ห้องตรวจตา...ชั้น 5 อาคารเฉลิมพระเกียรติ

Blogนี้ผมตั้งใจทำขึ้นเพื่อตอบแทนสดุดีนโยบายบัตรทองประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรคของรัฐบาลคุณทักษิณ ชินวัตร
จะรีบไปไหน...จะรีบไปไหน...รอโหลดซักกะเดี๋ยวซิครับ คลิก...นโยบาย"ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ"

* ขอขอบคุณที่ติดตามรับชมและช่วยประชาสัมพันธ์ลิงค์ http://eye009.blogspot.com/ ให้แพร่หลาย *
@ ปู้นนน...!!! คนเมืองใต้เจียงใหม่ของหมู่เฮาลงไปตางปู๊นนน..... * * * * * @ 2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย . . . ร่วมด้วยช่วยกันเผยแพร่สื่อสารถึง"คนเสื้อแดง"ทั่วไทยและทั่วโลก . . . ขอขอบพระคุณเจ้าของclipภาพถ่ายและบทความทุกๆท่านที่กรุณาเอื้อเฟื้อแบ่งปัน . . .น้ำใจซื้อขายไม่ได้ แต่น้ำใจให้กันได้...อิอิ


PlayListนี้ เริ่มต้นด้วย "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน" เรียงลำดับตั้งแต่ ตอนแรก ถึง ตอนปัจจุบัน ..ท้ายเพลย์ลิสท์เป็นคลิป "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร?" วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 - 16.00 น. ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) คลิปนี้..วิทยากร รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเริ่มนาที 0:14:24
คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...
หรือคลิกที่นี่.. @ AsiaUpdate "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน"

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

ความรู้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับส่วนต่างๆและระบบการทำงานของดวงตา, โรคตาต่างๆ และวิธีการดูแลรักษาดวงตาอย่างถูกต้องที่สามารถปฏิบัติตามในเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง... ขอขอบคุณ www.knowledge.com

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’

@ 4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"
@ 027 Pictures...Bangkok Underwater 26 October 2011
@ 029 ชมภาพชุด! นายกฯปูลงเรือเยี่ยมประชาชนเขตดอนเมืองที่ถูกน้ำท่วมขัง...และภาพสวยๆจากสื่อมะกัน
@ 06 ทหารลูกผู้ชายจริง มีหรือไม่? นายกฯปู..จะเรียกตัวมาใช้งานได้ถูก..คน
@ 07 อ.จูงลา จะล่ารายชื่อไล่นายกฯปู ถาม ปชช. 16 ล้านเสียง หรือยัง???
@ ด้วยความเคารพ...ผมรู้สึกว่าพวกกระบวนการโป้งๆชึ่ง มันอยากให้กรุงเทพฯวิบัติจากน้ำท่วม
@ ชมภาพสวยๆทั้ง 3 ชุด บาหลี-ต้อนรับฮิลลารี-บันคีมูนที่ทำเนียบฯ
@ ทำไม? ทำไม?? ทำไม????????????
@ 08 เห็นด้วยไหม ว่าความเป็นจริง ประเทศไทย เกิดปัญหา จากความไม่กล้า และกฎหมายปัญญาอ่อน
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย
@ ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554
@ "ดร.สุนัย" เอาจริง ยื่นเอกสาร "ศาลอาญาระหว่างประเทศ"
@ แจกปฏิทิน พ.ศ.2555 ครับ เชิญคลิกโหลดที่นี่...
@ "เจ้าอาวาสวัดดอนเมืองจำได้ นายกฯ "ด.ญ.ปู" ทะเลาะกับหมาแมว
@ ชมภาพชุด&Clip...งานแต่งน้องเอม12ธ.ค.54
@ อีกหนึ่งเสียงที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญครับ
@ เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00
@ 52... นี่จึงเป็นนายกรัฐมนตรีที่ผมอยากได้ครับ

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’
By: วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
(บทความประจำสัปดาห์ ตอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์ไทยแลนด์แบนด์’ ออนไลน์วันเสาร์ ที่ 17 ธันวาคม 2554)

หลายปีมาแล้ว ผมเคยเขียนเล่าเอาไว้ในเว็บไซด์ผู้จัดการว่า ไทยเรามารับเอาเพลงฝรั่งมาเต็มๆ เมื่อเรือรบของของรัฐนาวีอเมริกันเข้ามาอวดธง ในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 เรือลำนั้นชื่อ Tennessee ซึ่งตั้งชื่อตามรัฐหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตอนนั้นเรียกชื่อเป็นทางการในภาษาไทย ว่า “สหปาลีรัฐอเมริกา”

เมื่อเรือรบหลวงเทนเนสซี่เข้ามาถึง วงดนตรีประจำเรือได้ยกขึ้นมาบนฝั่ง ตั้งวงบรรเลงให้คนไทยได้ฟังกัน ที่ ‘ตำหนักแพ’ หรือปัจจุบันเรียกกันว่า “ท่าราชวรดิษฐ์”

คนไทยยุคนั้นตื่นเต้นกันมาก เพราะเกิดจากท้องพ่อท้องแม่ ไม่เคยได้ยินเพลงฝรั่งเร็วๆ มันๆ อย่างนี้มาก่อน จึงเกิดความสนใจในเครื่องดนตรีฝรั่ง ประกอบกับตอนนั้น เป็นยุคที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิรูปการปกครองประเทศ และกิจการดนตรี ‘แตรวง’ แบบฝรั่ง เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พระองค์ท่านทรงสนับสนุน ให้คนไทยเราได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนกัน

เพลงแตรวงที่ทหารเรืออเมริกัน ได้นำมาเล่นในคราวนั้น มีเพลงจังหวะ ‘มาร์ช’ รวมอยู่ด้วย ซึ่งคนไทยยุคนั้น ชอบกันมาก เรียกได้ว่าทั้ง ‘เข้าหู’ และ ‘โดนใจ’ คนไทยเต็มๆก็ว่าได้ เพลงนั้นชื่อ “Marching Through Georgia” (เพลงนี้คนมักเข้าใจผิดว่า ชื่อเพลง“Marching To Georgia”)

เพลงนี้เป็นเพลงรื่นเริง ปลุกใจ ในยุคสมัยสงครามกลางเมืองสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ทหารฝ่ายเหนือของท่านประธานาธิบดี อับราฮัม ลิงคอล์น ฮึกเหิม ในการเดินทัพเจาะผ่านรัฐจอร์เจีย ตรงไปยึดเอาเมืองริชมอนด์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐเวอร์จิเนีย และเมืองหลวงของพวกฝ่ายใต้ด้วย เพื่อปลดปล่อยทาสผิวดำให้เป็นอิสระ

คนไทยเราเมื่อฟังแล้ว ต่างลงความเห็นว่า เพลงมาร์ชนี้ เพราะดี จังหวะก็สนุกสนาน แต่ร้องเนื้อฝรั่งไม่ได้ อย่ากระนั้นเลย ลากเอาทำนองฝรั่ง มาใส่เนื้อไทยเสียด้วยความชำนาญจะดีกว่า จึงเลยกลายเป็นเพลง “คุณหลวง อยู่กระทรวงยุทธนา” เด็กๆรุ่นก่อนสงครามโลกครั้งที่สองที่อยู่ในกรุงเทพฯ ร้องเพลงนี้กันได้กว้างขวางทีเดียว เพราะทำนองเข้าหูผู้คนดีนัก เนื้อเพลงมีอยู่ว่า

คุณหลวง...คุณหลวง
อยู่กระทรวงยุทธนา
ใส่เสื้อราชประแตน
ทำไมไม่แขวนนาฬิกา
เงินเดือนยี่สิบบาท
ดูเปิ๊ดสะก๊าดเสียเต็มประดา!

คำว่า “กระทรวงยุทธนา” นั้น ชื่อเต็มก็คือ “กระทรวงยุทธนาธิการ” ซึ่งต่อมาก็คือ “กระทรวงกลาโหม” นั่นเอง

พวกเจ้าหน้าที่อำเภอ และตำรวจ เมื่อร้องเพลงนี้ แล้วมักจะแปลงเนื้อเพื่อให้เข้ากับกระทรวง ที่พวกตนเองสังกัดอยู่ เนื้อร้องก็จะกลายเป็น “คุณหลวง...คุณหลวง อยู่กระทรวงมหาดไทย...”

หลังจากเมืองไทย ก้าวเข้าสู่ยุคดนตรีแบบฝรั่ง มีการตั้งวงดนตรีหลากหลายประเภท ตั้งแต่ วงเครื่องสายฝรั่ง วงดนตรีสตริงแบนด์ วงแจสแบนด์ รวมไปถึงวงดนตรีแบบเครื่องเป่า ที่เรียกกันติดปากว่า “แตรวง” ตั้งแต่ครั้ง ร.5 มีบทบาทสำคัญในการนำขบวนในงานบวช ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Brass Band หรือMarching Band หรือ Military Band นั้น ต่อมาท่านอาจารย์มนตรี ตราโมช บัญญัติศัพท์ภาษาไทยใหม่ว่า ‘วงโยธวาทิต’ วงดนตรีแบบนี้ ไม่ได้มีเฉพาะนักดนตรีเดินบรรเลงกันแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่มีผู้เดินนำ ที่เรียกกันว่า ‘ดรัมเมเยอร์’

ประวัติของ ‘ดรัมเมเยอร์’ ที่เล่าขานกันมานั้น นัยว่ามีมาตั้งเกือบสี่ศตวรรษแล้ว โดยมีหลักฐานมาจากกองทหารอังกฤษ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1650 ว่า

วงดนตรีทหารอังกฤษ (Military Band) มี ‘ดรัมเมเยอร์’ เดินนำขบวนทหารในการฝึก หรือภารกิจประจำและภารกิจพิเศษอื่นๆ หน้าที่สำคัญของ ‘ดรัมเมเยอร์’ คือการเป็นผู้นำวงดนตรี ด้วยการให้สัญญาณจากไม้ยาวกว่า 1.50 เมตร แล้วแต่ส่วนสูงของผู้เดินนำ ปลายด้านบนอาจเป็นรูปกลมมน หรือรูปอื่น

ดนตรีทั้งวงจะต้องดูสัญญาณต่างๆ จาก‘ดรัมเมเยอร์’ ตั้งแต่เริ่มการออกเดิน โดยสัญญาณส่งจากไม้ หรือมักเรียกกันว่า “คทา” จนปัจจุบันมีการเรียกขานผู้เป็น ‘ดรัมเมเยอร์’ ว่า ‘คทากร’ (แต่ผมไม่คุ้น) นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายสัญญาณจาก ‘ดรัมเมเยอร์’ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณสั่งการเปลี่ยนจังหวะ เปลี่ยนเพลง สั่งย้ายทิศทาง รวมไปถึงสัญญาณสั่งการ แปรรูปขบวน

ดังนั้น ผู้ที่เดินนำในฐานะ ‘ดรัมเมเยอร์’ นั้น แต่เดิมนั้น มักจะต้องเป็นผู้ที่รู้และเข้าใจดนตรี ที่สำคัญคือนอกจากหน้าตาควรจะดีแล้ว รูปร่างต้องสูงใหญ่มีความสง่าผ่าเผย เดินเหินต้องสวย จึงจะเข้าสะเป๊ก คนที่จะเป็น ‘ดรัมเมเยอร์’!

ใครคิดว่าการเป็น ‘ดรัมเมเยอร์’ ที่ถูกต้องตามแบบแผนเป็นของหมูๆ คงต้องคิดกันใหม่แล้ว เพราะเมื่อ พ.ศ.2495 สมัยรัฐบาล ฯพณฯจอมพล ป.พิบูลสงคราม จะปรับปรุงวงโยธวาทิตของเหล่าทัพ ยังต้องคัดเลือก ‘ดรัมเมเยอร์’ จาก ทั้งกองทัพบก เรือ อากาศ และตำรวจ ส่งไปเรียนวิชา ‘ดรัมเมเยอร์’ ที่ประเทศอังกฤษ!

ปรากฏว่านายตำรวจชั้นประทวน ส.ต.อ.ประพันธ์ ศิริทรัพย์ เหล่าตำรวจ หน้าตาหล่อ เข้ม เอวเล็ก อกเบ้อเริ่ม กล้ามเป็นมัดๆ สูงถึง 6 ฟุต และมีพื้นฐานทางดนตรีอยู่แล้วด้วย ได้รับการคัดเลือกเพียงคนเดียวเท่านั้น ให้ไปเรียนที่ประเทศต้นแบบ คืออังกฤษ แต่ยังไปไม่ได้ทันที เพราะต้องไปเรียนปรับพื้นฐานวิชา ‘ดรัมเมเยอร์’ ที่สถาบัน ‘เซปัง’ ประเทศมาลายู (ตอนหลังเป็นมาเลเซีย) เสียก่อน

เมื่อฝึกที่ ‘เซปัง’ จนจบเรียบร้อย ก็เดินทางต่อไปฝึกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สำเร็จกลับมาแล้ว ได้ถ่ายทอดความรู้และเป็นต้นแบบให้ ‘ดรัมเมเยอร์’ เหล่าทัพอื่นๆด้วย ไม่ง่ายนะ!

อาจารย์ประพันธ์ฯนั้น ท่านสมาร์ทเหลือเกิน เดินอกตั้ง ปลายเท้าชี้ตรง แกว่งแขนได้ระดับสม่ำเสมอ โยนคทาตีหลังกากลับกลางอากาศได้ 3 รอบ (จนบัดนี้ยังไม่เห็นใครทำได้ ถ้าไม่ ‘ฟลุค’) ตอนคทาตกลงมา ท่านเดินเหยียดแขนรับไม้ ตัวนิ่ง แล้วเดินต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในสายตาของผมแล้ว ช่างงดงามราว ‘เทวดา’ ลงมาเดินดิน เลยทีเดียว!!

การแต่งกายของ ‘ดรัมเมเยอร์’ มักพิเศษต่างไปจากผู้บรรเลงเพลงในวง เช่น โรงเรียนวชิราวุธ วิทยาลัย นักดนตรีในวงจะสวมสนับแข้งสีขาวทับถุงเท้ายาว สายสะพายสีน้ำเงินขลิบขาว ส่วน ‘ดรัมเมเยอร์’ นั้นสวมสนับแข้งสีขาว ส่วนสายสะพายนั้นมีเครื่องหมายโรงเรียน ปักดิ้นเงิน เป็นรูปมหาพิชัยมงกุฎและเพชราวุธ สัญลักษณ์ขององค์พระผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียน คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว!

