอยู่เพียงชุดเดียว กลางวันใส่ กลางคืนซัก โดยใส่ผ้าขาวม้าแทนกลางคืน ถูกเจ้าของร้านด่าว่า เคี่ยวเข็ญ ใช้งานหนักมาก ทำทุกอย่าง แทบไม่มีเวลาพักผ่อน และถูกดูถูกดูหมิ่น ซึ่งมันทำให้เตี่ยมีมานะจึงเป็นคนขยันขันแข็งมาก กล้าคิดกล้าทำดังนั้น พอเก็บเงินได้บ้าง เตี่ยก็ออกไปเปิดร้านขายกาแฟในตลาดสด ชงเอง บริการเอง เก็บเงินเอง ทำคนเดียวทุกอย่าง<br />
<br />
ไปเจอแม่ซึ่งมาขายแหนมในตลาด เกิดรักกัน จึงไปสู่ขอกับแม่ของแม่ หรือยายเรา แต่ยายไม่ยอมยกให้ ดูถูกบอกว่าเป็นเจ็กเป็นจีน ไม่เอาไม่อยากเกี่ยวข้อง เตี่ยจึงพาแม่วิวาห์เหาะ ไปอยู่ที่อื่นซักพักหนึ่งก็กลับมาขอขมา ยายก็จำเป็นต้องรับการขอขมานั้น เตี่ยแม่เป็นคนใจบุญชอบทำทาน และกตัญญูรู้คุณคนมาก และเตี่ยแม่ก็ได้ดูแลยายจนตาย<br />
<br />
ต่อมาเตี่ยเปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้า, ขายของชำ และส่งของทางเหนือเช่น หอม กระเทียม ครั่ง ลงแพ ล่องลงไปขายที่กรุงเทพฯ โดยมีแม่ช่วยงานอย่างขยันขันแข็ง และมีลูกด้วยกันทั้งหมด 15 คน ตายไป 3 คน เหลือ 12 คน<br />
<br />
จำได้ว่าเรายังต้องช่วยแม่ตากครั่ง ตากกระเทียมด้วย ต้องช่วยทำงานหนักกับครอบครัวตั้งแต่เล็กๆ เตี่ยจะบอกว่าถ้าทำงานอะไรแล้วต้องทำให้เสร็จทุกครั้ง ซึ่งทำให้เราเป็นคนทำอะไรแล้วเอาจริงจนปัจจุบันนี้<br />
<br />
ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ชีวิตเตี่ยก็เปลี่ยนแปลง รวยขึ้นโดยไม่คาดฝัน เล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ แต่นี่เป็นเรื่องจริงที่เตี่ยเล่าให้ลูกๆฟังอย่างภาคภูมิใจ เล่าบ่อยมากจนลูกๆจำได้ทุกคำพูด<br />
<br />
ครั้งหนึ่งเตี่ยเอาหอม กระเทียม ใส่แพล่องลงมากรุงเทพฯ มากันหลายแพ พอมาถึงสะพานพระรามหก ก็จอดแพหยุดพักใต้สะพานพร้อมๆกับแพอื่นๆ เตี่ยกำลังนอนหลับอยู่ในแพ มีเครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตร บินมาทิ้งระเบิดสะพาน แพที่อยู่ใต้สะพาน โดนระเบิดจมลงหมด ยกเว้นแพของเตี่ย รอดอยู่แพเดียว เลยกลายเป็นว่าเตี่ยขายของได้ราคาดีมาก คนแย่งกันซื้อ ราคาเพิ่มขึ้น สามสี่เท่า เตี่ยเริ่มมีเงินมากขึ้น<br />
<br />
ต่อมาอีกครั้งหนึ่งเตี่ยและเพื่อนก็เอาของใส่แพ ล่องลงมากรุงเทพฯพร้อมๆกัน ประมาณหกแพ พอขายของที่กรุงเทพฯเสร็จก็บรรทุกเกลือลงแพเพื่อจะเอากลับมาขาย และให้เรือลากจูงกลับ มาพักค้างคืนที่จังหวัดตาก ตกกลางคืนมีโจรมาปล้นขึ้นปล้นทุกแพ เตี่ยเล่าว่า เตี่ยกลัวมาก นั่งหลบอยู่กับกระสอบใส่เงินที่ขายหอมกระเทียมได้<br />
<br />
น่าแปลกมากที่โจรมันเดินผ่านเตี่ยไปมา มันมองไม่เห็นเตี่ย เงินในกระสอบ และเกลือ มันจึงไม่แตะต้องของในแพนี้เลย แพอื่นๆโดนกันถ้วนหน้า บางแพก็ถูกมันจมลง หมดตัวกันทุกคน เตี่ยก็แปลกใจว่าทำไมมันไม่ปล้นเตี่ย และมองไม่เห็นเตี่ยทั้งๆที่เตี่ยนั่งตัวสั่นแอบอยู่ตรงหน้าโจร เตี่ยไม่ได้พกพระเครื่องหรืออะไรทั้งนั้น เตี่ยเล่าทีไรก็ภูมิใจตรงนี้มาก บอกว่าเตี่ยเฮงมากๆ<br />
<br />
พอกลับมาถึงบ้าน เตี่ยก็ขายเกลือได้ราคาดีมาก เพราะเกลือขาดแคลน เตี่ยก็เริ่มมีเงิน กลายเป็นเถ้าแก่ใหญ่ เริ่มสร้างโรงเลื่อย โรงน้ำแข็ง และกิจการอื่นๆ มีฐานะเข้าขั้นเศรษฐีของภาคเหนือ และโอนสัญชาติเป็นคนไทย และเอาพี่น้องจากเมืองจีนมาอยู่เมืองไทยกันทุกคน โดยมีเตี่ยเป็นฐานให้ที่พักอาศัยและ เงินทุนให้ก่อน<br />
<br />
สงครามสงบลง เตี่ยก็ส่งเงินไปเมืองจีนจำนวนมาก ไปชื้อที่นาที่เกาะไหหลำ ให้เหล่ามา หรือย่าที่อยู่ที่โน่น ซื้อเกือบทั้งตำบล ย่ากลายเป็นเศรษฐีใหญ่มีหน้ามีตาของตำบลนั้น จากครอบครัวที่จนสุดๆ<br />
<br />
แต่อะไรมันก็ไม่แน่นอน ย่ารวยอยู่ไม่นาน ประเทศจีนก็เปลี่ยนการปกครองเป็นคอมมูนิสต์ คนรวยถูกหาว่าเป็นชนชั้นนายทุน รัฐบาลยึดที่ดินของคนรวยมาแจกให้คนจนทำกิน ที่ดินของย่าถูกยึดหมด แม้แต่บ้านที่อาศัยก็ต้องให้คนอื่นมาอาศัยอยู่ร่วมด้วย แถมย่ายัง ถูกบังคับให้เดินไปตามถนน ป่าวประกาศให้ชาวบ้านมาดูและเอา ขี้วัว ขี้คน ก้อนหินปา บาดเจ็บเกือบจะต้องตาย<br />
<br />
เตี่ยที่เมืองไทยสูญที่นาเมืองจีนหมด แต่ก็ไม่ย่อท้อ ตั้งหน้าทำงานหาเงินอย่างเดิม แต่เตี่ยเสียใจอยู่อย่างหนึ่งก็คือเอาเงินไปซื้อที่ๆเมืองจีนหมดเพื่อให้ย่ากลายเป็นเศรษฐี ไม่ให้ใครมาดูถูกย่า แทนที่จะซื้อที่เมืองไทยไว้มากๆ ลูกหลานจะได้อยู่สุขสบายกว่านี้ แต่ถึงอย่างไรลูกๆของเตี่ยก็ได้เรียนกันสูงๆ จบจากเมืองนอกเมืองนากันเกือบทุกคน<br />
<br />
อ่านเรื่องนี้ท่านคิดกันอย่างไรบ้าง ช่วยออกความเห็นกันหน่อยค่ะ เพราะข้อคิดของแต่ละท่านอาจจะมีประโยชน์ต่อคนบางคนบ้าง อย่างน้อยๆก็สะกิดใจกันบ้าง<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By squall:</span> เรื่องเล่าน่าสนุกดี บ้านผมมา ปู่ทวดมาอยู่ ตั้งแต่ก่อน 2470 ซะอีกมั้ง 3 ชั่วอายุคนละ ไม่เห็นจะเป็นมหาเศรษฐีเลย คนจีนไม่ได้ร่ำรวยไปซะทุกคนหรอกครับ คนฉลาดทำมาหากิน รู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ ถึงจะร่ำรวย พวกทำมาค้าขาย เก็บออม ก็ไม่รู้จะกี่อายุคน มีไม่กี่ตระกูลหรอกครับที่ร่ำรวยจริงๆ แต่ยอมรับอย่าง คนจีน นิยมให้ลูกหลานเรียน มากกว่าคนไทยแท้ๆ เห็นความสำคัญของการศึกษาเอามากๆ พ่อผมนี่ โดนคุณย่าบังคับให้เรียน<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By sri123:</span> คนจนกลับมี คนมีกลับจน เพราะ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน และสินทรัพย์ที่ใครก็แย่งเราไปไม่ได้ นั่นคือวิชา และความรู้ การศึกษา เป็นสมบัติที่มีค่าที่พ่อ แม่ พึงให้ลูกที่สุดค่ะ...<br />
<br />
เอาอันดับล่าสุดมาฝากค่ะ<br />
<br />
จากการประเมินมูลค่าตลาดล่าสุดได้มีข้อมูลออกมาแล้วว่า Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook นั้น ร่ำรวยติดอันดับ 3 ของบุคคลไอทีไปแล้ว โดย Zukcerberg นั้นตามหลัง Larry Ellison จาก Oracle และ Bill Gates จาก Microsoft อยู่ แต่ที่น่าสนใจก็เพราะ Mark Zuckerberg นั้นยังมีอายุน้อยอยู่นั่นเอง (ตอนนี้เขาอายุแค่ 27 ปีเท่านั้น) โดยที่เขาสามารถไต่อันดับขึ้นมาได้สูงขนาดนี้ก็เป็นเพราะความสำเร็จของ Facebook นั่นเอง และตอนนี้ Mark Zuckerberg มีตัวเลขรวมสินทรัพย์ส่วนตัวอยู่ที่ 18 พันล้านดอลลาร์ และเขารวยกว่าบุคคลไอทีระดับไอคอนหลายๆคนที่เรารู้จักกัน เช่น Steve Jobs CEO ของ Apple ก็มีสินทรัพย์อยู่ที่ 8.3 พันล้านดอลลาร์, สองผู้ก่อตั้ง Google อย่าง Sergey Bin และ Larry Page ก็มีสินทรัพย์อยู่ที่คนละ 17 พันล้านดอลลาร์<br />
<br />
ปล...ข่าวล่าสุด ถ้าเฟชเข้าตลาด นักวิเคราะห์ให้มูลค่าไว้ที่ 20 บิลเลี่ยนล้านเหรียญค่ะ รวยเพราะ คิดบวก มองเห็นโอกาส และทำได้ค่ะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By squall:</span> ถ้าเข้าใจการทำงานก็จะรู้ว่าทำไม facebook ประสบความสำเร็จมากกว่า พวก hi5 หรือ myspace<br />
<br />
facebook จะอาศัยการเข้าถึง contact list ในอีเมล์ของสมาชิก ในการทำหนังสือ เชิญชวน invitation ต่อๆกันไป คิดดูว่าในแต่ละลิสต์ของแต่ละคนมีกี่รายชื่อก็คิดว่าโอกาสที่จะมีสมาชิกเพิ่มมีมากแค่ไหน เว็บโซเชี่ยลหรือ บล็อกก่อนหน้า ก็ยังไม่ได้ใช้จุดนี้ในการหาสมาชิกเพิ่มเลยไม่ดัง<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ภวังค์:</span> กรรมเป็นเรื่องเฉพาะตัว ขยันทำมาหาเก็บในวันนี้วันรุ่งมีเหลือให้ใช้ไม่หมด บุญทานทำมาดีแล้วภพหน้าย่อมส่งผลไพศาล ยิ่งทำดีมากๆต่อเนื่องทุกภพชาติผลของบุญนั้นแผ่กว้างแรงดียิ่งนัก กรรมที่ทำเป็นเครื่องจำแนกสัตว์<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kihamoni:</span> ปัจจัยหลักคือวิสัยทัศน์ครับ จังหวะก็เกี่ยว แต่วิสัยทัศน์สำคัญกว่า คนเราฟลุคได้ไม่กี่ครั้ง และหากไม่มีวิสัยทัศน์ ฟลุครวยมาก็หมดได้ไม่ยากครับ<br />
<br />
ประวัติทักษิณ : ชีวิตที่พลิกผัน... เบ้าหลอมวัยเยาว์ เรียนรู้จากชีวิตจริง<br />
<br />
"ผมเป็นคนไม่ลืมอดีตนะ แต่ไม่ย่ำอยู่กับอดีต มองข้างหน้าตลอดเวลาแต่ไม่ลืมอดีต การย่ำอยู่กับอดีตนี่ผมถือว่าเป็นการเสียเวลา แต่ลืมไม่ได้เพราะการลืมอดีตคือการลืมตัว"<br />
<br />
ต้นตระกูล "ชินวัตร" คือ "คูซุ่นเส็ง" หรือ "ซุ่นเส็ง แซ่คู" พ่อค้าและอดีตนายอากรที่อพยพจากจันทบุรีมาตั้งรกรากเริ่มต้นธุรกิจหลายๆ ประเภทในเมืองเชียงใหม่<br />
<br />
ลูกหลานของ "คูซุ่นเส็ง" ในรุ่นต่อๆมาแตกแขนงการทำธุรกิจออกไป บางส่วนขยับขยายมาทำการค้าใน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ "เลิศ ชินวัตร" ก็เป็นสายหนึ่งของตระกูลที่มาปักหลักที่สันกำแพง<br />
<br />
"ผมเกิดที่ อ.สันกำแพง เชียงใหม่ ตอนผมเกิดบ้านผมยังอยู่ที่หน้าตลาดสันกำแพง เป็นเรือนไม้ห้องแถวสองชั้น . . . เรียนที่สันกำแพงอยู่จนถึงอายุประมาณ 15 ปี ถึงย้ายเข้ามาอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่" ดร.ทักษิณเล่าถึงชีวิตในวัยเด็ก<br />
<br />
ในวัยที่ต้องศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจังนี่เอง เขาพบว่าตัวเองเป็นคนชอบคิด คิดเร็ว เรียนเร็ว ใฝ่รู้เรื่องต่างๆคนหนึ่งเหมือนกัน<br />
<br />
"ตอนเด็กจำได้ว่าไปเรียนกับครูผู้หญิงแก่ๆชื่อ ควาย ครูควายเลยละ... ผมชอบเรื่องเลขแกก็สอนผมเพลินเลยนะ สอนวิธีหารยาวจนก่อนเข้า ป. 1 ผมก็หารยาวเป็นแล้วนะ"<br />
<br />
เมื่อย้ายจากโรงเรียนในสันกำแพงมาเรียนต่อชั้นประถม 3 ที่มงฟอร์ตเชียงใหม่ แม้จะเสียเปรียบเนื่องจากไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษมาก่อน (ที่โรงเรียนมงฟอร์ตจะสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นประถม 1) แต่ ด.ช.ทักษิณก็ทำข้อสอบได้ถึง 75%<br />
<br />
ความเป็นคน "ชอบเรียน" และ "เรียนเก่ง" กลายเป็นข้อเด่น ของ ดร.ทักษิณ ที่ญาติพี่น้องรวมถึงคนใกล้ชิดต่างยอมรับ และไม่แปลกใจเลยเมื่อในเวลาต่อมาเขาสามารถสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารสำเร็จในปี พ.ศ.2510 และจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 26 ในปี พ.ศ. 2516 โดยสอบได้คะแนนเป็นที่ 1 ของรุ่น<br />
<br />
อย่างไรก็ตาม ดร.ทักษิณก็มิใช่ "เด็กเรียน" ที่จมอยู่กับกองตำราอย่างเดียว อีกด้านหนึ่งของชีวิตวัยเยาว์ในฐานะ "ลูกพ่อค้า" ทำให้ดร.ทักษิณผ่านประสบการณ์การทำงาน ค้าขาย เรียนรู้การทำธุรกิจจากการติดตามผู้เป็นบิดาไปเกือบทุกที่ทุกแห่ง<br />
<br />
หลังเวลาเรียน เขากลายเป็นเด็กเดินขายหวานเย็น ช่วยขายมอเตอร์ไซด์-ขายอะไหล่หน้าร้าน ออกไปติดตามทวงหนี้ ช่วยงานบัญชีที่ธนาคาร เป็นพนักงานโรงหนัง แม้กระทั่งงานปล่อยรถ-ขับรถเมล์ก็เคยทำมาแล้ว<br />
<br />
ประสบการณ์หลากหลายของ ดร.ทักษิณในวัยเยาว์นั้น ส่วนหนึ่งเนื่องเพราะ "คุณพ่อเลิศ" เป็นคนที่สนใจทำธุรกิจหลายประเภท ตั้งแต่ลงทุนทำสวนส้ม ช่วงหนึ่งไปเป็นกัมปะโด (หัวหน้าแผนกสินเชื่อ) ให้ธนาคารนครหลวงไทย สาขาเชียงใหม่ ทำโรงภาพยนตร์ศรีวิศาลเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์รถยนต์ ฯลฯ<br />
<br />
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ "คุณพ่อเลิศ" เป็นคนทันสมัย ใจกล้าที่จะลงทุนนำสินค้าใหม่ๆ มาขายหรือเลือกธุรกิจใหม่ๆมาทำอยู่ตลอดเวลา<br />
<br />