เมื่อผู้เขียนไปเข้าเตรียมทหาร โรงเรียนนี้เพิ่งตั้งขึ้นได้แค่สองปี ยังไม่มีสถานที่ตั้งของตัวเองโดยเฉพาะ ต้องอาศัยตั้งอยู่ที่อาคารส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เป็นอาคารตึกสีแดง (เลยเรียกกันว่า “ตึกแดง”) สร้างมานานเป็นร้อยปีแล้ว อยู่ตรงเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ เดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่

ตอนเช้าๆ ชาวบ้านแถวนั้น รวมทั้งผู้คนในยานพาหนะที่ผ่านไปมา จะเห็นนักเรียนนายร้อย จปร. เดินแถวจากที่ตั้งหลัก (บก.ทบ.ปัจจุบัน) ไปเรียนที่อาคารส่วนการศึกษา พอตกบ่ายประมาณสามโมง แถวนักเรียนก็เดินทางกลับไปยังที่ตั้งหลัก คือ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า การเดินทั้งขาไปและกลับ จะต้องเดินเป็นแถว นำขบวนด้วยขลุ่ยและกลองแทรก แต่ไม่มี... ‘ดรัมเมเยอร์’

ต่อมาโรงเรียนเตรียมทหาร จะมีการสวนสนามของกองพันนักเรียน โดยจัดพิธีที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียนไปเล็กน้อย จึงมีการจัดตั้งวงดนตรีขึ้นมาบ้าง โดยยึดแบบเดียวกับโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า วงประกอบด้วยทั้งกลองและขลุ่ย มีอยู่รวมกันราว 24 นาย

ในตอนนั้น ผู้บังคับการโรงเรียนสั่งให้มี ‘ดรัมเมเยอร์’ คนแรกเดินนำวงดนตรีวงแรกของโรงเรียนเตรียมทหารด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น...ผู้เขียน...นี่แหละ! สาเหตุง่ายๆก็คือ ท่านทราบว่า เคยทำหน้าที่ ‘ดรัมเมเยอร์’ ของวชิราวุธ วิทยาลัยมาก่อน เลยไม่ต้องมีการคัดตัวให้ลำบาก หยิบมาปุ๊บก็เดินนำวงดนตรีได้เลย

ฉะนั้น ท่านผู้อ่านคงหายสงสัยว่า ทำไมอีตา ‘วาทตะวัน’ แกถึงรู้เรื่อง ‘ดรัมเมเยอร์’ ดีนัก...555

ผู้ที่เคยทำหน้าที่ ‘ดรัมเมเยอร์’ มาก่อนนั้น นอกจากจะกลายเป็น ‘คนดัง’ ในสถาบันของตนแล้ว มักกลายเป็นคนที่สังคมรู้จักกันในเวลาต่อมาด้วย ซึ่งก็มีหลายท่าน ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ เอาเฉพาะของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งเดียว ‘ดรัมเมเยอร์’ ที่ผู้คนจะได้ยินชื่อเสียงกันเสมอ เช่น ท่านผู้หญิงมณฑิณี มงคลนาวิน (บุญยประสพ), ม.ร.ว.สิริมาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์ (วรวรรณ), สัณหจุฑา จิราธิวัฒน์ (สุวรรณจินดา), รศ.ดวงใจ อมาตยกุล และ จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ เป็นต้น คุณหญิงสิริมาดานั้น เธอเป็นมารดาของคุณจณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ เรียกว่า...เป็น ‘ดรัมเมเยอร์’ ทั้งคุณแม่ และคุณลูก!

มีอีกท่านหนึ่งที่เคยเป็น ‘ดรัมเมเยอร์’ ของวชิราวุธ วิทยาลัย รุ่นก่อนผมหน่อย ต่อมาท่านเป็นนายกสมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ไม่ทราบตอนเรียนอยู่ที่จุฬาฯนั้น ได้ทำหน้าที่ ‘ดรัมเมเยอร์’ จุฬาฯ ด้วยหรือเปล่า? ท่านผู้นี้เก่งทุกอย่าง ตั้งแต่การเรียน เล่นรักบี้ทีมระดับแชมป์ ได้รับเสื้อสามารถ ทั้งระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย และความเด่นทางด้านดนตรีนั้น คือสามารถเล่นไวโอลินได้ระดับมืออาชีพ ลีลาการขี่ม้าก็เป็นเลิศ เพราะมาจากตระกูลม้าแท้ๆ ท่านคือ ดร.อดิศัย โพธารามิก อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และประธานบริษัท จัสมิน จำกัด (มหาชน)


ปัจจุบันคนไทยทั้งประเทศ รู้จัก ‘ดรัมเมเยอร์’ อีกคนหนึ่ง จากโรงเรียนยุพราช วิทยาลัย ชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ปัจจุบันนี้ เธอไม่ได้เป็น ‘ดรัมเมเยอร์’ ให้โรงเรียนยุพราช วิทยาลัยแล้ว แต่ย้ายมาเป็น ‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’ ที่พูดอย่างนั้น เพราะเธอดำรงตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรไทย นั่นเอง

ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เราเรียกขานเธอว่า “นายกฯปู” ทันทีที่เธอได้รับภาระที่ยิ่งใหญ่ พลันต้องพานพบมหาวิบาก เพราะต้องเผชิญมหันตภัยทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา อย่างไม่เคยมีผู้นำคนไหนของชาติ เคยพบเห็นและต้องฟันฝ่ามาก่อนเลย นั่นคือ การเป็น ‘ดรัมเมเยอร์’ นำไทยแลนด์แบนด์ เดินนำคนไทยลุยน้ำ ฝ่าอุทกภัยครั้งใหญ่หลวง ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาของปีนี้!

ระหว่างเวลาอันตรายนั้น กลุ่มไอ้ห้อยไอ้โหนซึ่งสุมกบาลกับไอ้พวกสื่อสกปรก ที่สมคบนักดนตรีวงเก่า ร่วมกับแก๊งสีเขียวโสโครก ที่เคยชิงตั้งวงดนตรีขึ้นมาในค่ายทหาร พร้อมกับแต่งตั้ง ‘ดรัมเมเยอร์โลซก’ เข้ามาเดินนำวงดนตรีคนไทย

แต่...การบริหารประเทศของพวกมัน เต็มด้วยความเลวระยำ ทั้งการทุจริตโสมม และการรุมแดกบ้านรับประทานเมืองกัน จนถึงวันสุดท้ายในอำนาจแล้ว ยังหน้าด้านทิ้งทวนด้วยการประชุม ยาวนานเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศ และได้ผ่านมติอัปรีย์ ผลาญเงินชาติมากมายนับแสนล้านบาท ทั้งๆที่มติบางเรื่อง ยังไม่ปรากฏรายละเอียดโครงการเสียด้วยซ้ำ...ดูมันทำ!

ดังนั้น เมื่อมีการคัดสรรวงดนตรีใหม่ ประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ จึงรวมทั้งใจ รวมทั้งตีน ถีบไอ้วงดนตรีอัปรีย์ จนกระเด็นตกจากวงจรบริหารประเทศไป แต่ไอ้คนเหล่านี้...มันไม่ยอมหยุด!

ไอ้เวรพวกนี้ยังหวังคืนสู่อำนาจ โดยวิถีทางที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย เพราะทำอย่างไรก็ไม่ชนะ จึงต้องใช้วิธีสกปรกทุกวิถีทาง เพื่อให้ ‘ไทยแลนด์แบนด์’ และ ‘ดรัมเมเยอร์’ อย่างนายกฯปู ต้องมีอันต้องเป็นไป!!

ฉะนั้น ระหว่างนายกฯผู้หญิงคนแรกของสยามประเทศ กำลังเดินนำ ‘ไทยแลนด์แบนด์’ ร่วมกับคนไทยทั้งชาติ ฝ่ามหาวิกฤติอุทกภัย กลุ่มจังไรพวกนี้ รวมหัวกันส่งเสียงโห่ฮาป่าเป็นการรบกวน เป่าเครื่องดนตรีที่ขโมยไประหว่างอยู่ในตำแหน่ง คนละปู้ดสองป้าด!

บ้างก็เอากลองที่ลักมา ตีจังหวะคนถ่อยผสมโรง แถมไอ้โทรทัศน์ช่องอัปรีย์ ที่กลุ่มพวกยึดอำนาจ เอา ‘รัดทำมะนวย-ฉบับหัวคูณ’ ของพวกมัน ปล้นเอาเงินของประชาชนไปจัดทำ ออกมาร่วมด้วยช่วยประโคม ด้วยการแผดเสียงเห่าหอน ก่อกวนเสียงดนตรีซึ่งบรรเลงมาจากวงที่นายกฯปูเดินนำ เพื่อให้พี่น้องประชาชนไขว้เขว แต่...ไม่สามารถทำลาย ‘ไทยแลนด์แบนด์’ ลงได้!!

ระหว่างมหาวิกฤติ นายกฯปูได้พิสูจน์ถึงแนวทางที่น้อมนำจาก ‘ทศพิธราชธรรม’ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นธงนำในการปฏิบัติ โดยเฉพาะข้อ ‘ขันติบารมี’ และ “วิริยะบารมี” ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ว่า แม้จะถูกยั่วยุด้วยคำพูด รวมทั้งการด่าทอแบบไม่ให้เกียรติและไม่ไว้หน้ากันอย่างสาหัสสากรรจ์ ซึ่งผู้คนจำนวนมากอยากเห็นนายกฯผู้หญิง โต้ตอบกลับรุนแรง แบบ...ระเบิดไดนาไม้ท...ที่ใส่รองเท้าส้นสูง! แต่เธอกลับไม่ทำ...ความอดกลั้นของเธอนั้น เหนือชั้นอย่างเหลือเชื่อ ไม่เคยโต้ตอบเลย ข้อนี้พิสูจน์ได้ชัดถึง ‘ขันติบารมี’ ที่เธอมีอยู่

นอกจาก “ขันติบารมี” แล้ว ผู้หญิงคนนี้ยังเต็มไปด้วยความขยันขันแข็งหนักเอาเบาสู้ ชนทั้งงานหนัก กระแทกปัญหาขวางหน้าทุกชนิด ด้วยน้ำจิตที่หาญกล้า และปราศจากความยำเกรงหรือท้อถอย ความพากเพียรอันไม่รู้จบของเธอ ได้พิสูจน์ ‘วิริยะบารมี’ ของผู้นำสตรีจากล้านนาคนนี้

ในที่สุด ‘ดรัมเมเยอร์’ สตรี ที่ชื่อ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ สามารถเดินนำ ‘ไทยแลนด์แบนด์’ พร้อมพี่น้องประชาชนคนไทย ลุยน้ำฝ่าอุทกภัยครั้งใหญ่หลวงร่วมกัน ตั้งแต่ปลายเดือนตุลา มาจนถึงธันวาคม จนกระทั่ง...สามารถนำพี่น้องประชาชน มาถึงสนามหลวง ตั้งขบวนถวายบังคมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันมหามงคลได้สำเร็จอย่างสมพระเกียรติยศ!

ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รับหน้าที่ ‘ดรัมเมเยอร์’ เข้านำ ‘ไทยแลนด์แบนด์’ ได้ปรากฏเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์นัก เพราะเสียงปืนที่ชายแดนด้านเขมร พลันหมดสิ้นไป พร้อมกับการถอนกำลังทหารทั้งสองฝ่าย

ที่เหลือเชื่อ ยิ่งขึ้นไปอีก ก็คือ ระหว่างที่น้ำกำลังท่วมหนัก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง กลับเปิดด่านชายแดนด้านแม่สอด-เมียวดี หลังจากที่ปิดมายาวนานนับปี เพราะพิษไอ้พวกโลซก ที่มันแย่งอำนาจเข้าบริหารประเทศ พม่าเพื่อนบ้านของเรา เมินที่จะเจรจาด้วย เพราะ...เขาไม่ชอบขี้หน้า ไอ้เวรตะไลพวกนี้!

ขณะนี้พ่อค้าแม่ขายชายแดนแม่สอด มีรายได้จากเงินที่สะพัดในพื้นที่ วันละ 300 ล้านบาท และมีการประมาณการว่า รายมูลค่าการค้าชายแดน ปี 2555 ทะลุ 100,000 ล้านบาท เห็นกันหรือยังล่ะ!!?

อยากให้ทุกท่าน ลองอ่านความเห็นจากสื่อต่างประเทศ ซึ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่า ความสวยสง่าและความนอบน้อมถ่อมตน ของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกประเทศไทย ทำให้ผู้นำในต่างประเทศเมตตา และท่านเหล่านั้นเชื่อมั่นว่า ผู้หญิงคนนี้มีความจริงใจ ในการที่จะติดต่อกันอย่างเป็นมิตรโดยเสมอกัน อย่างมิต้องสงสัย

ไม่เหมือนไอ้รัฐบาลโลซกสกปรก ที่มีเรื่องกับประเทศเพื่อนบ้านเขาไปทั่ว จนผู้คนพูดกันจนติดปากว่า “ทะเลาะกับเขมร เขม่นพม่า ด่าญวน กวนส้นตีลาว” อย่างที่เคยเล่า ให้ท่านผู้อ่านฟังกันไปแล้ว

ผมเชื่อมั่นว่า ‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’ ที่ชื่อ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ คนนี้ จะเดินนำวงดนตรีและชาวไทยทั้งมวล เข้าสู่เวทีนานาชาติได้อย่างมีเกียรติ ด้วยความสง่างาม อีกครั้ง!!!





หมายเหตุ: เพื่อนทหารเล่าให้ผมฟังว่า บรรดาคนในเครื่องแบบทั้งหลาย ต่างพากันชมเชยว่า

นายกฯปูเดินตรวจแถวกองเกียรติยศ ‘เท่’ เหลือเกิน เพราะเธอช่างสวยสง่าผ่าเผย ท่าทางการเดินเข้าจังหวะเหมาะเจาะ ลงตัวพอดีกับการบรรเลง ของวงดนตรีกองทหารเกียรติยศ ซึ่งผมเองคิดว่า น่าจะเป็นผลพวง จากการเป็น ‘ดรัมเมเยอร์’ ของเธอมาก่อน นั่นเอง

ไม่เหมือนไอ้ตัวหนีทหาร ไอ้เจ้านั่นมัน ‘เดินมือพร้อมตีน’ ส่ายตัวกุบๆกับๆ โคลงเคลงไปมา...น่าทุเรศ!

อายเขา...ชิบหาย!!


ลืมกันหรือยัง...เมื่อ"กบฏ"ออกกฎหมายอภัยโทษให้ตัวเอง

หลัง 19 กันยายน 2549 สิ่งแรกที่ คปค. ประกาศคือ ให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเสีย

แล้วใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตราที่สำคัญอย่างยิ่งคือ มาตรา 36 และ มาตรา 37

ในสถานการณ์ปัจจุบันขอยกแค่ มาตรา37 มาให้เปรียบเทียบ

"มาตรา 37 บรรดาการกระทำทั้งหลายซึ่งได้กระทำเนื่องในการยึด และควบคุมอำนาจการปกครองแผ่นดิน เมื่อวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549 ของหัวหน้า และคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมตลอดทั้งการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าวหรือของผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหรือคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอันได้กระทำไปเพื่อการดังกล่าวข้างต้นนั้น

การกระทำดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่ว่าเป็นการกระทำเพื่อให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ รวมทั้งการลงโทษและการกระทำอันเป็นการบริหารราชการอย่างอื่น ไม่ว่ากระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำหรือผู้ถูกใช้ให้กระทำ และไม่ว่ากระทำในวันที่กล่าวนั้นหรือก่อน หรือหลังวันที่กล่าวนั้น หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมาย ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง"

* * * * *

อ่านกี่ครั้งกี่ครั้งผมก็อดสำลักความอยุติธรรมไม่ได้ เสมือนใครสักคนอัดกรวดทรายยัดลงลำคอทุกที

จริงๆแล้ว มาตรานี้เปรียบดั่งคำสารภาพผิดดีๆนี่เอง

ไหนอ้างว่าต้องทำเพื่อแก้ไขบ้านเมืองให้พ้นจากภัยพิบัติ เมื่อทำความดีแล้วจะผิดได้อย่างไร

แล้วใยจึ่งออกกฎหมายอภัยโทษให้ตนเอง?????

วิถีชน prachatalk.com 17พ.ย.2554

* * * * *

เขาเอามายัดไว้ใน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เรียบร้อยแล้วครับ ไม่ใช่แค่ประกาศ คปค.อย่างเดียว โดยยกเอา ฉบับชั่วคราว มารับรองถาวรจนถึงวันนี้

มาตรา 309 บรรดาการใดๆที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
มีชัย ฤชุพันธุ์

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

80 งานนี้...ไม่ใครๆหรือผมเอง ก็ไม่พ้นภาวะเครียด กับมัน!!

ลืมกันหรือยัง...เมื่อ"กบฏ"ออกกฎหมายอภัยโทษให้ตัวเอง

หลัง 19 กันยายน 2549 สิ่งแรกที่ คปค. ประกาศคือ ให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเสีย

แล้วใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตราที่สำคัญอย่างยิ่งคือ มาตรา 36 และ มาตรา 37

ในสถานการณ์ปัจจุบันขอยกแค่ มาตรา37 มาให้เปรียบเทียบ

"มาตรา 37 บรรดาการกระทำทั้งหลายซึ่งได้กระทำเนื่องในการยึด และควบคุมอำนาจการปกครองแผ่นดิน เมื่อวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549 ของหัวหน้า และคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมตลอดทั้งการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าวหรือของผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหรือคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอันได้กระทำไปเพื่อการดังกล่าวข้างต้นนั้น

การกระทำดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่ว่าเป็นการกระทำเพื่อให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ รวมทั้งการลงโทษและการกระทำอันเป็นการบริหารราชการอย่างอื่น ไม่ว่ากระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำหรือผู้ถูกใช้ให้กระทำ และไม่ว่ากระทำในวันที่กล่าวนั้นหรือก่อน หรือหลังวันที่กล่าวนั้น หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมาย ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง"

* * * * *

อ่านกี่ครั้งกี่ครั้งผมก็อดสำลักความอยุติธรรมไม่ได้ เสมือนใครสักคนอัดกรวดทรายยัดลงลำคอทุกที

จริงๆแล้ว มาตรานี้เปรียบดั่งคำสารภาพผิดดีๆนี่เอง

ไหนอ้างว่าต้องทำเพื่อแก้ไขบ้านเมืองให้พ้นจากภัยพิบัติ เมื่อทำความดีแล้วจะผิดได้อย่างไร

แล้วใยจึ่งออกกฎหมายอภัยโทษให้ตนเอง?????

วิถีชน prachatalk.com 17พ.ย.2554

* * * * *

เขาเอามายัดไว้ใน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เรียบร้อยแล้วครับ ไม่ใช่แค่ประกาศ คปค.อย่างเดียว โดยยกเอา ฉบับชั่วคราว มารับรองถาวรจนถึงวันนี้

มาตรา 309 บรรดาการใดๆที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
มีชัย ฤชุพันธุ์

@ 4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"
@ 027 Pictures...Bangkok Underwater 26 October 2011
@ 029 ชมภาพชุด! นายกฯปูลงเรือเยี่ยมประชาชนเขตดอนเมืองที่ถูกน้ำท่วมขัง...และภาพสวยๆจากสื่อมะกัน
@ 06 ทหารลูกผู้ชายจริง มีหรือไม่? นายกฯปู..จะเรียกตัวมาใช้งานได้ถูก..คน
@ 07 อ.จูงลา จะล่ารายชื่อไล่นายกฯปู ถาม ปชช. 16 ล้านเสียง หรือยัง???
@ ด้วยความเคารพ...ผมรู้สึกว่าพวกกระบวนการโป้งๆชึ่ง มันอยากให้กรุงเทพฯวิบัติจากน้ำท่วม
@ ชมภาพสวยๆทั้ง 3 ชุด บาหลี-ต้อนรับฮิลลารี-บันคีมูนที่ทำเนียบฯ
@ ทำไม? ทำไม?? ทำไม????????????
@ 08 เห็นด้วยไหม ว่าความเป็นจริง ประเทศไทย เกิดปัญหา จากความไม่กล้า และกฎหมายปัญญาอ่อน
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย
@ ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554
@ "ดร.สุนัย" เอาจริง ยื่นเอกสาร "ศาลอาญาระหว่างประเทศ"
@ แจกปฏิทิน พ.ศ.2555 ครับ เชิญคลิกโหลดที่นี่...
@ "เจ้าอาวาสวัดดอนเมืองจำได้ นายกฯ "ด.ญ.ปู" ทะเลาะกับหมาแมว
@ ชมภาพชุด&Clip...งานแต่งน้องเอม12ธ.ค.54
@ รำค๊าญ..รำคาญที่ยังมีคนพูดว่าอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯตามระบอบประชาธิปไตย

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...

งานนี้...ไม่ใครๆหรือผมเอง ก็ไม่พ้นภาวะเครียด กับมัน!!
By: ธนวุฒิ ดุษฎีปัญจพร

ยามนี้ใครๆที่บ้านโดนน้ำท่วมเหมือนผมคงไม่พ้นภาวะเครียดกับ"น้องน้ำ"ซึ่งคงจะเครียดไม่แพ้กัน..."เมื่อไหร่จะให้กูลงทะเลซะทีว่ะไอ้มนุษย์ปิดๆกั้นๆกันอยู่ได้"

และก็เพราะ"น้องน้ำ"หาทางลงทะเลไม่เจอนี่แหละ ทำเอาชาวบ้านชาวเมืองจะไปทำธุระปะปังไปไหนมาไหนก็ลำบากลำบน ตำรวจจราจรท่านก็ปิดโน่นกั้นนี่ทำเอาถนนเครียดตามไปด้วยรถยนต์รถเมล์คนโดยสารรถประจำทางต้องเปลี่ยนเส้นทางกันให้วุ่นวาย

ภาวะเครียดที่ตามมาอีกอย่าง...ก็ขโมยขโจรที่มากับสายน้ำนั่นแหละ สมัยนี้มันไม่ได้งัดประตูบ้านเหมือนเก่า แต่มันปีนขึ้นหลังคางัดกระเบื้องลงมา แถมเอารถปิ๊กอัพจอดหน้าบ้านขนทรัพย์สินจนเกลี้ยง มากัน 3-4 คนทำกันอย่างเอิกเกริกเหมือนเจ้าของจะย้ายบ้านเนียนขนาดบ้านข้างๆไม่สงสัยละกัน พอข่าวบ้านนี้โดนยกเค้ากระจายก็พากันเครียดไปทั้งหมู่บ้าน ตัวใครตัวมันระแวดระวังกันเอาเอง จะไปไหนมาไหนก็เครียดจนไม่กล้าทิ้งบ้านต้องมีคนอยู่เฝ้าตลอดเวลา

ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมเป็นเพราะหลายๆโรคที่ประดังกันเข้ามา ผมมีนัดกับคุณหมอที่ รพ.ติดๆกัน เริ่มจากรับยาความดันโลหิตสูง, รับยาแผนกตา, แผนกหูคอจมูกนัดตรวจไซนัส, แผนกศัลยกรรมกระดูกฯบอกว่ากระดูกต้นคอเสื่อม ต้องทำกายภาพบำบัดที่เวชศาสตร์ฟื้นฟูทุกจันทร์-อังคาร-พฤหัสฯ วันนัดหลายๆแผนกรวมกันจนผมสับสนอลหม่านจำไม่ได้ เอาเป็นว่าผมต้องไป รพ.เกือบจะทุกวันนั่นแหละ

ไหนจะเครียดกับ"น้องน้ำ" เครียดกับสารพัดโรคที่ประดังเข้ามาเยือน พะวงกับขโมยขโจรจนต้องวุ่นวายหาคนเฝ้าบ้าน วันที่ 16 พ.ย.คุณหมอนัดตรวจผลการรักษาที่ผ่านมาบอกว่าผมจะต้องทำกายภาพอีก 1 เดือนพอจะมีเวลาหรือขัดข้องไหม ผมไม่ปฏิเสธและบอกว่าขอเปลี่ยนวันนัดเป็นวันอื่นเพราะลูกชายที่กำลังเรียนวิศวฯคอมเทอมสุดท้ายมีตารางเรียนเวลา 18.00 น.จะได้อาศัยเฝ้าบ้าน คุณหมอตกลงและให้ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ด้านนอก วันนั้นผมจำวันผิดจึงขอเปลี่ยนเป็นจันทร์-พุธ-ศุกร์

จะเอาอะไรกับคนแก่อายุ 64 ความจำหลงๆลืมๆล่ะอีหนูเอ๊ย... เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ผมก็ขอเปลี่ยนจากวันจันทร์เป็นวันอังคารส่วนวันอื่นๆคงเดิม คิดว่าคงจะได้รับการตอบสนองที่ดีเหมือนวันก่อน แต่ผิดคาดครับเพราะวันนี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่คนเดิมแต่เป็น"หัวหน้างานกายภาพบำบัด"มารับเรื่องเอง ท่านมองผมตาเขียว ท่านบอกว่าผมยุ่งนักเปลี่ยนกลับไปกลับมาอยู่ได้ ผมบอกว่านี่เป็นนัดชุดที่สองแล้ว นัดชุดแรกจันทร์-อังคาร-พฤหัสฯ สำหรับชุดที่สองนี้ผมขอเปลี่ยนเป็นอังคาร-พุธ-ศุกร์ เพราะลูกชายที่กำลังเรียนวิศวฯคอมเทอมสุดท้ายมีตารางเรียนเวลา 18.00 น.จะได้อาศัยเฝ้าบ้าน ท่านก็บ่นอีกว่ายุ่งเปลี่ยนกลับไปกลับมาไม่แน่นอน

เท่านั้นแหละครับความดันผมพุ่งปรี๊ดไปถึง 190/110(วัดความดันเมื่อ 5 นาทีต่อมา) ทั้งๆที่อุตส่าห์ประคับประคองให้อยู่ที่ 125/83 มาตลอด ผมสวนกลับคุณจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนบอกมา ท่านบอกว่าเปลี่ยนเป็นวันอื่นคนไข้เยอะ ผมว่าเยอะอะไรก็เห็นมีคนไข้อยู่เท่านี้(ไม่เกิน 10 ราย-แผนกอื่นมีคนไข้วันละไม่ต่ำกว่า 100 ราย)

ท่านหัวหน้าต่อปากต่อคำกับผมก็ประโยคเดิมๆนั่นแหละวนกลับไปกลับมา ท้ายสุดผมก็ทนไม่ไหวเลยกระแทกเสียงดังกลับไป...วันนี้ทำใจเย็นๆมาตั้งแต่เช้าแล้ว นี่ความดันคงจะขึ้นถึง 200 ถ้าวัดแล้วไม่ลดลงกูจะเอาเรื่องมึง...

จากนั้น"เจ้าหน้าที่ธุรการ"ก็เข้ามาสอบถามและจัดการเรียบร้อยเป็นไปตามความต้องการของผม ก็ต้องขอขอบคุณความมีน้ำใจมา ณ โอกาสนี้ครับ

ตั้งแต่ผมเข้ามารักษาที่แผนกนี้เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ความประทับใจอยู่ที่"หัวหน้าห้องตรวจเวชศาสตร์ฟื้นฟู"และ"เจ้าหน้าที่ธุรการ"ผู้มีอัธยาศัยดีเป็นมิตรกับคนไข้ เท่าที่ผมสังเกตการปฏิบัติงานของบุคลากรนักกายภาพบำบัดในแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูส่วนมาก99%จะอัธยาศัยดีอะลุ่มอล่วยและเป็นกันเองกับคนไข้ทุกๆคน

แต่กับ"หัวหน้างานกายภาพบำบัด"ท่านคงมีภาระหนักและมีลูกน้องใต้บังคับบัญชามากหน้าหลายคน ผมคิดว่าท่านคงจะสับสนและเครียดกับงาน ก็เลยเหมารวมเอาคนไข้เป็นลูกน้องเข้าไปด้วย อิอิ...ผมเห็นนะครับ 10 โมงกว่าๆท่านยังคลายเครียดเดินสำรวจอะไรก็ไม่รู้ที่ห้องอาหารของ รพ.หรือว่ามี Coffee Break เหมือน รพ.เอกชนเค้า!!

เรียนท่าน ผอ.ภาสกร จะเป็นพระคุณอย่างเหลือล้นกับคนไข้ท่านอื่นๆ ขอความกรุณาอย่าให้ท่านหัวหน้าคนนี้ออกมาประสานงา(งาน)กับคนไข้ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้สูงอายุเดี๋ยวท่านเหล่านี้จะช็อก...เพราะความดันโลหิตพุ่งปรี๊ดเหมือนผมนะครับ

ท่าน ผอ.ครับ ฝากให้ท่านพิจารณา ผมว่าท่านหัวหน้าคนนี้ไม่เหมาะกับงานที่จะต้องพบปะหรือให้บริการคนไข้นะครับ แต่ถ้าจะให้ท่านแต่งตัวแต่งหน้าสวยๆแล้วไปยืนกระพุ่มมือไหว้ต้อนรับคนไข้ที่ทางเข้าอาคารเฉลิมพระเกียรติคิดว่าคงจะทำไม่ได้อีกเพราะมือท่านแข็งกระด้างเกินไป ตามความคิดเห็นของผมท่านหัวหน้าคนนี้น่าจะเหมาะกับงานธุรการติดต่อประสานงานภายใน รพ.มากกว่า เพราะจะได้ศึกษาว่าใน รพ.ยังมีผู้บังคับบัญชาที่เหนือกว่าการเป็น"หัวหน้างานกายภาพบำบัด"อีกหลายท่าน... และเป็นโอกาสดีที่ท่านหัวหน้าคนนี้จะได้deleteทัศนคติเดิมๆกับความเป็นเจ้าคนนายคนทิ้งไป แล้วprogramการเป็นผู้ให้บริการที่ดีเข้าไปแทนที่ เพื่อให้สมกับคำขวัญที่ว่า "ข้าราชการคือผู้ตั้งใจปฏิบัติงานให้ประชาชนชื่นใจ"

ดูรูปดูคลิปด้านล่าง...คลิปนี้ผมตั้งใจทำหน้าเบลอๆนะครับ...อิอิ


แนะนำให้อ่านบทความนี้นะครับ...