"นายเลิศนั้นเป็นบุคคลที่มีความคิดก้าวหน้าชอบความทันสมัย. . . คนทั้งสันกำแพงเห็นตู้เย็นเครื่องแรกที่ร้านกาแฟนายเลิศ เครื่องปั่นมะพร้าวก็เหมือนกัน . . . ตอนทำสวนลงทุนสั่งรถแทร็กเตอร์ซึ่งเป็นเครื่องจักรทุ่นแรงที่ทันสมัยมากมาใช้เป็นคนแรก"<br />
<br />
นอกเหนือไปจากความขยัน-สู้งาน สู้ชีวิต ชอบเรียนรู้ทดลองทำด้วยตัวเองจนทำให้เขาเข้าใจถึงความเป็น "นักปฏิบัติ" แล้ว แบบอย่างจากบิดาซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มองไกลสนใจความรู้วิทยากรใหม่อยู่เสมอ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งเขาได้รับการถ่ายทอดติดตัวมา<br />
<br />
พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร เกิดวันที่ 26 กรกฎาคม 2492 ที่อำเภอกำแพง เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย (ดำรงตำแหน่ง: 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 - 19 กันยายน พ.ศ.2549) เป็นผู้ก่อตั้ง และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เป็นนักธุรกิจ ผู้ก่อตั้งกลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น เคยเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี<br />
<br />
พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งคนแรก ที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ 4 ปี แต่กลับต้องพ้นจากตำแหน่งในวาระที่สอง เนื่องจากการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ขณะกำลังร่วมการประชุมสหประชาชาติ ที่ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา<br />
<br />
ชีวประวัติในช่วงแรก: พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 ที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 10 คนของ นายเลิศ และนางยินดี ชินวัตร จบการศึกษาจาก โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย และศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ที่โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 10 (พ.ศ.2512) และ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 26 (พ.ศ.2516) โดยสอบได้คะแนนเป็นที่หนึ่งของรุ่น<br />
<br />
ต่อมา พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ได้ศึกษาต่อ ในระดับปริญญาโท โดยได้รับทุน ก.พ.ศึกษาต่อสาขากระบวนการยุติธรรม ที่มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเคนทักกี สำเร็จการศึกษา ในปี พ.ศ.2518 และ ได้ศึกษาต่อ ในระดับปริญญาเอก ในสาขาเดียวกัน ที่ มหาวิทยาลัยแซมฮิวสตันสเตต ได้รับ ดุษฎีบัณฑิต ในปี พ.ศ.2521<br />
<br />
พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ได้เริ่มทำงาน โดยเป็น หัวหน้าแผนกแผน 6 กองวิจัยและวางแผน กองบัญชาการตำรวจนครบาล รองผู้อำนวยการศูนย์ประมวลข่าวสาร กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ อาจารย์ประจำ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ตามลำดับ<br />
<br />
ธุรกิจ: จนกระทั่ง ในปี พ.ศ.2523 พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ได้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวหลายอย่าง ควบคู่ไปกับการรับราชการตำรวจ เช่น ค้าขายผ้าไหม ซื้อภาพยนตร์ฉาย กิจการโรงภาพยนตร์ ธุรกิจคอนโดมิเนียม แต่กลับประสบความล้มเหลว เป็นหนี้สินล้นพ้นตัว ระหว่างนั้นได้ลาออกจากราชการ<br />
<br />
พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เคยเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยมักเป็นการนำภาพยนตร์ที่เคยได้รับความนิยมกลับมาสร้างใหม่ แต่ส่วนมากไม่ประสบความสำเร็จในด้านรายได้ เช่น ไทรโศก (2524 สร้างครั้งแรกโดย วิจิตร คุณาวุฒิ พ.ศ.2510) รักครั้งแรก (2524 สร้างครั้งแรกโดย ล้อต๊อก พ.ศ.2517) โนรี (2525 สร้างครั้งแรกโดย พันคำ พ.ศ.2510) รจนายอดรัก (2526 สร้างครั้งแรกโดย ประสิทธิ์ ศิริบันเทิง พ.ศ.2515)<br />
<br />
ต่อมา ในปี พ.ศ.2526 พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ได้ก่อตั้ง และเป็น ประธานกรรมการ บริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ จำกัด (ชื่อเดิม ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไอซีเอสไอ (ICSI) ปัจจุบันได้เข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มี นายบุญคลี ปลั่งศิริ เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร) ดำเนินธุรกิจ ให้เช่าคอมพิวเตอร์แก่สำนักงานต่างๆ และได้ขยายกิจการไปสู่ การให้บริการ วิทยุติดตามตัว โทรศัพท์เคลื่อนที่ ดาวเทียม และ โทรคมนาคม ครบวงจร นำไปสู่การชำระหนี้สินในช่วงแรกของการทำธุรกิจ และประสบผลสำเร็จทางธุรกิจในที่สุด<br />
<br />
การเมือง: ในปี พ.ศ. 2537 พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ได้ลาออกจากตำแหน่ง ประธานกรรมการ และ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยได้โอนหุ้นให้ คุณหญิงพจมาน นายพานทองแท้ นางสาวพิณทองทา นางสาวแพทองธาร และ คนรับใช้ คนสนิทถือแทน<br />
<br />
จากนั้นไม่นาน ก็เข้าดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในสมัย รัฐบาล นายชวน หลีกภัย และ ในปีต่อมา (พ.ศ.2538) ได้เข้ารับตำแหน่ง หัวหน้าพรรคพลังธรรม ต่อจาก จำลอง ศรีเมือง และ ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ในสมัย รัฐบาล นายบรรหาร ศิลปอาชา ในปี พ.ศ.2539 ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ในสมัย รัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ<br />
<br />
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2541 พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ได้ก่อตั้ง พรรคไทยรักไทย และ ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรค จนในที่สุด ได้ขึ้นสู่ตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ใน วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544<br />
<br />
<a href="http://www.varinthorn.com/WordPress/?page_id=289" target="_blank">รายละเอียดอื่นๆ ติดตามต่อได้ที่นี่ครับ...</a><br />
<br />
คนนี้ก็วิสัยทัศน์เหมือนกัน เกิดจากการมองว่า ปัจจัยสี่ เป็นของที่คนขาดไม่ได้ ต้องซื้อเรื่อยๆ และอาหารนั้นสำคัญที่สุด<br />
<br />
นายธนินท์ เจียรวนนท์ เกิดเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2482 ที่ย่านเยาวราช กรุงเทพมหานคร (ชื่อภาษาจีน ก๊กมิ้น) เป็นบุตรชายคนที่ 5 ในบรรดาบุตรทั้ง 5 คนของ นายเอ็กชอ แซ่เจี๋ย ชาวจีนแต้จิ๋วอพยพ<br />
<br />
นายธนินท์เริ่มทำงานเป็นครั้งแรกที่ร้านเจริญโภคภัณฑ์ เมื่ออายุได้ 19 ปี หลังจากสำเร็จการศึกษาด้านพาณิชยกรรมที่ฮ่องกง โดยทำงานในตำแหน่งแคชเชียร์ หลังจากนั้นได้โยกย้ายไปทำงานที่ สหพันธ์สหกรณ์ค้าไข่แห่งประเทศไทย และบริษัทสหสามัคคีค้าสัตว์ จำกัด (ตามลำดับ) จนเมื่ออายุ 25 ปี ได้กลับมาทำงานอีกครั้งที่เจริญโภคภัณฑ์ ปัจจุบันเป็นผู้บริหารระดับสูงของเครือเจริญโภคภัณฑ์ รับผิดชอบบริหารงานในตำแหน่งประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก<br />
<br />
นอกจากนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำของไทย มีกลุ่มธุรกิจในเครือฯรวม 10 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร, กลุ่มธุรกิจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยและเคมีเกษตร, กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ, กลุ่มธุรกิจการตลาดและการจัดจำหน่าย, กลุ่มธุรกิจพลาสติก, กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม, กลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรมทั่วไป กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร และกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง<br />
<br />
ปล. แต่พวกที่คุณศรี กล่าวอ้างถึง ยิ่งวิสัยทัศน์หนักกว่านี้อีกนะ นั่นคืออนาคตครับ ไม่ใช่แค่ความมั่งคั่ง แต่เป็นอนาคต<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ลุงพร:</span> การเลี้ยงลูก เลี้ยงให้เป็นนกแก้ว นกขุนทอง ตื่นเช้ามา ร้องแก้วจ๋าๆ ขออาหาร หรือเงิน กับพวกนกอินทรี อาศัยตามหน้าผา หากินเอง 2 คนนี่ ความเก่งจะอยู่ที่นกตัวไหน<br />
<br />
คนจน ที่มานะอดทน และ มีปัญญาดี โอกาสรวยสูง คนจน ที่ปัญญาไม่ดี จะจนตลอดกาล<br />
<br />
คนจน ที่ดี จึงต้อง ให้การศึกษาลูกๆ เพื่อสร้างปัญญาที่ดี ก่อน เพราะ เงิน จะหาได้ง่าย ถ้าปัญญาดี และ ทำงานหนัก ขยัน อดทน<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> แต่มันก็แปลกนะ ทำไมลูกคนจน ไม่ชอบเรียนหนังสือ ยิ่งพ่อแม่จน แทนที่จะมุมานะ ขยัน ตั้งใจเรียนให้ดี กลับทำตัวเกเรเหลวไหล ติดยาเสพติด ทำเหมือนจะประชดที่ตัวเองเกิดมาจน มีเหมือนกันที่ฉีกตัวเองออกมาให้ได้ดี แต่ก็น้อยมาก เหลียวดูรอบๆตัวเราก็ได้ว่ามีกี่คน<br />
<br />
อาจจะเป็นเพราะความจนทำให้ไม่มีจะกิน การเจริญของสมองเลยไม่ดี โดยเฉพาะคนไทย อยู่ไฟหลังคลอด กินข้าวจี่ ปลาแดดเดียว หรือไม่ให้กินโปรตีนพวกเนื้อสัตว์ แต่คนจีนกินไก่ตุ๋น<br />
<br />
เด็กเล็กๆแรกเกิด คนไทยกินนมแม่ ข้าวกับกล้วยน้ำหว้า คนจีนกินนมแม่ ข้าวตุ๋นใส่ไข่ ไก่ หมู<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kihamoni:</span> เท่าที่เห็นมา ลูกคนจน ส่วนหนึ่งไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะไม่มีโอกาส และพ่อแม่ก็เห็นว่าการศึกษาไม่สำคัญ ไม่ต้องเรียนก็ได้ ทีพ่อแม่ยังไม่เรียน ไอ้ประเภทนี้มีเยอะครับ (นิสัยคนไทยที่ไม่ค่อยได้เรียนหนังสือนี้แปลก ไม่ค่อยชอบให้ลูกเรียนสูงกว่าตัว ชอบให้มาช่วยงานมากกว่า อ้อ แต่ไม่ใช่ทุกคนนะครับ)<br />
<br />
อีกประเภท เกิดจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ อาจจะไม่มีเวลาให้ หรือด้วยพื้นฐานนิสัยของตัวพ่อแม่เองเป็นแบบนั้น จะด้วยเหตุใดก็ตามแต่ ลูกคนจนประเภทนี้ ก็มีโอกาสที่จะเกเรมาก มีโอกาสจะเลิกเรียนหนังสือมาก (แต่กรณีแบบนี้ ลูกคนรวยก็เห็นมาหลายคนเหมือนกัน)<br />
<br />
ประเภทสุดท้าย จนจริง แต่พ่อแม่สอนมาดี เมื่อมีโอกาสก็จะมานะบากบั่นมากกว่าคนปกติหลายเท่า คนประเภทนี้แหละ ที่มักจะยิ่งใหญ่ได้มากกว่าประเภทอื่นๆ (แต่โอกาสต้องมาอำนวยพอดีนะ ไม่อย่างนั้นลูกคนมีเงินที่อบรมมาดีๆ ยังไงก็ดีกว่าครับ) เอ้อ ประเภทนี้รอบตัวเห็นเยอะครับ ลูกของลูกน้องแม่บ้างอะไรบ้าง ไม่รู้นะ การศึกษากับการอบรมของพ่อแม่ ผมให้ค่าเท่าๆกัน (ที่จริงให้ค่ากับการเลี้ยงดูมากกว่า แต่ไม่มาก) ลูกที่ดี จะออกมาจากพ่อแม่ที่ไม่ดีหรือพ่อแม่ที่ไม่มีเวลาดูแลเนี่ย นับตัวคนได้อ่ะครับ น้อยสุดๆ<br />
<br />