ข้าราชการยุคใหม่กับการให้บริการสู่ความเป็นเลิศ
By: น.ส.อาทิตยา พรมปา งานสนับสนุนการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ม.รามคำแหง

การให้บริการประชาชนของรัฐนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของประชาชนทั่วไปทุกคน เมื่อมีคนเข้ามาเกี่ยวข้องมากปัญหาหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นก็ย่อมมีตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นในการปฏิบัติราชการเพื่อให้บริการประชาชน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องโดยจะต้องทราบว่าตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมายและระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องนั้น ประชาชนมีสิทธิและมีหน้าที่อย่างไรบ้าง และในทางกลับกันเจ้าหน้าที่มีอำนาจและหน้าที่อย่างไรบ้างทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดปัญหาขึ้นตั้งแต่แรก

ข้าราชการยุคใหม่ควรปฏิบัติตนอย่างไร

ข้าราชการยุคใหม่ควรปฏิบัติตนดังเช่นที่ปราชญ์ชาวจีนกล่าวไว้ว่า "ข้าราชการที่ดี ที่ฉลาด ต้องทำตัวเหมือนแม่น้ำ ทะเล มหาสมุทรอยู่ที่ต่ำเสมอ และคอยรับน้ำจากทุกทิศทุกทางของโลก และทำให้โลกชุ่มฉ่ำ ข้าราชการมีหน้าที่รองรับความทุกข์และให้ความสุข(บริการ)แก่ประชาชน เมื่อใดข้าราชการทำตัวเหมือนอยู่บนยอดภูเขา ประชาราษฎร์จักต้องตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นไปหา เมื่อนั้น ความห่างเหินก็จะเกิดขึ้นและไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลอย่างแน่นอน"

ข้าราชการยุคใหม่ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1. มีบุคลิกสง่างาม น่าคบ และรู้จักใช้ความคิด มีทักษะกระบวนทัศน์ (Conceptual Skill) รู้กาลเทศะ

2. มีบุคลิกยิ้มแย้มแจ่มใส มีชีวิตชีวา เข้าลักษณะ V - UP มีความกระตือรือร้น (Vivid)

3. มีความเข้มแข็ง (Value)

4. พูดจาสุภาพ เรียบร้อย มีน้ำเสียงน่าฟัง

5. รู้จักค้นหาความต้องการของผู้รับบริการ (ประชาชน)

6. มีจิตสำนึกในการให้บริการ (Service Mind)

7. ทำให้ผู้ใช้บริการ (ลูกค้า ประชาชน) พึงพอใจ ประทับใจ

ทั้งนี้อาจยึดหลัก 6 S’s คือ Smart Smile Speak Seek Service และ Satisfaction



เชิญแสดงความคิดเห็น...ไม่เห็นboxคลิกที่นี่!!

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

79 "น้ำตาแห่งความปลื้มปิติ"ที่นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 5 พ.ย.54

ลืมกันหรือยัง...เมื่อ"กบฏ"ออกกฎหมายอภัยโทษให้ตัวเอง

หลัง 19 กันยายน 2549 สิ่งแรกที่ คปค. ประกาศคือ ให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเสีย

แล้วใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตราที่สำคัญอย่างยิ่งคือ มาตรา 36 และ มาตรา 37

ในสถานการณ์ปัจจุบันขอยกแค่ มาตรา37 มาให้เปรียบเทียบ

"มาตรา 37 บรรดาการกระทำทั้งหลายซึ่งได้กระทำเนื่องในการยึด และควบคุมอำนาจการปกครองแผ่นดิน เมื่อวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549 ของหัวหน้า และคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมตลอดทั้งการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าวหรือของผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหรือคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอันได้กระทำไปเพื่อการดังกล่าวข้างต้นนั้น

การกระทำดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่ว่าเป็นการกระทำเพื่อให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ รวมทั้งการลงโทษและการกระทำอันเป็นการบริหารราชการอย่างอื่น ไม่ว่ากระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำหรือผู้ถูกใช้ให้กระทำ และไม่ว่ากระทำในวันที่กล่าวนั้นหรือก่อน หรือหลังวันที่กล่าวนั้น หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมาย ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง"

* * * * *

อ่านกี่ครั้งกี่ครั้งผมก็อดสำลักความอยุติธรรมไม่ได้ เสมือนใครสักคนอัดกรวดทรายยัดลงลำคอทุกที

จริงๆแล้ว มาตรานี้เปรียบดั่งคำสารภาพผิดดีๆนี่เอง

ไหนอ้างว่าต้องทำเพื่อแก้ไขบ้านเมืองให้พ้นจากภัยพิบัติ เมื่อทำความดีแล้วจะผิดได้อย่างไร

แล้วใยจึ่งออกกฎหมายอภัยโทษให้ตนเอง?????

วิถีชน prachatalk.com 17พ.ย.2554

* * * * *

เขาเอามายัดไว้ใน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เรียบร้อยแล้วครับ ไม่ใช่แค่ประกาศ คปค.อย่างเดียว โดยยกเอา ฉบับชั่วคราว มารับรองถาวรจนถึงวันนี้

มาตรา 309 บรรดาการใดๆที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
มีชัย ฤชุพันธุ์

@ 4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"
@ 027 Pictures...Bangkok Underwater 26 October 2011
@ 029 ชมภาพชุด! นายกฯปูลงเรือเยี่ยมประชาชนเขตดอนเมืองที่ถูกน้ำท่วมขัง...และภาพสวยๆจากสื่อมะกัน
@ 06 ทหารลูกผู้ชายจริง มีหรือไม่? นายกฯปู..จะเรียกตัวมาใช้งานได้ถูก..คน
@ 07 อ.จูงลา จะล่ารายชื่อไล่นายกฯปู ถาม ปชช. 16 ล้านเสียง หรือยัง???
@ ด้วยความเคารพ...ผมรู้สึกว่าพวกกระบวนการโป้งๆชึ่ง มันอยากให้กรุงเทพฯวิบัติจากน้ำท่วม
@ ชมภาพสวยๆทั้ง 3 ชุด บาหลี-ต้อนรับฮิลลารี-บันคีมูนที่ทำเนียบฯ



"ยิ่งลักษณ์" น้ำตาคลอ ย้ำไม่เคยท้อเพราะได้กำลังใจจากประชาชน ให้คำมั่นจะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปอย่างเร็วที่สุด
By: มติชน แมวน้ำสีคราม

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน 2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาไทย(มท.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เดินทางมายังบริเวณลานหน้าศากลางจังหวัดนครสวรรค์เยี่ยมชมการจัดกิจกรรม "บำบัดทุกข์ บำรุง ราษฎร์-รัฐรวมใจ เพื่อผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.นครสวรรค์" ซึ่งมีประชาชนจากอำเภอต่างๆ จำนวนมากมาให้กำลังใจ


นายกฯยิ่งลักษณ์ ได้รับมอบสิ่งของจากผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคตามแผนฟื้นฟูช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลด มอบเมล็ดพันธุ์พืชแก่ตัวแทนเกษตรกร และมอบเงินช่วยเหลือครัวเรือนที่ประสบภัยน้ำท่วม จำนวน 36,498 ครัวเรือน คิดเป็นเงิน 182 ล้านบาทเศษ


นายกฯยิ่งลักษณ์ ได้ทักทายประชาชนที่มาร่วมกิจกรรม และได้ร่วมประกอบอาหารกลางวัน คือ ผัดกระเพราหมูสับ และตักแจกจ่ายให้ประชาชนมารอรับข้าวกล่องจากนายกจำนวนมาก



นายกฯยิ่งลักษณ์ กล่าวปราศรัยทักทายว่า ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ชาวนครสวรรค์ต้องประสบอุทกภัย รัฐบาลทราบดีว่าประชาชนเดือดร้อนขนาดไหน การที่ได้เดินทางกลับมานครสวรรค์วันนี้รู้สึกดีใจ ที่น้ำที่เคยท่วมลดลง เห็นสีหน้าชาวบ้านยิ้มแย้มแจ่มใสอีกครั้ง สิ่งที่ผ่านมา 2 เดือนทำให้คนนครสวรรค์มีความเข้มแข็ง ที่ต้องต่อสู้กับมหาอุทกภัยครั้งนี้ น้ำท่วมในจังหวัดนครสวรรค์สิ่งหนึ่งที่ได้เห็นคือความรัก ความสามัคคีของประชาชน ที่ร่วมกันต่อสู้ มีธารน้ำใจจากทุกภาคส่วนหลั่งไหลมาช่วยเหลือ


ยังมีอีกหลายจังหวัดที่น้ำยังท่วมอยู่ ซึ่งจะต้องร่วมกันต่อสู้อย่างชาวนครสวรรค์ ซึ่งเป็นต้นแบบของความอดทน ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องฟื้นฟูจิตใจ ด้วยการทำความสะอาด และให้ความช่วยเหลือหลังน้ำลด นอกจากจะฟื้นฟูจิตใจคนไทยแล้วแล้ว ยังเป็นการฟื้นความเชื่อมั่นของคนไทยและความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติ ที่กำลังจับตาดูการต่อสู้ปัญหาของคนไทยอยู่ ดังนั้นเราต้องสร้างความมั่นใจให้ชาวต่างชาติได้รับรู้


"การฟื้นฟูดูแล การเยียวยาให้ความช่วยเหลือ ถนนหนทางจะต้องทำให้เรียบร้อยภายใน 45 วัน ทุกอย่างต้องกลับสู่ภาวะปกติภายใน 45 วันจากนี้ เพราะประชาชนทนทุกข์มานานมานาน ขอยืนยันว่าดิฉันไม่เคยท้อถอย เพราะรู้ว่าทุกครั้งที่ท้อถอย ก็มีกำลังใจจากประชาชน ขอให้ชาวนครสวรรค์เป็นตัวอย่างของจังหวัดอื่นๆ ให้รู้ถึงความเข้มแข็ง ว่าเราจะฟื้นฟูและเดินหน้าทำให้ทุกอย่างเป็นปกติเหมือนเดิม ด้วยความสามัคคี และทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไป


วันนี้เราผ่านโรคร้ายมาแล้ว ถือเป็นวันดีที่จะทำให้จังหวัดนครสวรรค์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว" นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและมีน้ำตาคลอเบ้า โดยน้ำเสียงของนายกรัฐมนตรีจะหายเป็นห้วงๆ ทำให้ผู้ร่วมงาน ส.ส.และรัฐมนตรีที่ยืนด้านหลังนายกฯ ถึงกับนิ่งเงียบ ก่อนที่จะมีเสียงตะโกน ขอให้นายกสู้ๆ ต่อไป และจบลงด้วยเสียงโห่ร้องให้กำลังใจนายกฯอย่างกึกก้องจากประชาชนชาวนครสวรรค์...


จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกองทัพที่เป็นกำลังหลักในการช่วยเหลือประชาชนจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้

นอกจากนายกฯยิ่งลักษณ์ จะเดินทักทายกับประชาชนแล้ว นายกรัฐมนตรียังได้ร่วมกิจกรรมทาสีบ้านของ น.ส.ณัฐนันท์ ศิริวรรณ และ นางทัศนีย์ ศิริวรรณ ชาวชุมชนวัดพรมจริยาวาส ซึ่งได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมด้วย ก่อนจะนั่งรถตรวจความเสียหายและการฟื้นฟูหลังน้ำลดภายในตัวเมืองนครสวรรค์ จากนั้นจึงเดินทางกลับ


Comment...

เมื่อผมได้เห็นน้ำตาจากผู้นำหญิงใจเพชร ผู้ที่ไม่เคยโทษ ไม่เคยให้ร้ายใคร เธอเพียงมุ่งไปข้างหน้าเพราะเห็นแก่ความสำคัญของประชาชนมาก่อนสิ่งอื่นใด เป็นน้ำตาที่หลั่งด้วยความเสียใจต่อการสูญเสียและบอบช้ำของประชาชน เห็นแล้วตื้นตันใจครับ...นายกหญิงแกร่ง"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"

และผมอยากจะบอกว่า...

"ผมและครอบครัวตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกเธอเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย..."




ภาพกษัตริย์และราชินีนอร์เวย์ทรงซับน้ำตา ขณะเสด็จไปร่วมพิธีไว้อาลัยให้กับเหยื่อในเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชน 93 ศพ

อัลบั้มภาพน้ำตาผู้นำ...คลิกที่นี่

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า

"ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ล้วนแต่ต้องหลั่งน้ำตาและสะเทือนใจกับความทุกข์ยากของประชาชน มีแต่เผด็จการและทรราชย์เท่านั้นที่เพิกเฉยกับการบาดเจ็บและล้มตายของราษฎร"

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

78 ความลับไม่มีในโลก...ในที่สุด ข้อสงสัย"ปล่อยน้ำเพื่อฆ่ายิ่งลักษณ์" ก็เป็นความจริง

@ 4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"
@ 026 โตไปไม่โกง???
@ 01 คุณปูครับ...ปรับเปลี่ยนงาน ปชส.ของรัฐบาลและ ศปภ.ได้แล้ว
@ 68> นายกฯปูเฉียบขาด งัดม.31พ.ร.บ.ป้องกันฯยึดอำนาจ กทม.
@ Pictures...Bangkok Underwater 26 October 2011
@ 69> ระหว่าง นายกฯอภิสิทธิ์ กับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ใครควรถูกตำหนิมากกว่ากัน
@ หลังน้ำลด แนะนายกฯปูจัดให้หนัก "เคลียร์บิล" ยกเครื่อง
@ 03 สองเขื่อนยักษ์ ปริศนาลับ! กำจัดปู! บทพิสูจน์น้ำ"หมื่นล้านคิว" มาจากไหน? ใครวางงาน?
@ Login"เรารักความดี" โต้กลับ ปชป. "ใครกันแน่ที่บริหารน้ำผิดพลาด"
@ 029 ชมภาพชุด! นายกฯปูลงเรือเยี่ยมประชาชนเขตดอนเมืองที่ถูกน้ำท่วมขัง...และภาพสวยๆจากสื่อมะกัน



ในที่สุด ข้อสงสัย"ปล่อยน้ำเพื่อฆ่ายิ่งลักษณ์" ก็เป็นความจริง
By: ปลายอ้อกอแขม

ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิด มันจะมิดได้อย่างไร ที่สุภาษิตไทยว่าไว้ ก็เป็นความจริง ว่าน้ำท่วมใหญ่ขนาดนี้ มันต้องมีสาเหตุ ถึงแม้ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติส่วนหนึ่งก็จริง แต่ในที่สุด ก็รู้จนได้ว่ามันเป็นภัยจากน้ำมือมนุษย์ร่วมกระทำด้วย...สาระเลว

ที่พูดๆกันว่า ท่วมครั้งนี้เป็นน้ำท่วมการเมือง ที่พูดกันว่าปล่อยน้ำเพื่อฆ่ายิ่งลักษณ์ ที่พูดว่าปล่อยน้ำเพื่อทำลายรัฐบาล ของ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช เมื่อวันก่อน ทั้งหมดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น...ชัดครับ!

กรุณาอ่านข่าวที่ผมแปะลิ้งค์ไว้สักนิดครับ แล้วท่านจะซาบซึ้ง มาถึงบางอ้อ แล้วเลยต่อมาบางพลัดที่น้ำกำลังท่วมอยู่...จากมติชน

"เจ๊ะอามิง" หอบข้อมูลแฉรัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารน้ำผิดพลาด กักน้ำจนเขื่อนวิกฤต

นายเจ๊ะอามิง โต๊ะตาหยง รมช.มหาดไทยเงาพรรคประชาธิปัตย์ นำสถิติระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลมาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อให้เห็นว่าระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลยุคที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ บริหารงานสูงถึง 9 พันล้านลูกบาศก์เมตรในวันที่ 3 สิงหาคม แต่ปล่อยให้น้ำสูงถึง 1.3 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรจึงค่อยปล่อยน้ำออกมา แตกต่างจากรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่จะพร่องน้ำจากเขื่อนเมื่อระดับน้ำสูงไม่เกิน 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร แต่ทำไมรัฐบาลชุดนี้กับปล่อยให้ระดับน้ำสูง 1.3 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรค่อยปล่อยน้ำ ถือว่าเกินระดับที่เขื่อนจะรับไหว เท่ากับตั้งใจให้เกิดน้ำท่วมใช่หรือไม่

สิ่งที่พูดไม่ใช่การโยนความผิดไปมา เพราะข้อมูลนำมาจากสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ได้ที่http//tiwrm.haii.or.th แต่ก็ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะปิดข้อมูลน้ำที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวหรือยัง

คำพูดนี้ ถ้าคนที่ยังมีสติบริบูรณ์แล้ว คงจะไม่พูด เพราะมันเป็นการฆ่าตัวเอง แต่เพราะเทพยดา พระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมืองพระทรงเมือง ที่ปกปักรักษาประเทศไทย ได้ดลใจให้คนชั่วเปิดเผยตัวเองออกมา เพื่อให้คนได้รู้ได้เห็นว่า อ้ายพวกนี้คือคนชั่วที่แฝงตัวเป็นนักการเมือง แต่กลับทำร้ายประชาชน ทำร้ายพี่น้องไทยกันเองอย่างสาหัส เพื่อหวังผลทางการเมืองเท่านั้น..เทวดาก็ทนไม่ได้

เทพยดาดลใจให้นายเจ๊ะอามิง โต๊ะตาหยง พูดเพื่อเปิดเผยความเลวชั่วของพรรคการเมืองของตนเอง ที่ทำร้ายประชาชน จนหมดเปลือก...ดังนี้

1. วันที่ 3 สิงหา น้ำในเขื่อนภูมิพลสูง 9 พันล้านลูกบาศก์เมตร
2. ปล่อยให้น้ำสูงถึง 1.3 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร
3. ถ้าเป็นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะรีบพร่องน้ำจากเขื่อนเมื่อระดับสูงไม่เกิน 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร

นั่น ก็หมายความว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ตั้งใจให้เกิดน้ำท่วมใช่หรือไม่...สรุปว่าเล๊วเลว!

ถ้าใคร ไม่มีความจำสั้นเหมือนปลาทอง ที่จำได้แค่ 4 วินาที แล้วก็ลืมหมด คงจำได้ว่านายกฯยิ่งลักษณ์ ผ่านการเป็นนายกฯตามกระบวนการรัฐธรรมนูญปี 50...อย่างไร?

3ก.ค.54 เลือกตั้งเสร็จ กว่า กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งใช้เวลา 30 วัน ก็ตรงกับวันที่ 3 สิงหา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่ได้บริหารประเทศ...ใช่หรือไม่?

แล้วช่วงนั้น นายอภิสิทธิ์ ยังเป็นนายกฯรักษาการอยู่...ใช่หรือไม่?

วันที่ 8 สิงหาคม มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี...ใช่หรือไม่?

แล้วช่วงนั้น นายอภิสิทธิ์ ก็ยังเป็นนายกฯรักษาการอยู่...ใช่หรือไม่?

วันที่ 8-22 สิงหาคม มีการจัดทำกรอบนโยบายบริหารประเทศของพรรคการเมือง เพื่อแถลงต่อรัฐสภา...ใช่หรือไม่?

แล้วช่วงนั้น นายอภิสิทธิ์ ก็ยังเป็นนายกฯรักษาการอยู่...ใช่หรือไม่?

วันที่ 23-25 สิงหาคม เป็นวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา มีการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลในสภาอยู่...ใช่หรือไม่?

แล้วช่วงนั้น นายอภิสิทธิ์ ก็ยังเป็นนายกฯรักษาการอยู่...ใช่หรือไม่?

วันที่ 26 สิงหาคม นายกฯยิ่งลักษณ์ประชุมข้าราชการระดับสูง เพื่อชี้แจงนโยบายของรัฐบาลต่อกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ...ใช่หรือไม่?

แล้ววันนั้น นายอภิสิทธิ์ ยังเป็นนายกฯรักษาการอยู่...หรือไม่?

จากวันที่ 3 กรกฎาคม-ถึงวันที่ 26 สิงหาคม ถือว่านายอภิสิทธิ์ แห่งพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นนายกฯรักษาการอยู่ มีอำนาจสั่งการในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อยู่แล้ว แต่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารงานเต็มตัวเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2554...ใช่มั๊ยครับ?

แล้วสิ่งที่นายเจ๊ะอามิง โต๊ะตาหยง สส.ภาคใต้ รัฐมนตรีเงา ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำหลักฐานข้อมูลน้ำมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน กล่าวหาว่ายิ่งลักษณ์ ตั้งใจให้เกิดน้ำท่วม...มันบ้าหรือเปล่า?

หากวันที่ 3 สิงหามีมวลน้ำในเขื่อนภูมิพล 9 พันล้านฯจริง แล้วเหตุไฉนนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นนายกฯรักษาการณ์อยู่ ทำไมไม่สั่งการให้"พร่อง"น้ำออกมา...ทำไมครับ?

จากวันที่ 3-26 สิงหาคม ก่อนที่ยิ่งลักษณ์จะเข้ามาบริหารงาน มวลน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่...อ้ายมาร์คมันทำอะไรอยู่?

เพื่อนๆครับ หากดูตามข้อมูลนี้ น้ำในเขื่อนสูงขึ้นมากตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม ในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่ แต่มิได้มีการดำเนินการใดทั้งสิ้น ปล่อยให้น้ำล้นเขื่อนถึงระดับ 1.3 หมื่นล้านลูกบาศก์ จนมาถึงวันที่ยิ่งลักษณ์เข้ามาบริหารงานเต็มตัว เมื่อ 27 สิงหา ยิ่งลักษณ์จึงเริ่มดำเนินการ...แล้วมาด่ายิ่งลักษณ์ว่าต้องการให้น้ำท่วม!

ดีนะ ที่เทวดาดลใจให้คนชั่วมันอ้าปากพูดความจริง เข้าใจว่ามันคงอยากจะพูดอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่อย่างนี้ แต่เทวดาดลใจให้มันพูดออกมาอีกอย่างนี้ เพื่อประจานความเลวชั่วของพวกมัน...ด้วยปากของพวกมัน

ความจริงเปิดเผยแล้วครับ ความจริงที่ว่า "ใครวางยา"หวังทำลายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ให้จมน้ำตาย น้ำท่วมการเมือง เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องร่วมชาติแต่อย่างใด เพื่อที่พวกมันจะได้กลับมาเสวยอำนาจอีกครั้ง...เห็นแล้วใช่มั๊ย!!!





ตอนนี้"พวกเขา"กลัวยิ่งลักษณ์มากกว่าทักษิณ
(กระทู้ที่โพสต์แล้วโดนลบ 2 ครั้งในราชดำเนิน พันติ๊บ)
By: บุคคลไปทั่ว 03 November 2011

ตามหัวข้อกระทู้ที่จั่วไว้นั้นเป็นเรื่องจริงครับ เพราะผมมีพรรคพวกเป็นเพื่อนสนิทกับคนในพรรคเก่าแก่หลายคน

สมัยทักษิณตั้งพรรคใหม่แล้วชนะเลือกตั้ง "พวกเขา" เกิดอาการงงและตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะสรุปว่า

"คนไทยเห่อของใหม่"

พร้อมทั้งปรามาสว่า "ไอ้หน้าจืด" (ตอนนั้นฉายาหน้าเหลี่ยมยังไม่เกิด) ที่เป็นพ่อค้า ไม่มีประสบการณ์การเมืองจะไปได้สักกี่น้ำ แถมนโยบายก็เพ้อเจ้อ เพ้อฝัน พร้อมกับเอานโยบายมาแปะที่บันไดเดินเหยียบ หัวร่อต่อกระซิกกันคิกคัก

แต่พอทักษิณบริหารประเทศ เป็นรัฐบาลชุดแรกจากการเลือกตั้งที่อยู่ครบเทอม ก็เริ่มจะหัวเราะไม่ออก

พอเลือกตั้งครั้งที่สองทักษิณกลับมาอย่างถล่มทลาย การล้มรัฐบาลจึงเริ่มอย่างเป็นขบวนการอย่างเปิดเผย

แต่อย่าลืมว่า รัฐบาลทักษิณไม่ได้ล้มเพราะขบวนการเหล่านี้ แต่ล้มเพราะการยึดอำนาจเอาดื้อๆ ตอนเขาไม่อยู่ แต่การทำแบบนั้นมันใช้ไม่ได้ในปัจจุบันแล้ว

รัฐบาลสมัคร สมชายก็ไม่ได้ล้มลงเพราะขบวนการม็อบอะไรทั้งสิ้น แต่ล้มเพราะอะไรคงทราบกันดี ซึ่งวิธีเหล่านี้ไม่อาจหน้าด้านเอามาใช้ซ้ำสองได้อีกต่อไปแล้ว

เพราะไม่เพียงแต่ประชาชนจะรู้ทันเท่านั้น ต่างชาติก็จ้องมองอยู่อย่างตาไม่กระพริบ

สำหรับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ "พวกเขา" แม้มิได้ประมาทเนื่องจากบทเรียนจากพี่ชาย แต่ก็ยังประเมินเธอต่ำไปอีกจนได้

"พวกเขา" ปรามาส ดูเบา ในความเป็นผู้หญิงของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ คิดว่าอย่างไรผู้หญิงก็คงเป็นผู้หญิงวันยังค่ำ

พอเจอปัญหา เจอแรงกดดัน เจอการใส่ร้ายป้ายสี วิชามารเข้าก็คงจะถอดใจ ร้องไห้ขี้มูกโป่ง ถอนสมอไปเอง

แต่พวกเขาประเมินผิด เป็นอย่างไรท่านที่ติดตามข่าวสารข้อมูลการเมืองคงจะทราบดีอยู่แล้วโดยมิต้องอธิบายให้มากความ

ถึงวันนี้ "พวกเขา" จึงออกอาการพล่าน และออกหมัดสะเปะ สะปะ ตั้งแต่หัวแถวยันท้ายขบวน

กระทู้ในราชดำเนินพิสูจน์สิ่งเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

ทุกวันนี้ "พวกเขา" กลัวยิ่งลักษณ์ มากกว่า ทักษิณ เพราะเธอได้ซึมซับ หลอมหลวมเอาประสบการณ์ ข้อผิดพลาดมาหลอมรวมตกผลึกอยู่ในตัวเธอ

และสิ่งสำคัญที่ทักษิณไม่มี แต่ยิ่งลักษณ์มี นั่นก็คือ

ความเข้มแข็ง อดทน อดกลั้น และธาตุทรหดของ "เพศแม่" ที่ธรรมชาติประทานให้แก่ผู้หญิงทุกคน

ไม่งั้นโบราณคงไม่บอกหรอก "ดาบก็แกว่ง เปลก็ไกว"!!!!


วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

77 ดูคลิปวีดีโอชัดๆ "นายกฯยิ่งลักษณ์" ยิ้มทั้งน้ำตา ไม่ท้อ(ค่ะ) ไม่ร้องไห้ ... ต้องเข้มแข็ง

@ 4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"
@ "พนัส ทัศนียานนท์" อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มธ.โต้15คำถามของอธิการนาซี และ แถลงการณ์กลุ่มทนายความและนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน
@ ดูกันชัดๆๆๆๆๆ คำพิพากษาศาลฯยกฟ้อง ยึดและควบคุมอำนาจการปกครองแผ่นดิน19ก.ย.2549 แล้วผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง
@ 026 โตไปไม่โกง???
@ 61> เปิดคำวินิจฉัยผู้พิพากษาเสียงส่วนน้อย ปฏิเสธอำนาจคณะรัฐประหาร!!!!!
@ 01 คุณปูครับ...ปรับเปลี่ยนงาน ปชส.ของรัฐบาลและ ศปภ.ได้แล้ว
@ 68> นายกฯปูเฉียบขาด งัดม.31พ.ร.บ.ป้องกันฯยึดอำนาจ กทม.
@ Pictures...Bangkok Underwater 26 October 2011
@ 69> ระหว่าง นายกฯอภิสิทธิ์ กับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ใครควรถูกตำหนิมากกว่ากัน
@ หลังน้ำลด แนะนายกฯปูจัดให้หนัก "เคลียร์บิล" ยกเครื่อง
@ 03 สองเขื่อนยักษ์ ปริศนาลับ! กำจัดปู! บทพิสูจน์น้ำ"หมื่นล้านคิว" มาจากไหน? ใครวางงาน?







ดูคลิปวีดีโอชัดๆ "นายกฯยิ่งลักษณ์" ยิ้มทั้งน้ำตา ไม่ท้อ(ค่ะ) ไม่ร้องไห้ ... ต้องเข้มแข็ง
By: http://www.matichon.co.th/




หลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนหยัดสู้กับมหาวิกฤตน้ำท่วม มากกว่า 1 เดือน ภาพของนายกฯ ผ่านสายตานักข่าว ดูอิดโรยและอ่อนล้า ยิ่งความเสียหายถาโถม ยิ่งทำให้นายกฯเครียดมากขึ้น

คำถามที่มักถามนายกฯก็คือ ท้อไหม!!!