ปล. แต่ผมไม่เกี่ยวกับทั้งสามประเภทหรอกนะครับ ไม่ได้ถึงกับจนง่ะ ก็ยอมรับ ว่าเทียบกับประเภทที่สามแล้ว ถ้าโอกาสเปิดเท่ากัน ยังไงก็สู้ไม่ได้อ่ะครับ เค้าโดนหนามมาเยอะ ไหวพริบ ความอดทน ความมานะพยายามเค้ามีสูงกว่าคนปกติทั่วๆไปมากนัก โชคดีที่โลกนี้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันก็สามารถอยู่ได้ เวลาเห็นคนพวกนี้ ก็เลยมีให้แต่ความรู้สึกชื่นชม ไม่เคยอิจฉา เชื่อว่าชีวิตคนทุกคนมันสมดุลกันหมด ไม่แตกต่างกันมากนัก พวกที่เคยทุกข์เคยลำบากมา ถึงเวลาถ้ามีโอกาส เค้าก็ย่อมไปได้ไกลย่อมมีชีวิตที่สบายเป็นธรรมดาครับeye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-1841011613530288312012-01-18T10:47:00.014+07:002012-02-21T20:33:46.343+07:0084 ผีหลอกหมอ By: kimeng suk<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2011/12/52.html" target="_blank">52... นี่จึงเป็นนายกรัฐมนตรีที่ผมอยากได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/01/70.html" target="_blank">นายกฯที่ฝ่ายต่อต้านกล่าวหาว่าโง่ในสายตาผม</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/53.html" target="_blank">"นายกฯปู"เอาใจคนเมืองคอน ใจป้ำ อนุมัติสร้างทางเชื่อมสะพานทันที 53 ล้าน หลังรัฐบาล"มาร์ค"ไม่ดูแล</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/53.html" target="_blank">53... ผมคงต้องยอมรับเสียที ผมนี่แหละครับ รับจ้างโพสท์</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/76-114.html" target="_blank">หนี้ 1.14 ล้านล้าน เอกลักษณ์ ประชาธิปัตย์ หงุดหงิด แต่ไม่แก้</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/77.html" target="_blank">เข้าครัว...ทำกับข้าวคลายเครียด!! ผมทำได้ คุณก็ทำได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post.html" target="_blank">คลิปที่ทุกคนควรจะต้องดู ใครตกข่าว เชิญเข้ามาได้เลยค่ะ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/blog-post_25.html" target="_blank">สถานีรถไฟจีน แล้วลองย้อนมาดูเรา...</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/78-112-112-112.html" target="_blank">เรื่อง... ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112 ม.๑๑๒ ม.112</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<br />
ขอขอบคุณและขออนุญาตคุณ kimeng suk นำข้อเขียนของท่านมาลงไว้เว็บนี้นะครับ<br />
<center><img src=" http://upic.me/i/qr/qas01.jpg "></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/fw/cabwkvee.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ผีหลอกหมอ</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
<font color="#0000FF">ตอนที่1</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/82-by-kimeng-suk.html">"ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่2</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/83-by-kimeng-suk.html">"คนไข้คนแรกของหมอใหม่หมาดๆ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่4</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/85-by-kimeng-suk.html">"อะไรทำให้ รวยและ รวย จากคนจนสุดๆกลายเป็นเศรษฐีใหญ่"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่5</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/86-by-kimeng-suk.html">"ถูกพ่อดูถูกถึงได้เป็นหมอ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่6</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/87.html">"ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมเป็นหมอทำแท้ง"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่7</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/88.html">"ทำไมถึงจนอย่างนี้"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่8</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/89.html">"อีแปะมันหด-อัศจรรย์ปาฏิหาริย์-โด่ไม่รู้ล้ม"</a><br />
<br />
สมัยก่อนๆนานมาแล้ว การเป็นแพทย์ฝึกหัด ของโรงพยาบาลหญิงหรือโรงพยาบาลราชวิถีปัจจุบัน ต้องเวียนไปฝึกตามโรงพยาบาลต่างๆ คราวนี้ต้องไปฝึกที่โรงพยาบาลกลาง เป็นเวลาหนึ่งเดือน ส่วนมากไปฝึกทางด้านศัลยกรรม เพราะโรงพยาบาลกลางจะมีคนไข้อุบัติเหตุมาก เนื่องจากอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร<br />
<br />
แพทย์ฝึกหัดต้องมีการอยู่เวรกลางคืน OPD อาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง ซึ่ง OPD โรงพยาบาลกลางสมัยนั้น เป็นห้องกว้าง พอประมาณ สำหรับเข็นรถคนไข้เข้ามาจุได้ ซัก 4 คันรถเข็นก็เต็มห้องแล้ว และมีโต๊ะพยาบาลหนึ่งตัว มีเก้าอี้ยาววางด้านข้างโต๊ะพยาบาลหนึ่งตัว มีประตูเปิดจากห้องตรวจเข้าไปยังห้องพักแพทย์เวรได้<br />
<br />
ห้องแพทย์เวรเป็นห้องเล็กๆ มีเตียงให้นอนพักหนึ่งเตียง ตรงหัวเตียงมีหน้าต่าง ติดมุ้งลวด เวลามีคนไข้พยาบาลก็จะเปิดประตูเข้ามาเรียกแพทย์เวร "หมอๆ ตื่นๆ มีคนไข้มาแล้ว" หมอก็จะงัวเงีย เดินสะลึมสะลือ บางคนก็ผมยุ่ง หัวฟูเดินออกมา ไปนอนต่อที่เก้าอี้ยาวแทนที่จะไปตรวจคนไข้เลย พยาบาลต้องตามไปเขย่าให้รู้สึกตัวจริงๆ บางคนก็ถึงกับต้องลงมือทุบแรงๆ<br />
<br />
ไอ้ที่มันเกิดเรื่องก็เพราะมีอยู่วันหนึ่ง เข้าเวร OPD แล้วไม่มีคนไข้ มันเงียบมากๆเลย ขึ้นเวรมาตรวจคนไข้ไม่กี่คน ซึ่งถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน มีหวังโรงพยาบาลนั้นเจ็งแหง๋แก๋ แต่นี่เป็นโรงพยาบาลของรัฐบาล กลายเป็นเรื่องดีซะอีก วันนี้สบายมาก ขอนอนให้เต็มที่หน่อย แล้วก็เข้าไปนอน หลับรวด ตอนดึกๆก็สะดุ้งตื่น รู้สึกว่ามีคนมาผลักและเขย่าแรงๆให้ตื่น จึงลืมตามองและเราก็รู้สึกตัวเต็มที่แล้ว เห็นพยาบาลคนหนึ่ง ยืนหน้าเตียง บอกว่ามีคนไข้มารอข้างนอก แล้วก็เห็นพยาบาลคนนั้น เดินทะลุประตูห้องที่ปิดสนิทออกไป (ยังแปลกใจว่า ทำไมพยาบาลเข้ามาในห้องพักแพทย์ ปรกติจะเคาะประตู แล้วตะโกนบอก)<br />
<br />
เราก็ตกใจ เอะ ทำไมเดินทะลุประตูห้องหวา จึงพรวดพราดลุกขึ้นยืน แล้วก็เดินไปที่ประตู ชนประตูที่ปิดสนิทเข้าเต็มที่ จึงรีบเปิดประตู มองดูในห้องตรวจไม่เห็นมีคนไข้สักคน เดินไปที่โต๊ะพยาบาลก็เห็นฟุบหลับอยู่กับโต๊ะ ที่สำคัญ หมวกที่พยาบาลใส่อยู่เป็นขีดเฉียงๆ ตรงริมหมวก แสดงว่าเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่เวร แต่ที่ไปเรียกเราเมื่อกี้ มันเป็นหมวกขีดขวางแบบพยาบาลนี่ ชักสงสัย จึงปลุกเขาขึ้นมาถามว่า เมื่อกี้เข้าไปปลุกว่ามีคนไข้ไม่ใช่หรือ เขาบอกว่าไม่มีคนไข้ซักคน และเขาก็อยู่เวรคนเดียวเท่านั้น<br />
<br />
เอาละซิ ใครปลุกเราหวา เราตาฝาดงงๆอยู่มั้ง ไม่ใช่นะ ก็เรารู้สึกตัวเห็นภาพชัดเจนมาก และเราก็เป็นคนตื่นไว ตื่นแล้วไม่งัวเงียด้วย เอะมันอย่างไรกัน เราไม่กลัวนะ แต่ก็ไม่กล้ากลับเข้าไปนอนต่อ ถ้าประเดี๋ยวมาใหม่ คราวนี้ตากลวงโบ๋มา หมอก็หมอเถอะ ใส่ตีนหมาเผ่นเหมือนกัน เสียศักดิ์ศรี หมอไม่กลัวผีหมด<br />
<br />
เช้ามาเจอท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็เล่าให้ท่านฟัง ท่านก็ยิ้มๆ บอกว่าเจอกันบ่อยนะ เราก็หูผึ่ง เรื่องมันเป็นอย่างไรค่ะ (เรื่องนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลย) ท่านก็กรุณาเล่าให้ฟังว่า มีพยาบาลคนหนึ่ง อกหัก เสียใจมาก เลยโดดตึกฆ่าตัวตาย ตกลงมาตายตรงกับ หน้าต่างหัวเตียงห้องพักแพทย์เวรพอดี ตั้งแต่นั้นมาก็มีแพทย์เวรเจอกันบ่อยๆแบบที่เราเจอเลยละ<br />
<br />
เอาละหวา เจอดีเข้าแล้วเรา แต่เราต้องไม่กลัวๆๆๆๆท่องไว้ให้ขึ้นใจ เป็นหมอต้องไม่กลัวผี ผีต้องกลัวหมอ แต่พอถึงเวลาอยู่เวรอีก เราไม่กลัวจริงๆ ไม่กลัว ไม่กลัว แต่ขอนอนตรงม้ายาวข้างโต๊ะพยาบาลก็แล้วกัน แฮ่ แฮ่<br />
<br />
เรื่องนี้บอกว่า หมอก็กลัวผีเหมือนกัน แต่เต๊ะท่าไปงั้นแหละ เจอเข้าจริงหมอวิ่งเป็นคนแรกเลยละ<br />
<br />
ใครเคยถูกผีหลอก ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม แชร์ประสบการณ์กัน เอาแต่เรื่องจริงๆนะ ไม่ใช่เรื่องแต่งขึ้นมา<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By sri123:</span> ไม่รู้โดนหลอกหรือคิดไปเองนะคะ เวลาทำสมาธิจนถึงขั้นใจสงบ หูก็จะได้ยินเสียงคุย เสียงแว่ว แบบนี้ประจำ จนทำให้กลัวไปเอง ต้องเลิกทำ<br />
<br />
ปีที่แล้วกลับเมืองไทย ไปไหว้พระ หลวงพ่อให้กุมารมาองค์นึง เป็นเรื่องที่แปลกมาก น้องสาวเล่าว่า ขับรถผ่านวัดนี้มาหลายปี ไม่เคยคิดเข้า วันที่พี่สาวมา อยากให้ดูโบสถ์ซะงั้น เข้าไปไหว้พระ ได้มาเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ ประสบการณ์น่ะเหรอ เอากุมารไว้นอกห้อง กลางคืนได้ยินเสียงคนเดินลาก แกรกๆ เปิดออกดูก็ไม่เจอ ....ไม่รู้คิดไปเองป่าวนะ ...<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> คุณศรีค่ะ การทำสมาธิเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในจำนวนบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ หรือทางมาแห่งบุญ 10 อย่าง การทำสมาธิได้อานิสงค์มากที่สุด มากกว่าการทำทานหรือถือศีล เวลาที่ใจเราเริ่มนิ่งสงบแต่ยังไม่สงบจริงๆ ประสาทของเราจะไวที่สุดโดยไม่รู้สึกตัว อย่างตัวเอง เคยนั่งได้ยินแม้กระทั่งเสียงปลวกเดิน ทั้งๆที่ยังไม่เคยรู้ว่ามีปลวกขึ้นบ้าน เพราะไม่มีร่องรอย แต่พอไปตรวจสอบตรงที่นั่งแล้วได้ยินก็พบปลวกจริงๆ<br />
<br />
บางคนก็เห็นเป็นอสุภะด้วยซ้ำ ไม่ต้องกลัวนะค่ะ พอเรานิ่งผ่านไปนิ่งมากขึ้นๆ เราจะพบว่ามันวิเศษที่สุด การได้พบความสุขจากการฝึกสมาธิ เป็นความสุขที่สุดในโลก ไม่ใช่ความสุขแบบทางโลกของเรา มันต่างกันมากนัก ต้องฝึกเองแล้วจะรู้เองค่ะ<br />
<br />
เรื่องกุมารทอง เป็นเรื่องที่มีจริงๆ พวกนี้เป็นพวกผีที่ถูกผูกไว้ด้วยอาคม จึงไปผุดไปเกิดตามเวรกรรมยังไม่ได้ เราคนธรรมดาไม่ควรไปเกี่ยวข้อง ถ้าหากเขาไม่พอใจ มีโทษมากกว่า และเราก็จัดการอะไรเขาไม่ได้ด้วย<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ภูพาน:</span> อ้าว ! มีหมอ ออกมาเล่าเรื่องผีแล้วหรือครับ (หมอคนดัง...ตกงานแน่)<br />
<br />
มันคงมีอยู่ทั่วไปนั้นแหละ แล้วแต่ใครจะเจอ ถ้าคิดดูอีกที มันจะในรูปแบบของอะไร เป็นพลังงานแบบไหน ก่อรูปยังไง มันคงจับมาพิสูจน์ไม่ได้ (ในตอนนี้) แต่การแสดงผลของพลังงานเหล่านี้ ผมว่ามันขึ้นกับตอนที่พลังงานฯปลดปล่อยตัวเองออกจากสิ่งที่เรียกว่า สิ่งที่อาศัยดำรงสภาพอยู่ คือร่างกาย เพราะตัวร่างกาย จะเป็นสิ่งที่มีประสาทสัมผัสได้ ถึงการรับรู้สัมผัสต่างๆ เช่น ชอบไม่ชอบ (การปรุงแต่ง) เจ็บป่วย หนาว ร้อน (กายสัมผัส) ฯลฯ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นคนเท่านั้นจึงจะครบถ้วนในองค์ประกอบของการรับรู้ซึ่งสิ่งอื่นๆ เช่นสัตว์ต่างๆ ไม่แน่ใจ เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ ปรากฏแต่ในคำสอนเท่านั้น ว่ามนุษย์เท่านั้น ที่จะเรียนรู้พัฒนาตัวเอง และรู้เท่าทัน จนเกิดปัญญาเพื่อหลุดพ้นเรื่องเหล่านี้<br />
<br />
ผมเลยคิดเอาเองว่า ผีดุ หรือไม่ดุ ผีหลอก อะไรพวกนี้ มันเกิดจาก ตอนที่ดำรงสภาพอยู่กับร่างกายตอนเป็นคนอยู่ ว่าเป็นอย่างไรมากกว่า ส่วนที่พลังงานยังวนเวียน อยู่ในสถานที่ ที่เค้าหลุดพ้นจากสิ่งยึดเหนียวคือตรงที่เสียชีวิตนั้น อาจเป็นได้ (ข้อสันนิษฐาน) ว่าตัวพลังงาน (วิญญาณ) ยังไม่รู้สถานในปัจจุบัน (status) ตรงนี้อาจต้องมีการใช้สื่อ ที่สามารถติดต่อกันได้ ถ้าคนไทยพุทธ ก็จะมีพิธีกรรมเชิญวิญญาณผู้ตาย สังเกตนะครับ ตามต่างจังหวัด บางแห่ง จะมีการนิมนต์พระสงฆ์ ไปรับศพด้วย<br />