เช่นเดียวกับเหตุการณ์เมื่อเช้าวันที่ 27 ตุลาคม เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมทีมงาน ในหลายประเด็น เริ่มจาก ประเด็นไฟฟ้าที่ท่าอากาศยานดอนเมืองดับ ภายหลังมีน้ำเอ่อเข้าไปยังหม้อแปลง

นายกฯ ตอบว่า ยังไม่คิดเรื่องย้าย ศปภ. จะพิจารณาเป็นเรื่องหลังสุด เพราะยังมีหน้าที่ต้องทำอยู่ กรณีหม้อแปลงไฟฟ้าดับเป็นเรื่องปกติเพราะอาจมีน้ำเข้าไปบ้าง แต่เชื่อว่าภายในวันนี้ (27 ต.ค.) เจ้าหน้าที่จะซ่อมสำเร็จ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย ขอดูแลประชาชนให้เรียบร้อยก่อน เพราะหาก ศปภ.ไปย้ายก่อนตนจะไม่สบายใจ

เมื่อถามว่าแปลว่าย้ายผู้อพยพเสร็จอาจจะย้าย ศปภ. น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องดูอีกทีโดยประเมินเรื่องการเดินทางของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนได้สั่งการให้ตำรวจไปดูเรื่องจุดจอดรถรวมถึงสถานที่พักใกล้เคียง ตนไม่อยากให้เกิดลักษณะเป็นการตื่นแล้วรีบย้ายสถานที่เพราะ ศปภ.ได้เซ็ตระบบต่างๆไว้ จึงไม่อยากให้เกิดการติดขัด

รับกรุงเทพฯวิกฤตแล้ว

เมื่อถามว่า รมว.กลาโหมเสนอให้ย้ายไปที่สโมสรกองทัพบกถนนวิภาวดีรังสิตแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตัวตึกที่โน่นก็อยู่ได้ที่นี่ก็อยู่ได้ แต่ตนเป็นห่วงเรื่องการเดินทาง ที่ รมว.กลาโหมเสนอก็เป็นสถานที่ที่ดีแต่สุดท้ายก็จะเจอน้ำเหมือนกันจึงไม่ต่างจากที่นี่ แต่ยืนยันว่าไม่ไปที่ จ.ชลบุรี ที่ไปมีแต่ศูนย์พักพิง

เมื่อถามว่า กทม.เข้าสู่ขั้นวิกฤตจริงๆแล้วใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นอย่างนั้น เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำคือการฝืนธรรมชาติของน้ำ ต้องสู้กับทั้งน้ำ คันกั้นน้ำ และมวลชน ซึ่งต้องขอความเห็นใจ เพราะไม่อยากใช้กฎหมายกับมวลชน และทุกคนก็ทรมานด้วยกัน ควรจะมาช่วยกันทำให้น้ำไหลลงทะเลให้เร็วที่สุด ที่ผ่านมา รัฐบาลก็พยายามหลายวิธี อย่างวันนี้ (27 ต.ค.) ก็มีการนำเข้ากระสอบทรายความยาว 1 กิโลเมตร แต่ยอมรับว่ามีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้มาก

จมน้ำสูง/ต่ำไม่เท่ากัน-คาดแช่เป็นเดือน

เมื่อถามว่ายอมรับน้ำท่วมจะทุกพื้นที่ใน กทม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงจะใช่แต่ระดับน้ำจะสูง-ต่ำไม่เท่ากัน ที่อยู่ใกล้เครื่องระบายน้ำคงจะไม่นานคงจะสูบออกได้ ปัญหาคือน้ำไม่ได้ไหลลงคลองมากพอจึงต้องใช้เครื่องผลักดันน้ำช่วย วันนี้การระบายน้ำทางตะวันออกทำได้ดีขึ้นเยอะ แล้วน้ำก็เริ่มลงคลองแสนแสบแล้ว เมื่อถามว่าประเมินว่าจะท่วม กทม.นานเท่าใด น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “บางพื้นที่อาจจะเป็นเดือน บางพื้นที่อาจจะเร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่กับเครื่องสูบน้ำ ซึ่งระบบสูบน้ำจะต้องหารือกับ กทม.ในการเร่งระบายน้ำ ขอกราบเรียนประชาชนว่า เราต้องขอกำลังใจให้กันและกัน เพราะเจ้าหน้าที่สู้กับน้ำมาหลายเดือนแล้ว และปัญหาเรื่องการควบคุมบางครั้งไม่ได้มีปัจจัยจาก ศปภ.ทั้งหมด ดิฉันก็เห็นใจทุกคนโดยเฉพาะ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมในฐานะผู้อำนวยการ ศปภ.ที่ทำงานจนแทบไม่ได้นอน”

วอนชาวบ้านอย่าลุกฮือ แจงทำดีสุดแล้ว

เมื่อถามว่ากลัวคนไม่พอใจการทำงาน ศปภ.จนลุกฮือขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า อยากจะขอความเห็นใจ เพราะ ศปภ.มีเจ้าหน้าที่น้อย บางคนยังไปเป็นผู้ประสบภัย ศปภ.เกิดขึ้นอย่างฉุกละหุกเพราะประชุมวันเดียวแล้วก็จัดตั้งเลย ทั้งที่ศูนย์ลักษณะนี้ควรจะใช้เวลาจัดตั้งเป็นเดือน ที่สำคัญยังเป็นการนำหน่วยงานต่างๆมาร่วมกันทำงานอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน แน่นอนว่าความเข้าใจไม่ตรงกันจะต้องมี ที่สำคัญมีอยู่ศูนย์เดียวแต่ต้องทำทั้งป้องกัน ดูแล และฟื้นฟูด้วย จึงอยากขอความเห็นใจด้วย

เมื่อถามว่าการเตรียมตั้งศูนย์อพยพในจังหวัดใกล้เคียงไว้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า มีทั้งใน จ.ลพบุรี ที่รองรับได้ 5 พันคน รวมถึง จ.ชลบุรีและอีกหลายจังหวัด ศูนย์พร้อม แต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ เพราะศูนย์ใกล้ กทม.มีคนใช้หมดแล้ว จึงขอความกรุณาให้ประชาชนที่มีภูมิลำเนาต่างจังหวัด ไปใช้ศูนย์ต่างจังหวัด

ยันยังดูแลคนอีสานอยู่ ไม่ได้ทอดทิ้ง

เมื่อถามว่านักวิชาการเสนอให้ใช้ถนนวิภาวดีรังสิตเป็นทางผ่านของน้ำไปลงอุโมงค์ยักษ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า กทม.เคยหารือถึงเรื่องนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะช่วยได้ เพราะเวลานี้สิ่งที่ ศปภ.และ กทม.จะทำร่วมกันคือระบายน้ำไปยังฝั่งตะวันออก ส่วนฝั่งตะวันตกก็พยายามอยู่แต่น้ำยังไปยากอยู่ คงจะเป็น 2 ทางที่ทำ

เมื่อถามว่าหลายพื้นที่ในภาคอีสานประสบปัญหาน้ำท่วมเช่นกันจะทำอย่างไรให้รู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งดูแลเฉพาะ กทม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เวลานี้รัฐบาลกำลังป้องกันน้ำ แต่ตนจะบอกตลอดว่า อย่าลืมคนต่างจังหวัดอีก 3 ล้านคนที่ประสบภัยน้ำท่วมเช่นกัน ทั้งพื้นที่ที่น้ำลดแล้วก็เร่งฟื้นฟู ส่วนพื้นที่ที่น้ำท่วมขังแล้วให้เร่งดูแล ประชาชนที่อยู่ตามบ้านอาจจะไม่สะดวกเหมือนเดิม เรื่องสินค้าที่จะให้กลับมาขายก็จะมีเฉพาะสินค้าที่จำเป็น สินค้าอื่นๆอาจจะไม่มีขายเหมือนเดิม เพราะยังติดอยู่ในศูนย์กระจายสินค้าที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

น้ำตาคลอ-ย้ำ2หน “ไม่ท้อค่ะ”

เมื่อถามว่าอยากจะบอกประชาชนถึงความอัดอั้นในใจอะไรหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์น้ำตาซึมออกมาพร้อมกระพริบตาถี่ๆ ก่อนกล่าวว่า “ก็...เราเอง กราบเรียนพี่น้องประชาชนว่า เรามีเจตนาดี (เสียงสั่นเครือ) และมีความตั้งใจ (เงียบไปพักหนึ่ง) ไม่ท้อค่ะ!”

เมื่อถามว่านายกฯร้องไห้บ่อยแค่ไหนตั้งแต่เกิดวิกฤตน้ำท่วม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ไม่ได้ร้องไห้เลย ที่มีภาพออกมาเป็นจังหวะ แต่ไม่เคยร้องไห้ เพราะตนอยู่ตรงนี้ ต้องเข้มแข็ง ยืนยิ้มรับไม่ท้อค่ะ” (เสียงดัง) เมื่อถามว่ายิ้มทั้งน้ำตา น.ส.ยิ่งลักษณ์หัวเราะ

เมื่อถามว่าในช่วงวิกฤตของจริงจะมีมาตรการพิเศษอะไรออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังตอบเสียงสั่นว่า การป้องกันคงทำได้ยาก เพราะเพื่อนบ้านทั้งกัมพูชา เวียดนาม ลาว ก็เจอเหมือนเราหมด เท่าที่คุยกับต่างชาติก็ยอมรับว่าเป็นภัยธรรมชาติที่ยากจะควบคุมได้ มาตรการที่รัฐบาลจะออกคงเป็นเรื่องการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน ตั้งแต่คุยว่าจะใช้เครื่องสูบน้ำเท่าไร เพราะการกู้นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องใช้เป็นพันตัวซึ่งในประเทศมีไม่พอจำเป็นต้องนำเข้า อย่างที่จีนก็ยังหายากแล้ว จึงต้องสั่งไว้ล่วงหน้า นี่คือตัวอย่างในการเตรียมแผนฟื้นฟูล่วงหน้า

Comment...
By: Thanawut

ท่านนายกฯปูครับ อย่าท้อ...จงเข้มแข็งและยืนหยัดยิ้มสู้...ยิ้มรับกับภัยกับปัญหาที่เกิดขึ้น...เก็บน้ำตาไว้ให้มันไหลกลับลงไป อย่าให้มันไหลลงมาอาบแก้ม ให้เป็นที่เยาะเย้ยถากถางของคนจำพวกที่ดีแต่พูดทำงานด้วยลมปากไปวันๆหางานที่สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้เลย

เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความวิบัติฉิบหายให้กับประชาชนและประเทศชาติครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นแค่ภัยที่เกิดจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่มันเกิดจากการวางแผนเป็นลำดับขั้นตอนทั้งกักทั้งกั้นทั้งกันจากฝีมือเศษเดนมนุษย์บางตัวบางพวกรวมหัวกันซ้ำเติม

ท่านนายกฯปูคงจะทราบแล้วนะครับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำตั้งแต่เขื่อนประตูเขื่อนจนถึงประตูน้ำต่างๆ มีอะไรเกิดขึ้น ติดขัดตรงไหนอย่างไร ก็เก็บเอามาคิดเอามาแก้ไขลำดับวางแผนให้รัดกุมและควบคุมอย่าให้มันเกิดขึ้นมาได้อีก ติดขัดตรงไหนถ้าที่คนก็แก้ที่คน ถ้าที่กฎหมายก็ต้องแก้ที่กฎหมาย ให้มันเด็ดขาดไปเลย

ต้องมีมาตรการเข้มงวด พอถึงหน้าฝนประตูน้ำทุกประตูของ กทม.ต้องเปิดรับน้ำและปล่อยน้ำไหลผ่านคลองต่างๆใน กทม.เพื่อให้ไหลลงทะเล เขื่อนต้องเป็นเขื่อนหน้าฝนต้องเก็บกักน้ำและรักษาระดับพร่องน้ำในเขื่อนให้พอเหมาะพอสม หน้าแล้งก็ต้องปล่อยน้ำออกมาให้ชาวบ้านได้ใช้ได้กินให้ชาวนาได้ทำนาปีละ 2 ครั้ง ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่หน้าแล้งไม่ยอมปล่อยน้ำเก็บกักเอาไว้พอหน้าฝนก็เฮโลปล่อยน้ำออกมาท่วมบ้านท่วมเมืองจนฉิบหายกันไปทั่ว

เป็นกำลังใจและเอาใจช่วยครับท่านนายกฯปู และอย่าลืมว่าท่านเป็นนายกฯที่มาจากประชาชนที่เลือกท่าน 16 ล้านเสียง ทั้งหมดนี้จะเป็นปราการหินผนังทองแดงกำแพงเหล็กและเป็นกำลังใจเอาใจช่วยให้ท่านนายกฯปูฟันฝ่าอุปสรรคในเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ด้วยดีครับ






ท่านนายกฯปูครับ จากคลิปนี้ดูตัวอย่างสะพานน้ำยกระดับข้ามถนนสุขุมวิทระบายน้ำจากสนามบินสุวรรณภูมิลงทะเลที่บางปู ประเทศไทยควรจะสร้างสะพานสำหรับส่งน้ำลงทะเลได้แล้ว

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

76 อิอิ...มาแล้วๆ ของฝากที่ใครๆไม่อยากได้

@ 4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"
@ "พนัส ทัศนียานนท์" อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มธ.โต้15คำถามของอธิการนาซี และ แถลงการณ์กลุ่มทนายความและนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน
@ ดูกันชัดๆๆๆๆๆ คำพิพากษาศาลฯยกฟ้อง ยึดและควบคุมอำนาจการปกครองแผ่นดิน19ก.ย.2549 แล้วผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง
@ 026 โตไปไม่โกง???
@ 61> เปิดคำวินิจฉัยผู้พิพากษาเสียงส่วนน้อย ปฏิเสธอำนาจคณะรัฐประหาร!!!!!
@ 01 คุณปูครับ...ปรับเปลี่ยนงาน ปชส.ของรัฐบาลและ ศปภ.ได้แล้ว
@ 68> นายกฯปูเฉียบขาด งัดม.31พ.ร.บ.ป้องกันฯยึดอำนาจ กทม.
@ 02 ไอ้ชาติห-มาตัวไหนใส่ร้ายนายกฯปู มานี่มาดูให้เต็มตา...
@ Pictures...Bangkok Underwater 26 October 2011






อิอิ...มาแล้วๆ ของฝากที่ใครๆไม่อยากได้
By: ธนวุฒิ ดุษฎีปัญจพร

นับจากวันแรกที่ออกมาลืมตาดูโลก จากเด็กทารกนอนดิ้นกระแด่วๆจนพลิกคว่ำคืบคลานยืดตัวลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินวิ่ง ผ่านวัยเด็กวัยหนุ่มวัยฉกรรจ์จนถึงวัยเกษียณ ผ่านแล้งผ่านฝนผ่านร้อนผ่านหนาว เฮ้อ!!...คิดหวนย้อนกลับไปใจมันหายแว้บ มันเหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวันวานนี่เอง แป๊บเดียวจริงๆวัยทองก็มาเยือน 64 ปีเข้าไปแล้ว และชีวิตนี้ไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองจะได้รับเกียรติให้ดำรงตำแหน่งราษฎรเต็มขั้น รับเงินเดือนเบี้ยยังชีพจากรัฐบาลเดือนละ 500 บาท ซึ่ง รบ.คุณปูจะเพิ่มให้เป็นเดือนละ 600 นี่คือของฝากที่เต็มใจอยากได้...อิอิ

แต่ของฝากที่ไม่อยากจะได้นี่สิมันแสบทรวงนัก ในวัยทองวัยชราผมได้รับของฝากที่ไม่อยากได้ 4-5 โรคแล้วครับ

เริ่มจากดวงตาทั้ง 2 ข้างเป็นโรคต้อหินและโรคต้อกระจก ดวงตาข้างซ้ายคุณหมออุดม ภู่วโรดม แผนกตา รพ.นพรัตนฯ ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาให้แล้ว เหลือแต่ดวงตาข้างขวาคุณหมอรุจยา ด่านอุตรา เฝ้าดูอาการอยู่ ถ้าไม่ไหวก็ต้องผ่าตัดกันอีก (คุณหมอรุจยารักษาต่อจากคุณหมออุดมซึ่งท่านย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันพยาธิวิทยา) ทุกวันนี้ผมต้องใช้ยา Timodrop Eye Solution 0.5% หยอดตาทุกเช้า-เย็นเพื่อปรับความดันลูกตาทั้งซ้าย-ขวา 2 ข้าง

โรคความดันโลหิตสูง คุณหมอวศินี ปิยะดำรงตระกูล ศูนย์บริการสาธารณสุข 45 ร่มเกล้า ให้ผมกินยาทุกๆวันตลอดชีวิต ยา Propranolol 10 mg. หลังอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด, ยา Hydrochlorothiazide 25 mg. หลังอาหารเช้า 1 เม็ด และยา Simvastatin 10 mg. ก่อนนอนอีก 1 เม็ด ล่าสุดวันที่ 12ต.ค.54 ความดันโลหิตของผมอยู่ที่ 125/83 ชีพจร 74 ผ่านไปได้สบายๆ

มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจะเล่าแถมให้ฟัง(อ่าน) ผมมีเพื่อนเป็นคุณหมอตอนนี้ปลดเกษียณไม่ได้รักษาคนไข้แล้ว เพื่อนคนนี้บอกว่ายากินหลังอาหารนี่ให้กินก่อนกินข้าวได้เลยไม่มีอันตรายใดๆ ที่ระบุไว้อย่างนั้นเพราะคุณหมอกลัวว่าคนไข้จะลืมกินยานั่นเอง แล้วอีกเรื่องนึงสำหรับคนไข้ที่คุณหมอห้ามกินไอ้นั่นห้ามกินไอ้นี่ เพื่อนคนนี้บอกว่าให้กินให้หมดทุกอย่างที่คุณหมอสั่งห้าม สั่งห้ามกินอะไรก็กินไอ้ที่สั่งห้ามนั่นแหละกินให้หมดกินทุกอย่างที่คุณหมอสั่งห้ามเลย แต่มีข้อแม้อย่ากินบ่อยและต้องกินน้อยๆอย่ากินเข้าไปมาก กินพอรู้รสพอหายอยากก็พอ เพราะทุกวันนี้เราหรือทุกๆคนส่วนมากจะกินอาหารจานด่วนตามสั่ง กินข้าวผัดกุ้งปลาหมึกก็มีกุ้ง 2-3 ตัวปลาหมึกตัวเล็กๆ 1 ตัวเท่านั้นไม่มากมายกินเข้าไปเถอะไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่ถ้ากินต้มยำกุ้งต้มยำปลาหมึกเป็นหม้อๆนั่นแหละความดันโลหิตพุ่งปรี๊ดเลยอันตรายๆ

แล้วเพื่อนคนนี้ก็อธิบายเพิ่มเติมว่า ตัวเราเองบรรพบุรุษพ่อแม่ของเราสอนให้เรากินให้เรารับโปรตีนจากเนื้อสัตว์น้ำเนื้อสัตว์บกมาตั้งแต่เกิด ร่างกายของเราก็ปรับให้รับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ถ้าเราไม่กินไม่รับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ร่างกายจะเอาโปรตีนมาซ่อมแซมส่วนสึกหรอได้จากที่ไหน แต่ถ้าบรรพบุรุษพ่อแม่ของเราสอนให้เรากินให้เรารับโปรตีนจากพืชมาตั้งแต่เกิด ร่างกายของเราก็ปรับให้รับโปรตีนจากพืชด้วยเช่นกัน เพื่อนคนนี้บอกต่อไปว่าเพราะเป็นเพื่อนสนิทกันจึงบอกให้รู้ แต่จะให้บอกคนไข้ทั่วๆไปไม่ได้ เพราะมนุษย์เรามีระดับความรู้ความเข้าใจต่างกัน กลัวว่าจะเข้าใจผิดว่าที่สั่งห้ามไม่ให้กินน่ะให้กินให้หมดได้อย่างนั้นคุณหมอก็เสียคนนะสิ ทุกวันนี้ตัวผมเองก็กินทุกอย่างที่คุณหมอสั่งห้ามเหมือนกันแต่ไม่กินบ่อยอาทิตย์ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น ถ้ากินก็กินแต่น้อยๆไม่กินมากกินพอรู้รสพอหายอยากและก็กินยาที่คุณหมอให้มาทุกๆวันไม่ขาด ความดันโลหิตของผมจึงอยู่ที่ 125/83 ชีพจร 74 บวกลบ5ขึ้นๆลงๆประมาณนี้แหละครับ

โรคปวดแขนข้างซ้ายอาการเหมือนเป็นตะคริว พอเอี้ยวคอจะเจ็บแขนและชาลงปลายมือ คุณหมอสมบูรณ์ สหจารุพัฒน์ แผนกศัลยกรรมกระดูกฯ รพ.นพรัตนฯ บอกว่ากระดูกต้นคอเสื่อม ต้องทำกายภาพบำบัด และกินยา Gabapentin 100 mg. หลังอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด, ยา Vitamin B1-6-12 หลังอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด, ยา Biocalm 50 mg. หลังอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด, ยา Naproxen 250 mg. หลังอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด และยา Analgesic Balm ทาแขนข้างซ้ายเช้า-เย็น คุณหมอนัดตรวจอีกครั้งวันที่ 11พ.ย.54 และคุณหมอณัฐกานต์ บุญมามณี แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูฯ รพ.นพรัตนฯ นัดตรวจและทำกายภาพบำบัดวันที่ 17,18,20,25,27,31ต.ค.54 และวันที่ 1,3,7,8,10,14,15,16พ.ย.54 ด้วยการประคบคอโดยให้นอนหงายใช้ผ้าขนหนูห่อแผ่นร้อนหนุนคอ, กระตุ้นไหล่แขนที่ปวดด้วยคลื่นไฟฟ้า และนั่งเก้าอี้ดึงคอ

ของฝากที่ไม่อยากได้ล่าสุดก็โรคไซนัสอักเสบ มีน้ำมูกอัดแน่นตรงรูจมูกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ต้องอ้าปากหายใจแทน รู้สึกเหม็นกลิ่นผักเน่าๆในจมูก ใบหน้าใต้ขอบตาด้านซ้ายบวมและปวดรอบๆเบ้าตาข้างซ้ายมีน้ำตาไหล คุณหมอสมพงษ์ วาจาจำเริญ แผนกหูคอจมูก รพ.นพรัตนฯ นัดตรวจ 18ต.ค.54 หลังจากตรวจและส่งไปเอกซเรย์จมูกและปากช่องคอ 2 ฟิล์มคุณหมอบอกว่าผมเป็นโรคไซนัสอักเสบที่จมูกข้างซ้าย และสั่งยาให้กิน 3 ขนาน ยา Amoksiklav 1 gm.(875+125) หลังอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด, ยา Maxiphed 60 mg. หลังอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด และยา Loratadine หลังอาหารเช้า ครั้งละ 1 เม็ด คุณหมอนัดตรวจอีกครั้งวันที่ 25 ต.ค.54

คงเป็นกรรมเก่าเน๊อะๆ..ตอนหนุ่มๆแน่นๆไม่เคยป่วยเป็นอะไร พอแก่ตัวลงชีพจรก็ลงเท้าเดินเข้าเดินออกทัศนาจร รพ.เกือบจะทุกวัน ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยา..ยา..ยา..ยา.. สายบ่ายเย็นค่ำมืดดึกดื่นก่อนเข้านอนก็ยา..ยา..ยา..ยา.. ราษฎรเต็มขั้นรับเงินเดือน 500-600 อย่างเราไม่ต้องคิดไม่ต้องอยากกินอะไรที่อร่อยๆปากกันแล้ว วันๆกินยาเป็นกำมืออิ่มแทนข้าวไปเลย...อิอิ

@ งานนี้...ไม่ใครๆหรือผมเอง ก็ไม่พ้นภาวะเครียด กับมัน!! คลิกที่นี่...

ในคลิปตอนต้นเป็นการวัดความดันโลหิต ตอนท้ายๆเป็นการทำกายภาพบำบัดด้วยการประคบคอโดยให้นอนหงายใช้ผ้าขนหนูห่อแผ่นร้อนหนุนคอ, กระตุ้นไหล่แขนที่ปวดด้วยคลื่นไฟฟ้า และนั่งเก้าอี้ดึงคอ


วิธีสังเกตอาการมะเร็ง 15 ประเภท
By: HealthHealth

ใครๆก็รู้ว่าโรคมะเร็งถือเป็นโรคร้ายที่ใครๆต่างก็กลัวเกรง มันคร่าชีวิตผู้คนในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก หากเรารู้จักตรวจสอบสุขภาพด้วยตนเองไว้เบื้องต้นอาการของมะเร็งก็จะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงจนถึงชีวิตและทำให้ต้องเสียทรัพย์สินมากมาย

อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่างๆของร่างกายนั้นคุณสามารถสังเกตเห็นได้ ดังต่อไปนี้

1. มะเร็งปากมดลูก อาการมีเลือดออกจากช่องคลอดทั้งๆที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณ อาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นการตรวจโดยขูดเนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้

2. มะเร็งในมดลูก อาการมีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่า มีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง

3. มะเร็งรังไข่ อาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง

4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติ มักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุ และมักจะเกิดร่วมกับอาการปวดตามข้อต่างๆทั่วร่างกาย บางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง

5. มะเร็งปอด อาการมักมีอาการไอบ่อยๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลาย น้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บหน้าอกและหายใจลำบาก หรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

6. มะเร็งตับ อาการปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด

7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ

8. มะเร็งสมอง อาการปวดศีรษะนานๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่าและเห็นแสงเขียวๆแดงๆลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรงหรือการเป็นลมโดยกะทันหัน อวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงาน เช่น มีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราว ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย

9. มะเร็งในช่องปาก อาการมีก้อนบวมอยู่ในปากหรือที่ลิ้นเป็นเวลานาน มีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือก เนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลานาน

10. มะเร็งในลำคอ อาการเสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันที ทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้

11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว อาเจียนออกมาเป็นเลือด ท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยบ่อยรู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้อง หรือรู้สึกตื้อแม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

12. มะเร็งทรวงอก อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวม หรือผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้ บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานาน ควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่า ซีสต์ ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่

13. มะเร็งลำไส้ อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว มีอาการปวดท้องอย่างมาก และระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ

14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้เกิดอาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกาย

15. มะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานาน ตลอดจนไฝหรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้ อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า เมลาโนมา (Melanoma) คือ เนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระ จุดด่างหรือไฝ โดยเฉพาะถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติ

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

75 ไซนัสอักเสบ แตกต่างจาก หวัด อย่างไร

@ 4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"
@ "พนัส ทัศนียานนท์" อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มธ.โต้15คำถามของอธิการนาซี และ แถลงการณ์กลุ่มทนายความและนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน
@ ดูกันชัดๆๆๆๆๆ คำพิพากษาศาลฯยกฟ้อง ยึดและควบคุมอำนาจการปกครองแผ่นดิน19ก.ย.2549 แล้วผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง
@ 026 โตไปไม่โกง???
@ 61> เปิดคำวินิจฉัยผู้พิพากษาเสียงส่วนน้อย ปฏิเสธอำนาจคณะรัฐประหาร!!!!!




ไซนัสอักเสบ แตกต่างจาก หวัด อย่างไร
By: KapookHealth

ฮัดชิ่ว!!!! จามอีกแล้ว ไออีกต่างหาก แถมปวดบริเวณใบหน้าด้วย ดูท่าจะไม่ใช่แค่เป็น "หวัด" ธรรมดาเสียแล้วล่ะมั้ง เกรงว่าจะเป็น "ไซนัสอักเสบ" แล้ว โรคไซนัส ไซนัสอักเสบ เป็นอย่างไรล่ะเนี่ย รักษาได้หรือไม่ ใครที่มีอาการต้องสงสัย ต้องมาอ่านเรื่อง ไซนัสอักเสบ ที่เรานำมาเสนอกันในวันนี้

ไซนัส คืออะไร

มารู้จัก ไซนัส กันก่อนดีกว่า ไซนัส (Sinus) ก็คือโพรงอากาศในกะโหลก ซึ่งเรียกว่า โพรงไซนัส มีทั้งหมด 4 ตำแหน่งเป็นคู่ๆ คือ

บริเวณหน้าผาก ใกล้กับหัวคิ้วทั้ง 2 ข้าง (frontal sinus)

บริเวณหัวตาทั้ง 2 ข้าง (ethmoid sinus)

บริเวณโหนกแก้ม 2 ข้าง (Maxillary sinus)

บริเวณกะโหลกศีรษะ ใกล้ฐานสมอง (sphenoid sinus)

โดยหน้าที่ของ ไซนัส มีส่วนทำให้กะโหลกศีรษะเบาขึ้น เวลาพูดมีเสียงก้องกังวานขึ้น (เพราะเป็นโพรงอากาศ) และเยื่อบุของไซนัสและจมูก จะผลิตน้ำมูกเมือกใสๆวันละ 0.5-1 ลิตร เพื่อดักจับฝุ่นละออง และสิ่งแปลกปลอมต่างๆในอากาศที่เราหายใจเข้าไป และเยื่อบุเหล่านี้จะมีขนเล็กๆพัดน้ำมูกลงไปด้านหลังของจมูก ผ่านช่องคอ ก่อนกลืนลงไปสู่กระเพาะอาหาร และจะถูกกรดในกระเพาะทำลายเชื้อโรคให้หมดไป

แล้ว ไซนัสอักเสบ ล่ะเกิดจากอะไร

ไซนัสอักเสบ (Sinusitis) จะเกิดขึ้นเมื่อจมูกมีการติดเชื้อ มีการอักเสบ อาจเป็นเพราะอาการหวัด เป็นภูมิแพ้ มีสารระคายเคือง มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในจมูก รวมทั้งการมีฟันกรามผุถึงโพรงรากฟัน การเป็นโรคหัด และเกิดอุบัติเหตุที่กระดูกบนใบหน้า จึงทำให้ท่อที่ติดต่อระหว่างโพรงไซนัส และจมูก เกิดอาการบวมแล้วตีบตัน จนมีน้ำเมือกในโพรงจมูกคั่งค้างอยู่ เมื่อมูกภายในสะสมมากขึ้นจะมีความหนืด และมีสภาพความเป็นกรด ทำให้เชื้อโรคเข้าไปเจริญเติบโตได้ดี จนกลายเป็นภาวะโพรงจมูกอักเสบ หรือ ไซนัสอักเสบ นั่นเอง