<br />
แต่ถ้าถามว่าตายแล้วไปไหน วิญญาณ (พลังงาน) อยู่อย่างไร อันนี้ตอบไม่ได้ เพราะบอกตรงๆว่ายังไม่เคยคิดเรื่องนี้ เกินสติปัญญา ความรู้ ที่เล่ามาแค่คิดในแง่ จิตวิทยา และความเชื่อมโยงกับความเชื่อของท้องถิ่นเท่านั้น<br />
<br />
ถ้าจะมีเรื่องคล้ายกันกับคุณ kimeng suk คือว่า ตอนเด็กมากๆ น้องชายป่วย ท้องร่วงอย่างรุนแรง แม่ต้องนอนเฝ้าน้องชายที่โรงพยาบาล คือต้องบอกก่อน เรื่องนี้ผมเองยังเด็กมาก น่าจะซัก 3 ขวบ ไม่รู้เรื่องผีสาง อะไรหรอก ที่จำได้ คือ นั่งฟังแม่คุยกันกับหมอ พยาบาล และเล่าต่อมากันอีกหลายครั้ง เลยจำได้<br />
<br />
คือตอนดึกๆ ประมาณเที่ยงคืน ขณะที่ทุกคนกำลังหลับ ก็มีเสียง เหมือนของหล่น จากที่สูงร่วง ตุบๆๆ แล้วก็เงียบ ซักพัก ดังอีก ตุบๆๆ เหมือนลูกมะพร้าวล่วงลงหลังคา ประมาณนั้น แต่ใน รพ.ไม่มีต้นมะพร้าว และใน รพ.ดึกขนาดนี้ไม่น่าจะมีใคร มาทำอะไรพิเรน เล่นโยนอะไร ทุกคนก็เลยตื่นขึ้นมาหมด พยาบาลเวร แม่ ญาติผู้ป่วยคนอื่นๆ ทุกคน ก็เลยเฝ้าดูว่าเป็นอะไร<br />
<br />
ซักพักเสียงดังอีก คราวนี้ไม่ใช่หล่นที่หลังคาครับ หล่นตรงลานหน้าตึก ครับหน้าตึก...ชัดๆ ชัดเจนมาก ต่อสายตาหลายคู่ เป็นเด็ก....เด็กผู้ชาย ประมาณ 5-6 ขวบ ทุกคนจำได้ดี เด็กคนนี้ป่วยอยู่หลายวันและก็เพิ่งเสียชีวิต ญาติก็นำศพ กลับบ้านไปแล้ว แม่บอกว่า พยาบาล อ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูก ช็อกกันอยู่นานพอสมควร<br />
<br />
ประมาณปี 2513 รพ.สกลนคร ตึกเด็ก ไปตอนนี้จำไม่ได้แล้วครับ ว่าสภาพ เป็นยังไง น้องป่วยอยู่หลายวัน จำได้ว่า ช่วงที่น้องอาการเริ่มดีขึ้น ช่วงกลางวันแม่ พาไปเดินเล่น ด้านหลัง รพ.จะมีทางออกไปหนองหารได้ มีสวนสาธารณะ ริมหนองหาร จะมีบาร์ มีแต่ทหารฝรั่งมาเที่ยว ชื่อ golden pond ต่อมา บาร์แห่งนี้ เคยย้ายมา 2-3 ครั้งแล้ว ปัจจุบัน ย้ายมาอยู่กลางเมือง ยังใช้ชื่อเดิม (อ้าว! เล่าเรื่องผี ทำไมจบเรื่องบาร์ เนี่ย...)<br />
<br />
ประทานโทษ การมาเล่าอะไรยาวๆ ในกระทู้ของท่านอื่นนี้ผิดมารยาทไหมครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ไม่น่าจะผิดนะ ถือว่าเป็นการมาแชร์ความรู้กันค่ะ<br />
<br />
คนเรา ประกอบด้วย ร่างกายและกายละเอียด เมื่อเราตาย กายละเอียดของเรา ซึ่งประกอบด้วย เห็น จำ คิด รู้ แต่ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ จะล่องลอยไปตามภพภูมิต่างๆตามกรรมของเราที่ได้กระทำมาตอนเป็นมนุษย์<br />
<br />
หลังเราตาย มีทางไป สาม ทาง 1) ไปสุคติภูมิ 2) ไปทุคติภูมิ 3) ล่องลอยอยู่ในมนุษย์ภูมิ หรือมาเกิดเป็นคนเลย<br />
<br />
พวกที่ยังอยู่ในมนุษย์ภูมิ ก็มี สัมภเวสี พวกนี้รอเวลามาเกิดเป็นมนุษย์<br />
<br />
ภูมมเทวา เทวดาขั้นต่ำมี อยู่ทั่วไป ไม่จำเป็นต้องอยู่ตามบ้านเรือน<br />
<br />
รุกขเทวา อยู่บนต้นไม้<br />
<br />
อากาศเทวา อยู่ในอากาศ สูงกว่าบรรยากาศของโลก<br />
<br />
ภูมมเทวาเป็นพวกมีบุญเล็กน้อย ไม่พอขึ้นสวรรค์ และบาปก็ไม่มากพอที่จะตกนรก ชึ่งอาจจะเป็นพวกผีต่างๆก็ได้ (เข้าใจเอาเองค่ะข้อนี้)<br />
<br />
เคยอ่านเจอ ข่าวในหนังสือพิมพ์ ฉบับหนึ่งของอเมริกา จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ลงข่าวว่า องค์การนาซาใช้กล้อง ฮับเปิลเทเรสโค๊บ ถ่ายในอวกาศ พบสัมภเวสี หรือเขาเรียกว่า THE SPIRIT จำนวนมากล่องลอยในอวกาศ เต็มไปหมด มีรูปลงให้เห็นด้วย ตัวเล็กๆ ไม่ใส่เสื้อผ้า ลอยอยู่ในท่าต่างๆเป็นล้านๆ เคยถามผู้ที่ได้ธรรมะขั้นสูงว่า ท่านบอกว่า พวกนี้เป็นพวกไม่มีบาปไม่มีบุญมากพอที่จะไปนรกหรือสวรรค์ จึงลอยอยู่ รอเวลาที่จะได้มาเกิด ต้องรอเวลาจนกว่าจะถึงเวลา ไม่ใช่อยากมาเกิดได้ตามใจชอบ<br />
<br />
เคยเรียนถามผู้ที่มีอภิญญา ซึ่งสามารถ เห็น โอปปาติกะ หรือกายละเอียดได้ว่า ผีแต่ละชาติเหมือนกันไหม คำตอบก็คือ ถึงจะตายไปเป็นผี แต่ผีก็คือกายละเอียดที่มี เห็น จำ คิด รู้ เมื่อตายไปจิตใจเป็นแบบไหนก็เป็นแบบนั้น คนดีก็จำแต่สิ่งที่ดีๆ เป็นผีดี คนชั่วก็เป็นผีชั่ว ใจเคยชินแบบไหนก็เป็นแบบนั้น เคยแต่งกายแบบไหน เมื่อตายไปก็จะมีเครื่องแต่งกาย แบบนั้น หมายถึงถ้าไปเป็นเทวดาชั้นต่ำ ชั้นหนึ่งหรือสอง เทวดาชั้นสูงขึ้นไป ถึงจะเหมือนๆกัน เพราะอะไรก็ลืมถามท่านไป แต่ถ้าไปลงนรก เป็นเปรต อสุรกาย ก็จะไม่มีเครื่องแต่งกาย เปลือยกายล่อนจ้อน เป็นเรื่องละเอียดมาก ต้องมีอภิญญาจิตถึงจะไปรู้ไปเห็น<br />
<br />
ขณะนี้มีผู้ปฎิบัติธรรมเข้าถึงขั้น มีอภิญญาจิต 5 อย่าง (ทั้งหมดมี 6 อย่าง) มีเยอะพอควร ได้เจอมา ทั้งพระทั้งเณร ทั้งคนธรรมดา ซึ่งก็มีหลายคนมาก ท่านไม่ได้บอกเรา แต่เรารู้ ได้จากปฏิปทาและการกระทำบางอย่างที่ท่านเผลอ แสดงออกมา เรื่องนี้ต้องศึกษาเอง และเข้ามาสัมผัสเอง แล้วจะทึ่งว่าพระพุทธองค์ทรงรู้ทุกอย่าง และเอาความจริงมาสอนเรา รับรองว่าถ้าได้เข้ามาศึกษาแล้วจะติดใจอยากรู้อยากศึกษาต่อเอง<br />
<br />
เราอยู่ในทางโลก คิดแบบทางโลก เป็นวิทยาศาสตร์ แต่อย่าลืมว่าวิทยาศาสตร์ ยังตามหลังคำสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งทรงรู้จักแบคทีเรีย และอนันตจักรวาล ก่อนที่นักวิทยาศาสตร์จะรู้จักเสียอีก มียืนยันชัดเจนในพระไตรปิฎก<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By singvit:</span> สนใจวิธีการเริ่ม ฝึกสมาธิ ครับ เอาง่ายๆ ที่สุด ครับ สำหรับคนที่ยังต้องดูแลธุรกิจอยู่หลายอย่าง..บางทีนอนตาค้างทั้งคืน เพราะยังแก้ปัญหาของธุรกิจไม่ออก วนเวียน จนไม่สามารถหลับได้..ครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ภวังค์:</span> เอาวิธีที่ง่ายๆเลย เปิดไฟฟ้าให้สว่าง จุดเทียน(ใช้กะละมังใส่น้ำ ใช้ครกคว่ำกลางกะละมังปักเทียนบนตูดครก แค่นี้ก็แจ่มแล้วเทียนล้มก็จมน้ำ)แล้วเพ่งแสงไฟจากเทียนที่ติดไฟ เปิดวิทยุรายการที่ชอบ ตาดูแสงไฟจากเทียนหูฟังเสียง จิตเริ่มเป็นสมาธิ ตาเห็นแสงเทียนชัดเจนมากขึ้นแต่หูกลับไม่ได้ยินเสียง หรือหูได้ยินเสียงชัดเจนแต่ตากลับมองไม่เห็นแสงไฟจากเทียน<br />
<br />
เมื่อใดได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะที่เกิดจากการเพ่งมองแสงไฟจากเทียนนั่นคือการเข้าถึงหรือทำได้ อุคหนิมิต นี่คือสมาธิขั้นต้น เมื่อได้ยินเสียงเปรี๊ยะดังขึ้นที่กลางแสงเทียนเราจะรู้สึกว่ากลางแสงเทียนนั้นมีจุดสีขาวเล็กๆเกิดขึ้น ใช้ใจหรือจิตของเราบังคับหรือกำหนดให้ใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงได้ตามต้องการ<br />
<br />
ฝึกบังคับหรือกำหนดเช่นนี้ได้นานมากเท่าไรก็ยิ่งดี ทำได้ชำนาญทุกวันเป็นเวลานานมากขึ้นจากจุดสีขาวจะกลายเป็นนิมิตคือรูปหรือภาพที่เรามองเห็นเหมือนเราลืมตามองเห็นภาพเคลื่อนไหวทั่วไป ฝึกมากขึ้นนานขึ้นทุกวันจะสำเร็จอภิญญา เช่น ระลึกชาติได้ ได้ตาทิพย์หูทิพย์ เห็นการเกิดดับของสัตว์ รู้วาระจิตผู้อื่น...<br />
<br />
ความเพียรต้องถึง หมั่นทำความเพียร ไม่สำเร็จไม่หยุดกลางคัน เมื่อทำได้รู้ชัดเจนด้วยตัวเองจะเข้าใจคำสอนในพระพุทธศาสนาว่ามีอยู่จริงเป็นอยู่จริงตามคำสอนที่แสดงไว้ในพระไตรปิฎก...<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> วิธีฝึกสมาธิมีทั้งหมด 40 วิธี แบ่งเป็นกลุ่มๆ เช่น เพ่งกสิน เพ่งอสุภะ อนุสติ และอื่นๆ แต่ที่ทำอยู่ทุกวันนี้เป็น แบบการเพ็งกสิณแสงสว่าง ตามแนววิชชาธรรมกายที่ หลวงปู่สดวัดปากน้ำภาษีเจริญท่านได้ค้นพบกลับคืนมา หลังจากวิธีนี้ ได้สูญหายไป หลังพุทธปรินิพพาน<br />
<br />
วิธีการ ก็ทำง่ายๆ คือ นั่งขัดสมาธิ หรือจะนั่งพิง นั่งเก้าอี้ หย่อนขาก็ได้ตามแต่เราถนัด ปล่อยใจและกายให้สบาย อย่าเกร็งส่วนใดส่วนหนึ่ง นึกถึงอากาศยามเช้ามีหมอกบนยอดเขา เย็นสบาย ทำใจให้เย็นสบายจริงๆ ให้ใจเบาๆ ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าไปคิดถึงมัน ทำเหมือนมีเราคนเดียวในโลกนี้<br />
<br />
ค่อยๆเอาใจไปวางไว้ในท้อง ตรงกลางตรงกับสะดือ แล้วค่อยๆยกใจขึ้นสูงเหนือสะดือ 2 นิ้วมือ วางใจของเราเบาๆ สบายๆ ไม่ต้องกดลูกตาลงไปมอง จะปวดตาเปล่าๆ วางใจแหมะลงไปตรงศูนย์กลางกายเหนือสะดือเบาๆ อย่าแรง ทำใจหลวมๆ<br />
<br />
ไม่ต้องตั้งใจมาก นึกถึงก้อนน้ำแข็ง หรือเพชรใสๆ แล้วภาวนาในใจเบาๆ ว่า สัมมาอรหัง สัมมาอรหัง ไปเรื่อย ถ้าฟุ้งไปเรื่องอื่น ก็เอาใหม่ เผลอไปอีกก็ เริ่มใหม่อีก ภาวนาควบคู่กันไป อย่าไปอยากเห็น หรืออยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเครียด ปวดหัว ก็ลืมตาขึ้น ค่อยๆทำใหม่ ภาวนาและนึกถึงน้ำแข็งกลมๆใสๆสว่างๆ ไปเรื่อย เมื่อถึงจุดหนึ่งจะรู้ได้ด้วยตัวเอง ว่าประสบการณ์ภายในอะไรเกิดขึ้น<br />
<br />
ประสบการณ์ภายใน โดยวิธีนี้ระยะแรกจะเริ่มไม่เหมือนกัน หรือเหมือนกันก็ได้ แต่ในสุดท้ายแล้ว จะเหมือนกันทุกคน คือจะเห็นองค์พระธรรมกาย เป็นแก้วใสสว่าง ค่อยๆใหญ่ขึ้นตามภูมิธรรมที่ตัวเองได้บรรลุ ต้องทำเองแล้วถึงจะรู้ได้เอง<br />
<br />
ไม่ควรจะไปบอกว่าวิธีของตัวเองดี วิธีอื่นไม่ดีผิด พระพุทธองค์ ทรงยอมรับไว้ทั้งหมดถึง 40 วิธี วิธีการไหนก็เป็นเรื่องที่เขาจะทำ ไม่ใช่ว่าตัวเองฝึกวิธีนี้แล้ว คนอื่นผิดหมด โง่หมด ถ้าฝึกไม่เหมือนตนเอง<br />
<br />
ประโยชน์ของการฝึกสมาธิ<br />
<br />
1.ผลต่อตนเอง<br />
<br />
1.1 ด้านสุขภาพจิต<br />
<br />
- ส่งเสริมให้คุณภาพของใจดีขึ้น คือ ทำให้จิตใจ ผ่องใส สะอาด บริสุทธิ์ สงบ เยือกเย็น ปลอดโปร่ง โล่ง เบา สบาย มีความจำ และสติปัญญาดีขึ้น<br />
<br />
- ส่งเสริมสมรรถภาพทางใจ ทำให้คิดอะไรได้รวดเร็ว ถูกต้อง และเลือกคิดแต่ในสิ่งที่ดีเท่านั้น<br />
<br />
1.2 ด้านพัฒนาบุคลิกภาพ<br />
<br />
- จะเป็นผู้มีบุคลิกภาพดี กระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า มีความองอาจสง่าผ่าเผย มีผิวพรรณผ่องใส<br />
<br />
- มีความมั่นคงทางอารมณ์ หนักแน่น เยือกเย็นและเชื่อมมั่นในตนเอง<br />
<br />
- มีมนุษย์สัมพันธ์ดี วางตัวได้เหมาะสมกับกาลเทศะเป็นผู้มีเสน่ห์เพราะไม่มักโกรธ มีความเมตตากรุณาต่อบุคคลทั่วไป<br />
<br />
1.3 ด้านชีวิตประจำวัน<br />
<br />
- ช่วยให้คลายเครียด เป็นเครื่องเสริมเสริมประสิทธิภาพในการทำงานและการศึกษาเล่าเรียน<br />
<br />
- ช่วยเสริมให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเพราะร่างกายกับจิตใจย่อมมีอิทธิพลต่อกัน ถ้าจิตใจเข้มแข็ง ย่อมเป็นภูมิต้านทานโรคไปในตัว<br />
<br />
1.4 ด้านศีลธรรมจรรยา<br />
<br />
- ย่อมเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ เชื่อกฎแห่งกรรม สามารถ คุ้มครองตนได้พ้นจากความชั่วทั้งหลายได้ เป็นผู้มีความพระพฤติดี เนื่องจากจิตใจดี ทำให้ความพระพฤติทางกายและวาจาดีตามไปด้วย<br />
<br />
- ย่อมเป็นผู้มีความมักน้อย สันโดษ รักสงบและขันติเป็นเลิศ<br />
<br />
- ย่อมเป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ เห็นประโยชน์ ส่วนร่วมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ย่อมเป็นผู้มีสัมมาคารวะ และมีความอ่อนน้อมถ่อมตน<br />
<br />
2.ผลต่อครอบครัว<br />
<br />
2.1 ทำให้ครอบครัวมีความสงบสุข เพราะสมาชิกในครอบครัวเป็นประโยชน์ของการประพฤติธรรม ทุกคนมั่นอยู่ในศีล ปกครองกันด้วยธรรม เด็กเคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เมตตาเด็ก ทุกคนมีความรักใคร่สามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน<br />
<br />
2.2 ทำให้ครอบครัวมีความเจริญก้าวหน้า เพราะสมาชิกต่างก็ทำหน้าที่ของตนโดยไม่บกพร่อง เป็นผู้มีใจคอหนักแน่น เมื่อมีปัญหาครอบครัวหรือมีอุปสรรคอันใด ย่อมร่วมใจกันแก้ไขปัญหานั้นๆ ให้ลุล่วงไปได้<br />
<br />
3.ผลต่อสังคมและประเทศชาติ<br />
<br />
3.1 ทำให้สังคมสงบสุข ปราศจากปัญหาอาชญากรรม และปัญหาสังคมอื่นๆ เพราะปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นในสังคมไม่ว่าจะเป็นปัญหาหารฆ่า การข่มขืน โจรผู้ร้าย การทุจริตคอรัปชั่น ล้วนเกิดขึ้นมาจากคนที่ขาดคุณธรรม เป็นผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอ หวั่นไหว ต่ออำนาจสิ่งยั่วยวน หรือกิเลสได้ง่าย ผู้ที่ฝึกสมาธิย่อมมีจิตใจเข้มแข็ง มีคุณธรรมในใจสูง ถ้าแต่ละคนในสังคมจ่างฝึกฝนอบรมใจของตนให้หนักแน่น มั่นคง ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ส่งผลให้สังคมสงบสุขได้<br />
<br />
3.2 ทำให้เกิดความมีระเบียบวินัย และเกิดความประหยัด ผู้ที่ฝึกใจให้ดีงานด้วยการทำสมาธิอยู่เสมอ ย่อมเป็นผู้รักความมีระเบียบวินัย รักความสะอาด มีความเคารพกฎหมายของบ้านเมือง ดังนั้นบ้านเมืองเราก็จะสะอาดน่าอยู่ ไม่มีคนมักง่ายทิ้งขยะลงบนพื้นถนน จะข้ามถนน ก็เฉพาะตรงทางข้าม เป็นต้น เป็นเหตุให้ประเทศชาติไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณ เวลาและกำลังเจ้าหน้าที่ ที่ต้องใช้ไปในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากความไม่มีระเบียบวินัยของประชาชน<br />
<br />
3.3 ทำให้สังคมเจริญก้าวหน้า เมื่อสมาชิกในสังคมมีสุขภาพจิตดีรักความเจริญก้าวหน้า มีประสิทธิภาพ ในการทำงานสูง ย่อมส่งผลให้สังคมเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย และเมื่อมีกิจกรรมของส่วนร่วม สมาชิกในสังคมก็ย่อมพร้อมที่จะสละความสุขส่วนตัว ให้ความร่วมมือกับส่วนร่วมอย่างเต็มที่ แม้มีผู้ไม่ประสงค์ต่อสังคมมายุแหย่ให้เกิดความแตกแยก ก็จะไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะสมาชิกในสังคมเป็นผู้มีจิตใจหนักแน่น มีเหตุผล และเป็นผู้รักสงบ<br />
<br />
4.ผลต่อศาสนา<br />
<br />
4.1 ทำให้เข้าใจพระพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้อง และรู้ซึ้งถึงคุณค่าของพระพุทธศาสนา รวมทั้งรู้เห็นด้วยตัวเองว่าฝึกสมาธิไม่ใช่เรื่องเหลวไหลหากแต่เป็นวิธีเดียวที่ทำให้พ้นทุกข์เข้าสู้นิพพานได้<br />
<br />
4.2 ทำให้เกิดศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย พร้อมที่จะเป็นทนายแก้ต่างให้กันพระศาสนา อันจะเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ให้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง<br />
<br />
4.3 เป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรื่องตลอดไปเพราะตราบใดที่พุทธศาสนิกชน ยังตั้งใจปฏิบัติธรรม เจริญถาวนาอยู่ พระพุทธศาสนาก็จะเจริญรุ่งเรืองอยู่ตราบนั้น<br />
<br />
4.4 จะเป็นกำลังส่งเสริมทะนุบำรุงศาสนา เพราะเมื่อเข้าใจซาบซึ้งถึงประโยชน์ของการปฏิบัติธรรมด้วยตนเองแล้ว ย่อมจะชักชวนผู้อื่นให้ทำทานรักษาศีล และเจริญภาวนาไปด้วย<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By mingming:</span> ถามคุณหมอนะคะ ถ้าเราฝันแล้ววันต่อมามีเหตุการณ์ใกล้เคียงกับความฝันมากอย่างนี้เรียกว่าสัญชาตญาณหรือเปล่าคะ<br />
<br />
อีกเรื่องหนึ่งนะคะ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว กลับบ้านตอนเย็นต้องผ่านวัดพอเลยวัดมาได้สักครู่ได้กลิ่นธูปและน้ำอบไทยอย่างแรงในรถไม่ทราบว่ามาจากไหน ขับมาเรื่อยๆได้สักพักก็ถึงสี่แยกเลยสี่แยกไปประมาณ 2 ป้ายรถเมล์กลิ่นก็หายตรงป้ายรถฯ พอดี ... (สงสัยจะมาต่อรถเมล์) เรื่องจริงนะคะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ความฝันเกิดจาก (ตอบโดยยึดหลักพระไตรปิฎก อาจไม่ครบถ้วน แต่ก็เอาที่จำเป็น)<br />
<br />
1) เทวดามาเข้าฝัน บอกเหตุล่วงหน้า ซึ่งมักจะเป็นความจริง หรือใกล้เคียง ที่ถามมาน่าจะเป็นข้อนี้<br />
<br />
2) กายละเอียดเราออกจากตัว ไปรู้ไปเห็นเอง เช่น ฝันว่าเคยไปสถานที่แห่งหนึ่งในฝัน ต่อมาได้ไปที่ตรงนั้นจริงๆ แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยฝันเห็นก่อน<br />
<br />
3) ธาตุวิปริต ฝันเป็นตุเป็นตะ จากใจคิดไปเอง ร่างกายแปรปรวน พวกนี้มักไม่จริง<br />
<br />
กลิ่นหอมหรือเหม็นที่เราได้กลิ่น เคยถามผู้รู้ว่าเกิดจากอะไร ท่านตอบว่า ถ้าเป็นกลิ่นหอม มักจะเกิดจากโอปปาติกะ หรือกายละเอียด ที่มีบุญทำให้เกิด ถ้าเหม็นก็เป็นพวกไม่มีบุญ พวกนี้เขาจะมีฤทธิ์ บางกายละเอียด ก็ปรากฏกายให้เห็น แต่เป็นอยู่ได้ชั่วขณะ หรือทำให้เกิดเสียง เกิดกลิ่น แต่ทำให้เป็นตัวไม่ได้ กายละเอียดที่อยู่บนโลก เป็นพวกมีบุญแต่ไม่พอขึ้นสวรรค์ หรือมีบาป แต่ก็ไม่มากพอจะไปนรก ถ้ามีใครตาย ตอนถอดจิตใหม่ๆ ถ้าได้กลิ่นหอม แสดงว่าได้ไปดี อาจมีเทวดามารับ แต่ถ้าได้กลิ่นเหม็นไปไม่ดี มียมพบาลมารับ<br />
<br />
เมื่อไม่นานมานี้ไปงานศพเพื่อนที่ตายด้วยโรคมะเร็ง ก็นั่งได้กลิ่นหอมของธูปหอมที่แปลกมาก หอมหวานชื่นใจ ไม่ใช่กลิ่นธูปธรรมดา หอมนานจนกลับ พอบอกไปลาศพว่าจะกลับละนะ กลิ่นนั้นหายไปเลย ถามใครก็ไม่มีใครได้กลิ่นนี้ ไม่มีสักคน เราก็นึกในใจ รู้แล้วว่าเขาไปดีeye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7442715358333733305.post-15910836575927110422012-01-05T17:06:00.024+07:002012-02-21T20:21:06.120+07:0083 คนไข้คนแรกของหมอใหม่หมาดๆ By: kimeng suk<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2011/09/4-19.html" target="_blank">4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2533.blogspot.com/2011/12/10-1972-8000.html" target="_blank">เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2011/12/52.html" target="_blank">52... นี่จึงเป็นนายกรัฐมนตรีที่ผมอยากได้ครับ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://red-ratkrabang.blogspot.com/2012/01/70.html" target="_blank">นายกฯที่ฝ่ายต่อต้านกล่าวหาว่าโง่ในสายตาผม</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://resist12.blogspot.com/2012/01/53.html" target="_blank">"นายกฯปู"เอาใจคนเมืองคอน ใจป้ำ อนุมัติสร้างทางเชื่อมสะพานทันที 53 ล้าน หลังรัฐบาล"มาร์ค"ไม่ดูแล</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/53.html" target="_blank">53... ผมคงต้องยอมรับเสียที ผมนี่แหละครับ รับจ้างโพสท์</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://redbkk.blogspot.com/2012/01/76-114.html" target="_blank">หนี้ 1.14 ล้านล้าน เอกลักษณ์ ประชาธิปัตย์ หงุดหงิด แต่ไม่แก้</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.284528548227841.86799.100000120933242&type=1&l=2d6ae7cd96" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.328000970547265.96442.100000120933242&type=1&l=5a9719e527" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334802079867154.97244.100000120933242&type=1&l=81eb6dc1ab" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368199826527379.103888.100000120933242&type=3&l=a074f4a6ce" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.368195803194448.103887.100000120933242&type=3&l=088d56706f" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.370653919615303.104341.100000120933242&type=3&l=46c1cbdcc2" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.390402360973792.107596.100000120933242&type=3&l=399f30c380" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sujin-labour1.blogspot.com/2012/01/54.html" target="_blank">54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://read2532.blogspot.com/2011/12/81.html" target="_blank">81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.334799796534049.97243.100000120933242&type=1&l=ecaf63ec52" target="_blank">ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย</a><br />
<font color="#0000FF">@</font> <a href="http://sites.google.com/site/zone1kongthun/nihlwng-sedc-xxk-mha-smakhm-n-mukh-dec-phrathinang-cakri-mha-prasath-ni-phrabrm-mharach-wang" target="_blank">ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554</a><br />
<br />
<font size=2 color=#0000ff><b>คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น</b></font> <font color="#0000FF">@</font> <a href="http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336611403019555.97439.100000120933242&type=1&l=b8264ea02c" target="_blank">โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...</a><br />
<center><a href="http://upic.me/i/kd/u2011-12-11_902.jpg" target="_blank"><img src="http://upic.me/i/x1/u2011-12-11_515.jpg" /></a></center><br />
<br />
ขอขอบคุณและขออนุญาตคุณ kimeng suk นำข้อเขียนของท่านมาลงไว้เว็บนี้นะครับ<br />
<center><img src=" http://upic.me/i/qr/qas01.jpg "></center><br />
<center><img src="http://upic.me/i/9c/doctor222.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>คนไข้คนแรกของหมอใหม่หมาดๆ</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
<font color="#0000FF">ตอนที่1</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/82-by-kimeng-suk.html">"ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่3</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/84-by-kimeng-suk.html">"ผีหลอกหมอ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่4</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/85-by-kimeng-suk.html">"อะไรทำให้ รวยและ รวย จากคนจนสุดๆกลายเป็นเศรษฐีใหญ่"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่5</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/01/86-by-kimeng-suk.html">"ถูกพ่อดูถูกถึงได้เป็นหมอ"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่6</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/87.html">"ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมเป็นหมอทำแท้ง"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่7</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/88.html">"ทำไมถึงจนอย่างนี้"</a><br />
<font color="#0000FF">ตอนที่8</font> <a href="http://eye009.blogspot.com/2012/02/89.html">"อีแปะมันหด-อัศจรรย์ปาฏิหาริย์-โด่ไม่รู้ล้ม"</a><br />
<br />
ตอนนี้พอมีเวลาและอารมณ์จะเขียน ก็เลยมีกระทู้บ่อยหน่อย ถ้าหมดอารมณ์ก็เขียนไม่ออก มันตื้อนะ คงหยุดเขียน<br />
<br />