อาการของ ไซนัสอักเสบ

โรคไซนัสอักเสบ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

1. ไซนัสอักเสบ แบบเฉียบพลัน คือไซนัสอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัส สามารถหายได้ภายใน 7 วัน อาการทั่วไปจะเหมือนไข้หวัด มีไข้ เมื่อเชื้อลุกลามเข้าสู่ไซนัสก็จะมีอาการปวดจมูก ปวดกระบอกตา หรือแก้มข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง น้ำมูกและเสมหะจะมีสีเหลืองอมเขียวมากขึ้น อาจปวดกระดูกขากรรไกรบน หรือปวดฟันบนด้วย โอกาสที่การติดเชื้อจะลุกลามมีสูง จึงควรรักษาอย่างจริงจัง เพื่อลดโอกาสที่จะกลายเป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง

2. ไซนัสอักเสบ เรื้อรัง คือไซนัสอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มีอาการมากกว่า 10 วัน และในช่วงที่เป็นนั้น อาการต่างๆไม่มีช่วงที่หายสนิท จะมีอาการปวดตื้อๆ มึนงง ร่วมกับคัดจมูกเรื้อรัง มีเสมหะเหนียวในลำคอตลอดวัน เพราะมูกจากไซนัสไหลลงมาทางจมูกนั่นเอง ประสิทธิภาพในการดมกลิ่น รับกลิ่นของจมูกจะลดลง และลมหายใจมีกลิ่นเหม็น

สาเหตุที่ไซนัสอักเสบเรื้อรัง เป็นผลจากผู้ป่วยได้รับการรักษาไซนัสอักเสบระยะเฉียบพลันในเวลาที่น้อย หรือสั้นเกินไป หรือไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง หรือมีภาวะผิดปกติเป็นปัจจัยร่วมด้วย เช่น จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ พักผ่อนไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ เป็นต้น

กลุ่มเสี่ยง ไซนัสอักเสบ

ไม่ว่าใครก็สามารถเป็น ไซนัสอักเสบ ได้แม้แต่เด็กแรกเกิด แต่กลุ่มที่มีความเสี่ยงเป็น ไซนัสอักเสบ ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป คือ

1. คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูก เพราะเมื่อเกิดอาการแพ้จะเหมือนคนเป็นหวัด เยื่อบุจมูกจะบวม รูเปิด ไซนัสจะตีบตันทำให้เกิดการอักเสบในไซนัสได้

2. คนที่มีความผิดปกติของช่องจมูก เช่น ผนังกั้นระหว่างช่องจมูกคด ทำให้ช่องจมูกแคบกว่าปกติเกิดอาการแน่นคัดจมูก และขัดขวางการไหลเวียนตามปกติของน้ำมูก ที่จะไปทางด้านหลังทำให้มีโอกาสเกิด การอักเสบติดเชื้อง่ายขึ้น

3. คนที่สูบบุหรี่และคนที่อยู่ในเขตมลภาวะเป็นพิษ จะมีผลทำให้ภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อลดลง มีโอกาสเป็นไซนัสอักเสบมากขึ้น

4. มีคนกล่าวถึงการว่ายน้ำสระที่ใส่น้ำยาคลอรีน หรือฆ่าเชื้อด้วยโอโซนอาจทำให้มีโอกาสเป็นไซนัสอักเสบเกิดขึ้น เพราะว่ามีการระคายเคืองของเยื่อบุเกิดขึ้น

การวินิจฉัยโรค เป็นหวัด หรือ ไซนัสอักเสบ

อาการต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับไข้หวัดธรรมดา เช่น อาการไข้ ปวดเมื่อย เจ็บคอ มักจะหายภายใน 7-10 วัน ส่วนอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ อาจเป็นต่อเนื่องถึง 2-3 สัปดาห์ แต่ความรุนแรงจะลดลง จนหายได้ในที่สุด

แต่ถ้าผ่านไป 10 วันแล้วอาการต่างๆของไข้หวัด เช่น เป็นไข้หวัด ไอถี่ โดยเฉพาะเวลากลางคืนไม่ดีขึ้นเลย หรือดีขึ้นแล้วกลับมาทรุดลง หรือเป็นซ้ำอีก ที่สำคัญคือปวดบริเวณหน้า ลักษณะเช่นนี้อาจเป็นไซนัสอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียตามมาได้ ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการคัดแน่นจมูก น้ำมูกไหลลงรูจมูก หรือไหลลงคอ หรืออาจปวดตื้อด้านข้างจมูก ใบหน้า ตามมา

หากมีอาการเช่นนี้ แพทย์จะตรวจโพรงจมูกและไซนัส โดยใช้กล้องส่องตรวจพิเศษ เพื่อวินิจฉัยอาการ โดยอาการแสดงจำเพราะว่าเกิดไซนัสอักเสบคือ พบมูกหนองที่บริเวณช่องข้างจมูกชั้นกลาง ซึ่งเป็นทางระบายมูกจากโพรงไซนัสเข้ามาสู่ช่องจมูก และในผู้ป่วยบางราย แพทย์อาจเก็บมูกหนองไปเพราะเชื้อตรวจ

นอกจากนี้ แพทย์อาจพิจารณาตรวจทางรังสีวิทยาร่วมด้วย โดยการเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) เพราะจะสามารถบอกรายละเอียดของโรค และโครงสร้างทางกายวิภาคโพรงจมูกและไซนัสได้เป็นอย่างดี และสามารถใช้วินิจฉัยแยกจากโรคอื่น ที่มีลักษณะอาการคล้ายกับไซนัสอักเสบได้ด้วย

โรคแทรกซ้อนของ ไซนัสอักเสบ

ไซนัสอักเสบ ปกติไม่อันตรายมาก เพียงแค่กินยาก็หาย แต่โรคแทรกซ้อนที่อาจพบได้บ้างก็คือ

1. การติดเชื้อที่อาจลุกลามเข้าไปในกระบอกตา ซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อรอบๆตาอักเสบและเกิดเป็นฝีรอบตา (Periorbital abcess) มักพบในเด็ก หรือคนชรา ความรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้เลยทีเดียว โดยจะพบว่า มีอาการตาบวมข้างเดียว แดงรอบๆ และในลูกตา หนังตาบวมกดเจ็บ ลูกตาโปน สามารถรักษาได้โดยการฉีดยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม และการผ่าตัด

2. โรคแทรกซ้อนขึ้นสมอง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฝีใต้เยื่อหุ้มสมอง ซึ่งมักพบในเด็ก หรือคนชรา ที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ทำให้เกิดภาวะติดเชื้อรุนแรงที่ทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน

3.ริดสีดวงจมูก คือ ก้อนในจมูกที่เกิดจากภาวะไซนัสอักเสบเรื้อรัง หรือเกิดจากภูมิแพ้ ไม่ลุกลามไปที่อื่น แต่เบียดกระดูก หากทานยาแก้แพ้จะทำให้ยุบลงได้บ้าง การรักษาทำได้ด้วยการผ่าตัด

แต่อาการแทรกซ้อนเหล่านี้พบได้ไม่บ่อยนัก ในรายที่มีอาการเรื้อรังอาจจะมีความสัมพันธ์กับโรคทางปอด หลอดลมอักเสบ ไอเรื้อรัง หอบหืด และหูชั้นกลางอักเสบได้

การรักษา โรคไซนัส อักเสบ

มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งเมื่อเป็นไซนัสอักเสบที่เกิดจากไวรัส แจะสามารถหายเองได้ไม่เกิน 7 วัน ด้วยการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี คือ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ อยู่ในสถานที่มีอากาศถ่ายเทดี ออกกำลังกายตามความเหมาะสม ทานอาหารที่มีประโยชน์ ร่วมกับทานยาตามอาการ โดยการรักษาโรคไซนัสอักเสบ จะแบ่งเป็นการรักษาแบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรัง คือ

การรักษาไซนัสอักเสบเฉียบพลัน รักษาโดย

ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งควรได้รับอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 10-14 วัน

ยาพ่นจมูกชนิดสเตียรอยด์ ควรใช้ควบคู่ไปกับยาปฏิชีวนะ

ยาลดการบวม มีทั้งชนิดรับประทานและชนิดพ่นหรือหยอดจมูก ช่วยบรรเทาอาการคัดแน่นจมูก ไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 3-5 วัน

ยาต้านฮิสตามีนหรือยาแก้แพ้ มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ทั้งที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการง่วงและไม่ง่วง

การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เป็นการรักษาอีกวิธีหนึ่งที่ทำได้ง่าย และช่วยให้อาการทางไซนัสดีขึ้น ลดความหนืดของน้ำมูก และช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์ชนิดมีขนอ่อนไว้พัดโบกในโพรงจมูกและไซนัส

การสูดดมไอน้ำร้อน

การรักษาไซนัสอักเสบเรื้อรัง

หากใช้การรักษาด้วยยาไม่ได้ผล หรือมีการอักเสบเป็นซ้ำหลายๆครั้ง รวมถึงรายที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการอักเสบเฉียบพลันทั้งต่อทางตา,สมองและ กระดูกที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แพทย์อาจพิจารณาใช้การผ่าตัดผ่านกล้องเอนโดสโคปเข้าช่วย เช่น การเจาะล้างไซนัส เพื่อล้างมูกหนองที่คั่งอยู่ในท่อออกไป หรือการผ่าตัดขยายรูเปิดของไซนัส

ปัจจุบันการตรวจรักษา และการผ่าตัดมีความปลอดภัยสูงมาก และมีประสิทธิภาพ ยังคงรักษาสภาพโครงสร้างหลักที่สำคัญของช่องจมูกไว้ได้ในสภาพปกติดังเดิม อีกทั้งผู้ป่วยก็เสียเลือดไม่มาก และฟื้นตัวได้เร็ว




วิธีการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือด้วยตัวเอง

1. หาซื้อน้ำเกลือ หรืออาจผสมขึ้นเอง โดยใช้น้ำสะอาด 750 ซีซี. ผสมกับเกลือสะอาด 1 ช้อนชา หรืออาจใช้ 0.9% normal saline ที่ไม่มีน้ำตาลผสมอยู่

2. เทน้ำเกลือลงในแก้วสะอาด

3. ดูดน้ำเกลือจากแก้วสะอาดเข้าในลูกยาง หรือหลอดฉีดยา (Syringe) ที่ไม่มีเข็ม หรือใส่ในขวดยาพ่นจมูก

4. พ่นน้ำเกลือจากลูกยาง หรือหลอดฉีดยาเข้าในจมูกข้างใดข้างหนึ่ง ในท่าก้มหน้า กลั้นหายใจในระหว่างฉีดน้ำเกลือเข้าสู่จมูก อ้าปากเล็กน้อย ค่อยฉีด ๆ เข้าจมูก

5. หายใจออก พร้อมสั่งน้ำมูก หากมีน้ำมูกหรือน้ำเกลือไหลลงคอ ให้กลั้วคอบ้วนทิ้ง ถ้ายังไม่โล่งก็ทำซ้ำอีกได้จนน้ำมูกหมด

6. ทำซ้ำแบบเดียวกับรูจมูกอีกข้าง

ข้อแนะนำในการดูแลตัวเอง

ผู้ที่เป็นไซนัสอักเสบควรหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้เกิดอาการหวัด ภูมิแพ้ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ป่วยเป็นไซนัสอักเสบ มักเกิดมาจากโรคภูมิแพ้ของจมูก ดังนั้นหากรู้ว่า อะไรเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ ก็ควรหลีกเลี่ยง

ควรงดว่ายน้ำ ดำน้ำ ขึ้นเครื่องบิน ประมาณ 2 สัปดาห์ ในช่วงที่อาการกำเริบ

ไม่ควรรักษากันเองตามแบบพื้นบ้าน เช่น ใช้สารกรดบางอย่าง หยอดเข้าจมูก (ทำให้มีน้ำมูกไหลออกมามาก เพราะเกิดการระคายเคืองต่อเยื่อจมูก) อาจทำให้เกิดการอักเสบ และจมูกพิการได้

หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ

ดื่มน้ำมาก พักผ่อนให้เพียงพอ อยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเท

การป้องกัน โรคไซนัสอักเสบ

โดยทั่วไปคือการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ไม่ให้เป็นหวัด โดยพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ พยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนแออัด หรือบริเวณที่มีฝุ่นควันมากๆ รวมทั้งพยายามรักษาสุขภาพของปากและฟันให้ดี ไม่ให้ฟันผุ และถ้าเป็นหวัดแล้ว ก็รีบรักษาให้หายขาดแต่เนิ่นๆ

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

74 ถ้ากลัวเด็กติดgame ก็ไปถามคนป่าแอฟริกัน หรือว่า พวกเด็กๆใน อูกันดา รวันดา นะครับ เค้าใช้ตั้งแต่ปี 2007 แล้ว

64> ก๊อก ๆ ๆ รมต.ที่ดูแลสื่อของรัฐ ทำอะไรอยู่ ?????
026 โตไปไม่โกง???
4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"
"พนัส ทัศนียานนท์" อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มธ.โต้15คำถามของอธิการนาซี และ แถลงการณ์กลุ่มทนายความและนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน
ดูกันชัดๆๆๆๆๆ คำพิพากษาศาลฯยกฟ้อง ยึดและควบคุมอำนาจการปกครองแผ่นดิน19ก.ย.2549 แล้วผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง


นักเรียนโรงเรียนบ้านสันกำแพง จ.เชียงใหม่ เคยได้รับแจกคอมพิวเตอร์พกพาจากองค์กรการกุศล เมื่อ 3 ปีก่อนตั้งแต่อยู่ชั้น ป.1 ปัจจุบันอยู่ชั้น ป.3 นักเรียนเหล่านี้ ได้ใช้งานทำการบ้าน ส่งคุณครูด้วยคอมพิวเตอร์พกพาอย่างคล่องแคล้ว ส่วนครูผู้ดูแลมองว่า ประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดกับเด็กอย่างแท้จริง อยู่ที่ครูผู้ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด และการออกแบบ กิจกรรมการเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์พกพานี้

แต่ยังไงเด็กๆก็ยังต้องพัฒนากล้ามเนื้อ มือ ตา ซึ่งต้องอาศัยการลงมือปฏิบัติจริง เช่น การวาดภาพ การเขียนหนังสือ เพราะระบบประสาทและร่างกายมนุษย์กับการพัฒนาสมองจะเติบโตสัมพันธ์กัน Tablet PC ก็คือเครื่องมือที่ช่วยเสริมการเรียนรู้ ที่เด็กไทยมีโอกาสที่จะได้รู้จักนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ตั้งแต่เล็กๆ เพื่ออนาคตจะได้รู้จักเอาผลิตผลทางเทคโนโลยีมาพัฒนาตัวเองต่อไป


ถ้ากลัวเด็กติดgame ก็ไปถามคนป่าแอฟริกัน หรือว่า พวกเด็กๆใน อูกันดา รวันดา นะครับ เค้าใช้ตั้งแต่ปี 2007 แล้ว










@ แจก Tablet มันไม่มีประโยชน์!! (นิทานสลิ่มก่อนนอน)