วันนี้จะเล่าเรื่อง การผจญภัย ในการออกตรวจเป็นหมอเต็มตัววันแรก ยาวหน่อยนะแต่สนุก ไม่เคยมีหมอคนไหนเอามาเล่าให้ฟังหรอก เขาอายกันนะ<br />
<br />
พอเรียนจบต้องเป็นแพทย์ฝึกหัด ก็ต้องย้ายโรงพยาบาล และออกตรวจคนไข้ในวันรุ่งขึ้นคนเดียว ฉายเดี่ยว ซึ่งปรกติต้องมีอาจารย์หรือรุ่นพี่คอยประกบด้วย คราวนี้ไม่มีใครให้เราปรึกษา ตัวคนเดียวแท้ๆ ช่างน่าสงสารจริงๆ หมอเด็กๆ อายุเพิ่ง 23 เอง<br />
<br />
วันนั้นตอนเย็นออกตรวจ ครั้งแรก เต๊ะท่าเป็นหมอเต็มที่ ใส่เสื้อกาวน์ เอาหูฟังของหมอแขวนคอ เดินกระดุกกระดิก จังหวะสโลว์โมชั่น ทำหน้าขรึมๆ ยืดอกเดินหน้าตั้ง ไปที่ห้องตรวจ OPD นึกในใจว่า เราเป็นหมอเต็มที่ละนะ ต้องมีมาดให้ดีๆหน่อย ยิ้มมากหรือหัวเราะดังๆแบบที่เคยทำไม่ได้ ต้องอมยิ้มน้อยๆ ผงกหัวทำเป็นเข้าใจ และสนใจคนไข้เต็มที่<br />
<br />
พอเปิดประตูห้องตรวจเข้าไป โอโห้ คนไข้เต็มห้อง เสียงเด็กร้องบรรเลงเพลงคลาสสิกของเด็ก ไม่รู้มีกี่โทนเสียง ไอ้เราก็นึกว่า นี่เราต้องตรวจคนเดียวหมดนี่เลยหรือ ตายละหวา<br />
<br />
รายแรกที่เจอ คือเด็กอายุ ไม่ถึงเดือน นอนชักกระตุกแหงกๆ คิดดูซิเด็กตัวเล็กๆเหมือนลูกแมว แขนขากระตุกไม่หยุด ตัวก็กระตุก ร้องเสียงแหงวๆค่อยๆ ไม่บรรเลงแหกปากแข่งกับข้างนอก มันช่างน่าสงสาร พอเอามือไปแตะไอ้ลูกแมวตัวเล็กก็ยิ่งกระตุกใหญ่ โฮย น่ากลัวจริงวะ หมอใหม่หมาดๆ ยืนงง นึกในใจว่าโรคอะไรหวา มันเป็นอะหยังนี่ ต้องทบทวนๆๆๆๆคิดๆๆก่อน โรคเด็กก็เรียนเวียนผ่านมาเกือบปีแล้ว ชักลืมๆ เอามือเกาหัวแกร็กๆ ลืมมาดคุณหมอไปหมด<br />
<br />
พยาบาลรุ่นเดอะ เขาเห็นหมอใหม่ถอดด้ามยืนมอง ทำหน้างงๆเกาหัวแกร็กๆ เขาคงสงสาร และคงจะรู้ด้วยว่า หมอนี่ไม่รู้เรื่องแน่ๆ เขาก็ตะโกนดังๆแบบไม่ไว้หน้าหมอใหม่ ว่า หมอๆ บาดทะยักไง ไอ้เราก็หน้าแตก แต่ทำเป็นบอกเขาว่า รู้แล้วค่ะ กำลังคิดอยู่ว่าจะเอาอย่างไรดี (เคยเห็นแบบนี้ครั้งหนึ่งนานแล้ว แต่ตอนนี้ตื่นเต้นคิดไม่ออก)<br />
<br />
พยาบาลเขาก็ดีจริงๆ หักหน้าหมอใหม่ต่อว่า หมอๆรีบรับไว้ในโรงพยาบาลเลย เดี๋ยวมันชักตาย หมอใหม่ก็เลยบอกว่า เอาก็เอา ทำตามนั่นเลยพี่ แล้วก็ถอนใจโล่งอก นับว่าทำได้ไม่เลวนะเรานี่<br />
<br />
รายต่อมาคนไข้เด็กท้องเสีย พอตรวจเสร็จจะสั่งยาให้คนไข้ ดันลืมชื่อยาทางการค้า รู้แต่ชื่อยาทางเคมี นั่งจิ้มแห้งใบสั่งยาอยู่ตั้งนาน เอาไงดีวะเรา จะถามตรงๆก็กลัวเสียเชิง เลยถามว่า ยาแก้ท้องเสียที่นี่มีอะไรบ้าง ไม่รู้ว่าจะเหมือนกับที่โรงพยาบาลที่เรียนมาหรือเปล่า พยาบาลเขาก็ยิ้มๆ แล้วบอกชื่อยามาให้หลายตัว เราเลยรอดตัวได้ เขียนชื่อยาได้ แต่ดันลืมขนาดยาที่จะให้อีก แต่ใช้วิธีเดาๆเอาว่า เด็กขนาดนี้มันก็ควรจะเป็นช้อนชาไม่ใช่ช้อนโต๊ะ วันละสามครั้ง ตามหลักการให้ยาทั่วๆไป และก็เดาถูกด้วย รอดไปอีกที โล่งอกๆๆๆๆๆ เฮ้อ ต้องหายใจแร็งๆๆเอาอ๊อกซิเจนเยอะๆมาให้สมองใช้ เพราะศึกหนักรออยู่เต็มห้อง<br />
<br />
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เป็นหมอนะอย่าไปดูถูกพยาบาล เห็นว่าเขาเรียนน้อย โง่กว่าเรา เขามีประสบการณ์เห็นคนไข้มากกว่าเรา บางอย่างเขาทำได้ดีกว่าหมอเสียอีก ต้องเคารพให้เกียรติเขา และเขานั่นแหละจะมาช่วยเราด้วยความเต็มใจ<br />
<br />
หมอบางคนโดยเฉพาะหมอจบใหม่ๆ ชอบดูถูกพยาบาล บางคนด่าเขา ไม่พอใจก็ตวาด หน้าหงิกหน้างอ ดีนะที่เป็นพยาบาล ถ้าเป็นเราโดนแบบพยาบาลโดนบ้าง มีหวังหมอคนนั้นโดนถีบกลับทันที<br />
<br />
หมอใหม่มักจะทำอะไรเชยๆบ่อยๆ วันหลังจะมาเล่าให้ฟัง มีทั้งเรื่องตลก เรื่องเศร้า สารพัด เคยเจอแม้กระทั่งถูกคนบ้าไล่ตี ทำให้มีสถิติที่วิ่งเร็วที่สุดในชีวิต ถ้าอยากฟังโปรดให้กำลังใจค่ะ เป็นคนบ้ายอนะค่ะ แต่ไม่ใช่โรคบ้าจริงๆ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By เคาวันสน:</span> 555 หนุกดีครับบ...ไม่ว่าอาชีพอะไรต้องรักษาฟอร์มเหมือนกันหมดนะครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By หลวงพี่เตี้ย:</span> เวรกรรม คุณหมอเขียนอย่างนี้ ผมไม่กล้าให้หมอหนุ่มๆตรวจแล้ว ประเภทเดาๆเอา มันน่ากลัวนะหมอ 55555<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By แดงสารคาม:</span> เก่งครับที่เอาตัวรอดได้ ประสบการณ์ครั้งแรกหลายคนก็พลาด แบบนี้ถือว่าเยี่ยมครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By doctorve:</span> สงสัยจะตื่นเต้น จนลืม ซักประวัติ มั้งครับ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> case แรก ไปถึงเห็นเด็กชักตระแหงก ชักมาก น่ากลัว ก็ตกใจ ลืมหมด จริงๆก่อนปล่อยเดี่ยว เราก็ได้รับการฝึกตรวจคนไข้มาก่อนจากปี 3-6 ต้องซักประวัติ ตรวจร่างกายคนไข้ แล้วถึงจะวินิจฉัยโรค สั่งยา รู้ตัวเองดีว่าขี้ตื่น ถึงไม่ยอมเป็นหมอผ่าตัด หมอสูติ ไปเรียนหมอเด็กแทนเรียนอยู่ สามปี ได้รับวุฒิบัตรผู้ชำนาญโรคทางกุมารเวช เพราะถ้าเป็นหมอผ่าตัด เห็นคนไข้เลือดพุ่งกระฉูด ลนลานแน่ๆ ทำอะไรไม่ถูกคนไข้ตายแหง่ๆ ไม่เหมือนสามี รายนั้นหมอสูติ ผ่าคนไข้ เลือดพุ่งน่ากลัวมากๆ ยังใจเย็น ร้องเพลงได้ ทำไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นเรา เต้นตายเลย เผลอๆหัวใจเราเองหยุดเต้น ตายก่อนคนไข้ซะอีก<br />
<br />
แต่พออายุมากเข้า มีประสบการณ์มากขึ้นๆ ก็ปรับตัวได้ เดี๋ยวนี้ มีอุเบกขา อะไรๆก็รู้จักเฉยได้มาก แต่อย่าให้หลุดนะ ถ้าหลุดเป็นได้เรื่อง ปีนขึ้นไปเต้นบนยอดไม้ ไม่ยอมลงง่ายๆ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ลิงจุ่น:</span> ตอนทำงานบริษัท มีหมอนั่งในห้องปิด หน้าห้องเป็นพื้นที่เปิดมีพยาบาลอยู่ 3 คน เวลาพนักงานมีปัญหาเจ็บไข้ได้ป่วยก็จอดที่พยาบาลเกือบทุกราย หมอนั่งง่วงได้แต่นั่งอ่านหนังสืออ่านตำราไปทั้งวัน หลายครั้งที่พยาบาลจ่ายยาฉับๆๆ ให้พนักงาน แต่ถ้าไปหาหมอบางครั้งก็เปิดตำราสั่งยา (อันนี้ไม่ว่ากันดีกว่ามั่วมา)<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By mai06:</span> สงสารคุณหมอจังค่ะ แต่กรณีคนไข้เลือดพุ่งกระฉูด มันดูน่ากลัวไปมั้ยคะ และผ่าตัดมีเลือดพุ่งอีก การเรียนขั้นต้นๆของแพทย์และพยาบาล จะต้องมีการปฐมพยาบาลขั้นต้นเป็น มีการ Stop bleeding เป็นนะคะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ผ่าเจอเส้นเลือดใหญ่ๆ มันพุ่งเป็นน้ำพุเลยค่ะ stop ไม่ทันง่ายหรอกค่ะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By สีหมอก:</span> เป็นกำลังใจให้ครับคุณหมอเจ้าของกระทู้ ใหม่ๆก็อย่างนี้แหละต้องอดทนที่จะเรียนรู้และพลาดให้น้อยที่สุด เพราะวิชาแพทย์หากพลาดอาจทำให้ชาวบ้านถึงตายได้ และขออย่ามีอีโก้สูงเกินไป<br />
<br />
เท่าที่สัมผัสกับหมอส่วนใหญ่อีโก้สูงมากไม่ยอมฟังใครและยังดูถูกคนอื่นอีก ขอให้คุณหมอคนใหม่จงอย่าใช้อีโก้ในทางที่ผิด ขอให้คุณหมอรู้ว่าไม่มีใครเก่งไปเสียทุกเรื่อง เมื่อไม่รู้จงถาม เมื่อไม่เข้าใจจงซักให้ละเอียด อย่าทำแบบหมอส่วนใหญ่เลยครับ ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าพลาดไม่เพียงจะทำให้คนบาดเจ็บหรือตาย แต่อาจทำให้คุณหมอเองอาจถูกดำเนินทั้งคดีแพ่งและอาญาได้ครับ<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/gp/cattt.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>หมอชอบฆ่าแมว แล้วก็ตายเหมือนแมว</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
ขอส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่ ด้วยความสุข ให้ทุกท่านใจสบาย คิดสิ่งใดก็ให้สมหวังดังใจนะค่ะ<br />
<br />
วันนี้จะมาเล่าเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในคนที่เป็นหมอ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว เรื่องจริงซะด้วย จริงยิ่งกว่าจริง น่าสนใจว่า คนที่เป็นหมอ ทำได้อย่างไร คงจะเป็นหมอคนเดียวในโลกที่ทำเช่นนี้<br />
<br />
มีหมอคนหนึ่ง สูงหล่อ สมาร์ทมากๆ สาวๆเกรียวกราว ตาหวานเยิ้มเลยละ เมื่อได้คุยกับหมอคนนี้ เขา เรียนจบจนได้วุฒิบัตรขั้นสูงของทางการแพทย์ รวยมาก พ่อมีร้านทองตั้งหลายร้าน ขับรถเบ็นซ์สปอร์ต แต่หมอคนนี้มีนิสัยประหลาด คือไม่ชอบแมว อย่างเข้าไส้ ไม่ใช่ไม่ชอบแบบธรรมดานะ แม้แต่คนที่ชื่อแมวยังไม่ชอบ เชื่อไหม พยาบาลที่ชื่อแมว เดินตามดูคนไข้ ยังโดนเล่นงาน ไม่ด่า ก็ตวาด ร้ายสุดก็เอา chart ฟาด (แฮ่ แฮ่ ถ้ามาฟาดเรา เป็นได้โดนถีบกลับทันที แบบ ส.ส ดอนเมือง โดนถีบไง) จนเป็นที่รู้กันว่า คนชื่อแมวอย่าเข้าใกล้หมอคนนี้เด็ดขาด เพราะหมอคนนี้ดุกว่าหมา<br />
<br />
เวลาเห็นแมว หมอจะวิ่งไล่ตามให้ทัน แล้วกระทืบๆๆจนเละคาตีน วิ่งไล่แมวในโรงพยาบาลบ่อยๆ ช่างไม่มีมาดคุณหมอเลยนะนี่ ไม่รู้เป็นโรค ปสด หรือเปล่า(ประสาทแดก)<br />
<br />
วีรกรรมที่เด็ดที่สุดดังสนั่นไปทั้งโรงพยาบาลคืออะไรรู้ไหม เขา เอาลูกแมวแรกเกิด ตัวเล็กกระจิ๋วหลิว ตายังไม่ลืมเลย ใส่ลงชักโครก แล้วชักโครกให้น้ำพาลูกแมวลงท่อ (ลงท่อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้) บางครั้งก็โยนแมวหรือลูกแมวลงจากหอพักแพทย์ชั้นสี่ แล้วแมวมันจะไปเหลืออะไร เละเป็นโจ๊ก นี่ถ้าเขาไม่กลัวคนเขาว่าเป็นคนตะกละ เขาก็คงเอาแมวที่โยนลงมาจากตึก ไปย่างกิน จิ้มน้ำจิ้มแบบไก่ย่าง แซบอีหลีเด้อ<br />
<br />
แต่ที่ร้ายที่สุดและชอบทำบ่อยๆ ก็คือ เอาแมวใส่ถุงพลาสติก รัดหนังสติ๊กให้แน่น โยนลงสระน้ำหน้าหอพักแพทย์เวลากลางคืน มันลอยตุบป่องๆ เช้ามาก็เรียบร้อย แมวตายทุกราย เพราะขาดอากาศหายใจ หมอเขาคงจะร้อง ฮ้า ฮ้า สะใจจริงวุ้ย มันตายแล้วๆๆๆๆๆ<br />
<br />
มีคนไปสอบถามดูว่าเพราะอะไรถึงได้เกลียดแมวขนาดนี้ เขาบอกว่า แมวที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ไปกัดย่าของเขา จนย่าตายเพราะโรคพิษสุนัขบ้า เขารักย่ามาก จึงแค้นใจสุดๆ อาฆาตแมวมาตลอด ถ้าเห็นแล้วไม่ได้ฆ่า มันไม่สบายใจ ต้องจัดการๆ แล้วถึงจะนอนหลับ<br />
<br />
พยาบาลหลายคนไปเตือนหมอคนนี้ว่า การฆ่าแมว เป็นบาป เพราะแมวนี่ คนโบราณถือว่ามีเก้าชีวิต ฆ่าแมวเหมือนฆ่าเณร เขาบอกว่า ใครจะมาทำอะไรผมได้ ใครจะกล้า ผมไม่กลัว บาปเบิบอะไร ผมไม่เชื่อถือทั้งนั้น<br />
<br />
แหละแล้วเมื่อวันเวลามาถึง ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ แต่บาปกรรมที่ทำไว้ก็ไม่มีละเว้น ใครทำกรรมใดไว้ก็ต้องได้รับผลเช่นนั้น ตอบกลับ ไม่ช้าก็เร็ว แต่รายนี้เห็นกันในชาตินี้เลย<br />
<br />
หมอคนนี้แต่งงานกับเภสัชกรคนหนึ่ง พวกโรงพยาบาล หมอพยาบาลก็แห่กันไปแต่งงานที่ต่างจังหวัดบ้านของหมอคนนี้กัน เหมารถทัวร์ไปกันเลยแหละ หลังจากนั้นหมอกับเมียก็ไปฮันนี่มูนที่ฮ่องกง โดยขับรถสปอร์ตสีแดงราคาแสนแพงจากที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดที่ทำงาน ไปจอดไว้ที่ดอนเมือง ขากลับมาก็ขับรถมาสองคน<br />
<br />
ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ในตอนกลางคืน รถที่ขับมาเกิดตกลงไปในคูน้ำข้างทาง ไม่มีคนรู้เห็นซักคน ตอนเช้ามีคนเห็นหลังคารถโผล่พ้นน้ำ จึงไปช่วยกันเอารถขึ้นมา ปรากฏว่า ทั้งหมอทั้งเมีย นั่งคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เรียบร้อย ปากเผยออ้าแบบคนขาดอากาศหายใจ ตายสนิท ไม่มีร่องรอยของการดิ้นรนเอาชีวิตรอดเลยแม้แต่น้อย ซึ่งน่าสงสัยมาก ทำไม๊ ทำไม ตายง่ายๆ ไม่ช่วยตัวเองเลย เหมือนตกลงไปก็ตายเลย<br />
<br />
เห็นไหม เอาแมวใส่ถุงโยนน้ำ จนแมวขาดอากาศหายใจ ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เมื่อเวลากรรมตามทัน ตัวเองก็ตายเหมือนแมวเดี๊ยะเลย ส่วนเมียก็คงมีกรรมคล้ายๆกันมา จึงมาตายพร้อมๆกัน<br />
<br />
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า กรรมชั่วมีจริง ทำกรรมอะไรก็จะได้ผลกรรมนั้นตอบแทน ช้าหรือเร็วเท่านั้น อย่าไปทะนงคิดว่าใครจะมาทำอะไรตัวเองไม่ได้เหมือนหมอคนนี้ เราคิดเอาเองเออเองนะคิดได้ แต่เรื่องจริงมันไม่ใช่อย่างที่เราคิด พระพุทธองค์ ทรงเน้นย้ำเรื่องกฎของกรรมเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ทำกรรมดีก็ต้องได้ดี ทำกรรมชั่วก็ต้องได้ชั่ว<br />
<br />
แต่คนสมัยนี้ก็ไม่ค่อยเชื่อ กูเก่ง กูรู้มาก กูเรียนมาสูง กูรู้ไปหมดแล้ว ไม่ต้องมาสอน ขอถามซักคำว่า มีเรามีอะไรดีกว่าพระพุทธเจ้า ผู้เป็นผู้ที่ตื่น ผู้รู้และผู้ที่มีใจบริสุทธิ์หมดกิเลสแล้ว เรามันก็ไอ้มนุษย์ขี้เหม็นคนหนึ่งเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อคำสอนของพระองค์แล้วจะเชื่อใคร เชื่อตัวเองนิ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By sri123:</span> ไม่ได้สงสัยในเรื่องความดีและชั่วนะคะ เชื่อว่า ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว เป็นสัจธรรม คือความจริงที่สมบูรณ์ ถึงเวลาก็ต้องตาย ยิ่งเมื่อประมาท ก็ถึงกับตายได้ทุกเวลาค่ะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ไม่ได้บอกว่าตายเพราะฆ่าแมวนะค่ะ บอกว่าตายเหมือนที่แมวตาย คือขาดอากาศหายใจเหมือนกับที่ทำกับแมวไว้ อาจจะตายจากกรรมนี้หรือกรรมอื่นๆมาส่งผลรวมๆกันก็ได้<br />
<br />
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจเรื่องของกรรมก่อนว่า อานิสงส์หรือความรุนแรงของกรรมที่ทำจะส่งผลไม่เท่ากัน แม้จะเป็นการกระทำแบบเดียวกัน เช่นฆ่าแมว หมอคนนี้เจตนาฆ่าแบบอาฆาตมาดร้ายชัดเจน และฆ่าหลายครั้ง เนื่องจากอานิสงส์ของกรรมขึ้นอยู่กับใจและเจตนาที่ทำ ซึ่งแบบนี้จะรุนแรงมากมาก และจะสะสมขึ้นตามจำนวนครั้งของกรรมที่ได้กระทำ<br />
<br />
ส่วนอีกคนถ้าฆ่าแมวเหมือนกัน ถ้าใจและเจตนาเท่ากัน จำนวนครั้งเท่ากันก็จะได้ความรุนแรงเท่ากัน แต่การส่งผลของกรรมไม่ได้เป็นบัญญัติไตรยางศ์เช่นนั้น มันขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกอันหนึ่งนั้นคือ คนๆนั้นๆได้ทำความดี ทำบุญกุศล คือมีบุญอยู่ในตัวด้วยไหม ถ้าไม่มีบุญมีแต่บาปพอๆกับหมอคนนี้ กรรมนั้นก็จะส่งผลรุนแรงคล้ายๆกัน อาจจะเห็นในชาตินี้เหมือนกันเลย<br />
<br />
แต่ถ้าเขาทำความดีทำบุญมากกว่า บุญที่เขามีอยู่ก็จะพาเขาวิ่งหนีบาป ถ้ามีบุญมากกว่าบาป กรรมชั่วก็จะส่งผลไม่ได้ทันเห็นในชาตินี้ แต่จะส่งผลแน่ๆอาจจะหลังจากตายแล้ว ไปลงนรก หรือส่งผลเมื่อไหร่ ชาติไหนก็บอกไม่ได้ ซึ่งต้องเป็นหลังจากเมื่อบุญของเขาน้อยลง คือทำความดีทำบุญน้อยลง จนน้อยกว่าผลบาปที่รอจะส่งผลอยู่<br />
<br />
ซึ่งเรื่องนี้พระพุทธองค์ทรงยืนยันไว้ชัดเจนในพระไตรปิฎก การทำความชั่วแบบไหน แล้วจะตายแบบนั้น มันไม่แน่นอนว่าจะต้องตายแบบนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยของบุญด้วย แต่ในพระไตรปิฎกพระพุทธองค์ ทรงกล่าวว่า ฆ่าวัวหนึ่งตัวต้องไปตกนรกจนหมดกรรมนั้นก่อน แล้วมาเกิดเป็นวัวให้เขาฆ่าเท่ากับขนวัว จะฆ่าแบบไหนก็แล้วแต่ <br />
<br />
คนทำกรรมชั่วแล้วไม่ได้รับผลของกรรมชั่วในชาตินี้ ก็เพราะว่า ชาตินี้เขายังมีบุญที่เขาได้กระทำมาในชาติก่อน หรือบุญที่ทำในชาตินี้ร่วมด้วย บุญยังส่งผลอยู่ เปรียบเหมือนเขามีกำแพงบุญล้อมเขาไว้ ทำให้บาปหรือกรรมชั่วไม่สามารถเจาะเข้าไปส่งผลได้ แต่เมื่อหมดบุญ กำแพงบุญทลายลง ผลบาปก็จะเล่นงานทันที ตามความรุนแรงของกรรมนั้นๆ <br />
<br />
คนเราทำดีหรือชั่วต้องได้รับผลตามนั้น ไม่มีหลีกเว้นได้ ไม่เห็นในชาตินี้ก็อาจจะได้รู้เห็นเมื่อตายไปแล้ว เราเป็นมนุษย์อาจจะบอกว่า ไม่มีชาติหน้า ไม่มีนรกสวรรค์ เรื่องหลอกเด็ก แต่ขอประทานโทษ นี่เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงยืนยันไว้อย่างให้ความสำคัญเลยว่า มีการเวียนว่ายตายเกิด มีชาตินี้ มีชาติหน้า มีนรก มีสวรรค์ ทรงกล่าวไว้ว่า สวรรค์ มี 6 ชั้น รูปพรหม 16 ชั้น อรูปพรหม 4 ชั้น นรกมี 457 ขุม เรามนุษย์ธรรมดาไม่สามารถไปรู้เห็นได้ แต่ถ้าเรานับถือศาสนาพุทธ เราต้องเชื่อในสิ่งที่พระองค์ทรงสอนไว้ เพราะทรงเป็นผู้ที่รู้ทุกอย่างของความเป็นจริงของชีวิต แบบ รู้แจ้ง รู้จริง ไม่มีอะไรมาปิดบังพระองค์ได้<br />
<br />
เรื่องหมอคนนี้เป็นเรื่องจริง ขอยืนยันเพราะไม่รู้จะมาโกหกเอาอะไรกัน คนเรามันไม่เหมือนกัน จิตใจคนก็ไม่เหมือนกัน ฆ่าแมวทำไมจะทำไม่ได้ ทีฆ่าคนตั้งมากมายยังทำได้เลย ฆ่าคนไม่ร้ายกว่าหรือ ยิงเอายิงเอาคนเหมือนกันแท้ๆ ส่องยิงหัวเหมือนหมา บางคนร้ายกว่านี้ฆ่าเด็กที่น่ารักไม่รู้อีโหน่อีเหน่ยังทำได้ หมอคนนี้เกลียดแมวแบบต้องฆ่าถึงจะสะใจ แต่ถ้าเป็นคุณก็อาจจะแค่เตะมันกระเด็นไปเท่านั้น ใจมันต่างกันค่ะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By ลิงจุ่น:</span> ข้อสงสัยเรื่องหมอใจยักษ์คนนั้น...เภสัชกรที่เป็นภรรยามองเห็นความดีของหมอใจยักษ์อย่างไร ปกติคนที่มีจิตใจหยาบกระด้างเช่นนี้จะไม่มีความน่ารักสักนิด แล้วทำไมถึงไปรัก...หรือว่ารวย ??<br />
<br />
...ถ้าบังเอิญเราดวงซวยไปเป็นคนไข้เขา ไม่รู้ก็แล้วไป ถ้ารู้คงหนาวขรี้ว่ามานจะฆ่าตูอ๊ะป่าว หรือเขาเคยฆ่าคนโดยไม่มีความผิดมาแล้ว และคนไม่รู้<br />
<br />
อ่านเรื่องหมอใจยักษ์คนนี้ พาลเลยไปนึกถึงฆาตกรบางคนที่มีเกียรติยศสูงศักดิ์ในสังคม ฆ่าคนมาตลอดชีวิต เขาจะจบชีวิตอย่างที่ทำไว้บ้างหรือไม่หนอ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ปรกติหมอคนนี้ จะเป็นคนที่ไม่กร้าวร้าว ไม่อ่อนน้อม แต่ไม่ถึงกับแข็งโป๊ก เคยคุยกับเขาบ่อยๆ เขาก็ดูปรกติดี รักษาเก่ง รับผิดชอบดี มีคนไข้ขึ้นเยอะ เภสัชกรอาจจะรักเพราะรูปหล่อ รวย และเป็นหมอด้วย คิดดูซิว่า ถ้าลูกเราเป็นเภสัชได้แต่งงานกับหมอ เราพ่อแม่จะปลื้มแค่ไหน มีหน้ามีตา และแน่นอนลูกเราสบายแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เขาอาจจะจบชีวิตแบบที่เขาได้กระทำ หรือแบบไหนก็ได้ ขึ้นอยู่กับ บุญและบาปที่เขามีในตัวของเขา จะเป็นสิ่งที่จัดสรรให้เกิดขึ้น มนุษย์ไปบังคับให้เป็นไปตามนั้นไม่ได้<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/uq/question.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ชีวิตสนุกที่สุดตอนเป็นนักเรียนแพทย์</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
เราเองเป็นเด็กบ้านนอก เรียนจบมัธยมปลายที่ต่างจังหวัดเรียกว่า เป็นคนบ้านนอก บ้านนอกจริงๆ เคยมาเที่ยวกรุงเทพครั้งเดียว แต่งตัวก็เชยๆ ทะเรอทะร่า ม้าดีดกะโหลก ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร จริตจก้านก็ไม่มี เรียนพอใช้ได้ แต่เผอิญมาสอบเข้าเรียนเตรียมแพทย์ที่คณะแพทย์ในกรุงเทพได้<br />
<br />
จำได้ว่าวันสอบสัมภาษณ์เข้าเรียน เดินเข้าห้องสอบ มีอาจารย์นั่งเรียงรอสัมภาษณ์เกือบ 7 คน ตัวเรางี้สั่นเป็นเจ้าเข้า เขาให้ร้องเพลง ประเทศไทย เราลุกขึ้นยืนตรง แล้วเริ่มบรรเลง ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย แล้วหยุด เงียบ เงียบ ตัวสั่นพรับๆ อาจารย์ก็รอการบรรเลงต่อ<br />
<br />
เราก็ทำใจกล้า ส่งเสียงบอกท่านว่า โน้ตในใจมันพัง อ่านไม่ชัด เพราะกลัวค่ะ ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร งั้นเต้นช่า ช่า ให้ดูซิ เราก็ไม่รู้จักอีก เต้นรำไม่เป็น แต่ไม่เป็นไร มั่วได้ เลยเต้นท่าไส้เดือนถูกน้ำร้อนลวก ให้พวกท่านดู เห็นท่านหัวเราะกันฮา ฮา ฮา เราเลยมันส์ เต้นใหญ่ ลองนึกถึงท่ากระยึกกระยัก บิดไปบิดมาเหมือนไส้เดือนถูกน้ำร้อนยังไงยังงั้น จบแล้ว นึกไม่ถึง ท่านปรบมือกันดังสนั่นทุกคน บางคนก็เช็ดน้ำตา เราคิดนะว่าท่านร้องไห้เพราะสงสารท่าไส้เดือนของเราแหง่ๆ เดี๋ยวนี้นึกแล้วยังขำตัวเอง ว่าเต้นได้อย่างไร<br />
<br />
ชีวิตนักเรียนแพทย์ตอนที่สนุกที่สุดคือตอนปีหนึ่ง นักเรียนแพทย์ผู้ชายจะมีมากกว่าผู้หญิง เพราะสมัยก่อนจำกัดโค้วต้าให้ผู้หญิงเข้าเรียนน้อยกว่า จะมีกิจกรรมร่วมกันเยอะมาก ที่บ่อยที่สุดก็คืองานเต้นรำ ไม่ว่างานอะไรก็จะมีเต้นรำ เต้นกันแต่หกโมงเย็นถึงหกโมงเช้า นักดนตรีขอเลิกก็ไม่ยอม (นักดนตรีของคณะแพทย์เอง) จนนักดนตรี ต้องนอนดีดกีร์ต้าเอาก็มี ส่วนมากก็จะชอบเต้นเพลงบอลรูม สวีทๆ โหย คิดถึงเวลานั้นจัง มันม่วนแต้ๆ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พวกผู้ชายไปจ้างระบำจำบ๊ะ มาเต้น พวกผู้หญิงตื่นเต้น ไม่เคยเห็น พากันแย่งดูปีนขึ้นไปบนเวทีเราก็ปีนกับเขาด้วย เวทีมันทนไม่ไหว พังครืนลงมา ถลอกปอกเปิกกันเป็นแถว ดีขาไม่หัก พวกผู้ชายหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง สมน้ำหน้าผู้หญิงที่ไปแย่งที่ของเขาดู<br />
<br />
บางครั้งพวกหอชายก็เอาหนังโป๊มาฉาย โจงใจหันจอมาทางด้านหอหญิง พวกผู้หญิงปิดไฟกันหมด พากันออกมาแอบหมอบดูตรงระเบียง กลัวพวกผู้ชายจะเห็น หมอบจนเมื่อยไปหมด ก็ทนเอา พอเช้ามาก็ตีหน้าตาย เต๊ะท่าว่าฉันไม่รู้ไม่ได้ดูนะ แต่บอก พวกเธอนี่ ทุเรศที่สุด ไอ้พวกลามกจกเปรต<br />
<br />
พวกหอชายเป็นพวกชอบโชว์ บางคืนก็แก้ผ้า ตีแบตมินตั้นกัน หรือแก้ผ้าเตะบอล สนุกสนานเฮฮากันมาก พวกผู้หญิง ก็ทนดูไม่ได้ด้ายๆๆ สุดแสนลามก เปรตหล่อกว่า ดูแล้วตาจะเป็นกุ้งยิง เลยปิดประตูห้องกันเงียบกริบ พวกผู้ชายเลยผิดหวังที่จะได้โชว์สาวๆสมใจอยาก 5555555<br />
<br />
บางวันพวกผู้ชายก็เอากระป๋องผูกท้ายรถ ลากผ่านหน้าหอหญิงให้มันส่งเสียงดังหนวกหูไม่ต้องนอนกันละ พวกผู้หญิงก็ออกมาด่าเป็นไฟแลบ<br />
<br />
พวกผู้ชายที่มีแฟนเป็นนักเรียนแพทย์ผู้หญิง หัวค่ำอ่านหนังสือแล้ว ก็จะมารับแฟนไปทานมื้อดึก สมัยนั้นที่ฮิตของนักเรียนแพทย์มากก็คือ ร้านก๋วยจั๊บเจ้าอร่อยข้างสวนลุม อร่อยมาก เราไปทานทุกวันๆละชาม ใส่เครื่องในเยอะๆ น้ำส้มหน่อย น้ำตาลนิด สุดแสนจะประทับใจในรสชาด บางคืนก็ขอเบิ้ลอีกชาม<br />
<br />
อยู่มาวันหนึ่ง ท่านอาจารย์ก็ประกาศว่า ไอ้ร้านก๋วยจั๊บของท่านนักเรียนแพทย์ทั้งหลาย ถูกจับแล้ว ไอ้เราฟังก็นึกว่า คงขายยาเสพติดแหง่แก๋ เปล่าผิดคาด ให้เดาก็เดาไม่ถูก ถูกจับเพราะเอาหมามาทำก๋วยจั๊บขาย มีหัวกะโหลกหมากองเต็มร้าน<br />
<br />
ตอนแรกได้ข่าว เราก็รู้สึก อยากจะอ๊วกเอาของเก่าออก อ๊วกเท่าไหร่ก็ไม่มีเนื้อหมา เครื่องในหมาออกมาสักที จนเจ็บคอระบมไปหมด นึกขึ้นมาได้ว่า เนื้อหมามันก็อร่อยดีนะ ได้อีกซักชามก็คงจะดี มันเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมาก ไม่มีวันลืม เพราะได้เป็นหมอที่กินเนื้อหมา เรียนจบหมอได้ ก็อาจจะเพราะกินเนื้อหมาประจำก็ได้นะนี่<br />
<br />
ปีใหม่แล้วเอาเรื่องเบาๆมาเล่าให้ฟัง ไร้สาระหน่อย คลายเครียดจากการเมืองก็แล้วกันค่ะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By สายน้ำแห่งเสรี:</span> แก้ผ้าตีแบต ไม่ร้องวี๊ดว๊ายกันน่าดูหรือครับ ได้ยินมาว่าหมอชายเป็นเกย์เป็นกระเทยซะเยอะ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ก็ไม่ทราบค่ะ แต่คนพิเศษพวกนี้เขาจะมีพรสวรรค์ดีมาก ทำอะไรก็เก่งกว่าผู้ชายธรรมดา จัดดอกไม้ก็เก่ง เรียนก็เก่ง แถมบางคนหล่อสุดๆ กระชากใจคนแก่ได้เลยละ<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By boy:</span> คนบ้าเท่านั้น ที่เชื่อว่า นิสิต นักศึกษา แก้ผ้าตีแบต<br />
<br />
<span style="color: #ff9900;">By kimeng suk:</span> ขอโทษค่ะ คนที่แก้ผ้าตีแบต หนึ่งในนั้นคือ สามีของเราด้วย เขาตีกันกลางคืนดึกๆหน่อย บางคืนตีโชว์แค็ดดี้สนามกอล์ฟข้างๆด้วยซ้ำ<br />
<br />
จนป่านนี้เขายังเล่าให้ลูกหลานฟัง ถึงวีรกรรมอันนี้เลยค่ะ ด้วยความภาคภูมิใจที่ได้ทำอะไรพิเรนๆแบบนี้ตอนหนุ่มๆ<br />
<br />
เรื่องนี้เป็นความจริง เป็นการสนุกๆของผู้ชายที่อยู่รวมกลุ่มกัน และเป็นวัยรุ่นอยู่ มีเรื่องที่เขาทำอะไรพิเรนๆอีกมากมายที่ไม่ได้เล่า พวกเขายังไม่ได้เป็นหมอ กำลังเข้าเรียนแค่ปีหนึ่งปีสองกันเท่านั้นนะ มันก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป พวกที่เรียนสูงๆเขาก็เลิกเล่นพิเรนด้วยแล้ว<br />
<br />
และก็ไม่มีพิษภัยต่อใคร และไม่ได้เผยแพร่ออกไปภายนอก ยกเว้นบางคนที่ชอบโชว์ให้คนอื่นดู ซึ่งหมอก็มีคนดี คนจิตปรกติ ไม่ปรกติเหมือนๆกับสังคมอื่นๆ<br />
<br />
แต่เขาก็จบมาเป็นแพทย์ที่ดีทำงานรับผิดชอบกันได้ทุกคน ยกเว้นพวกที่ตรวจพบว่าสุขภาพจิตผิดปรกติจริงๆ ก็ให้ออกไป ซึ่งเคยเห็นในคนละรุ่น<br />
<br />
ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีสาระ เป็นการคลายเครียด หรือชีวิตคุณจะรู้จักแต่ความมีสาระ ทุกอย่างเป็นการเป็นงาน ซีเรียสแบบหมอทั้งหลายตลอดเวลา<br />
<br />
เอ้า ใครไม่ชอบเรื่องไร้สาระแบบนี้ และเห็นว่าไม่ดี หรือดี ลองให้คะแนนมาซิ ว่าคนเราชอบแบบใจสบาย ขำขำ หรือแบบซีเรียส<br />
<br />
?????<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/g0/hitlerm.gif"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>ใส่เฝือกท่าใหม่ ไฮ ฮิตเล่อร์</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
ตอนที่เป็นแพทย์ฝึกหัดใหม่ๆ มีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งขณะนี้มีชื่อเสียงพอประมาณ ในทางการเมือง เขาเป็นคนที่น่ารักมาก คือสุภาพอ่อนน้อม พูดดี มารยาทดี ปากหวาน ท่าดีแต่ทีเหลว เชื่อไหมไม่มีเพื่อนคนไหนอยากอยู่เวรพร้อมไอ้หมอนี่เลย เพราะเขาเล่นเอาเปรียบ ปล่อยให้เพื่อนอยู่เวร ทำงานคนเดียวทั้งคืน ส่วนตัวเขาเองหายตัวไปทันทีที่ขึ้นเวร หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ไปไหนไม่รู้ ไปจีบสาว แอ่วสาว ไปไนท์คลับและไปไหนต่อไหน ไม่ให้เบอร์เพจเจอร์ หรือปิดเสีย พอเช้าก็กลับมารับหน้าอาจารย์ ทำเหมือนทำงานทั้งคืน ไอ้เพื่อนก็ไม่กล้าฟ้องอาจารย์ ได้แต่อยากเตะมัน หมั่นไส้มันมาก<br />
<br />
เคยอยู่เวรพร้อมกับเขาหลายครั้ง โดยเฉพาะเวร ห้องคลอด จะมีแพทย์ฝึกหัดสองคน ซึ่งมีหน้าที่คอยเย็บแผลที่ช่องคลอด (perinium) ซึ่งเกิดจากการตัดให้ช่องคลอดกว้างขึ้น ลูกจะได้ออกมาง่ายๆ ไม่งั้นมันจะฉีกขาดกระรุ่งกระริ่ง เย็บลำบากมากและแผลอาจจะไม่ติดอักเสบได้ ที่โรงพยาบาลแห่งนี้คลอดคืนละเกือบ 30 คน พยาบาลเป็นคนทำคลอด หมอคอยเย็บ ไอ้เพื่อนเราก็ดันหายหัวไป ปล่อยเราคนเดียวซึ่งต้องรับผิดชอบ หมุดหัวเย็บช่องคลอดทั้งคืน<br />
<br />
พอเช้า เขาก็กลับมา เซย์ ฮัลโลดาร์ลิ่ง เป็นอย่างไรบ้างเธอ ไอ้เราโมโหมาก เลยตะคอกแรงๆกลับไป ไปไหนมา ฉันเย็บแทนเธอจนหน้าฉันมันคล้าย perinium แล้วนะ เขากลับบอกว่า เฮ้ย มันดูสวยดีออก อ้าวเป็นงั้นไปอีก เรายังงงๆอยู่ว่า ตกลงใครว่าใครกันแน่ (นี่คือโทษของการที่เป็นคนปากดี ไม่ใช่คน ป.ม เหน็บแหนมใครไม่เป็น เลยเข้าตัวเอง)<br />
<br />
ทุกเดือน แพทย์ฝึกหัดต้องย้าย ward ไปเรื่อยๆ จนครบทุก ward ตอนที่มันเกิดปัญหาขึ้นก็เพราะ หมอคนนี้ได้ย้ายไปอยู่ ward ศัลยกรรมกระดูก ซึ่งงานหนักมาก และต้องฝึกฝนทำหัตถการกับคนไข้เพื่อหาประสบการณ์ ไอ้หมอคนนี้มันไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย วันๆไม่เห็นหน้า โผล่มาเหมือนผีหลอก ป๊อปแป๊ปไปแล้ว คงเคยแค่มายืนดู หรือทำอะไรก๊อกแก๊ก เพื่อให้รุ่นพี่หรืออาจารย์เห็นหน้าเท่านั้น<br />
<br />
วันหนึ่งเขาต้องอยู่เวร OPD ศัลย์กระดูกคนเดียว one man show พอดีมีคนไข้แขนหักท่อนบนข้างขวามา แพทย์เวรต้องใส่เฝือกให้ก่อน หรือปรึกษารุ่นพี่ที่อยู่เวรใน ถ้าตัวเองทำไม่ได้ แต่หมอคนนี้พอเห็นคนไข้ คงมึนๆงง คงคิดในใจ ปรึกษาตัวเองก่อนว่า เอาไงดีวะกู ใส่เฝือกไว้ก่อนดีกว่าไหม แต่จะใส่ท่าไหนดีละ กูเองก็จำไม่ได้โว้ย อะอะ กูคิดท่าใหม่ๆขึ้นมาได้แล้ว ใส่ท่าเก่าๆมันซ้ำซาก น่าเบื่อ เอาท่านี้ ไฮ ฮิตเล่อร์ เลยเป็นไง รับรองพรุ่งนี้ กูได้รับคำชมแน่นอน ว่าหัวแหลมเหมือนหัวลิง ว่าแล้วเขาก็จับคนไข้ ให้ยื่นแขน ตรงไปข้างหน้า แบบที่ทหารเยอรมัน ทำท่าแสดงความเคารพ ฮิตเล่อร์ ทำเหมือนกันเป๊ะเลย แล้วก็ใส่เฝือกในท่านั้น ใส่เสร็จก็ให้คนไข้กลับบ้าน พรุ่งนี้เช้านัดให้มาใหม่ มาตรวจที่คลินิกศัลย์กระดูก<br />
<br />
คนไข้ก็สบายใจกลับบ้าน ไปนั่ง ไปยืน ไปนอน ไปเข้าห้องน้ำ ในท่า ที่แสดงความจงรักภักดี ต่อฮิตเล่อร์ อย่างสูงสุด ลองนึกดู ถึงภาพที่ คนไข้นอนท่า ยกแขนยื่นตรงไปข้างหน้า ตลอดคืน คงนอนหลับได้อย่างสบาย นี่ถ้าเขารู้ว่าท่านี่คือท่าอะไร เขาคงจะท่อง ไฮ ฮิตเล่อร์ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนสว่างแน่นอน เผลอๆฮิตเล่อร์ ได้ยิน อาจจะลุกขึ้นมายืนข้างเตียง ถามว่าเรียกมาทำไม ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า<br />
<br />
ตอนเช้า คนไข้ก็มาตามนัด ที่ OPD ศัลย์กระดูก พออาจารย์เห็น คนไข้คนนี้ ก็ทำหน้าเหมือนผีหลอก โอ้ พระเจ้าจอร์จ (แบบคนสมัยนี้ชอบพูดเปี๊ยบ) ตะโกนถามลูกศิษย์ว่า ใครวะ ใส่เฝือกให้คนไข้แบบนี้ ทำแบบนี้ได้อย่างไร เสียชื่อฉันหมด แล้วก็ใส่เป็นชุดๆๆๆทั้งที่ยังไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนทำ สุดท้ายพอเหนื่อย อาจารย์คงนึกขึ้นมาได้ว่า ยังไม่รู้ว่าใครทำ ก็หันมาคาดคั้นว่าใครทำ วะ ใครทำรับมาเสียดีๆ<br />
<br />
หมอคนทำยกมือขึ้น พูดเสียงอ่อยๆน่าสงสารมาก ผมทำครับ อาจารย์ก็ตาเขียวปั๊ด ตะคอกถามว่า เธอคิดท่านี้ขึ้นมาได้อย่างไร ผมเพิ่งอ่านหนังสือ สงครามโลกครั้งที่สองจบครับ ประทับใจการทำความเคารพแบบนี้มาก ก็เลยลองเอามาใช้ครับ ตอบเสร็จก็เขาก็ยิ้มแบบสุดประทับใจจริงๆ<br />
<br />
และสิ่งที่เขาได้รับก็คือการได้ไปยืนทำความเคารพแบบนี้ ในห้องพักแพทย์ ยืนตรงยกแขนไปข้างหน้า พร้อมกับให้ตระโกน ไฮ ฮิตเล่อร์ ๆๆๆๆๆๆๆ ไปเป็นเวลา 15 นาที ให้ความประทับใจนั้นซึมซาบซ่านไปทั่วทั้งตัว ไม่ใช่แต่ที่ใจเท่านั้น<br />
<br />
เรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า การจะเป็นหมอ ต้องรู้จักรับผิดชอบ ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน ต้องใฝ่หาความรู้ให้มากที่สุด เพราะเราต้องไปรับผิดชอบต่อชีวิตของคนไข้<br />
<br />
เรื่องนี้ไร้สาระ เอาสนุกๆ เป็น เรื่องจริง แต่เสริมแต่งสำนวนปรุงรส เอามันส์<br />
<br />
<center><img src="http://upic.me/i/zk/earrr.jpg"></center><br />
<span style="color: #3333ff; font-family: Verdana, sans-serif; font-size: x-large;"><strong>วีรเวรของหมอใหม่</strong></span><br />
<span style="color: #ff9900;">By: kimeng suk เว็บประชาทอล์ค</span><br />
<br />
เขียนเรื่องวีรเวรของหมออื่นมาหลายเรื่อง ก็จะขอเขียนวีรเวรของตัวเองบ้าง เดี๋ยวจะน้อยหน้า หรือคนจะพาลคิดว่าตัวเราเองดีเลิศสแมนแตนกว่าคนอื่นเขา<br />
<br />
ตอนนั้นเป็นแพทย์ฝึกหัด ต้องหมุนเวียนไปฝึกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แผนกศัลยกรรม ต้องออกทำการผ่าตัดเล็กๆน้อยๆ ที่ห้อง OR เล็ก วันนั้นเราออกผ่าตัดพร้อมรุ่นพี่ ไม่มีอาจารย์ อยู่ด้วย มีคนไข้คนหนึ่งถูกส่งเข้ามา เพราะมีก้อนขนาด 2-3 เซนติเมตร ที่ติ่งหูข้างขวาเป็นก้อนไขมัน (sebaceous cyst) ตอนนั้นรุ่นพี่กำลังยุ่งผ่าคนอื่นอยู่ เขาก็ตะโกนถามว่า น้องๆ ผ่าเองได้ไหม คงเห็นเป็น case ง่ายๆ เรารีบตอบ สบายมากค่ะ รู้สึก ดีอกดีใจใหญ่ที่จะได้ลงมือทำด้วยตัวเอง ต้องโชว์ฝีมือให้รุ่นพี่เห็น เผื่อจะแลสายตาชื่นชมยกย่องมาทางเราน้องหมีตัวอ้วนๆน่ารักบ้าง<br />
<br />
เราก็ไปล้างมือตามวิธีการของหมอที่จะผ่าตัดคนไข้ แล้วก็เอาคนไข้ขึ้นนอนบนเตียงทำความสะอาด ทายาฆ่าเชื้อโรค รอบๆหู คอและหน้าซีกนั้น ทาให้เว่อร์ๆไว้ก่อน เอาผ้าที่ฆ่าเชื้อแล้วคลุมหนึ่งชั้น เอาผ้าฆ่าเชื้อที่เจาะรูตรงที่จะผ่าตัดคลุมอีกชั้นหนึ่ง เสร็จแล้ว ลงมือได้ แอ่น แอ้น<br />
<br />
เราฉีดยาชารอบๆก้อนนั้นก่อน แล้วก็ค่อยๆกรีดมีดลงบนก้อนนั้น ตั้งอกตั้งใจ เลาะเอาก้อนนั้นออก เลาะข้างโน้นข้างนี้ ต้องระวังไม่ให้มันแตก และสำคัญที่สุดต้อง เอาออกให้หมด เหลือไว้ไม่ได้แม้แต่เล็กน้อย โดยเฉพาะผนังที่หุ้มก้อน เดี๋ยวมันจะขึ้นมาใหม่ มันส์มาก เลาะอย่างเพลิดเพลินใจ ติดตรงไหน เราก็ทุ่มพละกำลังและฝีมือ เลาะสุดชีวิต เลาะไปเลาะมา ก้อนก็หลุดผัวะออกมาอย่างง่ายดาย เราดีใจมาก ฝีมือตูนี่ไม่เลวนะ เลาะไม่นานก้อนก็หลุดง่ายๆ ไอ้เพื่อนๆฝีมือโหรยท่วยแพ้เราราบก็แล้วกัน ภูมิใจจริงวุ้ย<br />
<br />
ซับเลือดให้แห้ง เสร็จแล้ว ก็มาดูหูคนไข้ เอะทำไม ข้างนี้สั้นกว่าอีกข้างมาก อนิจจา วัฏสังขารา มันจะไม่สั้นได้อย่างไร ก็เราดันไปตัดติ่งหูของเขาออกมาด้วยพร้อมก้อน มันถึงตัดออกได้ง่ายไง แล้วทำไงดีละ ตอนนี้หน้าเหลือแค่สองนิ้วเท่านั้น ซีดเป็นไก่ต้มข้าวมันไก่ มาดคุณหมอคนเก่งไม่มีเหลือ มีแต่หมอจ๋องกรอด ยืนเต้นเป็นเจ้าเข้าอยู่ และ ความฝันอันบรรเจิดที่จะมีคนมาทำตาชื่นชมให้หายวับไปกับตา<br />
<br />
เหลือแต่ความกลัวความผิด ทำไงดีๆๆๆ จะบอกคนไข้หนุ่มสุดหล่อก็ไม่ได้ ว่าหูเขาแหว่งไปแล้ว ถ้าบอกมีหวัง โดนตบแน่ โถใครจะไม่โมโห เมื่อกี้ยังหล่อสุดๆ หูสองข้างเท่ากัน มันยัง เสริมความหล่อของใบหน้าอยู่ พระเอกลิเกแพ้ลุ่ย แต่พอเดินออกไปคราวนี้ กลายเป็น ไอ้หนุ่มหูแหว่งไปซะนี่ ถ้าเขารู้เรื่องตอนนั้น ลองนึกถึงหน้าของเขาซิว่าจะเป็นอย่างไร หน้ายักษ์ของทศกัณฑ์ ชิดซ้ายไปเลย ไปไกลๆ อย่ามาเข้าใกล้บาทากู<br />
<br />
เลยทำใจกล้า เดินไปบอกรุ่นพี่ว่า พี่ๆมาดูอะไรนี่หน่อยค่ะ พอรุ่นพี่มาเห็น ก็อึ้งไป มองหน้าเราแบบดุมากๆ ไม่มีแววตาแห่งความเอื้ออารีแม้แต่น้อย เราก็ยิ่งตัวลีบเล็กลงๆ แต่รุ่นพี่มีสติดี เข้าไปพูดเจรจากับคนไข้ว่าจะแก้ไขให้ จะให้หมอศัลยกรรมพลาสติก มาทำหูให้ใหม่ จะเหมือนเดิมหรือเกือบเหมือนเดิม เขากล่อมจนคนไข้เข้าใจและใจอ่อนยอมรับ ไอ้เราก็เข้าไปยกมือไหว้ ขอโทษเขา สองสามรอบ เพราะ เรากลัวว่าไหว้รอบเดียว เขาจะไม่ยอมรับ เรื่องนี่ก็จบลงแบบ happy ending พอเรื่องจบลงด้วยดี เราก็หน้าบานเป็นกระด้ง โชคดีนะนี่ที่รุ่นพี่ปากดี มิฉะนั้น นึกไม่ออกว่าอะไรจะเกิดขึ้น<br />
<br />
เรื่องนี้สอนว่า เป็นหมอใหม่ก็อย่าประมาท อะไรที่ทำได้ก็บอกว่าทำได้ ทำไม่ได้ก็ต้องบอกว่าทำไม่ได้ อย่าใจกล้าทำในสิ่งที่เกินความสามารถของตัวเอง ถ้าเกิดเรื่องแล้วมันเป็นเรื่องใหญ่ แก้ไขลำบากeye009http://www.blogger.com/profile/07607015034599365652noreply@blogger.com0